ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 299 เรื่องระทึกขวัญบนถนนใหญ่

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 299 เรื่องระทึกขวัญบนถนนใหญ่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 299 เรื่องระทึกขวัญบนถนนใหญ่

ตอนที่ 299 เรื่องระทึกขวัญบนถนนใหญ่

มู่เจ๋อจิ่นกับอี้จื่อจิ้นที่ถูกเฉียวเยี่ยนเอ่ยถึงช่วงนี้มีชีวิตน่าสังเวชนัก

มู่เจ๋อจิ่นถูกหลันหนิงอัดจนกระอักเลือดหมดสติไปตั้งหลายวัน ตอนนี้ยังคงนอนหอบหายใจรวยรินอยู่บนเตียง เขาไม่ได้กลับไปตำหนักอ๋องรุ่ย แต่ไปพักรักษาตัวอยู่ลานบ้านของลูกน้องใต้บังคับบัญชา ส่วนภรรยาใหม่ในบ้านนั้นถูกเขาลืมเลือนไปนานแล้ว

อี้จื่อจิ้นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทุกวัน สามีหนีไปตั้งแต่คืนแต่งงานจนถึงตอนนี้ยังไม่กลับมา ทำให้นางต้องเข้าวังไปคารวะและกลับบ้านเพียงคนเดียว ทว่านางอยากรักษาหน้าไว้ ไม่กล้าบอกว่าสามีหนีไป ทำได้เพียงกัดฟันกลืนมันเอาไว้

นางส่งทุกคนภายใต้บังคับบัญชาของนางไปค้นหาที่อยู่ของมู่เจ๋อจิ่น แต่กลับไม่มีข่าวอะไรเลย

จนกระทั่งถึงตอนนี้นางเพิ่งรู้ว่า นอกจากรู้จักแค่ชื่อของมู่เจ๋อจิ่น และฐานะองค์ชายรองแล้ว นางไม่รู้อะไรอย่างอื่นเกี่ยวกับเขาเลย

ความรู้สึกหนาวเยือกผุดขึ้นในหัวใจของนาง ทว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นางไม่เสียใจง่ายๆ หรอก!

นางคือรุ่ยหวางเฟย บุรุษไม่อยู่แล้วอย่างไร? ไม่มีทางที่ใครจะมาสั่นคลอนตำแหน่งของนางได้!

มู่เจ๋อจิ่นกำลังพักฟื้นอยู่ที่บ้านพัก ครั้งนี้หลันหนิงลงมือรุนแรงเกินไป อาจกล่าวได้ว่าทำร้ายจนถึงกระดูก ไม่อาจพักฟื้นให้ดีขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ ได้

ไม่กี่วันมานี้เขารู้สึกตัวขึ้นมา ก็ระดมลูกน้องใต้บังคับบัญชาค้นหาร่องรอยของหลันหนิง ทว่ากลับไร้ร่องรอย

เขาพอคาดเดาในใจได้แล้วว่านางอาจเป็นคนของตำหนักอ๋องซู่

กล่าวได้ว่านางแสร้งทำเป็นหมอเทวดาตั้งแต่แรกเริ่ม นี่คือกลหมากที่อีกฝ่ายมอบให้เขา ล่อให้เขาเดินไปข้างหน้าทีละก้าว ในที่สุดก็กระโดดลงไปในหลุมพรางของพวกเขา

หากคืนนั้นไม่ได้ยั่วยุนางให้โมโห คาดว่าเขาคงยกย่องเคารพนางเป็นบรรพบุรุษแล้ว พอมาคิดๆ ดู ก็น่าขยะแขยงนัก!

มู่ฉินเจิน เฉียวเยี่ยน สองคนนี้ทำลายเรื่องดีของเขาอีกแล้ว!

เห็นทีเขาคงปล่อยให้พวกเขามีชีวิตสงบสุขเกินไป ดังนั้นต้องลงมือแล้ว!

บังเอิญพวกเขาอยู่เจียงหนานพอดี ในเมื่อทำอะไรพวกเขาไม่ได้ เช่นนั้นก็เริ่มลงมือจากคนที่พวกเขาห่วงใยแล้วกัน!

……

ต้นเดือนแปด ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้วหลังจากดำนา ต้นกล้าในนาได้เติบโตขึ้นมาอย่างดีแล้ว และเริ่มปล่อยปลาได้

โจวผิงฟานซื้อลูกปลาไว้เรียบร้อยแล้วตามคำแนะนำของเฉียวเยี่ยน ปล่อยปลาในนาข้าวด้วยปริมาณสามร้อยตัวต่อหนึ่งหมู่

หลังจากสังเกตดูอยู่สองสามวัน พบว่าปลาในนาข้าวเติบโตได้ดี และไม่ทำลายต้นกล้า ความสงสัยทั้งหมดของเขาก็คลายไป

เมื่อชาวบ้านคนอื่นๆ เห็นพวกเขาปล่อยปลาลงในนาข้าว แม้จะรู้สึกว่าแปลก แต่ก็ค่อนข้างคับแค้นใจอย่างยิ่ง

ต้นกล้าดีปานนี้ ปล่อยปลาเยอะปานนั้น ก็ทำลายนาหมดน่ะสิ คนหนุ่มสาวพวกนี้ทำอะไรประหลาดเสียจริง

พวกคุณลุงคุณปู่ที่กระตือรือร้นหลายคนในหมู่บ้านชี้แนะให้เฉียวเยี่ยนจับปลาในนาข้าวออกไป นาที่เอาไว้ปลูกข้าวจะนำมาเลี้ยงปลาได้อย่างไร ช่างทำอะไรไร้หลักการนัก!

เฉียวเยี่ยนแค่ยิ้มให้กับความกังวลของพวกเขาเท่านั้น ในเมื่ออธิบายไม่ชัดเจน เช่นนั้นก็ใช้ข้อเท็จจริงมาตบหน้าพวกเขาทีหลัง

วันนี้โจวผิงฟานส่งลูกปลามาให้ ประจวบเหมาะที่เด็กๆ รู้สึกเบื่อหน่ายพอดี พวกเขาจึงนั่งรถมาตามท่านลุงผิงฟานเข้าไปเล่นในตำบล

คู่รักเฉียวเยี่ยนไม่ได้ห้ามอะไร ตั้งแต่พวกเขามาถึงหมู่บ้านหูซี ลูกๆ ทั้งสี่ก็ถูกเลี้ยงแบบอิสระ และเล่นสนุกสนานทุกวัน

ส่วนเรื่องเรียนนั้น พวกเขาไม่ได้เคร่งครัดมากเป็นพิเศษ ถึงแม้จะต้องเรียนเอาความรู้ ทว่าก็ไม่ควรเสียเวลาในวัยที่ควรเล่นไป ไม่เช่นนั้นเมื่อโตขึ้นหวนนึกถึงขึ้นมา ก็จะรู้สึกเสียดายวัยเด็ก

โจวผิงฟานยิ้มดุจพระศรีอาริยเมตไตรย พลางมองมู่ฉินเจินอย่างยั่วยุ จากนั้นก็ลักพาตัวลูกทั้งหมดของเขาไป

เฉียวเยี่ยนสั่งให้องครักษ์สองคนติดตามไป ไม่เช่นนั้นโจวผิงฟานคงรับมือกับพลังของเด็กทั้งกลุ่มเพียงลำพังไม่ไหวแน่

วันนี้มีตลาดในตัวตำบล โจวผิงฟานพาเด็กๆ ไปเดินเที่ยวซื้อของ เป็นหางตามติดเขาเป็นพวง เมื่อใดก็ตามที่เหลือบมองดูของสิ่งไหน เขาก็จะโบกมือและซื้อทั้งหมด

อย่างอื่นเขาไม่มี ทว่าเงินมีไม่ขาดจริงๆ อย่างไรเสียเขาก็ไม่มีประโยชน์อะไร แค่สามารถซื้อรอยยิ้มไร้เดียงสาบนใบหน้าของเด็กๆ ได้ก็รู้สึกว่าคุ้มค่ากว่าสิ่งอื่นใดแล้ว

บ่าวและองครักษ์ที่ตามหลังมาทำหน้าที่เป็นคนถือของโดยปริยาย หิ้วของใหม่ให้กลุ่มเจ้านายน้อย มือและแขนเต็มไปด้วยของพะรุงพะรัง แม้แต่ปากก็ยังคาบไว้

องครักษ์ทั้งสองส่ายหัวครั้งแล้วครั้งเล่า โชคดีที่โจวผิงฟานไม่มีลูก มิฉะนั้นหากเขาดูแลเอาอกเอาใจเช่นนี้ต่อไป คงได้เลี้ยงออกมาเป็นเด็กเปรตแน่

ทว่าเจ้านายน้อยของพวกเขาทั้งเชื่อฟังทั้งฉลาด ถูกเอาอกเอาใจเช่นนี้ก็สมควรได้แล้ว!

เมื่อเดินผ่านร้านขายเกี๊ยวน้ำเล็กๆ แห่งหนึ่ง เด็กๆ ที่เดินเที่ยวซื้อของมาทั้งบ่ายก็หิวแล้ว โจวผิงฟานจึงพาพวกเขาไปกินเกี๊ยวน้ำที่ร้านนั้น

ท่านป้าคนขายเกี๊ยวน้ำเห็นเหล่าตุ๊กตาสวยงามน่ารักเช่นนี้ก็ชอบอย่างมาก ปกติจะตะโกนเสียงดังโผงผาง ทว่าวันนี้เอ่ยอย่างนุ่มนวลอ่อนโยนเป็นพิเศษ

นางมองไปที่เด็กๆ แล้วมองไปที่โจวผิงฟาน ก็เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “เด็กๆ พวกนี้ไม่ใช่ลูกท่านใช่ไหม? ข้าว่าแล้วท่านจะให้กำเนิดตุ๊กตางดงามเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”

ท่านป้าพึมพำไปด้วย ต้มเกี๊ยวน้ำอย่างรวดเร็วไปด้วย โจวผิงฟานได้ยินทุกคำพูดของนาง พลันรู้สึกเหมือนมีมีดนับร้อยทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของเขา

ช่างแทงใจดำข้าเสียจริงท่านป้า!!

แม้เขาจะไม่ได้หล่อเหลาเหมือนท่านอ๋องบางคน กระนั้นก็ปล่อยให้เขาฝันกลางวัน ดื่มด่ำความสุขกับการมีลูกหน่อยไม่ได้หรือ

ไม่นานท่านป้าก็ต้มเกี๊ยวน้ำเสร็จ พวกเด็กๆ ถือถ้วยน้อยคนละชาม ใช้ปากเป่าไม่หยุด และกินอย่างตั้งใจ พวกองครักษ์เองก็นั่งลงกินด้วยกันสองชาม

ทันใดนั้นก็เกิดความโกลาหลบนถนนขึ้น มีเสียงกรีดร้องของฝูงชน และเสียงฝีเท้าตื่นตระหนกพร้อมกับชั้นวางของที่ถูกชนกระแทก

องครักษ์ทั้งสองตระหนักได้ถึงความผิดปกติ รีบชักกระบี่ข้างเอวออกมาทันที เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้

เห็นเพียงชายสวมหน้ากากสีดำสิบกว่าคน ถือดาบยาวอยู่ในมือ พุ่งตรงเข้าหาพวกเขาอย่างดุเดือด เมื่อเจอก็เริ่มต่อสู้ทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

องครักษ์สองคนมีวรยุทธ์แกร่งกล้า ทว่ากลุ่มชายในชุดดำเหล่านี้ก็ไม่ได้อ่อนแอ กระนั้นน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ พวกเขาถูกพันธนาการจนหลบหนีไม่พ้น

ตอนวัยหนุ่มโจวผิงฟานเคยอยู่ในสนามรบมาก่อน วรยุทธ์จึงไม่อ่อนแอ เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ เขารีบปกป้องเด็กๆ ไว้ด้านหลังทันที และดึงม้านั่งตัวเล็กมาใช้เป็นอาวุธ

ท่านป้าคนขายเกี๊ยวน้ำตกใจกลัวจนกรีดร้องไม่หยุด เห็นร้านของนางถูกทุบเละเป็นเสี่ยง ๆ ก็ตกใจมากจนวิ่งหนีไปทางศาลาว่าการ

สององครักษ์บวกกับโจวผิงฟานต่อสู้กับชายชุดดำมากกว่าสิบคน ไม่มีท่าว่าจะดีขึ้นเลย และไม่นานรอยเลือดก็ปรากฏบนร่างของพวกเขา

เด็กๆ ต่างตกใจหวาดกลัวอย่างมาก เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นฉากที่โหดร้ายเช่นนี้

ระบบตัวน้อยสามารถสื่อสารผ่านทะเลจิตสำนึกไปหาเฉียวเยี่ยนได้ เมื่อพวกคนชุดดำปรากฏตัว นางก็แจ้งสถานการณ์แก่เฉียวเยี่ยนทันที

เมื่อเฉียวเยี่ยนรู้ว่าเด็กๆ ถูกลอบสังหาร ก็รีบไปในตัวตำบลพร้อมมู่ฉินเจินกับองครักษ์ที่เหลือในบ้านทันที

โจวผิงฟานกับองครักษ์สองคนยังคงประคับประคองอย่างยากลำบาก ร่างกายถูกฟันจนเป็นแผลรอยแล้วรอยเล่า ขณะเด็กทั้งสี่ขดตัวรวมกลุ่มกันเป็นก้อนซ่อนตัวอยู่มุมหนึ่ง เสี่ยวอันอันตกใจกลัวจนร้องไห้ เบะปากหลั่งน้ำตาออกมา

แม้เสี่ยวฉวนเอ๋อร์กับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์จะรู้จักวรยุทธ์ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าสู้ชายชุดดำดุร้ายเหล่านี้ไม่ได้ หากพุ่งออกไปรังแต่จะสร้างปัญหาให้กับพวกลุงๆ ดังนั้นพวกเขาจึงหลบซ่อนอย่างเชื่อฟัง

ระบบตัวน้อยกระวนกระวายใจมาก เรียกเฉียวเยี่ยนในใจ เฉียวเยี่ยนรู้สถานการณ์ของพวกเขา ก็กังวลอย่างมาก และพยายามรีบไปทางนั้นให้เร็วที่สุด

ไม่นาน ท่านป้าขายเกี๊ยวน้ำก็พาเจ้าหน้าที่มา เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ ชายชุดดำก็เปลี่ยนกลยุทธ์ แบ่งออกเป็นสองกลุ่มทันที โดยที่กลุ่มหนึ่งเข้าไปปะทะกับโจวผิงฟานและองครักษ์ทั้งสอง ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งไปจับพวกเด็กๆ

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เฉียวเยี่ยนมาช่วยลูก ๆ เร็ว ๆ ค่ะ เด็ก ๆ จะโดนลักพาตัวไปแล้ว

อ๋องรุ่ยนี่กำจัดไม่ง่ายเลยจริงๆ ต่อให้ร่างกายอ่อนแอแต่อิทธิพลก็เยอะอยู่นะเนี่ย

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด