ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 270 แสดงให้สะใจไปเลย

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 270 แสดงให้สะใจไปเลย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 270 แสดงให้สะใจไปเลย

ตอนที่ 270 แสดงให้สะใจไปเลย

มู่ฉินเจินนั่งลงบนเตียงพลางมองนางอย่างจดจ่อ ในตาเปี่ยมล้นด้วยรอยยิ้ม “ทำไม ไม่ได้รึ?”

เฉียวเยี่ยนปิดใบหน้า หมดปัญญากับท่าทางปลิ้นปล้อนของเขา นี่คือห้องขังนะ มีอย่างที่ไหนมาเยี่ยมคุกและขอพักอยู่ด้วย?

นางกล่าวอย่างมีชั้นเชิง “เตียงนี้เล็กเกินไป คงไม่พอให้เราสองคนนอนหรอก อีกอย่างถ้าพรุ่งนี้เด็กๆ ตื่นขึ้นมาไม่เห็นท่าน…”

มู่ฉินเจินไม่รอให้นางกล่าวจบก็เอ่ยขึ้น “นอนได้สิ เบียดๆ กันหน่อยก็ได้แล้ว และข้าจะกลับไปก่อนรุ่งสาง เด็กๆ ตื่นขึ้นมาต้องเห็นข้าแน่นอน”

ได้ ในเมื่อเขาพูดอย่างนี้แล้ว นางจะปฏิเสธได้อย่างไร?

นาชำเลืองมองผู้คุมที่เฝ้าอยู่ด้านนอก พลางเตรียมใจให้ตัวเองไม่หยุด ทำเหมือนกับว่าไปพักอยู่โรงเตี๊ยม

เตียงเล็กเกินไป ทำให้ทั้งสองกอดกันแนบแน่นโดยไม่เหลือช่องว่างใดๆ

หลังจากวิ่งเต้นไปมาทั้งวัน มู่ฉินเจินก็เหน็ดเหนื่อยยิ่ง เมื่อกอดเฉียวเยี่ยนก็รู้สึกเพียงสบายใจอย่างมาก พลางหลับตาผล็อยหลับไปอย่างช้าๆ

ตรงกันข้ามกับเฉียวเยี่ยน หลังจากอยู่ในห้องขังมานาน ตอนนี้ยังคงกระปรี้กระเป่า ขณะถูกผู้ชายตัวเองกอดไว้ในอ้อมแขน ดวงตาทั้งสองยังลืมโพลง สำรวจใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา

ยิ่งดูนางก็ยิ่งพอใจ และอดหัวเราะโง่ๆ ขึ้นมาไม่ได้ เหตุใดผู้ชายของนางถึงหน้าตาดีปานนี้นะ!

ระบบตัวน้อยที่เตรียมจะเข้านอน ได้ยินเสียงหัวใจของโฮสต์ ก็กลอกตาโตน่ารักอย่างพูดไม่ออก

ช่างเห็นคนรักเป็นดั่งไซซี(1) จริงๆ ซึ่งดวงตาฝ่ายที่เป็นไซซีขณะนี้ยังคงมีขี้ตาเขรอะ ถึงกระนั้นต่อให้ดวงตาทั้งสองของพี่มู่คนหล่อมีก้อนขี้ตาอยู่ โฮสต์ของนางก็น่าจะคิดว่าหล่อเหลาไร้เทียบเทียม

บรรยากาศภายในห้องขังทั้งอบอุ่นทั้งหวานซึ้ง ทว่าพวกผู้คุมที่เฝ้าอยู่นอกห้องขังรู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย

พวกเขามาเข้างานกะกลางคืนมันง่ายนักหรือ? ไม่คิดเลยว่าจะยังยัดอาหารสุนัขให้พวกเขาอีก!

มาเยี่ยมมาส่งอาหารก็ว่าแล้ว ตอนนี้ถึงกับนอนด้วยกันด้วย ห้องขังที่ไหนมีกฎเช่นนี้บ้าง? ไม่สนใจพวกเขาเกินไปแล้ว!

แงๆๆ

พวกเขาก็อยากกลับบ้านไปนอนกอดภรรยาเหมือนกันนะ

ส่วนคนที่ยังไม่มีภรรยาก็ทำได้เพียงนึกถึงแม่นางน้อยผู้เป็นยอดดวงใจ เพื่อปลอบประโลมหัวใจอันบอบช้ำของพวกเขา

นาฬิกาชีวิตของมู่ฉินเจินตรงต่อเวลามาก เมื่อถึงยามเหม่าฟ้ายังไม่ทันสาง เขาก็ลุกขึ้นเตรียมกลับตำหนัก

เฉียวเยี่ยนเองก็ตื่นแล้วเช่นกัน พลางสวมเสื้อผ้าให้เขาอย่างใส่ใจ กำชับอีกสองสามคำ และมอบจูบอรุณสวัสดิ์ให้เขา ก่อนมองดูเขาจากไป

เมื่อเขากลับมาถึงตำหนักอ๋อง เด็กทั้งสองยังไม่ตื่น หลังจากที่เขาผลัดอาภรณ์และล้างหน้าบ้วนปากแล้ว ก็ถึงเวลาเรียกให้พวกเขาตื่น

เด็กทั้งสองลืมตาขึ้นมาก็เห็นบิดาเป็นสิ่งแรก และไม่ได้เสียใจเพราะมารดาไม่อยู่ กลับกันพวกเขาตื่นขึ้นมาอย่างอิ่มเอมมีความสุข หลังกินข้าวเช้าเสร็จก็สะพายกระเป๋าไปสำนักศึกษา

หลังจากที่มู่ฉินเจินส่งเด็กทั้งสองไปแล้ว ก็ไม่ทำตัวว่าง ไปตามสืบคดีต่อ

แม้เรื่องนี้จะมีจิงจ้าวฝูอิ่นรับผิดชอบ กระนั้นหากเขาอยากยื่นมือเข้าไป พวกเขาก็ยุ่งไม่ได้

เขาพาคนไปที่จวนหวังจง ทั่วทุกบริเวณล้วนแขวนแถบแพรขาวไว้เต็ม มีผู้คนมากมายคุกเข่าอยู่หน้าโถงไว้ทุกข์ และมีนักพรตเต๋ากำลังประกอบพิธีกรรม

ฮูหยินของหวังจงพาลูกสาวอายุห้าขวบมาคุกเข่าอยู่หน้าโถงไว้ทุกข์ เผาเงินกระดาษไปด้วยร้องไห้ไปด้วย พวกญาติๆ ที่คุกเข่าอยู่ด้านหลังก็เปล่งเสียงร้องไห้คร่ำครวญออกมาเช่นกัน เพียงแต่ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคนจริงใจกี่คนก็มิอาจรู้ได้

มู่ฉินเจินนึกคำที่เฉียวเยี่ยนพูดกับเขาขึ้นมาได้ จึงมองสำรวจฮูหยินหวังด้วยสายตาคลุมเครือ และเห็นท่าทางเศร้าโศกขมขื่น ใบหน้าซีดเซียว ไม่ได้เสแสร้งเศร้าโศกเสียใจแต่อย่างใด

ส่วนลูกสาวที่อยู่ด้านข้างนางมีรูปร่างผอมแห้งบอบบาง อิงแอบอยู่กับมารดาพลางก้มหน้า ทว่าไม่ได้ร้องไห้ แค่คุกเข่าอย่างเชื่อฟัง

มารดาหวังจงไม่ได้อยู่ที่โถงไว้ทุกข์ ได้ยินคนทั้งจวนพูดว่าเมื่อวานมู่ฉินเจินส่งคนลากนางไปโยนทิ้ง ได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย ตอนนี้ยังล้มหมอนนอนเสื่ออยู่

มู่ฉินเจินยิ้มเย้ยหยัน คาดว่าหญิงแก่นั่นอาจจะยังครุ่นคิดว่าจะรีดไถเงินเขาอย่างไรอยู่

เขานำกำลังคนมา หลังแจ้งทางจวนให้ทราบ ก็สั่งคนค้นหาให้ทั่วทันที ทุกซอกทุกมุมก็ไม่เว้น

การค้นหานั้นค่อนข้างเอิกเกริกมาก ทำให้ทุกคนในจวนตื่นตระหนก แม้แต่หญิงชราที่นอนอยู่บนเตียงก็ลุกขึ้นมา

นางถูกสาวใช้พยุงออกมาจากในห้อง ครั้นเห็นมู่ฉินเจิน นางก็ตัวสั่นเทาครู่หนึ่ง จากนั้นก็ทรุดตัวลง เริ่มใช้กลอุบายเก่าๆ

“ไม่มีความยุติธรรมแล้ว! เมื่อวานทุบตีหญิงชราที่ไม่มีทางสู้อย่างข้าเสร็จยังไม่พอ วันนี้กลับส่งคนมาเยือนถึงบ้าน นี่ต้องการบีบให้คนแก่อย่างข้าตายไปเลยสินะ”

“ลูกเอ๋ย แม่อยู่บนโลกนี้ก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว แม่จะไปอยู่กับเจ้าเดี๋ยวนี้!”

หญิงชรากล่าวพลางทำท่าจะโขกศีรษะกระแทกพื้น สาวใช้ข้างๆ กับคนที่คุกเข่าอยู่หน้าโถงไว้ทุกข์เห็นเช่นนี้ ก็พุ่งเข้ามาห้ามไว้ทันที

“ฮูหยินผู้เฒ่า อย่าเจ้าค่ะ! นายท่านเพิ่งจากไป ท่านห้ามเป็นอะไรไปอีกเด็ดขาด!”

สาวใช้ข้างกายของหญิงชรากอดนางไว้แน่น และเอ่ยโน้มน้าวด้วยคำพูดจริงใจ

ผู้คนรอบๆ ก็แย่งกันโน้มน้าวนาง ด้วยกลัวว่านางจะทำเรื่องโง่ๆ

มู่ฉินเจินมองสิ่งเหล่านี้อย่างเย็นชา เรื่องเช่นนี้เขาเคยเห็นมามากแล้ว

เขาส่งสายตาไปให้เกาจัวหยวนที่อยู่ข้างหลัง เกาจัวหยวนเข้าใจทันที เขาชักกระบี่ออกมาและแหวกฝ่าเข้าไปในกลุ่มคนที่มารุมล้อมรอบหญิงชรา

“หลีกไป! หลีกไป! ใครกล้าเข้ามา ระวังจะโดนบั่นหัวไม่ไว้หน้าใคร!”

กลุ่มคนที่ล้อมรอบอยู่เมื่อครู่ แค่เห็นประกายกระบี่แวววาว ก็ถอยห่างออกไปสามฉือด้วยความตกใจ ทิ้งให้หญิงชรานั่งแน่นิ่งบนพื้นด้วยท่าทางค่อนข้างตกตะลึง

ไฉนไม่โน้มน้าวนางต่อแล้วล่ะ? แบบนี้นางจะแสดงต่อไปได้อย่างไร? นางหาใช่อยากตายจริงๆ เสียหน่อย

เกาจัวหยวนถือกระบี่ด้วยท่าทางดูเหมือนกำลังปกป้องนาง ก่อนเอ่ยด้วยความเป็นห่วง “ท่านแม่เฒ่าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะคุ้มกันท่านเอง ใครหน้าไหนก็มาขวางท่านไม่ได้ เชิญท่านทำต่อไปเลย”

ตอนนี้หญิงชรานิ่งค้างโดยสิ้นเชิง ไฉนเรื่องนี้ถึงไม่เป็นไปตามที่นางคิดล่ะ?

นางโวยวายจะฆ่าตัวตาย ผู้คนรอบๆ ต่างก็โน้มน้าวนาง จากนั้นตำหนักอ๋องซู่ก็ควรใช้เงินมาปิดปากนางเพื่อไกล่เกลี่ยยุติความขัดแย้ง มันควรจะเป็นอย่างนั้นสิ?

เกาจัวหยวนแจ้งอย่างเป็นห่วงต่อ “ท่านคงไม่ได้ลืมว่าเมื่อครู่ทำไปถึงไหนแล้วหรอกหรือ? ไม่ต้องห่วง ข้าช่วยท่านจำอยู่ เมื่อครู่ท่านเอาหัวโขกกระแทกพื้นแล้วบอกว่าอยากตายเพื่อจะไปหาใต้เท้าหวัง ตอนนี้ท่านอ๋องของข้าได้สร้างโอกาสให้ท่านแล้ว ท่านใช้มันได้ตามใจโดยไม่ต้องกังวลใดๆ เลย”

หญิงชราแทบเป็นลมล้มหมดสติ

ทำก็บ้าแล้วสิ นางหาใช่อยากตายจริงเสียหน่อย ท่านอ๋องซู่กับองครักษ์ผู้นี้มีจิตใจอำมหิตเกินไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะคิดบีบให้นางตายจริงๆ นางไม่มีทางทำให้พวกเขาสมหวังหรอก!

ดวงตาขุ่นมัวของนางมีประกายเปลี่ยนไปทันใด พลันเปล่งแสงวาบเมื่อคิดวิธีดีๆ ออก

นางกุมหน้าอก แสร้งทำเป็นทุกข์ทรมาน จากนั้นก็หมดสติล้มลงบนพื้น สลบไม่รู้ตัว

สิ่งนี้ทำให้คนรอบข้างตกใจหวาดกลัวมาก พวกญาติอยากเข้าไปช่วยประคองนาง แต่กลับตกใจกลัวสายตาเย็นชาของมู่ฉินเจินจนถอยหลังไป

มู่ฉินเจินหยิบเข็มยาวออกมาจากแขนเสื้อ โยนใส่มือเกาจัวหยวน ซึ่งเขาก็เข้าใจความหมายของท่านอ๋องทันที

เขาถือเข็มยาวไว้ ส่ายไปมาต่อหน้าทุกคน และอ้าปากเอ่ยเรื่องไร้สาระ “นี่คือเข็มคืนชีพที่ฝ่าบาทพระราชทานให้ แค่ทิ่มปลายนิ้วทั้งสิบของผู้ป่วยเบาๆ ผู้ป่วยก็จะมีชีวิตรอดทันที”

“ท่านอ๋องเราเห็นอกเห็นใจกับวัยชราและความอ่อนแอของท่านแม่เฒ่า จึงนำของขวัญพระราชทานนี้ออกมาให้ใช้เป็นพิเศษ คนทั่วไปก็ใช้ไม่ได้”

ผู้คนรอบข้างมองเข็มเงินแวววาวนั้นก็อดสั่นสะท้านไม่ได้ พวกเขาหาใช่คนโง่ที่จะเชื่อคำพูดเช่นนี้

เกาจัวหยวนพูดจบก็ถือเข็มเดินไปทางหญิงชรา ก่อนคว้ามือนางขึ้นมา เตรียมจะแทงเข้าไปใต้เล็บมือ

ในตอนนี้เอง หญิงชราก็ได้สติฟื้นขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ พลางรีบหดมือตัวเองกลับอย่างรวดเร็ว และแสร้งทำเป็นเพิ่งฟื้นขึ้นมา

“นี่ข้าเป็นอะไรไป? ต้องเป็นเพราะวูบหมดสติเมื่อครู่แน่ หรูฮวา มาพยุงข้ากลับไปเร็ว”

…………………………………………………………………………………………………………………………

(1)情人眼里出西施 เห็นคนรักเป็นดั่งไซซี หมายถึงอาการคลั่งรักชนิดที่ไม่ว่าคนรักจะอยู่ในสภาพทุเรศทุรังขนาดไหนก็ยังเห็นว่าสวยงามดั่งนางไซซียอดหญิงงามอันดับหนึ่งของจีนอยู่ตลอด

สารจากผู้แปล

อดทนไว้นะผู้คุม ตราบใดที่อ๋องซู่ยังอยู่ พวกท่านก็จะได้กินอาหารหมาอยู่บ่อยๆ ล่ะ

๕๕๕๕๕ นางแก่โดนท่านอ๋องถอนหงอกถึงถิ่นแล้ว สะใจจริงๆ เลยยย

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด