ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 29 นอนร่วมเตียงเดียวกัน

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 29 นอนร่วมเตียงเดียวกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 29 นอนร่วมเตียงเดียวกัน

ตอนที่ 29 นอนร่วมเตียงเดียวกัน

เมื่อเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เห็นเสด็จย่าคนสวยดูงดงามขึ้น ก็ดึงมือเฉียวเยี่ยนอย่างออดอ้อน”ท่านแม่เจ้าขา ลูกก็อยากสวยเหมือนกัน ท่านแต่งให้ลูกด้วยได้หรือไม่?”

เฉียวเยี่ยนเอื่อมระอากับเจ้าปีศาจน้อยหลงตัวเองคนนี้ จึงแกล้งใช้แปรงเครื่องสำอางปัด ๆ ให้นาง จากนั้นก็ใช้ลิปสติกแต้มจุดแดงเล็ก ๆ ระหว่างคิ้วนาง

“เสร็จแล้ว ไปส่องกระจกได้”

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์รีบเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ฮองเฮาทันที สองย่าหลานหลงตัวเองส่องกระจกด้วยกัน

“เสด็จย่า ข้าสวยหรือไม่เจ้าคะ?”

ฮองเฮาโอบกอดร่างน้อยของนาง และชมนางอย่างไม่ลังเล “สวยมากเลย เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของเราสวยที่สุด”

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ยิ้มจนแทบมองไม่เห็นตา “ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ตีหน้าขรึมมองสองย่าหลานหลงตัวเอง พลางกุมหน้าผากอย่างช่วยไม่ได้

ณ ห้องทรงอักษร

มู่ฉินเจินกำลังรายงานเรื่องมันเทศต่อฮ่องเต้ และเขายังตั้งใจนำมันเทศสองหัวที่เฉียวเยี่ยนย่างในวันนี้มาให้ด้วย

หลังจากฮ่องเต้เสวยก็เอ่ยชมไม่ขาดปาก และยังตรัสถามเกี่ยวกับผลผลิต และการเจริญเติบโตของมันเทศ

มู่ฉินเจินนำคู่มือการปลูกมันเทศที่เฉียวเยี่ยนทำขึ้นก่อนหน้านี้ให้ฮ่องเต่ดู ฮ่องเต้ทอดพระเนตรจนดวงพระเนตรเปล่งประกาย ไม่คิดเลยว่าสิ่งนี้จะได้ผลผลิตสูงขนาดนี้!

“เยี่ยม! เยี่ยมจริง ๆ หากมีของสิ่งนี้ ก็จะแก้ปัญหาปากท้องของราษฎรส่วนใหญ่ได้แล้ว! ชายาเจ้าช่วยเราได้มากจริง ๆ !”

เมื่อได้ยินเสด็จพ่อชื่นชมเฉียวเยี่ยน มู่ฉินเจินก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “เสด็จพ่อ ราชสำนักจะมอบรางวัลให้แก่ผู้ที่ค้นพบพืชผลใหม่ พระองค์อย่าลืมเสียล่ะ”

ฮ่องเต้เหลือบมองเขา “เข้าใจแล้ว เราไม่เอาเปรียบชายาเจ้าแน่นอน!”

เมื่อก่อนไม่เคยแยแสต่อเฉียวเยี่ยน ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า รีบกลับบ้านทุกวันหลังเลิกว่าราชกิจ ไม่แม้แต่จะยอมอยู่ร่วมรับประทานอาหารเป็นเพื่อนเขากับฮองเฮาเลยสักมื้อ

เขาเคยได้ยินเหล่าคนเก่าแก่สองสามคนในราชสำนักบอกว่า เด็กคนนี้เวลาอยู่ในค่ายทหารก็เหมือนหมี พอถึงเวลาเลิกงานก็ตรงกลับไปที่บ้าน คุณชายคนอื่นนัดไปดื่มสุราก็ไม่ไป

เฮอะ! นี่แหละนะสันดานของบุรุษ!

สองพ่อลูกรีบเร่งออกจากห้องทรงอักษรไปยังตำหนักคุนหนิงของฮองเฮา เพิ่งก้าวเข้าประตูตำหนักไปไม่เท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นภายในห้อง

สองพ่อลูกยิ้มให้กัน แล้วเดินเข้าไปในตำหนัก

“มีเรื่องน่ายินดีอะไรถึงหัวเราะมีความสุขเช่นนี้?”

ฮ่องเต้แย้มสรวลพร้อมกางพระหัตถ์ออกให้เด็กทั้งสอง เด็กทั้งสองจึงรีบทิ้งเสด็จย่าคนงามวิ่งไปหาเสด็จปู่ทันที

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์โถมเข้าไปในอ้อมกอดฮ่องเต้ แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ตรงหน้าเขา “เสด็จปู่ ท่านเห็นหรือไม่เจ้าคะว่าข้ามีตรงไหนแตกต่างไป?”

ฮ่องเต้จ้องมองใบหน้าขาวอวบของเด็กน้อยด้วยรอยยิ้ม “เปลี่ยนเป็นน่ารักมากยิ่งขึ้น”

คนตัวเล็กเชิดหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ และเอ่ยแก้ไขด้วยน้ำเสียงเด็กเล็ก “เปลี่ยนเป็นยิ่งงามขึ้นต่างหากเจ้าคะ! ท่านแม่แต่งหน้าให้ข้าดูงามขึ้น!”

เฉียวเยี่ยนไม่ได้มองท่าทางหลงตัวเองของลูกสาวแล้ว นางหันหน้าหนี กลับเห็นมู่ฉินเจินกำลังมองนางพร้อมกับยิ้ม

นางถลึงตาใส่เขา มองอะไร? ไม่เคยเห็นหญิงงามรึ?

หลังจากฮ่องเต้ทอดพระเนตรเด็กทั้งสองแล้ว จึงได้ตระหนักถึงรูปโฉมที่เปลี่ยนไปของฮองเฮา ราวกับว่าพระนางย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน

เขาถามอย่างสงสัย “นี่คือฮองเฮารึ?”

ฮองเฮามองเขาด้วยสายตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นางเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง “เสี่ยวเยี่ยนเป็นคนแต่งหน้าให้หม่อมฉันเอง และนางยังให้ชุดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอันล้ำค่ายิ่งแก่หม่อมฉันด้วย!”

ฮ่องเต้ยกย่องในความใจกว้างของเฉียวเยี่ยน ฟังคำชมเชยนั้นจนรู้สึกเขินอาย เป็นอย่างที่คิดไว้เลย คนมีการศึกษาย่อมมีความแตกต่าง

หลังจากคุยเป็นเพื่อนผู้อาวุโสทั้งสองอยู่พักหนึ่ง เด็กทั้งสองก็ง่วงนอน นางกำนัลจึงจุดตะเกียงพาเฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินไปที่ตำหนัก

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อยู่ในอ้อมแขนพ่อจนเกือบจะผล็อยหลับไป เฉียวเยี่ยนสั่งให้นางกำนัลนำน้ำร้อนมาบ้วนปากล้างหน้าให้เด็กทั้งสอง

หลังจากบ้วนปากล้างหน้าเสร็จ นางยังหยิบผ้าอ้อมออกมาเปลี่ยนให้เด็ก ๆ แม้พวกเขาจะไม่เคยปัสสาวะรดที่นอนมานานแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัย ให้พวกเขาสวมไว้ดีกว่า

คืนนี้ลูกทั้งสองเล่นกันอย่างบ้าคลั่ง ต้องหลับลึกแน่นอน และบางทีอาจจะปัสสาวะตอนหลับก็ได้

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์สวมผ้าอ้อม แล้วสวมชุดนอนทับอีกชั้น จากนั้นก็กระโดดขึ้นเตียงใหญ่ เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ปิดก้นตัวเองอย่างขมขื่น ราวกับว่าเขาสวมกางเกงเปิดเป้าแทนผ้าอ้อม น่าอายเป็นอย่างยิ่ง

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์กลิ้งไปมาอย่างมีความสุข พลางกระพริบตาปริบ ๆ ให้มู่ฉินเจิน “ท่านพ่อเจ้าขา คืนนี้ท่านพ่อจะนอนกับท่านแม่และพวกลูกหรือไม่?”

คำพูดนี้ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน เฉียวเยี่ยนมีสีหน้าตกใจเต็มเปี่ยม ในขณะที่มู่ฉินเจินพยักหน้าอย่างสงบ

เฉียวเยี่ยนเบิกตากว้าง ไม่หรอกมั้ง พวกเขายังไม่รักกันดีถึงขั้นที่จะนอนร่วมเตียงเดียวกันหรอกกระมัง?

มู่ฉินเจินมองความคิดในใจเฉียวเยี่ยนออก จึงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย และอธิบาย “ภายใต้สายตาเสด็จพ่อเสด็จแม่ หากเรานอนแยกห้องกัน คงไม่ง่ายนักที่จะอธิบาย”

เฉียวเยี่ยนโบกมือ “มีอะไรจะยากอธิบายกัน แค่บอกว่าเด็กทั้งสองส่งเสียงดังเกินไป เจ้าพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ก็ได้แล้วนี่”

มู่ฉินเจินมองใบหน้าปฏิเสธนอนร่วมเตียงกับเขาของนางก็รู้สึกปวดใจ หรือเสน่ห์ของเขาลดลงแล้วจริง ๆ ?

ในช่วงเวลาสำคัญ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์จึงจำต้องออกโรง

คนตัวเล็กคลานเข้าไปกอดออดอ้อนแม่ “ท่านแม่ ให้ท่านพ่อนอนกับพวกเราเถอะเจ้าค่ะ นอนคนเดียวน่าสงสารมาก และท่านพ่อคงจะกลัว”

เฉียวเยี่ยน “…”

เจ้าว่าคนที่ผีสางเทวดาไม่เข้าใกล้อย่างพ่อเจ้านั้นจะหวาดกลัวรึ? ทำไมนางไม่อยากเชื่อเลยล่ะ

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เห็นว่าตัวเองคนเดียวมีพลังอ่อนแอเกินไป จึงหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชาย

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์เห็นท่าทางน่าสงสารของน้องสาว ก็ขยับปากอย่างช่วยไม่ได้ และคลานไปกอดขาอีกข้างของเฉียวเยี่ยน เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “นอนด้วยกัน คึกคักดีขอรับ”

เฉียวเยี่ยนกุมหน้าผาก เริ่มรู้สึกแล้วว่าลูกทั้งสองไม่ได้เกิดมาเพื่อตัวนางเอง แต่เกิดมาเพื่อผู้ชายเลวคนนั้น

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ยังไม่เห็นแม่พยักหน้า ก็เปลี่ยนความคิด ไม่ใช้ลูกอ้อนอีกต่อไป แต่แสร้งทำเป็นน่าสงสารแทน “ท่านแม่ ลูกยังไม่เคยนอนกับท่านพ่อเลย เรานอนด้วยกันเถอะนะเจ้าคะ”

“สหายคนอื่น ๆ ยังนอนกับท่านพ่อเลย”

เฉียวเยี่ยนทนเด็กน้อยมองนางด้วยน้ำตาคลอเบ้าไม่ได้มากที่สุด เลยยอมแพ้ทันที “ตกลง บรรพบุรุษตัวน้อย แม่ยอมแล้วตกลงไหม?”

……

ครอบครัวสี่คนนอนอยู่บนเตียง ลูกทั้งสองนอนอยู่ตรงกลาง เฉียวเยี่ยนนอนด้านในสุด มู่ฉินเจินนอนด้านนอกสุด

ระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองเงียบสงัด ในขณะที่ลูกทั้งสองเอนศีรษะเข้าหากันและพึมพำบางอย่างที่มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่เข้าใจ

เฉียวเยี่ยนค่อนข้างระมัดระวัง นี่เป็นครั้งแรกที่นางนอนร่วมเตียงเดียวกันกับชายคนนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าหลังจากตัวเองหลับอยู่จะส่งเสียงกรน กัดฟัน และผายลมหรือไม่?

ระบบตัวน้อยที่เอนตัวเตรียมจะนอนอยู่บนเตียงเจ้าหญิงสีชมพู ได้ยินสิ่งที่เฉียวเยี่ยนคิด ก็หัวเราะกลิ้งไปมาบนเตียงทันที

[ท่านโฮสต์ ระบบรับรองว่า ตอนที่ท่านหลับท่านต้องไม่กรน กัดฟันและตดแน่นอน ]

เฉียวเยี่ยนหน้าแดง ลืมเจ้าเด็กคนนี้ไปได้อย่างไรเนี่ย!

คนที่ในใจไม่สงบหาใช่แค่เฉียวเยี่ยน แต่ยังมีมู่ฉินเจินด้วย เขากับเฉียวเยี่ยนแต่งงานกันมาเกือบห้าปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขานอนร่วมเตียงเดียวกัน แม้จะเป็นค่ำคืนไร้สาระคืนหนึ่ง แต่พอตื่นขึ้นมาเขาก็โยนนางออกไปจากบ้าน

ตอนนี้คิดดูแล้วก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย

หากตอนนั้นเขาไม่หุนหันพลันแล่นขับนางไปยังบ้านไร่ บางทีพวกนางสามแม่ลูกก็คงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานตั้งสี่ปี และบางทีท่าทางของนางที่มีต่อเขาก็คงจะไม่เย็นชาเหมือนอย่างตอนนี้

ในห้องเงียบสงัด เด็กทั้งสองผล็อยหลับไปหลังจากเล่นคนเดียวสักพัก แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองยังลืมตาอยู่

เฉียวเยี่ยนพลิกตัวหันหลังให้มู่ฉินเจิน ได้ยินเพียงเสียงทุ้มต่ำของมู่ฉินเจินที่ดังอยู่ภายในห้อง

“ขอโทษ”

หืม?

เฉียวเยี่ยนมึนงง นี่คือคุยกับนางอยู่รึ?

นางไม่พูดอะไร มู่ฉินเจินจึงเอ่ยต่อ ” ขอโทษ ก่อนหน้านี้ข้าไม่ควรขับไล่เจ้าไปบ้านไร่เลย”

ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ขอโทษอย่างเดียวไม่หายค่ะท่านอ๋อง ท่านต้องพิสูจน์ตัวเองว่าต่อจากนี้จะเป็นสามีและพ่อที่ดีด้วย ลูกเมียทุกข์ทรมานมาสี่ปีจะให้มาคืนดีแค่คำขอโทษคำเดียวเนี่ยนะ ตลกกกก

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *