ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 272 ฮูหยินหวังมอบตัว
ตอนที่ 272 ฮูหยินหวังมอบตัว
ตอนที่ 272 ฮูหยินหวังมอบตัว
ขณะมู่ฉินเจินกับเฉียวเยี่ยนกำลังครุ่นคิดว่าจะเกลี้ยกล่อมคนในจวนสกุลหวังให้เห็นด้วยกับการชันสูตรศพอย่างไรดี ภายในจวนสกุลหวังกลับโกลาหลวุ่นวายขึ้น
ร่างของหวังจงยังไม่ทันถูกฝัง ญาติหลายคนของสกุลหวังต่างพาลูกชายของตัวเองมาหาถึงที่ เสนอตัวเป็นลูกบุญธรรมให้หวังจงอย่างใจกว้าง ตอนนี้พวกเขาคิดจะทำอะไร แม้แต่คนตาบอดก็ยังดูออก
แม่เฒ่าหวังคาดเดาไว้นานแล้วว่าจะมีวันนี้ แต่ไม่คิดเลยว่าคนพวกนี้จะไร้ยางอายเพียงนี้ ศพลูกชายนางยังคงอยู่ในห้องโถงไว้ทุกข์ คนพวกนี้ก็เริ่มแบ่งทรัพย์สินของครอบครัวนางกันแล้ว
ญาติแต่ละคนต่างแย่งกันเสนอลูกชายตัวเองเป็นบุตรบุญธรรมให้หวังจง แม้มิอาจรับฐานะขุนนางได้ ทว่าหวังจงเป็นขุนนางมานานหลายปี ทรัพย์สินที่สะสมไว้ต้องมีไม่น้อยแน่ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงแย่งกันอย่างไม่มีสิ้นสุด ถึงขั้นทะเลาะเบาะแว้งจนลงไม้ลงมือ
แม่เฒ่าหวังยิ่งมองยิ่งหงุดหงิด จึงระบายโทสะทั้งหมดลงที่ฮูหยินหวัง
“นังคนไร้ประโยชน์ นังแม่ไก่ที่ออกไข่ไม่เป็น คนสืบทอดสกุลหวังของข้ามันขาดคามือเจ้า ไยเจ้าไม่ไปตายซะ?”
“ลูกชายผู้น่าสงสารของข้า ไยคนที่ตายจึงไม่เป็นคนไร้ประโยชน์นี่เล่า? เจ้าจะปล่อยให้แม่มีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร!”
หญิงชราทั้งข่วนทั้งหยิกฮูหยินหวังอย่างบ้าคลั่ง และหยิกแขนของนางอย่างแรง แม้จะเจ็บมาก ทว่าฮูหยินหวังกลับชินชาไปแล้ว หลายปีมานี้ก็เป็นเช่นนี้
นางชำเลืองมองโลงศพที่ตั้งอยู่บนโถงไว้ทุกข์ ดวงตาเลื่อนลอยไร้ความรู้สึก หลังจากทรมานมาหลายปี ในที่สุดนางก็ทรมานเขาจนตายได้
เด็กหญิงวัยห้าขวบที่อยู่ข้างกายฮูหยินหวัง เห็นมารดาถูกทุบตีอีกครั้ง ก็พุ่งเข้าไปกอดนางแน่น ใช้ร่างเล็กของตัวเองปกป้องแม่ของนาง
เมื่อหญิงชราเห็นนางกล้าเผชิญหน้ากับตัวเอง ก็ยิ่งมีโทสะมากขึ้น และยกเท้าถีบไปทางเด็กสาวตัวเล็กผอมบาง
“นังตัวขาดทุน หากไม่ใช่เพราะเจ้า สกุลหวังของข้าจะลงเอยแบบนี้ได้อย่างไร!”
วินาทีที่ฮูหยินหวังเห็นหญิงชรายกเท้าขึ้นมา นางก็กอดลูกเอาไว้และรีบถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว เพื่อหลบเท้าหญิงชรา ทำให้หญิงชราซวนเซล้มลงกับพื้น เพราะออกแรงมากเกินไป
กระดูกของคนแก่ค่อนข้างเปราะบาง การล้มครั้งนี้จึงทำให้กระดูกขาของนางหักทันที จนนางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา
ญาติที่ยังคงแย่งกันรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมเห็นเหตุการณ์นี้เข้า ต่างก็พากันมาทำตัวเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ส่งหญิงชรากลับไปที่ห้อง จากนั้นก็เข้าไปพัวพันกับสองแม่ลูก ต่อว่าด้วยคำพูดไม่น่าฟังยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ฮูหยินหวังกอดลูกสาวที่ตัวสั่นเทาด้วยความตกใจ ฟังคำด่าทอของพวกที่เรียกว่าญาติ หัวใจที่เต็มไปด้วยรูเหวอะหวะยามนี้ยิ่งแหลกละเอียดเป็นชิ้นๆ
แม่เฒ่าหวังหกล้มขาหักแล้ว คนทั่วทั้งจวนเร่งรีบหาท่านหมอ ศึกแย่งเสนอตัวเป็นลูกบุญธรรมหยุดไปชั่วคราว จวบจนการมาถึงของใครอีกคน ทั้งสกุลหวังก็ลุกฮือขึ้นอีกครั้ง
เหมยซื่อ ภรรยานอกสมรสของหวังจงพาลูกชายมาหาถึงที่นี่!
การปรากฏตัวของสองแม่ลูกนี้ เป็นเหมือนดังสายอสนีบาตในยามกลางวัน หลังจากแม่เฒ่าหวังรู้เรื่องก็มีความสุขไม่น้อย เรียกสองแม่ลูกเข้าไปในห้องของตัวเอง
เมื่อมองเด็กชายที่เพิ่งอายุสี่ขวบคนนั้น หญิงชราก็ยิ้มอย่างวิกลจริต ฟ้าย่อมมีทางออกให้คนเราเสมอ นางไม่ขาดทายาทสืบสกุลหวังแล้ว!
ขณะหญิงชรากำลังมีความสุข ญาติที่มีแผนอยู่ในใจเหล่านั้นกลับไม่เต็มใจอย่างยิ่ง
การเฝ้าดูความมั่งคั่งมหาศาลหลุดลอยไปจากมือของพวกเขานั้นช่างน่าปวดใจเหลือคณา
ด้วยเหตุนี้การต่อสู้อันวุ่นวายครั้งที่สองจึงเริ่มขึ้น ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม แต่โต้เถียงกันว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของหวังจงหรือไม่
ทว่าเหมยซื่อเตรียมพร้อมมาแล้ว นางนำของที่หวังจงมอบให้ตนมาก่อนหน้านี้รวมถึงของทุกอย่างที่สามารถพิสูจน์ฐานะของลูกชายกับนางมากองไว้ตรงหน้า พวกญาติทั้งหลายจึงพูดไม่ออก
ด้วยเหตุนี้ เหมยซื่อก็เข้ามาในจวนสกุลหวังอย่างยิ่งใหญ่ บวกกับนางเป็นคนมีวาทะศิลป์ กล่อมจนทำให้หญิงชราหน้าบานด้วยความปิติยินดี เพียงครู่เดียวสถานะของนางในจวนก็เป็นรองแค่หญิงชราเท่านั้น
และคนรับใช้ในจวนมักจะเยินยอประจบสอพลอ เมื่อเหมยซื่อมาถึง พวกเขายิ่งไม่สนใจฮูหยินหวังกับลูกสาวเลย และสถานการณ์ของสองแม่ลูกก็ตกระกำลำบากเรื่อยๆ
……
ตกค่ำ
ฮูหยินหวังกอดลูกน้อยที่หลับสนิท ร้องไห้จนน้ำตาหลั่งรินเปียกเปื้อนบนเสื้อผ้าของลูกสาว
นางรู้ว่าหวังจงมีคนอื่นอยู่ข้างนอก แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะมีลูกด้วยกัน เด็กคนนั้นอายุสี่ขวบกว่าแล้ว ห่างกับลูกสาวนางไม่ถึงหนึ่งขวบด้วยซ้ำ!
นางหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เพิ่งแต่งงานกับหวังจง ตอนนั้นเขาปฏิบัติต่อนางดีมาก และยังบอกว่าหลังจากที่เขาได้ตำแหน่งสูงแล้ว เขาจะซื้อชาด ผงแป้ง ผ้าไหมแพรพรรณต่างๆ ให้นาง แถมยังให้นางเป็นฮูหยิน
แต่พอนางได้เป็นฮูหยินแล้ว ฝ่ายชายกลับเปลี่ยนใจ
เขาไม่ชอบที่นางแก่ชราร่วงโรย ไม่ชอบนางที่ดูบ้านนอกคอกนาไม่สวยสะคราญเหมือนเหล่าสตรีในเมืองหลวง ต่อมาก็ไม่ชอบที่นางให้กำเนิดลูกไม่ได้
นางเองก็ร้อนใจเช่นกันที่ให้กำเนิดลูกไม่ได้ และรู้สึกผิดต่อเขาเสมอมา ต่อมานางจึงไปจุดธูปไหว้พระทุกที่ ถามยาจากหมอ ในที่สุดก็ตั้งครรภ์ขึ้นมา
สิบเดือนที่ตั้งครรภ์และมีชีวิตรอดจากปากเหยี่ยวปากกามาอย่างหวุดหวิด นางก็ให้กำเนิดลูกในท้องออกมา แต่เมื่อเขากับหญิงชราเห็นว่าเป็นลูกสาว สีหน้าก็เปลี่ยนไปมาก และยิ่งกระทำเกินเลยกับนางมากขึ้น
ไม่กี่ปีที่ผ่านมานางใช้ชีวิตอยู่ในจวนสกุลหวังอย่างระมัดระวังประหนึ่งข้ารับใช้คนหนึ่งก็ไม่ปาน แม้แต่ลูกสาวของนาง ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยได้ใช้ชีวิตดีๆ เลยสักวัน
เมื่อสัมผัสร่างผอมติดกระดูกของลูกสาวในอ้อมแขน หัวใจของนางก็เจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทง
ชีวิตในจวนของพวกนางเดิมทีก็ไม่ดีอยู่แล้ว ตอนนี้ยังไม่มีเรื่องอะไรก็จริง ทว่าวันหน้าต้องตกที่นั่งลำบากมากขึ้นแน่
ไม่ได้ นางจะนั่งรอความตายแบบนี้ไม่ได้ เพื่อลูกสาวแล้ว นางต้องหาวิธี!
แววตานางแน่วแน่เหมือนตัดสินใจบางอย่างได้แล้ว นางกระชับมือที่กอดลูกสาวขึ้น มองดูนางด้วยสีหน้าที่เปี่ยมล้นด้วยความสงสาร และมองอยู่อย่างนั้นตลอดทั้งคืน
……
เมื่อเทียบกับความไม่สงบในสกุลหวัง ชีวิตในคุกของเฉียวเยี่ยนกลับมีสีสันมากกว่านัก
ตอนกลางวันมีระบบตัวน้อยเป็นเพื่อคุยด้วย ตกเย็นก็มีมู่ฉินเจินมาอยู่เป็นเพื่อนนาง นอกจากไม่สามารถไปเดินเล่นข้างนอกได้ ก็ใช้ชีวิตเป็นปลาเค็มอย่างสุขสบาย
ฮ่องเต้กับฮองเฮารู้ว่าเฉียวเยี่ยนเกิดเรื่องแล้วเช่นกัน จึงให้มู่ฉินเจินไม่ต้องมาว่าราชกิจในตอนเช้า และสืบเรื่องนี้อย่างสบายใจ มู่ฉินเจินก็มีความสุขเช่นนี้ วิ่งไปมาระหว่างสืบคดีกับตำหนักอ๋อง อยู่เป็นเพื่อนลูกๆ และไปอยู่เป็นเพื่อนภรรยา
เช้าตรูวันนี้ มู่ฉินเจินยังคงลุกจากคุกกลับไปอยู่เป็นเพื่อนเด็กๆ ที่บ้าน ทว่าในคุกกลับมีคนที่เขานึกไม่ถึงมาเยือน
ไม่คิดเลยว่าภรรยาหวังจงจะพาลูกมาหาเฉียวเยี่ยน!
เฉียวเยี่ยนก็ประหลาดใจเช่นกัน ในใจคาดเดาจุดประสงค์ที่นางมาที่นี่ มาเพื่อแก้แค้น หรือมาสร้างความสับสน หรือมาสอบถามเกี่ยวกับความคืบหน้าของคดีพวกเขากัน?
แต่ไม่เคยคิดว่าหลังจากฮูหยินหวังเห็นนาง ก็ดึงลูกสาวข้างกายมาคุกเข่าต่อหน้านาง
เฉียวเยี่ยนมึนงง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงยื่นมือไปพยุงนาง ทว่านางกลับยืนกรานจะคุกเข่า
“ซู่หวางเฟย ท่านอย่าเพิ่งพยุงข้าเลย ฟังข้าพูดให้จบก่อน”
“ข้ามาที่นี่เพราะมีเรื่องจะขอร้องท่าน หากท่านยอมช่วยข้า ข้าจะบอกคนร้ายตัวจริงที่ฆ่าหวังจงแก่ท่าน”
เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินเลิกคิ้วขึ้น หลังจากสำรวจนางครู่หนึ่ง เฉียวเยี่ยนก็เอ่ยขึ้น “เจ้าว่ามา ขอเพียงไม่ใช่เรื่องผิดกฏหมายหรือเรื่องยากมากอะไร หากข้าสามารถช่วยได้ ข้าจะช่วยเต็มที่”
ฮูหยินหวังเปรมปรีดิ์มาก ดึงลูกมาคำนับเฉียวเยี่ยนรัวๆ เฉียวเยี่ยนรับไม่ไหว จึงเคลื่อนตัวหลบอย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้าลุกขึ้นก่อนเถิด พวกเราค่อยๆ คุยกัน”
คุกเข่าคุยกับนางแบบนี้ นางกดดันมากจริงๆ
ฮูหยินหวังยืนกรานไม่ลุกขึ้น ก่อนเอ่ย “ข้าอยากฝากลูกคนนี้ไว้กับท่าน ข้าไม่หวังให้นางร่ำรวยมีอำนาจ ท่านให้ข้าวนางกิน ให้เสื้อผ้านางใส่ ให้นางมีชีวิตอยู่ก็เพียงพอแล้ว”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พาลูกมาพึ่งเฉียวเยี่ยนแล้วจะไปไหนต่ออะ อย่าบอกนะว่าหลังฝากฝังลูกเสร็จแล้วก็จะลาตาย? ชีวิตฮูหยินหวังช่างรันทดจริงๆ
ไหหม่า(海馬)
Comments