ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 285 เจรจาซื้อที่

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 285 เจรจาซื้อที่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 285 เจรจาซื้อที่

ตอนที่ 285 เจรจาซื้อที่

หลังจากเฉียวเยี่ยนบอกเหตุผลที่มาเยือน ท่าทางกังวลของหัวหน้าหมู่บ้านก็ผ่อนคลายลง และเปิดประตูต้อนรับพวกเขาเข้าไป

หลังจากเข้าไปในบ้าน ทั้งครอบครัวของหัวหน้าหมู่บ้านก็มาต้อนรับแขกอย่างกระตือรือร้นทันที ยกน้ำยกชา เมล็ดแตงโมมาให้

ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านเป็นหญิงชราใจดี เมื่อเห็นเด็กทั้งสี่ ก็ละสายตาไปไม่ได้ และชื่นชมว่าเด็กๆ เหล่านี้ดูดีมากกับลูกสะใภ้ไม่ขาดปาก

นางหยิบเมล็ดแตงโมให้เด็กๆ คนละกำมือ เด็กๆ มีถุงเสื้อเล็กๆ บนเสื้อผ้า พวกเขารับเมล็ดแตงโมมา แล้วยัดใส่ถุงเสื้อของตัวเองด้วยท่าทางน่ารักเหลือแสน

มิตรภาพของเด็กๆ มักมาเร็วเสมอ เด็กชายที่เพิ่งเปิดประตูเมื่อครู่คือหลานชายของหัวหน้าหมู่บ้าน มีชื่อเล่นว่าโก่วเชิ่ง ไม่นานเท่าใดก็เล่นด้วยกันกับเด็กทั้งสี่แล้ว

โก่วเชิ่งคุ้นเคยกับหมู่บ้านนี้เป็นอย่างดี จึงพาเด็กๆ ออกไปเล่น โดยมีองครักษ์สองคนตามหลังไป

หลังพวกเด็กๆ ไปเล่นแล้ว เฉียวเยี่ยนก็เริ่มคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านอย่างจริงจิง

นางปกปิดตัวตน บอกเพียงว่าทั้งคู่เป็นพ่อค้าต่างถิ่น อยากจะมาซื้อที่ดิน

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านได้ยินว่าพวกเขาอยากซื้อที่ดิน ก็ลูบเคราด้วยความลำบากใจเล็กน้อย

ตอนนี้เป็นเวลาเก็บเกี่ยวข้าวฤดูกาลแรก รอเก็บเกี่ยวเสร็จก็เข้าสู่ฤดูปลูกที่สองแล้ว ปีนี้อากาศดี ผลผลิตข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ก็ไม่เลว และอาจจะไม่มีใครเขาซื้อที่ในเวลานี้

เฉียวเยี่ยนเดาความคิดของเขาได้ ก่อนเอ่ย “ข้ารู้ถึงความกังวลของท่าน หากชาวบ้านไม่ขาย ข้าก็จะไม่บีบบังคับซื้อแน่นอน เพียงแค่อยากรบกวนให้หัวหน้าหมู่บ้านช่วยรวบรวมชาวบ้านให้ข้าที ข้าจะหารือกับพวกเขาต่อหน้า”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวหน้าหมู่บ้านก็รู้สึกเบาใจไม่น้อย เขารู้สึกค่อนข้างกลัวคนต่างถิ่นพวกนี้จริงๆ

หญิงที่กำลังคุยกิจการกับเขาตรงหน้านั้นงดงามราวกับนางฟ้า ยามพูดจาทั้งสุภาพทั้งอ่อนโยน แต่รัศมีอันสูงส่งที่แผ่ออกมาจากตัวนางแสดงให้เห็นว่านางหาใช่คนธรรมดาแน่นอน

อีกทั้งยังมีชายที่นั่งข้างๆ นางด้วย แม้จะไม่ได้พูดอะไรสักคำ ทว่าเพียงแค่นั่งเฉยๆ ก็ทำให้คนอื่นรู้สึกถูกกดดันได้แล้ว

ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาหาใช่คนธรรมดา หากพวกเขาอยากบีบบังคับซื้อที่ดินจริง พวกชาวบ้านธรรมดาในหมู่บ้านจะต่อสู้กับพวกเขาได้อย่างไร!

หัวหน้าหมู่บ้านตอบรับคำขอ ส่งลูกชายไปรวบรวมคนทั้งหมู่บ้านไปที่ลานตากข้าวแห้งในหมู่บ้านทันที

พวกเฉียวเยี่ยนก็ลุกขึ้นเดินทางไปยังลานตากข้าวแห้งเช่นกัน

หลังจากที่พวกเขาจากไป ภรรยากับลูกสะใภ้ของหัวหน้าหมู่บ้านถึงได้กล้าเปิดของขวัญที่พวกเขานำมาให้เมื่อครู่

มันเป็นกล่องขนาดใหญ่หนัก เมื่อเปิดกล่องออก พวกเขาก็เห็นข้างในอย่างชัดเจน

มีขนมอบ ลูกอม และสินค้าจากโรงงานเฉียวจี้ อาหารบรรจุขวด เส้นมันเทศ และเครื่องปรุงรส ซึ่งเป็นของที่พวกเขานำไปใช้ได้

ลูกสะใภ้หัวหน้าหมู่บ้านหยิบขวดขึ้นมาด้วยความดีใจ นางรู้จักอาหารบรรจุขวดนี้ ร้านขายของชำในตำบลขายสิ่งนี้ ได้ยินคนอื่นพูดกันว่ามันอร่อยมาก และยังเป็นสินค้าที่มาจากเมืองหลวงด้วย

ทว่าราคาก็ไม่ถูกนัก ครอบครัวนางจึงตัดสินซื้อไม่ลง

ไม่คิดเลยว่าคนพวกนี้จะใจกว้างขนาดนี้ แค่มอบให้ก็เป็นสิบกว่าขวดแล้ว มากพอที่จะให้ทั้งครอบครัวพวกกินเป็นเวลานานได้

เมื่อมาถึงลานตากข้าวแห้ง ก็มีพวกชาวบ้านบางตามารออยู่ตรงนั้นแล้ว

ในมือพวกเขายังถือเคียวถือจอบอยู่ เห็นได้ชัดว่าหลังชุมนุมเสร็จก็จะไปทำงาน

หลังจากรอประมาณหนึ่งเค่อ ทุกครัวเรือนก็มาถึงพอประมาณแล้ว และบางครอบครัวก็ยุ่งอยู่กับการเก็บเกี่ยวข้าว ดังนั้นจึงส่งเด็กๆ ในบ้านมานับจำนวนแทน

เมื่อทุกคนมารวมครบแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านก็กล่าวเสียงดัง ผู้คนเงียบลง รอให้เฉียวเยี่ยนพูด

เฉียวเยี่ยนยืนอยู่บนแท่นสูง และเอ่ยเสียงดัง “ทุกท่าน เราสองสามีภรรยาเป็นพ่อค้าต่างถิ่น อยากซื้อที่นาดีๆ ปลูกข้าวที่นี่ หากมีใครอยากขายที่นา ก็มาลงนามตรงข้าได้เลย ราคาคุ้มกว่าราคาที่ดินสูงในตอนนี้แน่นอน”

ทันทีที่ชาวบ้านบางคนได้ยินประโยคนี้ ก็อยากเบือนหน้าหนีเดินจากไป

ชาวนาอย่างพวกเขาล้วนอาศัยที่ดินในการทำกิน เมื่อไม่มีที่ดินพวกเขาจะทำอะไรได้?

อีกอย่าง การเก็บเกี่ยวในปีนี้ก็ดี หากขายที่ดินไปแล้ว ไม่เสียเปรียบตายหรือ

เฉียวเยี่ยนมองฝูงชนร้อนรน จึงเปล่งเสียงดังขึ้นอีก “ทุกท่านฟังข้าให้จบก่อน แม้จะขายที่ดินให้ข้าแล้ว พวกเจ้าก็ยังสามารถเพาะปลูกที่ดินเดิมได้…”

นางวางแผนที่จะซื้อที่ดินทั้งหมดในหมู่บ้านหูซี และชาวบ้านที่นี่ก็มีฐานะเป็นชาวนาเช่าที่ดินทำนาต่อไป ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ทุกปีมอบให้นาง นางก็จะเหลือไว้ส่วนหนึ่งไว้เป็นเสบียงให้แก่พวกเขา

แบบนี้นางไม่เพียงแต่มีที่ดิน แต่ยังแก้ปัญหาการดำรงชีวิตของคนเหล่านี้ด้วย

แน่นอนว่าเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็มีบางคนหวั่นไหว เขากระแอมเสียงและถาม “เช่นนั้นที่นาหนึ่งผืนท่านให้เท่าไหร่?”

เฉียวเยี่ยนยิ้ม และตอบกลับเสียงดัง “สิบตำลึง!”

สิ้นเสียง ผู้คนต่างแตกฮือ สิบตำลึงต่อหนึ่งหมู่ เท่ากับว่าแพงกว่าราคาตลาดปกติไปสองตำลึง!

หมู่บ้านหูซีของพวกเขามีประชากรเบาบางพื้นที่กว้างขวาง ที่นาล้วนเป็นที่อุดมสมบูรณ์ อย่างน้อยทุกครัวเรือนจะมีที่นาสี่ห้าหมู่อยู่ในมือ หากขายไปทั้งหมด ไม่ต้องรับเงินสี่หรือห้าสิบตำลึงเลยหรือ!

พวกเขากระซิบกระซาบหารือกับคนที่อยู่ข้างๆ ว่าจะขายที่ดินดีหรือไม่ และเฉียวเยี่ยนก็รออย่างเงียบๆ

นางเชื่อว่า ต้องมีคนถูกล่อลวงด้วยราคานี้แน่นอน

ราคาที่นาอุดมสมบูรณ์อยู่ที่ประมาณแปดตำลึงต่อหมู่ และมีน้อยคนนักที่จะให้ถึงเก้าตำลึง นางให้ถึงสิบตำลึง นี่มันเป็นโอกาสที่หาได้ยากนัก

เด็กบางคนที่ถูกพ่อแม่เรียกให้มาเห็นเช่นนี้ ก็รู้ว่าพวกเขาไม่อาจตันสินใจเรื่องนี้ได้ จึงรีบวิ่งแจ้นไปหาพ่อแม่ทันที

ผู้คนยังคงหารือกันอยู่ เฉียวเยี่ยนก็ปล่อยเงื่อนไขล่อใจออกมาอีกครั้ง

“บอกทุกท่านตามตรง เหตุที่ข้ามาปลูกข้าวที่นี่ ก็เพราะบังเอิญได้เมล็ดข้าวมาชุดหนึ่ง ได้ยินมาจากคนอื่นว่า ข้าวพันธุ์นี้ให้ผลผลิตสูง เมล็ดรวงใหญ่ ปกติข้าวรวงเดียวมีแค่ประมาณแปดสิบกว่าเม็ดเท่านั้น แต่ข้าวของข้ามีหนึ่งร้อยห้าสิบกว่าเม็ดต่อหนึ่งรวง ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า”

“หากพวกเจ้าขายที่ดินให้ข้า ข้าจะจัดหากล้าข้าวมาให้ เมื่อถึงเวลานั้น ผลผลิตเพิ่มขึ้น ก็หักค่าข้าวที่ต้องมอบให้ข้าแล้ว และพวกเจ้าก็จะเหลืออีกไม่น้อยเลย”

ต้องยอมรับว่า หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ คนที่สั่นคลอนเล็กน้อยเมื่อครู่ ยิ่งสั่นคลอนมากขึ้น

แต่บางคนก็สงสัย เหตุใดพวกเขาถึงไม่เคยได้ยินข้าวแบบนี้เลย? ไม่แน่อาจจะเป็นเรื่องโกหกก็ได้

แต่เมื่อพวกเขามีความคิดนี้ได้ไม่นาน ก็ได้ยินเฉียวเยี่ยนเอ่ยว่า”ข้ารู้ว่ามีบางคนไม่เชื่อ แต่กล้าข้าวนี้ข้าเป็นคนเสนอให้ แม้ถึงตอนนั้นจะปลูกไม่ขึ้น คนที่สูญเสียมากที่สุดก็คือข้า ทุกท่านขายที่ รับเงินก้อนโตไป ถึงตอนนั้นยังสามารถเก็บเสบัยงที่เหลือได้ ไม่น่ายินดีกว่าหรือ?”

พวกชาวบ้านได้ยินสิ่งนี้ก็ครุ่นคิดอย่างจริงจัง

นั่นสิ ขายที่ดินออกไป ไม่ว่าผลผลิตจะดีหรือไม่ นั่นก็เป็นเรื่องของเจ้าของแล้ว มีผลกระทบต่อพวกเขาไม่มาก

อีกอย่างเงินสิบตำลึงต่อหนึ่งหมู่ ไม่เคยมีใครให้ราคาสูงเท่านี้มาก่อน หากพลาดไป ต่อไปก็อาจจะไม่มีโอกาสแบบนี้อีก

เมื่อปรับอารมณ์ของทุกคนได้พอประมาณแล้ว เฉียวเยี่ยนก็ขว้างระเบิดลูกสุดท้ายออกไป “ทุกท่านหากไม่อยากขายก็ไม่เป็นไร ข้าจะไปดูที่หมู่บ้านอื่น ไม่แน่อาจมีบางคนขายให้ ”

พวกชาวบ้านต่างวิตกกังวลกันมาก หากเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งผู้นี้ไปที่หมู่บ้านอื่น พวกเขาไม่เสียใจแย่เลยหรือ

ทว่าตอนนี้พวกเขายังลังเลเช่นเดิม ในใจโหยหามันมาก แต่กลับไม่มีความกล้าที่จะตัดสินใจทำลงไป

เมื่อเห็นว่าเรื่องใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว เฉียวเยี่ยนก็เตรียมจะปิด “ข้าจะให้เวลาทุกคนคิดหนึ่งวัน พรุ่งนี้เวลาเดิม ข้าจะรอพวกเจ้าอยู่ที่ลานตากข้าวแห้ง หากมีใครเต็มใจขาย ก็ถือโฉนดมาหาข้า เรามาลงนามลายลักษณ์อักษรกันตรงนั้นไปเลย และยื่นหมูยื่นแมว”

นางพูดจบ ก็บอกลาทุกคน จากนั้นก็พาคนของนางจากไป

พวกชาวบ้านบนลานตากข้าวแห้งมองพวกเขาจากไป ตอนนี้ไม่มีกะจิตกะใจจะลงนาไปทำงานเลย เอาแต่หารือเรื่องขายที่กับญาติสนิทมิตรสหาย

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ราคาล่อใจมากเลยค่ะ ดีที่เป็นเฉียวเยี่ยนปลูกอะไรก็ขึ้น ไม่งั้นคงเหมือนถูกหลอก

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด