ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 269 โยนนางออกไป!

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 269 โยนนางออกไป! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 269 โยนนางออกไป!

ตอนที่ 269 โยนนางออกไป!

เด็กทั้งสองถูกด่าจนมึนงง เห็นๆ อยู่ว่าหญิงชราวิ่งเข้ามาชนเอง ไฉนจึงกลายเป็นพวกเขาจะชนนางให้ตายไปเสียได้ล่ะ?

แล้วเหตุใดท่านแม่ของพวกเขาจะต้องทำร้ายลูกชายนางตายด้วย? ท่านแม่ของพวกเขาจิตใจดีปานนั้น ไม่มีทางทำร้ายใครแน่นอน!

เฟิงหยางไม่อยากเห็นเจ้านายน้อยของตนถูกด่า แต่เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นหญิงชรา จึงฝืนกลั้นไม่ลงมือ ทว่าสบถด่ากลับ “นังแก่ หยุดพูดหยาบคายซะ!”

ทว่าหญิงชรายิ่งด่ายิ่งดุดันมากขึ้น ถึงขั้นร้องตะโกนขึ้นมา “จะฆ่าคนแล้ว! จะฆ่าคนแล้ว!”

เฟิงหยางกำหมัดแน่นจนเกิดเสียงกรอบแกรบ เด็กทั้งสองเองก็เห็นคนไร้เหตุผลเช่นนี้เป็นครั้งแรก จึงกัดฟันน้ำนมด้วยความโกรธ

ใบหน้าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์พองป่องด้วยความโกรธเหมือนปลาปักเป้าน้อย ก่อนก่นด่าด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว “เจ้าคนแก่นิสัยไม่ดี ไร้เหตุผล แม่ข้าไม่มีทางทำร้ายลูกเจ้า และพวกเราเองก็ไม่ได้จะชนเจ้าด้วย!”

เสียงเล็กเจื้อยแจ้วฟังดูแล้วไม่น่ากลัวเลยสักนิด หญิงชราก็ยิ่งร้องตะโกนอย่างดุเดือดมากขึ้น มันช่างทำให้เด็กน้อยทั้งสองโกรธจริงๆ

ขณะหญิงชรายังคงส่งเสียงโหยหวนเหมือนสุกรที่ถูกฆ่า พลันเสียงควบม้าก็ดังมาจากข้างหลัง ตามมาด้วยเสียงเย็นชาของมู่ฉินเจิน “สถานการณ์แบบนี้ยังไม่ลงมืออีก จะเก็บนางไว้ฉลองปีใหม่หรือไร? เปิ่นหวางคิดว่าเจ้าคงมีชีวิตสงบสุขเกินไป ไม่มีใครจัดการได้แล้วสินะ!”

คำพูดนี้เอ่ยกับเฟิงหยาง คนที่มู่ฉินเจินฝึกออกมานั้น ทำอะไรล้วนมีหลักการ ไม่ว่าจะชาย หญิง เด็กหรือคนแก่ ใครทำผิด จะถูกจัดการอย่างเดียวกันทั้งหมด!

ทว่านับแต่เฟิงหยางติดตามนายน้อยทั้งสอง เขาไม่อยากให้พวกเขาคิดว่าตัวเองโหดร้ายเกินไป ดังนั้นทำอะไรจึงเบาลงเล็กน้อย

เขากุมมือรับคำสั่ง “เป็นข้าน้อยผิดเอง ข้าน้อยจะรีบเก็บกวาดเดี๋ยวนี้!”

เขาเดินไปหาหญิงชรา ด้วยใบหน้าเเคร่งขรึม หญิงชราตกใจกลัวกับสถานการณ์นี้ จึงเอ่ยเสียงสั่นเครือ “ข้า… จะบอกอะไรเจ้าให้ ข้าเป็นคนแก่ หากเจ้า…กล้าทำอะไรข้า ข้าจะไปฟ้องร้องเจ้า!”

“เช่นนั้นเจ้าก็ไปฟ้องเถิด!”

เฟิงหยางเมินเฉยคำขู่ของนาง ก่อนคว้าคอเสื้อนาง หิ้วหญิงชราที่น่ารำคาญโยนไปที่ถนนหน้าประตูตำหนกอ๋องซู่

ส่วนคนรับใช้ที่หญิงชราพามาด้วย ต่างก็หวาดกลัวจนไม่กล้าหายใจแรง และถูกเฟิงหยางเตะกระเด็นออกไปทีละคน

ครั้นเด็กทั้งสองเห็นบิดา ความน้อยใจที่ถูกด่าเมื่อครู่ก็พรั่งพรูออกมา จมูกน้อยแดงปลั่ง ดวงตากลมโตสั่นระริกไปด้วยหยาดน้ำตา

มู่ฉินเจินกระโดดลงมาจากหลังมา และอุ้มเด็กน้อยทั้งสองที่อยู่ในรถม้าคนละข้างไว้ในอ้อมแขน

เด็กอายุหกขวบกว่า รูปร่างไม่เล็ก น้ำหนักก็ไม่เบา ทว่าเขายังคงอุ้มได้อย่างสบายเช่นเดิม เด็กทั้งสองพิงอยู่ในอ้อมแขนเขาก้รู้สึกว่าปลอดภัยเป็นพิเศษ

พวกเขานึกถึงคำพูดที่หญิงชราพูดเมื่อครู่ ก็เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “ท่านพ่อ เหตุใดหญิงชราคนนั้นบอกว่าท่านแม่ทำร้ายลูกชายนางตาย?”

ดวงตามู่ฉินเจินฉายแววเคร่งขรึม หญิงแก่ชั่วคนนั้น แค่โยนออกไปมันยังน้อยไป!

แววถมึงทึงแวบผ่านไปวูบหนึ่ง ก่อนเอ่ยกับเด็กน้อยทั้งสองอย่างอ่อนโยน “เพราะนางจะหลอกเอาเงินจากแม่พวกเจ้า จึงจงใจกุเรื่องขึ้นมา เด็กๆ ไม่ต้องไปเชื่อนะ ”

เด็กน้อยทั้งสองพยักหน้าอย่างเข้าใจ ที่แท้ก็เป็นปีศาจเฒ่ามาหลอกเอาเงินมารดานี่เอง

เมื่อกระจ่างแล้ว พวกเขาก็เงยหน้าถามอีกครั้ง “แล้วท่านแม่ล่ะ? ท่านแม่อยู่บ้านหรือไม่?”

มู่ฉินเจินอุ้มพวกเขาเข้าไปในตำหนัก และกล่าวคำโกหกที่แสนหวาน “เห็ดที่แม่ปลูกงอกออกมามากมาย นางอยากไปดูเสียหน่อย สองวันนี้จึงไม่อยู่บ้าน และให้พ่ออยู่กับลูกๆ”

ลูกทั้งสองก้มหน้าด้วยความผิดหวังเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนเอ่ยด้วยเสียงแผ่ว “ท่านแม่คงกลัวว่าเราจะตามถึงได้ไม่บอกเรา ทว่าเราอายุหกขวบแล้ว การตามไปด้วยเป็นเรื่องของเด็กสามขวบต่างหาก!”

มู่ฉินเจินหยักริมฝีปากยิ้มบางเบา ก่อนเอ่ยกล่อมเสียงเบา “ใช่ พวกลูกๆ โตกันแล้ว ไว้พ่อจะบอกแม่เจ้า ต่อไปจะไปไหนห้ามปิดบังพวกเจ้า ต้องรายงานกับพวกเจ้า ”

ตอนนี้เองเด็กน้อยทั้งสองถึงมีความสุขขึ้นมา ก่อนจะเล่าเรื่องที่มีความสุขในสำนักศึกษาของพวกเขาในวันนี้ให้พ่อฟังเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว

มู่ฉินเจินสั่งคนทั้งตำหนักว่าห้ามบอกเรื่องของเฉียวเยี่ยนให้แก่เด็กทั้งสอง เด็กทั้งสองที่ยังไม่รู้ว่ามารดาเข้าคุกจึงเล่นกันอย่างสนุกสนาน

หลังจากอยู่กินข้าวกับพวกเด็กๆ เสร็จ ก็ดูพวกเขาทำการบ้าน จวบจนฟ้ามืดกล่อมพวกเขานอนแล้ว มู่ฉินเจินก็ออกจากตำหนักไปเพียงลำพัง โดยมุ่งตรงไปยังห้องขังจิงจ้าวฝู

เวลานี้นักโทษส่วนใหญ่หลับกันหมดแล้ว ในห้องขังเงียบสงัดมาก เฉียวเยี่ยนเองซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม หลับตาพูดคุยกับระบบตัวน้อย

มีเจ้าเด็กน้อยอยู่เป็นเพื่อนเช่นนี้ แม้จะอยู่ในคุกหนึ่งวัน ก็ไม่รู้สึกว่าน่าเบื่ออะไร

ครั้นเห็นมู่ฉินเจินมา ผุ้คุมกะดึกรีบเปิดห้องขังทันที เฉียวเยี่ยนได้ยินเสียงก็กลิ้งตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง เมื่อเห็นท่านอ๋องของนาง ก็ประหลาดใจเหลือคณา

“ท่านมาได้อย่างไร? ดึกปานนี้แล้ว ยังไม่นอนอีกหรือ?”

มู่ฉินเจินถือกล่องอาหารหนึ่งกล่อง เป็นอาหารที่นางชอบซึ่งทำโดยคนครัวในตำหนัก

เขาวางกล่องลงบนโต๊ะ และกล่าวพร้อมมองนางอย่างล้อเล่น “อยู่ในห้องว้าเหว่เพียงลำพังเช่นนี้ สามีนอนไม่หลับ”

ผุ้คุมที่เฝ้าอยู่ด้านนอกไม่ไกลนักฝืนตัวเองไม่ให้ไปมองสถานการณ์ในห้องขัง ทว่าหูของตัวเองกลับไม่ยอมฟัง คำพูดทุกคำของมู่ฉินเจินต่างกรูเข้าหูเขา

จุ๊ๆๆ ใครจะคิดว่าท่านอ๋องที่ภายนอกเย็นชา จะหลงตัวเองเช่นนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าภรรยา

เฉียวเยี่ยนมองท่าทางปลิ้นปล้อนของเขานั้น ก่อนเอ่ยอย่างจนใจ “ท่านอ๋อง นี่มันข้างนอก โปรดระวังผลกระทบด้วย”

มู่ฉินเจินไม่สนใจ นำอาหารในกล่องอาหารออกมา “รีบมาชิมเร็ว ยังร้อนๆ อยู่ เป็นของที่เจ้าชอบทั้งนั้นเลย”

เฉียวเยี่ยนลูบท้องน้อยตัวเอง เดิมทีไม่หิวอะไร แต่เมื่อได้กลิ่นหอมของอาหาร ปากก็หิวโหยขึ้นมา

ระบบตัวน้อยก็ได้กลิ่น จึงพลิกตัวลุกขึ้นมานั่งบนเตียงน้อยสีชมพูของนาง แสยะยิ้มพร้อมน้ำลายไหล

[ท่านโฮสต์ ระบบก็อยากกินด้วย!]

“รู้แล้วน่า เจ้าแมวตะกละน้อย”

เฉียวเยี่ยนหยอกล้อนาง ก่อนดึงมู่ฉินเจินมาให้เขาหันหลังให้ห้องขัง เพื่อบังโต๊ะไว้ จากนั้นอาหารแต่ละอย่างบนโต๊ะก็ลดลงไปครึ่งหนึ่งในชั่วพริบตา

มู่ฉินเจินเบิกตากว้างเล็กน้อย แม้จะรู้ว่าเด็กน้อยที่มองไม่เห็นคนนั้นอยากกิน ทว่าก็ควบคุมตัวเองไม่ให้ตกใจไม่ได้

เฉียวเยี่ยนเห็นอาหารพร่องลงไปครึ่งหนึ่งในชั่วพริบตา มุมปากก็กระตุก เจ้าเด็กนี่ไม่กลัวตัวเองถูกตีคว่ำหรือไร

ระบบตัวน้อยกินจนปากเต็มไปด้วยน้ำมัน และยกนิ้วโป้งให้มู่ฉินเจิน

[อร่อยมาก! ขอบคุณพี่มู่คนหล่อ!]

หลังเด็กน้อยกินอย่างมีความสุข เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินก็นั่งลงกินข้าว

มู่ฉินเจินไม่หิว และไม่ค่อยอยากอาหารเท่าใด จึงมองเฉียวเยี่ยนกิน หรือไม่ก็คีบอาหารให้นาง

ทั้งสองกินไปด้วยคุยเรื่องคดีไปด้วย วันนี้เขาไปดูที่เกิดเหตุรวมถึงศพของหวังจงแล้ว คนในจวนสกุลหวังยืนกรานไม่ให้ผ่าชันสูตรศพ ขุนนางชันสูตรก็ไม่มีทางเลือก ตอนนี้คดีจึงชะงักค้างอยู่

เฉียวเยี่ยนเล่าผลลัพธ์ที่ระบบตัวน้อยตรวจสอบวันนี้ให้เขาฟัง หวังจงตายเพราะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ทว่าพิษภายในร่างกายกลับไม่รู้ว่ามาจากไหน จำต้องหาต้นตอของพิษให้เจอก่อน

นางนึกถึงท่าทางแปลกๆ ของฮูหยินหวังจงในวันนี้ ก่อนเล่าความสงสัยของนางให้เขาฟัง “วันนี้ข้าเห็นท่าทางของฮูหยินหวังแล้วรู้สึกแปลกพิกล ไม่แน่นางอาจจะรู้เรื่องราวภายในก็ได้”

มู่ฉินเจินพยักหน้าพร้อมกล่าว “พรุ่งนี้ข้าจะพาคนไปสืบที่จวนสกุลหวัง ดูว่าจะหาต้นตอของพิษได้หรือไม่”

ทั้งสองคุยไปด้วยกินไปด้วย อาหารในจานพร่องลงจนไม่เห็นแล้ว เฉียวเยี่ยนคิดว่าเขามากินข้าวเป็นเพื่อนตัวเองเสร็จก็น่าจะกลับตำหนัก

แต่เขากลับไม่มีทีท่าว่าจะไปเลยแม้แต่เลย แถมยังนั่งลงบนเตียง ราวกับจะนอนด้วยกันกับนาง

เฉียวเยี่ยนมองเตียงน้อยที่สามารถยัดนอนได้เพียงคนเดียวนั้น ก็เอ่ยถามตาโต “ไม่ใช่หรอกมั้ง พี่ชาย ท่านจะนอนกับข้าในคุกหรือ?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ขอให้หาสาเหตุคดีได้เร็วๆ นะคะ กอบกู้ชื่อเสียงเสี่ยวเยี่ยนกลับมาเร็วๆ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด