ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 297 มิตรภาพในวัยเยาว์ล่มแล้ว

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 297 มิตรภาพในวัยเยาว์ล่มแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 297 มิตรภาพในวัยเยาว์ล่มแล้ว

ตอนที่ 297 มิตรภาพในวัยเยาว์ล่มแล้ว

วันนี้โจวผิงฟานมารับประทานอาหารด้วยอีกแล้ว และยังถือปลาเฉาตัวใหญ่หนักสิบห้าชั่งติดไม้ติดมือมาด้วย

เขาวิ่งไปลานบ้านที่พวกเฉียวเยี่ยนพักอยู่อย่างมีความสุข ผลคือพบว่าทั้งครอบครัวไปลงนาปลูกข้าวกันหมด เขาจึงหิ้วปลาเดินไปหาที่ทุ่งนา

ครั้นเห็นมู่ฉินเจินม้วนขากางเกงขึ้น สะพายตะกร้าต้นกล้าและปลูกข้าวเหมือนพวกชาวนา ก็ตกใจมากจนกรามแทบหลุดอีกครั้ง

ถึงอย่างไรก็เป็นท่านอ๋อง จะทำตนสมถะถึงขั้นติดดินขนาดนี้ได้อย่างไร?

แต่กระนั้น เขาก็ชอบ!

เด็กทั้งสี่ตัวนั่งยองๆ เล่นโคลนอยู่บนสันคันนา ครั้นเห็นท่านลุงโจวอันเป็นที่รักของพวกเขา แต่ละคนก็ก้าวขาสั้นวิ่งไปหาทันที

โจวผิงฟานยิ้มดั่งพระอริยเมตรัย หยิบลูกอมออกมาจากอก แบ่งให้เด็กๆ คนละสองสามเม็ด เมื่อได้ยินพวกเขาเรียกว่าท่านลุงด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว เขารู้สึกเพียงว่าหัวใจตัวเองหวานยิ่งกว่าลูกอมเหล่านี้อีก

แม้ว่าเด็กๆ จะไม่ใช่ของเขา แต่ก็สนิทกับเขานะ สนิทแนบแน่นยิ่งกว่าพ่อพวกเขาเสียอีก!

แค่คิดก็รู้สึกถึงความสำเร็จแล้ว!

พวกเด็กๆ ต่างอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจเมื่อสังเกตเห็นปลาตัวใหญ่ที่เขากำลังหิ้วอยู่

เจ้าปลาอ้วนยื่นมือไปแหย่ปากปลาเฉาตัวใหญ่ที่หุบไม่สนิท แล้วอุทานว่า “ปลาตัวใหญ่จังเลย!”

ใหญ่กว่าปลาที่นางเลี้ยงในตำหนักเสียอีก ปลาตัวใหญ่ขนาดนี้ ต้องอร่อยมากแน่ๆ!

มู่ฉินเจินสังเกตเห็นโจวผิงฟานที่มากินดื่มเปล่าแถมยังแย่งลูกของเขาไปอีก ก็กลอกตาใส่เขาอย่างตรงไปตรงมา

ที่สำคัญที่สุดคือชายคนนี้ไม่เพียงแต่แย่งลูกของเขาไป แต่ยังรบกวนให้ภรรยาเขาทำอาหารอีกด้วย ช่างได้คืบจะเอาศอกจริงๆ !

มิตรภาพอันยาวนานหลายปีถึงกาลล่มสลายในตอนนี้นี่เอง เห็นได้ชัดว่าชายสองคนนั้นยังคงแข่งขันกันอย่างลับๆ อยู่

โจวผิงฟานเพลิดเพลินไปกับการถูกเด็กๆ ห้อมล้อม พลางกลอกตากลับใส่ท่านอ๋องบางคนอย่างภูมิใจ

เฉียวเยี่ยนมองชายปัญญาอ่อนสองคนก็ยิ้มจนหุบปากไม่ได้ นางสะกิดแขนมู่ฉินเจินเบาๆ และเอ่ยอย่างจนใจ “ท่านอายุเท่าไหร่แล้ว? ยังกินน้ำส้มไหนี้อยู่อีกหรือ”

มู่ฉินเจินเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย สีหน้าดูห่อเหี่ยวและหยิ่งยโสเล็กน้อย พวกเขาทั้งหมดเป็นลูกของเขา ถูกคนอื่นแย่งไปเขาจะอารมณ์เสียไม่ได้เลยหรือ? ยังมีเหตุผลอยู่หรือไม่?

เฉียวเยี่ยนเอ่ยอย่างมีเหตุผลกับชายบางคนที่จริงจังเกินเหตุ ก่อนทักทายโจวผิงฟานด้วยรอยยิ้ม

โจวผิงฟานส่ายปลาในมือไปมา พร้อมยิ้มแหยๆ บนใบหน้า “วันนี้มีจับปลาในแม่น้ำ และไปเจอกับปลาตัวใหญ่เข้าจึงซื้อมา จะให้คนอื่นทำก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย จึงให้เจ้าทำดีกว่า”

ฝีมือการทำอาหารของเฉียวเยี่ยนได้รับการยอมรับ เฉียวเยี่ยนจึงรู้สึกมีความสุขมาก และตอบเสียงดัง “ได้ วันนี้ข้าจะใช้ปลาตัวนี้ทำอาหารจานปลาทั้งหมดให้ท่าน”

สิ้นเสียงนาง เสียงของมู่ฉินเจินก็ดังขึ้นมาเบาๆ “ห้าร้อยตำลึง ภรรยาข้าเป็นคนที่เจ้าเรียกใช้ได้ง่ายหรือ?”

โจวผิงฟานเกร็งหน้าท้องที่ยื่นออกมาอย่างสุดชีวิต “ห้าร้อยตำลึงก็ห้าร้อยตำลึง ฮึ่ม!”

ทั้งสองตกอยู่ในวังวนของการชนไก่ที่ไม่มีที่สิ้นสุดอีกครั้ง เฉียวเยี่ยนไม่อยากสนใจคนปัญญาอ่อนสองคนนี้อีกแล้ว ก่อนจะรับปลามา และพาเด็กๆ กลับบ้าน

“เด็กๆ ไปกันเถิด แม่จะทำของอร่อยๆ ให้พวกเจ้ากิน”

พวกเด็กๆ ตอบกลับอย่างนุ่มนวลอ่อนหวาน ตามติดหลังมารดากันเป็นพรวน และเดินกลับบ้านอย่างเชื่อฟัง

ชายสองคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังมองกันด้วยสายดุจคมมีด โจวผิงฟานสำรวจใบหน้าที่โกรธเคืองของมู่ฉินเจิน ก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

ตอนเขายังหนุ่มหน้าตาก็ดูไม่ขี้เหร่ และผอมเพรียวแข็งแรงพอๆ กันกับเขา แต่ต่อมาเขาทำกิจการ ออกไปพบปะผู้คนมากขึ้น ท้องของเขาก็มีเนื้อมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เขาดูเหมือนพระสังกัจจายน์ไปแล้ว

ไฉนพี่คนนี้ตั้งหลายปีไม่เปลี่ยนไปเลย แถมยังดูยั่วยวนมากขึ้นด้วย!

หรือนี่คือความต่างระหว่างการมีภรรยากับไม่มีภรรยา?

ไม่น่าจะใช่นะ ภรรยาเขาทำอาหารอร่อยขนาดนั้น เหตุใดชายคนนี้ถึงกินแล้วไม่อ้วนเลยล่ะ?

หากมู่ฉินเจินรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ต้องรู้สึกภาคภูมิใจมากแน่

มันแน่นอนอยู่แล้ว ในอดีตเขาก็เคยคิดว่าหน้าตาของบุรุษเป็นของนอกกาย ความสามารถต่างหากที่สำคัญ ทว่าหลังจากที่เขามีภรรยา เขาก็เริ่มใส่ใจกับการรักษารูปลักษณ์ของตัวเอง

ถึงอย่างไรภรรยายังสาวและสวยมากขนาดนี้ หากเขามีสภาพเป็นเหมือนลุงบ้ากามคนหนึ่ง จะขัดขวางพวกปีศาจที่อยากได้ภรรยาเขาได้อย่างไร

โจวผิงฟานจับผิดมู่ฉินเจินไปทั่วทุกที่ หลังจากไม่พบข้อบกพร่องที่ให้เขาบ่นได้ เขาก็เคลื่อนสายตาไปสนใจต้นกล้าที่เขาปลูก

อันนี้เขาชำนาญเลย! งานนี้เขาทำเป็นมาตั้งแต่เด็กเลย

เขาถอดรองเท้า ม้วนแขนเสื้อและขากางเกงขึ้น ลงนาไปปลูกข้าวกับมู่ฉินเจิน พลางมองการเคลื่อนไหวของเขาและเอาแต่บ่น

มู่ฉินเจินถูกเขากระตุ้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ขึ้นมา จึงปักดำกล้าข้าวเร็วยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ชายร่างใหญ่สองคนจึงปลูกด้วยความเร็วเต็มที่ ท่ามกลางการแข่งขันแบบลับๆ จนปลูกเสร็จทั้งนา

องครักษืที่ปลูกข้าวอยู่ในนาข้างๆ เห็นความคืบหน้าของทั้งสอง ก็อดยกนิ้วโป้งให้ไม่ได้ พวกเขาทั้งสองช่างเป็นคนดุดันจริงๆ !

เฉียวเยี่ยนพาเด็กๆ กลับบ้าน และจัดการปลาให้เรียบร้อย

ปลาตัวใหญ่สิบห้าชั่งหลังชำแหละเนื้อแล้วก็ใส่ได้เต็มอ่างใหญ่ พวกเขาทั้งครอบครัว กินมื้อหนึ่งก็อาจจะกินไม่หมด

หลังจากตกลงว่าจะทำอาหารจานปลาทั้งหมด วันนี้นางจึงวางแผนจะใช้ปลาตัวนี้ ในการปรุงอาหารในรูปแบบต่างๆ โต๊ะหนึ่ง

เนื้อปลาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หมักต้นหอม ขิง เหล้าเสร็จ เอาลงไปทอดในน้ำมันจนกรอบ แค่ปลาทอดเพียงชิ้นเดียว ก็สามารถนำมาทำเป็นอาหารสองจานที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงได้

ใส่ต้นหอม ขิง กระเทียมลงไปผัดให้หอม เพิ่มโต้วป้านเจี้ยงลงไปสองช้อน ผัดจนหอมแล้วเติมน้ำลงไป จากนั้นนำปลาทอดชิ้นใส่ลงในหม้อ เคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนกรอบ เติมเครื่องปรุงอื่นๆ เพื่อเพิ่มรสชาติ สุดท้ายใช้ไฟแรงเคี่ยวน้ำให้แห้งจนกลายเป็นปลาผัดซอส

ชิ้นปลาทอดที่เหลือ นำไปผัดกับพริกแห้ง ฮวาเจียวแห้ง กระเทียมแผ่น ขิงฝอยให้หอม แล้วคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงเสร็จ ก็ได้ปลาทอดกรอบแล้ว

ขั้นตอนการทอดปลานั้นทั้งหอมทั้งยาวนาน ฮุ่ยเซียงเป็นลูกมือให้นาง ส่วนลูกทั้งสี่ก็ไม่ได้ไปไหน คอยเฝ้าอยู่ในครัวในฐานะผู้ติดตามตัวน้อย พร้อมน้ำลายไหลไปกับหม้อเหล็กใบใหญ่

ปลาทอดกรอบใกล้จะสำเร็จแล้ว เฉียวเยี่ยนจึงหยิบมาป้อนแมวตะกละตัวน้อยพวกนี้ก่อน นางทอดปลากรอบไปจนถึงกระดูก พวกเด็กๆ จึงสามารถเคี้ยวได้เลยโดยไม่ต้องกังวลว่าก้างปลาจะติดคอ

เห็นเด็กๆ กินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เฉียวเยี่ยนก็รู้สึกพึงพอใจมาก ลูกของนางทั้งน่ารักทั้งเชื่อฟังจริงๆ

วิธีดั้งเดิมในการกินปลาคงไม่พ้นเนื้อปลาแล่ ปลาต้มพริกหม่าล่าเผ็ดเกินไป เด็กๆ กินไม่ได้ เฉียวเยี่ยนจึงวางแผนจะทำแกงส้มปลา

หลังจากมาถึงที่นี่นางไม่ได้ดองผักเลย แต่คนในหมู่บ้านมี นางจึงให้ฮุ่ยเซียงนำเนื้อหนึ่งชิ้นไปแลกผักดองกับเพื่อนบ้านในบริเวณใกล้เคียงมา

พวกเพื่อนบ้านอบอุ่นและใจกว้างมาก เมื่อได้ยินว่าพวกเขานางต้องการผักดอง ก็ตักให้ชามใหญ่อย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง

บอกให้เอาเนื้อไปด้วยก็ไม่เอา ฮุ่ยเซียงจึงหมดปัญญา ทิ้งเนื้อเอาไว้ และกอดถ้วยวิ่งหนีไปโดยไม่หันกลับมามอง

เพื่อนบ้านเหล่านี้กระตือรือร้นจนทำให้นางลำบากใจเล็กน้อย

นำปลามาแล่เป็นชิ้นบางๆ แช่น้ำล้างเมือกออกให้สะอาด แล้วหมักกับเครื่องปรุงไว้ครู่หนึ่ง

ตั้งน้ำมันในหม้อ ผัดต้นหอม ขิง กระเทียมให้หอม จากนั้นใส่ผักดองที่หั่นเสร็จแล้วลงไป ต้มให้เป็นแกงส้ม เมื่อน้ำเดือดแล้ว ก็ใส่เนื้อปลาแล่ที่หมักไว้ลงไป

ปลาในน้ำแกงส้มให้ความสำคัญกับความนุ่มของเนื้อปลามาก ลวกเนื้อปลาได้เพียงไม่กี่อึดใจก็ตักออกได้ และลวกเนื้อด้วยความร้อนที่เหลือจากน้ำซุป

เมื่อตักออกจากหม้อแล้ว ใส่พริกแห้ง ฮวาเจียวแห้ง แล้วราดน้ำมันร้อนๆ ลงไป เพื่อให้มีกลิ่นหอม

กลิ่นหอมเปรี้ยวอันมีเสน่ห์อบอวลไปทั่วทั้งครัว ฮุ่ยเซียงที่เป็นลูกมือกับนักชิมตัวน้อยทั้งสี่ถูกกลิ่นหอมนี้ล่อลวงปั่นป่วนท้องไปหมด พวกเขารู้สึกเพียงว่ากลิ่นนี้เหมาะรับประทานกับข้าวเป็นพิเศษ น้ำแกงสีทองนั้น ตักมาราดข้าวต้องอร่อยแน่

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ตลกท่านอ๋องกับสหายวัยหนุ่มเหลือเกิน แข่งกันเป็นเด็กๆ เลย

ปลาต้มผักดองอร่อยนะคะ ร้านไหนทำดีๆ กินตอนเบื่ออาหารนี่เจริญอาหารขึ้นมาเลย

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด