ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 281 ลูกเติบใหญ่จนควบคุมไม่ได้แล้ว
ตอนที่ 281 ลูกเติบใหญ่จนควบคุมไม่ได้แล้ว
ตอนที่ 281 ลูกเติบใหญ่จนควบคุมไม่ได้แล้ว
มู่ฉินเจินกลับมาจากค่ายทหารในตอนบ่าย หลังฟังเฉียวเยี่ยนบ่นเรื่องลูกทั้งสี่อย่างโมโห เขาก็รู้สึกสนใจเป็นพิเศษ สายตาก็จับจ้องไปที่ปืนฉีดน้ำสี่กระบอกนั้น
ขณะเฉียวเยี่ยนพร่ำบ่นไม่หยุด เขาก็คว้าปืนฉีดน้ำขึ้นมาทดลองกดไกปืน พบว่ามันกดได้ จึงกดเบาๆ น้ำก็ฉีดเข้าใส่ตัวเอง
มู่ฉินเจิน “…”
เฉียวเยี่ยนยังคงพูดพล่ามอยู่ เมื่อหันไปเห็นเขาเล็งปืนฉีดเข้าตัวเอง ก็หัวเราะขบขันออกมาทันที
“ฮ่าๆๆ ไยท่านถึงได้โง่เช่นนี้?”
มู่ฉินเจินถูกฉีดน้ำใส่จนอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะสนใจปืนฉีดน้ำมากขึ้น
คราวนี้เขาเล็งปากกระบอกปืนไปทางประตู กดไกปืนอีกครั้ง น้ำก็พุ่งตรงออกไป
เจ้าของสิ่งนี้ยังยิงได้ไกลอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ ท่านอ๋องบางคนก็กลายเป็นสหายตัวน้อยที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ถือปืนฉีดน้ำยิงน้ำปิ้วๆ ไปนอกประตู
เฉียวเยี่ยนมองพลางส่ายหัวอยู่ด้านข้าง ไม่ว่าจะอดีตปัจจุบัน ในหรือนอก ไม่มีผู้ชายคนไหนต้านทานปืนได้
เมื่อเห็นเขาเล่นสนุกสนาน นางก็ไม่ห้าม พลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ จึงเอ่ยถาม “ช่วงนี้ท่านเตรียมเสบียงอาหารของทหารไปถึงไหนแล้วบ้าง?”
มู่ฉินเจินได้ยินเช่นนี้ ก็เก็บปืนฉีดน้ำ สีหน้าดูจริงจังเล็กน้อย ก่อนส่ายหัวเบาๆ “ยังเหลืออีกนิดหนึ่ง”
ปีที่แล้วฝนตกชุก พืชผลไม่ดี เสบียงมีน้อย ปีนี้ราคาเสบียงอาหารจึงขึ้นสูง
ช่วงนี้เป็นช่วงแจกจ่ายเสบียงทหารให้กับค่ายต่างๆ เขารับผิดชอบกิจการทหารทั้งหมด ต้องรวบรวมเสบียงอาหารและแบ่งแจกจ่ายไปให้แต่ละค่าย
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงราคาเสบียงที่สูง แม้แต่ปริมาณเพียงพอก็ยังเป็นเรื่องยาก
โชคดีตอนนี้มีมันเทศ ซึ่งช่วยแก้ปัญหาส่วนหนึ่งไปได้ แต่คนในกองทัพไม่สามารถกินมันเทศได้ทุกวัน และยังต้องการเสบียงอาหารอื่นๆ อยู่
เฉียวเยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย ผลผลิตเสบียงอาหารในสมัยโบราณมีปริมาณต่ำมาก พันธุ์พืชต่างๆ ที่ปลูกล้วนได้ผลผลิตน้อย รวมกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ผลผลิตจึงยิ่งดูน่าเกลียดยิ่งขึ้น
ยกตัวอย่างข้าว ผลผลิตข้าวในสมัยราชวงศ์เทียนลี่ต่ำมาก ดังนั้นราคาข้าวจึงพุ่งสูง ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่ชาวบ้านธรรมดาจะกินข้าวสวยได้ ส่วนใหญ่ที่กินล้วนเป็นข้าวกล้อง ธัญพืช ตลอดทั้งปี สามารถกินข้าวสวยดีๆ เพื่อเปลี่ยนอาหารสักมือได้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉียวเยี่ยนอดคิดถึงคุณปู่หยวนผู้มีผลงานโดดเด่นด้านข้าวพันธุ์ผสมในสมัยปัจจุบันขึ้นมาไม่ได้ หากไม่มีข้าวพันธุ์ผสมที่เขาคิดค้นออกมา บางทีนางอาจจะใช้ชีวิตอดมื้อกินมื้อไปแล้วก็ได้
เดี๋ยวก่อน! ข้าวพันธุ์ผสม!
เหตุใดนางถึงไม่คิดเรื่องนี้มาก่อนนะ!
แม้นางจะไม่ได้ศึกษาการผสมพันธุ์ให้ละเอียด แต่นางมีระบบตัวน้อย นางสามารถซื้อเมล็ดข้าวจากระบบตัวน้อยได้ นำการปลูกข้าวพันธุ์ผสมมาเผยแพร่อย่างแพร่หลาย เป็นแบบนี้ปริมาณข้าวของราชวงศ์เทียนลี่จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น และสามารถแก้ไขปัญหาปากท้องของคนส่วนใหญ่ได้
นางยิ่งคิดดวงตายิ่งเปล่งประกายขึ้น พลันมีความคิดคร่าวๆ ก่อตัวขึ้นในใจทันที
มู่ฉินเจินมองท่าทางของนาง ก็รู้ว่านางกำลังคิดเรื่องใหญ่อะไรแน่ จึงอดยืดตัวตรงเอ่ยถามไม่ได้ “อาเยี่ยนมีความเห็นอะไรอีกแล้วหรือ?”
เฉียวเยี่ยนกล่าวความคิดเมื่อครู่ของนางให้ฟังด้วยรอยยิ้มแจ้มใส พลันหัวใจของมู่ฉินเจินก็เร่าร้อนเลือดสูบฉีดขึ้นมา
หากเป็นอย่างที่นางว่าจริง เช่นนั้นเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เรียกว่าพันธุ์ผสม มีปริมาณผลผลิตสูงมาก สำหรับเทียนลี่แล้ว เป็นเรื่องที่ดีมากต่อประเทศและประชาชน
เฉียวเยี่ยนครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ของความคิดนี้ครู่หนึ่ง พลันตระหนักได้ถึงจุดสำคัญมากๆ อย่างหนึ่ง ตอนนี้คือเดือนห้า ในพื้นที่เมืองหลวง ได้ผ่านฤดูปลูกนาไปแล้ว หากไปทางใต้ ก็ยังทันปลูกข้าวปลายฤดูอยู่
“ดูเหมือนจะปลูกข้าวในเมืองหลวงเดือนนี้ไม่ทันแล้ว อีกทั้งสภาพอากาศในเมืองหลวงยังไม่เหมาะสำหรับปลูกข้าว หากอยากเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ดี คงต้องไปเจียงหนาน”
เจียงหนานเป็นดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศหรือภูมิประเทศล้วนอำนวยต่อการปลูกข้าว ปีหนึ่งสามารถปลูกได้ถึงสองครั้ง
หากอยากแพร่ขยายการปลูกข้าวพันธุ์ผลมไปอย่างกว้างขวาง ต้องลงมือที่เจียงหนานก่อน แต่มอบหมายงานนี้ให้คนอื่นไปทำ นางไม่วางใจ ครั้งแรกที่เผยแพร่นางต้องเข้าร่วมด้วยตัวเอง
แต่หากไปเจียงหนาน ก็จะไม่ได้เจอเขากับเด็กๆ เป็นเวลานาน นางยังอาลัยอาวรณ์ลูกคนโตกับพวกลูกคนเล็กของนางอยู่
เมื่อเฉียวเยี่ยนเอ่ยเช่นนี้ออกมา มู่ฉินเจินก็ครุ่นคิดอย่างเงียบๆ ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยอย่างจริงจัง “เช่นนั้นก็ไปปลูกที่เจียงหนาน ส่วนทางด้านชายชรา ข้าจะคุยกับพระองค์ให้เข้าใจเอง”
เฉียวเยี่ยนไร้การตอบสนองกลับครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจความหมายเขา “ท่านจะไปด้วยกันกับข้าหรือ?”
มู่ฉินเจินพยักหน้า “เจ้าอยู่ที่ไหน ข้าย่อมอยู่ที่นั่นด้วย”
เฉียวเยี่ยนรู้สึกว่ามันไม่เหมาะเล็กน้อย “ท่านไม่สนงานในมือแล้วหรือ? เสด็จพ่อน่าจะไม่เห็นด้วยนะ”
เขาที่เป็นถึงท่านอ๋องจะไปปลูกนาที่เจียงหนานกับตัวเอง คิดๆ ดูฮ่องเต้เฒ่าคงบ้าคลั่งแน่
มู่ฉินเจินเอ่ยอย่างไม่แยแส “สุขภาพร่างกายของชายชรายังแข็งแรงอยู่ ไม่มีข้า พระองค์ก็ทรงจัดการได้ สำหรับพระองค์ ข้าไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น เพียงแต่เป็นเครื่องมือแอบอู้ของพระองค์ก็เท่านั้น”
“ดังนั้น อย่าคิดว่าตัวเองสำคัญนักเลย ตรงไหนที่ควรยอมแพ้ได้ก็ควรยอมแพ้ ”
เฉียวเยี่ยน “…”
ท่านช่างเป็นลูกชายที่ดีจริงๆ
มู่ฉินเจินเอ่ยต่อ “ชายชราก็เหมือนพวกเรา อยากแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาราษฏ ต้องเห็นด้วยแน่นอน”
ต่อให้ไม่เห็นด้วย พระองค์ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ อย่างมากเขาก็แค่แอบพาลูกเมียหนีไป
เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินต่างก็เป็นนักเคลื่อนไหว ในดึกคืนนั้น มู่ฉินเจินก็เข้าวัง ไปอธิบายสาเหตุเรื่องราวให้กับฮ่องเต้เฒ่า
เมื่อชายชราได้ยินว่าลูกสะใภ้ตนสามารถปลูกข้าวออกมาในปริมาณมากได้ ก็ปิติยินดีมาก แต่เมื่อได้ยินลูกชายตนจะตามตูดภรรยาไปด้วย ก็จ้องเขาอย่างดูแคลนยิ่ง
“ดูเจ้าสิ มีความเป็นบุรุษหน่อยไม่ได้หรือ ภรรยาไม่อยู่ข้างกายวันเดียว เจ้าก็อยู่ไม่ได้แล้ว?”
มู่ฉินเจินมองชายชราที่มีท่าทางโกรธเกรี้ยวมาก ก็เอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ “พะย่ะค่ะ”
ตอบได้อย่างจริงใจสุดๆ
ฮ่องเต้เฒ่า “…”
เขากับภรรยาสร้างลูกอีกคนขึ้นมาตอนนี้ยังจะทันไหม? เจ้าลูกเนรคุณไร้อนาคตคนนี้เขาไม่อยากได้แล้ว!
ชายชราสูดหายใจเข้าลึก และโต้เถียงกับเขาต่อ “เจ้าปลูกข้าวเป็นหรือ?”
มู่ฉินเจินส่ายหน้า
“แล้วเจ้าทำอาหารซักผ้าเป็นหรือไม่?”
มู่ฉินเจินส่ายหน้าต่อ
“เจ้าไม่มีประโยชน์อะไร จะตามเสี่ยวเยี่ยนไปทำไม? ในเมื่อเจ้าช่วยอะไรไม่ได้สักอย่าง!”
ชายชรากล่าวอย่างเจ็บแสบมาก มองลูกชายตัวเองไม่มีค่าอะไรเลย
มู่ฉินเจินขยับมุมปาก เอ่ยอย่างหน้าด้านยิ่ง “ลูกดูแลห่มผ้ากล่อมเด็กๆ ได้”
ชายชรา “…”
ลูกคนนี้ไม่สมควรเอาไว้แล้ว!
ชายชราที่กำลังบึ้งตึงอยู่กับตัวเองระงับอารมณ์ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ย “เจ้าจะไปให้ได้เลยใช่หรือไม่?”
มู่ฉินเจินพยักหน้า ท่าทางยืนหยัดแน่วแน่
ชายชราถอนหายใจออกมา “เฮ้อ! ก็ได้ ลูกเติบใหญ่จนควบคุมไม่ได้แล้ว ลูกชายที่แต่งงานออกไป ก็เหมือนน้ำที่ถูกสาดทิ้ง เราคุมเจ้าไม่ได้แล้ว”
มู่ฉินเจินได้ยินเช่นนี้ ก็กลอกตาใส่ชายชรา
ชายชรากริ้วอย่างมาก ลูบเคราของตัวเอง แล้วเอ่ยต่อ “แต่ว่า เจ้าต้องตกลงเงื่อนไขกับเราข้อหนึ่ง!”
เขาไม่พูดอะไร รอชายชรากล่าวส่วนที่เหลือ
เห็นชายชรานำพู่กันออกมา เขียนหยึกหยักไปมาบนกระดาษ หลังจากนั้นก็ส่งกระดาษมาตรงหน้าเขา “หากเจ้าอยากจะไปจริงๆ ก็ลงนามในนี้เสีย แล้วเราจะไม่เอ่ยสักคำเลย”
มู่ฉินเจินมองเนื้อหาบนกระดาษ ก่อนยิ้มเย็นชา “พระองค์วางแผนเสียดิบดีเชียวนะพะย่ะค่ะ”
ชายชราเชืดหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ “มันแน่นอนอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นรอให้เด็กบ้าอย่างเจ้าค้นพบมโนธรรม คงไม่มีทางไปตลอดชีวิต!”
สิ่งที่เขาเขียนคือ หากเขายืนกรานจะไปเจียงหนานให้ได้ เมื่อกลับมา เขาต้องเข้าพักตำหนักบูรพา
ตำแหน่งองค์รัชทายาทยังไม่ได้แต่งตั้ง และขุนนางเก่าในราชสำนักก็เร่งเร้าเขามานานแล้ว แต่เจ้าเด็กบ้านี้ไม่รีบร้อนแม้ไฟจะลนก้น เขาเคยเอ่ยถึงเรื่องนี้มาหลายครั้ง ก็ถูกเขาปฏิเสธกลับเสมอ
ครานี้เขาได้เรียนรู้แล้ว อักษรดำบนกระดาษขาวนี้ ขอแค่เขาลงนาม ดูสิว่าเขากล้าชักดาบอีกไหม!
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ถือโอกาสรวบตัวลูกเป็นไท่จื่อเลยทีเดียว แผนการของฝ่าบาทช่างล้ำลึกนัก
ไหหม่า(海馬)
Comments