ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 279 ถั่วลิสงขี้เมา
ตอนที่ 279 ถั่วลิสงขี้เมา
ตอนที่ 279 ถั่วลิสงขี้เมา
ยามที่ในตำหนักมีเด็กน้อยเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคน พวกข้ารับใช่ต่างประหลาดใจไม่น้อย
แค่หลับไปตื่นเดียว ท่านอ๋องกับหวางเฟยก็มีทายาทเพิ่มมาแล้ว?
นี่คงไม่ได้ขโมยเด็กที่ไหนมาใช่ไหม?
ดูรูปร่างที่ขาวละมุนอ่อนนุ่มนั่นสิ เหมือนดั่งตุ๊กตากระเบื้องเลย
เจ้านายน้อยทั้งสองของพวกเขาเป็นเด็กที่งดงามที่สุดในเมืองหลวง ต่อมาหวางเฟยพาคุณหนูอันอันกลับมาก็มีรูปร่างหน้าตาไม่ได้แย่ ตอนนี้ดันมีคุณหนูน้อยโผล่มาเพิ่มอีกหนึ่ง และมีหน้าตางดงามดั่งรูปสลักหยกขาวเหมือนกัน
หากไม่ใช่เพราะนางมีหน้าตาไม่เหมือนท่านอ๋องกับหวางเฟย พวกเขาคงคิดว่าเจ้านายทั้งสองลอบให้กำเนิดบุตรลับหลังพวกเขา หลังจากนั้นก็ทำให้พวกเขาทุกคนรู้สึกอัศจรรย์ใจ
อย่างไรเสียเด็กน้อยก็มีหน้าตาดูดีขนาดนี้ คนธรรมดาไม่มีทางให้กำเนิดออกมาได้
ในพระราชวังกับจวนสกุลเฉียวรู้แล้วว่าทางเฉียวเยี่ยนมีเด็กมาเพิ่มอีกหนึ่งคน ซูเนี่ยนหว่านกับเฉียวจิ่นจึงตั้งใจมาดูเด็กโดยเฉพาะ แม่แต่ฮองเฮายังเรียกให้เฉียวเยี่ยนพาเด็กเข้าเฝ้าให้พวกเขาดู
ผู้ใหญ่ทั้งสามแม้ปากจะไม่พูด ทว่ารู้อยู่แก่ใจ และกังวลเล็กน้อยว่าเจ้าเด็กบ้ามู่ฉินเจินไม่ระวังแอบไปกระทำผิดอยู่ข้างนอก จนทำให้มีเด็กออกมาเพิ่ม
เฉียวเยี่ยนเดาความคิดของเหล่าผู้ใหญ่ออกก็ถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ส่วนมู่ฉินเจินก็มีสีหน้าอึมครึม เขาภักดีต่อภรรยาขนาดนี้ จะไปทำผิดเรื่องเลวทรามต่ำช้าเช่นนั้นได้อย่างไร
เพื่อเอาใจเหล่าผู้ใหญ่ เฉียวเยี่ยนจึงพูดปดโดยแต่งเรื่องราวสร้างตัวตนให้ระบบตัวน้อยว่าเป็นบุตรสาวของสหายเก่า ทางตระกูลนั้นถึงคราวล่มสลาย จึงฝากฝังลูกให้นางเลี้ยง
เมื่อรู้ความเป็นมาแล้ว สามผู้ใหญ่ก็ไม่มีเรื่องให้กังวลอีก และเห็นพ้องต้องกันว่าจะปฏิบัติต่อเสี่ยวอันอันกับระบบตัวน้อยเป็นเหมือนคนในครอบครัวตัวเอง
……
วันที่สิบเจ็ดเดือนห้า หลันหนิงที่อยู่บนภูเขาเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ได้โอกาสกลับตำหนักแล้ว
นางมุ่งตรงไปยังเรือนจิ่งเสวียนหาเฉียวเยี่ยน ครั้นเห็นในเรือนมีเด็กสี่คนวิ่งเล่นหยอกล้อกันอยู่นั้นก็อึ้งไปครู่หนึ่ง หรือนางจะอยู่บนเขานานไปจนไม่รู้วันเวลา ท่านอ่องกับหวางเฟยถึงได้ให้กำเนิดลูกคนที่สามสี่มาแล้ว?
เมื่อเสี่ยวฉวนเอ๋อร์กับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เห็นนาง ต่างก็ดีใจจนพุ่งเข้าใส่เหมือนกระสุนปืนใหญ่
“ท่านน้าหลันหนิง ในที่สุดก็กลับมาแล้ว!”
หลันหนิงอุ้มเด็กน้อยทั้งสองขึ้นหมุนเป็นวงกลม ใบหน้าเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนตอบพวกเขาเสียงเบา
หลังจากหมุนเสร็จ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์รีบดึงพี่สาวกับน้องสาวของตัวเองมาแนะนำนาง “ท่านน้าหลันหนิง นี่คือพี่มู่ถง ส่วนนี่คือน้องอันอัน เป็นคนในครอบครัวเรา”
มู่ถง(ถังไม้)?
มุมปากหลันหนิงกระตุก ตั้งชื่อนี้ให้ลูกสาวที่ผิวขาวเนียนดุจหยก เจ้านายทั้งสองจริงจังหรือเปล่า?
อันอันขี้กลัวเล็กน้อย แต่พอได้เห็นท่านน้าท่านนี้ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อนาง ก็เรียกตามพี่ชายพี่สาวอย่างมีมารยาทว่าน้าหลันหนิง
ระบบตัวน้อยรู้จักหลันหนิง ปีนั้นโฮสต์ตัวเองรับนางเข้ามาเป็นคนในครอบครัว เรื่องไม่ดีที่ทำ นางยังจำได้ขึ้นใจ
หลันหนิงทำความเข้าใจเรื่องนี้ผ่านเด็กๆ แล้ว จึงค่อยไปหาเฉียวเยี่ยน
เฉียวเยี่ยนอยู่ในห้องหนังสือคิดบัญชีอยู่ ครั้นเห็นหลันหนิงกลับมา ก็ดีใจระคนแปลกใจยิ่งนัก
“ไม่เจอกันนานเลย อยู่บนเขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลันหนิงหาที่นั่งลง ก่อนตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ก็ดี เพียงแค่ยุงเยอะไปหน่อย อีกนิดเดียวคงไม่มีข้าแล้ว”
เฉียวเยี่ยนรินชาให้นาง “ดูเหมือนอยู่บนเขาจะดูแลฟื้นฟูร่างกายได้ไม่น้อยเลย รู้จักล้อเล่นแล้ว”
หลันหนิงดื่มชา ตัดจบบทสนทนาเรื่อยเปื่อย แล้วเริ่มเอ่ยเรื่องจริงจัง
“มู่เจ๋อจิ่นเชิญข้ามาแล้วห้าครั้ง เมื่อวานข้าตกลงจะลงเขาไปกับเขา ตอนนี้ได้พักอยู่ที่เรือนป่าไผ่ แผนการที่เขาวางไว้มีค่อนข้างมาก จึงไม่ทันได้เขียนจดหมายส่งให้เจ้า”
นางอ้างว่าวันนี้จะเข้าเมืองมาซื้อของ ใช้แผนการจักจั่นลอกคราบ แอบหนีกลับมา
เฉียวเยี่ยนยิ่งประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่าจะคืบหน้าเร็วขนาดนี้ ดูเหมือนความต้องการของมู่เจ๋อจิ่นจะแข็งแกร่งมากเลยทีเดียว
“อืม ต่อจากนี้ไปเจ้าระวังให้มาก หากสถานการณ์เปลี่ยนไป รักษาชีพสำคัญที่สุด อย่างอื่นไม่ต้องไปสนใจ”
หลันหนิงตอบกลับอืมเสียงเบา ที่จริงนางอยากพูดว่า นางไม่ได้อ่อนแอเพียงนั้น แต่ดูสีหน้ากังวลของเฉียวเยี่ยนแล้วนางไม่พูดเลยจะดีกว่า
“เมื่อวานข้าสอบถามได้ข่าวคราวมาว่า มู่เจ๋อจิ่นกับอี้จื่อจินจะแต่งงานกันกลางเดือนหน้าแล้ว”
“เร็วเช่นนี้เลย จากสู่ขอจนถึงงานแต่งระยะเวลาเพียงสองเดือน ดูเหมือนองค์ชายองค์นี้จะรีบร้อนอยู่มากโข”
ทั้งสองพูดคุยกันครู่หนึ่ง หลันหนิงเริ่มทักท้วงดื่มสุรา เหตุที่นางกลับมาในวันนี้ หนึ่งคือรายงานข่าวคราว สองคือความอยากเหล้ากำเริบ
อยู่บนเขามาเนิ่นนาน ดื่มเหล้าสักอึกไม่ง่ายเลย ทำให้นางอดกลั้นแทบบ้า
เฉียวเยี่ยนเห็นท่าทางขี้เหล้าของนาง ก็เอ่ยอย่างจนใจ “เก็บไว้ให้เจ้าอยู่แล้ว อยู่ในห้องใต้ดิน ไปหยิบมาเอง”
หลันหนิงไม่พูดอะไรลุกขึ้นหาไหสุราของตน ก่อนออกจากห้องก็ยื่นหน้ากลับมาอีกครั้ง แล้วเอ่ยว่าอยากกินข้าวอย่างเต็มปากเต็มคำ “ข้าหิวแล้ว แล้วแต่เจ้าจะทำให้”
เฉียวเยี่ยนชินกับการกระทำพวกนี้แล้ว นางอยู่ต่อหน้าตนเดิมทีก็ไม่สนสูงสนต่ำอยู่แล้ว ก่อนตอบด้วยรอยยิ้ม “ได้ ข้าจะทำพวกกับแกล้มให้เจ้า”
อยู่บนเขาเสียหลายวัน ไม่รู้ว่านางทำให้ตัวเองอิ่มท้องอย่างไร เมื่อนึกถึงฝีมือการทำอาหารของนางแล้ว ช่างลำบากนางจริงๆ
นางลุกไปห้องครัว ฮุ่ยเซียงมาเป็นลูกมือให้นาง วันนี้ในครัวมีน่องวัวสองน่องพอดี นางจึงคิดจะทำเนื้อซีอิ้ว เนื้อซีอิ้วเป็นอาหารชั้นดีที่เหมาะเป็นกับแกล้มมาก
นำน่องวัว หอม ขิงลงไปลวกในหม้อ ลวกเสร็จแล้วก็ใส่เครื่องตุ๋น ซอสถั่วเหลือง ซีอิ้วขาว น้ำตาลกรวดพวกนี้ลงไป แล้วตุ๋นในหม้อตุ๋นให้มันค่อยๆ เข้ารส ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วหั้นเป็นชิ้นจัดวางใส่จานก็เป็นอันเสร็จ
นอกจากเนื้อซีอิ้วแล้ว ถั่วลิสงขี้เมาก็เป็นอาหารแกล้มเหล้าที่ต้องมี
แช่ถั่วลิสงลงในน้ำอุ่น ล้างเปลือกนอกออก จากนั้นเอาลงไปทอดกรอบในน้ำมัน แล้วนำอีกกระทะออกมา ทอดฮวาเจียวกับพริกแห้งให้หอม นำถั่วลิสงทอดกรอบลงไปผัดอีกรอบ ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาล ตอนนำออกจากกระทะมาราดด้วยเหล้าขาวรอบหนึ่ง แล้วนำไปนึ่ง ถั่วลิลสงขี้เมาก็เป็นอันเสร็จออกจากเตาได้
กลิ่นหอมของเนื้อวัวตุ๋น ดึงดูดเด็กๆ สี่คนที่เล่นอยู่กลางลานให้เข้ามา เด็กทั้งสี่มีท่าทางเหมือนดั่งแมวหิวโหย เกาะขอบประตูแอบมอง ยืนหัวออกมาสูดกลิ่นหอม
เฉียวเยี่ยนหมุนตัว เห็นเด็กทั้งสี่มีท่าทางน้ำลายเยิ้มตรงมุมปาก ก็รู้สึกว่าดูน่ารักจนใจเหลว
นางหาจานมาจานหนึ่ง วางเนื้อซีอิ้วลงไม่กี่ชิ้น และตักถั่วลิสงขี้เมาให้กำหนึ่ง จากนั้นส่งจานไปตรงหน้าระบบตัวน้อย “พาน้องๆ ออกไปกิน จำไว้ว่าก่อนกินต้องล้างมือด้วย”
เด็กทั้งสี่ดีใจอย่างมาก ถือจานวิ่งไปยังศาลาในลานบ้านเพื่อกินอาหาร หัวน้อยทั้งสี่สุมอยู่รวมกัน ใช้มือขาวนุ่มของพวกเขาหยิบถั่วลิสงกับเนื้อในจานมากิน อร่อยจนส่ายหัวไปมา
วันนี้เกาจัวหยวนติดตามมู่ฉินเจินไปทำภารกิจ เมื่อกลับมาถึงตำหนักถึงรู้ว่าหลันหนิงกลับมาแล้ว จึงดีใจจนไม่ทันได้เช็ดเหงื่อที่ท่วมหัวอยู่ออก ก็วิ่งไปหาหลันหนิงแล้ว
หลันหนิงในเวลานี้กำลังดื่มเหล้าแกล้มเนื้ออย่างมีความสุขอยู่ในห้องตัวเอง
ดื่มเหล้าอึกหนึ่ง ตามด้วยถั่วลิสงเม็ดหนึ่ง หลังจากกลืนลงท้องไปก็ตามด้วยกินเนื้อชิ้นหนึ่ง อร่อยเต็มปากเต็มคำ นางรู้สึกว่าช่วงนี้นางช่างหิวโหยยิ่งนัก ในที่สุดก็กลับมามีชีวิตอีกครั้งจนได้
ฝีมือการทำอาหารของนางนั้นเรียกได้ว่าผีเห็นยังกลัว พักนี้อยู่บนเขาห่างไกลจากตัวเมือง ซื้อข้าวของก็ไม่สะดวก นางอยู่บนเขาต้องล่าสัตว์ทุกวัน จากนั้นก็ทำให้สุกแล้วค่อยกิน
รสชาตินั้น หากไม่ใช่ทำเพื่อให้ท้องอิ่มละก็ คาดว่าโยนให้สุนัข สุนัขคงไม่กิน
เกาจัวหยวนวิ่งหน้าตั้งมาถึงหน้าห้องหลันหนิง พลางตะโกนเรียก “หลันหนิง เจ้ากลับมาแล้วหรือ? เจ้าอยู่ด้านในหรือเปล่า?”
หลันหนิงที่ดื่มด่ำกับการดื่มอยู่ ได้ยินเสียงเรียกของบุรุษด้านนอก ก็ขมวดคิ้วครู่หนึ่ง
นางไม่ขานตอบ ชายด้านนอกก็ตะโกนเรียกอีก “ข้าเข้าไปนะ เจ้าไม่ตอบ ข้าถือว่าเจ้าอนุญาตนะ!”
เกาจัวหยวนยืนมือจะเปิดประตูอย่างตื่นเต้น ทว่าเมื่อมือเพิ่งแตะที่ประตู ประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านใน หลันหนิงที่กอดกาเหล้ายืนพิงขอบประตูด้วยท่าทางเฉยชา และมองเขาด้วยสายตาเย็นเยือก
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เอ็นดูแม่สาวขี้เมาคนนี้จังเลยค่ะ จะเอาชนะใจนางได้คงต้องมีฝีมือหมักเหล้ากับทำกับแกล้มเสียแล้วมั้ง
ไหหม่า(海馬)
Comments