ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 292 มีคนตกน้ำ
ตอนที่ 292 มีคนตกน้ำ
ตอนที่ 292 มีคนตกน้ำ
มู่เจ๋อจิ่นที่ถูกซ้อมจนหายใจรวยรินยังไม่ทันทุเลาดีก็ถูกหามไปยังตำแหน่งอื่น เพราะไฟไหม้ลานหลักอีกครั้ง
เขาที่เพิ่งฟื้นพลันเดือดดาลยิ่ง จนกระอักเลือดและหมดสติไปอีกครั้ง
ก่อนหมดสติไป ในหัวเขามีเพียงความคิดเดียว คือฉีกหลันหนิงออกเป็นชิ้นๆ
ในคืนวันแต่งงานใหญ่ เจ้าบ่าวถูกทุบตีจนนอนหายใจรวยริน ส่วนเจ้าสาวที่เฝ้าห้องหออยู่คนเดียวขณะนี้มีสีหน้าดำทะมึนอย่างยิ่ง
อี้จื่อจิ้นนั่งอยู่ในห้องหออย่างคาดหวังเต็มเปี่ยม รอมู่เจ๋อจิ่นกลับมา
แต่ยิ่งดึกขึ้นเรื่อยๆ กลับไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของเจ้าบ่าว
นางนั่งอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าเศร้าหมองจนน่ากลัว เพื่อนเจ้าสาว สาวใช้ภายในห้องล้วนถูกนางไล่ออกไปหมด ถั่วลิสง ลำไยอบแห้ง พุทราจีนที่วางอยู่บนโต๊ะล้วนถูกนางกวาดลงพื้นหมดเช่นกัน
ทำไมกัน!
ในคืนวันแต่งงาน เขากลับไม่อยู่ในงาน เพราะต้องการให้นางถูกคนอื่นหัวเราะเยาะอย่างนั้นหรือ!
นางเป็นบุตรสาวอัครเสนาบดีผู้สูงส่ง เหตุใดต้องถูกกระทำเช่นนี้ด้วย?
ยิ่งคิดนางยิ่งโกรธแค้น พลางฟุบลงร่ำไห้กับเตียง
ชิงเหลียนสาวใช้ที่ติดตามมาด้วยเข้ามาในห้องอย่างกล้าๆ กลัวๆ และกระซิบรายงานกับนาง “หวางเฟย บ่าวไปสอบถามมาแล้ว แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าท่านอ๋องไปที่ใด แม้แต่องครักษ์ข้างกายท่านอ๋องก็ไม่อยู่ในตำหนักด้วยเจ้าค่ะ”
อี้จื่อจิ้นได้ยินเช่นนี้ ก็หยิบสิ่งของบนเตียงเขวี้ยงไปที่ชิงเหลียนอย่างบ้าคลั่ง “ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้! นังขยะไร้ประโยชน์!”
……
ครอบครัวของเฉียวเยี่ยนยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง พวกเขายังคงใช้ชีวิตอยู่ในชนบทอย่างมีความสุข
นาข้าวทั้งหมดที่เฉียวเยี่ยนซื้อมาได้ถูกไถเตรียมดินหมดเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่รอกล้าที่หว่านเติบโต ก็นำไปปลูกในทุ่งนาได้
ในช่วงนี้นางก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ ไม่ไปทุ่งนาดูการเจริญเติบโตของต้นกล้าก็ไปร้านขายของต่างๆ ในตำบล ดูปริมาณการขายของสินค้าเฉียวจี้
เมื่อเทียบกันแล้ว ท่านอ๋องว่างกว่าตอนอยู่ในเมืองหลวงเสียอีก นอกจากสอนลูกๆ เรียนหนังสือแล้ว เวลาที่เหลือก็ตามติดภรรยาไปทั่วทุกที่ หรือไม่ก็กดนางลงเตียงและหยอกเย้านาง
เฉียวเยี่ยนถูกทรมานจนปวดเมื่อยเอวไปหมด และมีความคิดเสี้ยวหนึ่งว่าควรโยนชายคนนี้กลับเมืองหลวงไปเสีย หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ชีวิตน้อยๆ ของนางคงไม่เหลือแน่
พวกเด็กๆ ไปอยู่คลุกคลีกับเด็กๆ ในหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว และไปเล่นทั่วทุกที่กับพวกเขาทุกวัน ราวกับม้าป่าสองสามตัวที่วิ่งเล่นอยู่ในป่า
ในตอนเย็น เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินจูงมือกันออกไปเดินเล่นนอกบ้าน พวกเด็กๆ ที่มีคนเล่นเป็นเพื่อนด้วย ก็ไม่เกาะติดพวกเขาแล้ว
ทั้งสองเดินไปตามริมแม่น้ำ ชมทิวทัศน์ยามพระอาทิตย์ตกดิน พูดคุยหัวเราะแก่กัน
เมื่อผ่านสะพานแห่งหนึ่ง เฉียวเยี่ยนก็สังเกตเห็นพี่สาวคนหนึ่งยืนอยู่บนสะพาน สีหน้าอีกฝ่ายไร้ความรู้สึกใดๆ และมีท่าทางเหม่อลอย ทันใดนั้น พี่สาวผู้นี้ก็ปีนข้ามรั้วกั้นกระโดดลงไปในแม่น้ำทันที
ภาพนี้ทำให้คนที่สัญจรไปมาบริเวณใกล้เคียงต่างตื่นตระหนกสุดขีด และพากันกรีดร้องออกมา
เฉียวเยี่ยนก็ตกใจกับเหตุการณ์นี้เช่นกัน นางเหลือบมองไปยังตำแหน่งที่พี่สาวคนนั้นตกลงไป และพบว่าอยู่ไม่ไกลจากนางมาก นางจึงเดินไปริมแม่น้ำกระโดดลงไปอย่างไม่ทันได้คิดอะไร และว่ายไปทางพี่สาวคนนั้น
ก่อนที่มู่ฉินเจินจะทันได้หยุดนาง เฉียวเยี่ยนก็กระโดดลงน้ำไปแล้ว ใจของเขาเต้นรัวขึ้น ก่อนกระโดดตามลงไป
เฉียวเยี่ยนว่ายไปยังจุดที่หญิงคนนั้นตกลงไป ก่อนดำลงไปในน้ำ ควานหาพี่สาวที่จมลงสู่ก้นแม่น้ำขึ้นมา แล้วลากนางว่ายกลับ
มู่ฉินเจินว่ายมาถึงนาง รับคนที่นางดึงว่ายกลับมา เพื่อช่วยลดภาระให้นาง
คนรอบข้างที่เห็นคนตกน้ำก็พากันไปยืนล้อมรอช่วยดึงคนขึ้นมาจากริมแม่น้ำ
เมื่อขึ้นมาบนฝั่ง พี่สาวคนนั้นก็หมดสติไปแล้ว เฉียวเยี่ยนปาดน้ำออกจากใบหน้า และกดหน้าอกของนางทันที เพื่อไล่น้ำให้สำลักออกมา
พี่สาวคนนั้นสำลักน้ำออกมา และได้สติขึ้นมาทันที ครั้นเห็นผู้คนล้อมรอบตนเป็นวงกลมก็ร้องไห้คร่ำครวญเสียงดังขึ้นมา “เหตุใดต้องช่วยข้าด้วย! ปล่อยให้ข้าตายไปให้จบๆ เถิด!”
เฉียวเยี่ยนปลอบนาง “พี่สาว ท่านอย่าตื่นตระหนกไป มีเรื่องอะไรก็ค่อยๆ พูดกัน อย่างไรก็แก้ไขได้แน่นอน”
ทว่าพี่สาวคนนี้กลับจมอยู่กับความเศร้าโศกของตัวเอง จึงไม่ฟังคำโน้มน้าว “แก้ไขไม่ได้หรอก ลูกสาวผู้น่าสงสารของข้า! แม่ช่วยเจ้าไม่ได้ แม่ควรตายให้มันจบๆ ไปเสีย!”
มู่ฉินเจินไม่ชอบคนประเภทที่ไม่เคารพชีวิตและอยากตายนี้มาก จึงดึงเฉียวเยี่ยนลุกขึ้นมา แล้วลากนางกลับ
ทว่าเฉียวเยี่ยนยืนนิ่งไม่ขยับ และประสานสายตากับเขา พลางส่ายหน้าเบาๆ
หากนางไม่กลับ มู่ฉินเจินก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากอยู่กับนางด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
ฝูงชนพยายามแย่งกันเกลี้ยกล่อมพี่สาวคนนี้ ทว่านางมัวแต่ร้องไห้ จึงถามหาสาเหตุที่ทำแบบนี้ไม่ได้
ผู้คนที่มาล้อมรอบยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ มีบางคนจำพี่สาวที่ยังคงนั่งร้องไห้อยู่กับพื้นได้
“นี่แม่ชุนเหมยไม่ใช่รึ? ไอหยา! เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ตรงนี่? ชายของเจ้าตามหาเจ้าทั้งบ่ายเลย”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา พวกคนที่มาล้อมรอบก็สอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับคนผู้นี้
ชายผู้นี้รู้เรื่องวงในจริงๆ จึงเล่าให้ทุกคนฟังอย่างละเอียด
ที่แท้พี่สาวคนนี้มีลูกสาวชื่อว่าหลี่ชุนเหมย นางเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาสวยงามมากในหมู่บ้านหูซีของพวกเขา และเพิ่งมีอายุสิบห้าปีในปีนี้ ทำให้มีแต่คนแวะมาสู่ขอจนหัวกระไดไม่แห้ง
แต่ไม่คิดเลยว่าสาวน้อยวัยละอ่อนคนนี้กลับถูกคหบดีจางวัยห้าสิบที่อยู่ในตำบลมาติดพันชอบพอ จนอยากรับมาอุปการะเป็นภรรยาน้อย
แน่นอนว่าครอบครัวหลี่ชุนเหมยปฏิเสธ คหบดีจางผู้นี้จึงให้เงินห้าสิบตำลึง และบีบบังคับให้ฉุดกระชากคนไป
พ่อแม่ของหลี่ชุนเหมยมาขอคนคืนถึงที่ ไม่เพียงแต่ไม่ได้กลับไปเท่านั้น แต่ยังถูกทุบตีด้วย ดังนั้นแม่ของชุนเหมยจึงคิดไม่ตก อยากกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย
เฉียวเยี่ยนฟังจบก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดไม่ไปฟ้องศาลล่ะ?”
ฉุดคร่าสาวชาวบ้านกลางวันแสกๆ นับเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย!
แม่ชุนเหมยรู้สึกเหมือนใจดับมอด เอ่ยด้วยน้ำตานองหน้า “ข้ากับพ่อของเด็กไปมาแล้ว แต่นายอำเภอไม่ยอมรับการฟ้องร้องนี้!”
“อีกอย่างคหบดีจางนั้นยังบังคับให้เราลงนามสัญญา บนนั้นเขียนว่า เราขายลูกสาวให้เขาด้วยความสมัครใจ ต่อให้เราไปฟ้องศาล เราก็จะไม่ชนะคดีนี้”
คนรอบข้างได้ฟังต่างก็สะเทือนใจ สองคู่รักนี้ช่างมีชีวิตลำบากยากเข็ญจริงๆ ทั้งชีวิตให้กำเนิดลูกสาวคนหนึ่งออกมา รักและดูแลเหมือนแก้วตาดวงใจ แต่กลับถูกชายชราวัยไม้ใกล้ฝั่งมาแย่งไปเป็นภรรยาน้อย
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่บ้านใคร รับรองว่าล้วนคิดไม่ตกกันทั้งสิ้น
เฉียวเยี่ยนมองไปที่มู่ฉินเจินโดยไม่พูดอะไร ทว่ามู่ฉินเจินกลับเข้าใจความหมายนาง
นี่คืออยากจะลงมือให้ความช่วยเหลือ
บังเอิญจริง เขาก็อยากดูว่าที่เจียงหนานนี้ซ่อนพวกกเฬวรากอะไรไว้บ้างเหมือนกัน!
เฉียวเยี่ยนเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าพี่สาวคนนั้น ช่วยพยุงนางขึ้นจากพื้น และเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน”พี่สาว ท่านไม่ต้องกังวล เรื่องนี้ข้ามีวิธี ท่านเชื่อข้า รับรองว่าต้องช่วยลูกสาวท่านกลับมาได้แน่ ”
พี่สาวคนนั้นมองนางด้วยน้ำตาคลอเบ้า “จริงหรือ?”
เฉียวเยี่ยนพยักหน้า และเอ่ยเกินจริงเล็กน้อย “เราสองสามีภรรยามาจากเมืองหลวง รู้จักคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง รอข้าเขียนจดหมายถึงชายคนนั้นฉบับหนึ่งแล้ว เขาจะส่งคนมาแก้ปัญหาเรื่องนี้เอง”
เมื่อพี่สาวคนนั้นได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของนางก็เต็มเปี่ยมด้วยความปิติยินดี นางคุกเข่าคำนับให้เฉียวเยี่ยน “ขอบคุณแม่นางเฉียว ขอบคุณผู้มีพระคุณ ขอแค่สามารถช่วยลูกสาวของข้าออกมาได้ จะให้ทำอะไรข้าจะทำให้ทุกอย่างเลย”
เฉียวเยี่ยนรีบดึงคนขึ้นมา “อย่าเพิ่งรีบขอบคุณข้า ช่วยคนสำคัญกว่า ท่านกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วมาหาข้าที่ลานบ้านข้า ข้าจะส่งคนตามท่านไปช่วยคน”
เด็กสาวถูกคนพาตัวไปแล้ว ต้องรีบแย่งนางกลับมา ไม่เช่นนั้นหากถูกชายชราน่าขยะแขยงคนนั้นปู้ยี่ปู้ยำไปจริงๆ คงพังทลายไปทั้งชีวิต
พี่สาวคนนั้นรีบวิ่งกลับไปอย่างเชื่อฟัง เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินก็กลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นกัน ผู้คนพูดคุยกันสักพักหนึ่งก็แยกย้ายกันกลับ
เมื่อกลับมาถึงลานบ้าน มู่ฉินเจินก็หยิบป้ายคำสั่งของตัวเองโยนให้เกาจัวหยวน ให้เขาไปจวนจือโจวเชิญจือโจว*มา
(*知州 เจ้าผู้ครองรัฐ)
เขาไม่อยากเปิดเผยตัวตนของเขา จึงแอบสังเกตลักษณะนิสัยของนายอำเภอกับจือโจวว่าอยู่ที่นี่เป็นอย่างไร
คืนนี้พวกเขาจะไปแย่งคนที่จวนคหบดีจาง พรุ่งนี้คหบดีจางต้องไปฟ้องศาลแน่นอน ตามที่หญิงคนนั้นพูดเมื่อครู่ คหบดีจางต้องสมรู้ร่วมคิดกับนายอำเภอเป็นแน่ และการเชิญจือโจวมา ก็จะรู้ได้ว่าพวกเขาร่วมมือกันหรือไม่
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
สู้ๆ นะคะ ไปแย่งตัวน้องมาจากตาแก่ตัณหากลับนี่ให้ได้ก่อนที่มันจะทำลายความบริสุทธิ์น้อง แค่นึกก็สยองแล้วที่มีคนอายุอานามราวปู่ราวทวดมาฉุดคร่าตัวไป
ไหหม่า(海馬)
Comments