ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 310 แต่งตั้งองค์รัชทายาท
ตอนที่ 310 แต่งตั้งองค์รัชทายาท
ตอนที่ 310 แต่งตั้งองค์รัชทายาท
ทันทีที่รถม้ามาถึง ดวงตาชายชราพลันเปล่งประกาย จ้องม่านที่แยกออก เห็นเจ้านายน้อยของตัวเองที่แต่ละคนยังคงขาวนวลเกลี้ยงเกลาดุจหยก เขาก็ดีใจจนแทบจะหลั่งน้ำตาแห่งความสุขออกมา
พวกเด็กๆ เองก็คิดถึงพ่อบ้านชราของพวกเขาเช่นกัน ทันทีที่ลงจากรถม้า ก็มาล้อมรอบท่านลุงฉู่พลางเงยหน้าเล่าเรื่องน่าสนใจในเจียงหนานให้เขาฟังด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว
ลุงฉู่พลันมีความสุข ลืมเฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินเจ้านายทั้งสองไปจนสิ้น และพูดคุยหัวเราะกับพวกเจ้านายน้อย
เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินมองหน้ากันพลางส่ายหัวอย่างจนใจ ต่อหน้าพวกเด็กๆ พวกเขาทั้งสองก็ไร้ตัวตนจริงๆ
เมืองหลวงในช่วงเวลานี้มีหิมะตกไปทั่วทุกหนทุกแห่งแล้ว สองข้างทางปกคลุมไปด้วยหิมะหนา ซึ่งเย็นเยียบไปถึงกระดูก
เหล่าเจ้าสาวที่มาจากเจียงหนานไม่เคยเห็นหิมะมาก่อน เห็นบรรยากาศหิมะตกอันสวยงามเช่นนี้เป็นครั้งแรก ก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
เมืองหลวงนี้ดีจริงๆ มองดูแล้วโอ่อ่าอลังการ ตอนผ่านถนนเมื่อครู่ ก็มีร้านขายของปีใหม่เต็มไปหมดทุกที่ ดูคึกคักเจริญรุ่งเรืองมาก
ตำหนักถูกตกแต่งในแบบโบราณอย่างยิ่ง มีการแขวนโคมไฟสีแดง ติดกลอนคู่มงคล หิมะสองข้างถนนและในลานถูกเก็บกวาดจนสะอาด
เฉียวเยี่ยนสั่งลุงฉู่จัดห้องให้พวกองครักษ์ใหม่ ตอนนี้พวกเขาแต่งงานแล้ว จำต้องอยู่กับภรรยา
ครั้นลุงฉู่รู้ว่าพวกเด็กบ้าที่ออกไปข้างนอกไม่นานต่างได้ภรรยากลับมากันแล้ว จึงรีบเดินไปเตรียมห้องอย่างดีใจ
ตำหนักอ๋องซู่ใหญ่มาก มีห้องหับมากมาย แต่มีเพียงเจ้านายน้อยพักอาศัย ต่างจากจวนอื่นๆ ที่มีเหล่าอนุอี๋เหนียงเต็มจวนมากกว่าครึ่ง ดังนั้นจึงยังมีห้องว่างเหลืออยู่บ้าง ไม่ใช่ปัญหาในการจัดห้องให้แต่ละคู่เลยสักนิด
ชีวิตในอนาคตของคู่บ่าวสาวเหล่านี้เฉียวเยี่ยนคิดไว้หมดแล้ว อย่างไรเสียนางมีทรัพย์สินมากมายอยู่ในมือ เรือนกระจก ภัตตาคาร โรงงานล้วนต้องการคน
นางรู้จักสตรีเหล่านี้ดี สามารถทำงานหนักได้ นิสัยก็ดี จึงวางใจอย่างยิ่งที่จะจัดให้ไปทำงานในกิจการของตัวเอง
เมื่อหญิงสาวพวกนี้ได้ยินว่าหวางเฟยจัดหางานให้พวกนางทำด้วย ก็ปิติยินดีเป็นอย่างมาก และยิ่งมีความชื่นชมต่อนางเพิ่มมากขึ้น
พวกองครักษ์ก็รู้สึกซาบซึ้งต่อนางมากเช่นกัน ทว่ายังหาวิธีตอบแทนนางที่เหมาะสมไม่ได้ จึงทำได้เพียงทำงานหนักแทนหวางเฟยในอนาคตมากขึ้น
เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ครอบครัวเฉียวเยี่ยนก็วุ่นกันขึ้นมา ต้องเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้กับฮองเฮาก่อน จากนั้นไปจวนสกุลเฉียวเยี่ยมเยือนซูเนี่ยนหว่านกับเฉียวจิ่น พวกเขายุ่งอยู่กับการเยี่ยมญาติทุกๆ วัน
ในวันส่งท้ายปีเก่า ในวังมีงานเลี้ยง จึงต้องไปรับมือกับพวกจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่วางมาดขรึมเหล่านั้น เฉียวเยี่ยนอ่อนล้าทั้งกายและใจ พลันคิดอยากแบกสัมภาระไปใช้ชีวิตอยู่ในชนบท
หลังจากมู่ฉินเจินกลับมาเมืองหลวง เขาก็พักผ่อนเพียงแค่สามวันในช่วงปีใหม่ จากนั้นก็ยุ่งจนไม่เห็นร่างคน
ก่อนหน้านี้มอบหมายงานของตัวเองให้คนอื่น ตอนนี้เขาต้องตรวจสอบทีละอย่าง ฮ่องเต้เฒ่าแก้แค้นเขาอย่างเจ็บแสบอีกครั้ง จัดงานมากมายมาให้เขากองใหญ่ ทำให้เขามีสภาพน่าอนาถกว่าสายลับในยุคใหม่เสียอีก
เฉียวเยี่ยนเองก็ไม่ว่าง เนื่องเพราะฮ่องเต้เฒ่าก็จัดหางานให้นางด้วยเช่นกัน
สถานีเมล็ดพันธุ์ทั่วอาณาจักรกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ฮ่องเต้เฒ่าสั่งให้นางกับพวกขุนนางกรมการคลัง เขียนเคล็ดลับการปลูกข้าวพันธุ์ผสมร่วมกัน
นางต้องเขียนเคล็ดลับการปลูกข้าวให้เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ แล้วแจกจ่ายไปยังสถานีเมล็ดพันธุ์ต่างๆ และให้ผู้ดูแลสถานีเมล็ดพันธุ์ถ่ายทอดทักษะการปลูกข้าวให้กับพวกผู้คน
……
เดือนสอง น้ำแข็งหิมะละลาย ราชวงศ์เทียนลี่เกิดเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ขึ้น
พวกเขากำลังจะมีองค์รัชทายาทแล้ว!
ถูกต้อง มู่ฉินเจินกำลังจะได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท
ก่อนลงไปเจียงหนาน ฮ่องเต้เฒ่ากับเขาได้ลงนามสัญญาที่ไม่เท่าเทียมกัน และได้ส่งคนไปวางแผนพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทแล้ว รอเพียงให้พระโอรสกลับมา
ดังนั้นหลังจากที่พระโอรสกลับมาแล้วสิบกว่าวัน เขาก็ออกพระราชกฤษฎีกาไปทั่วใต้หล้า แต่งตั้งมู่ฉินเจินเป็นองค์รัชทายาท สำนักหอดูดาวหลวงได้เลือกวันฤกษ์งามยามดีแล้ว และจะจัดพิธีแต่งตั้งขึ้นในวันที่แปดต้นเดือนสอง
เรื่องที่มู่ฉินเจินขึ้นเป็นองค์รัชทายาทต่างอยู่ในการคาดเดาของขุนนางในราชสำนัก จึงไม่มีใครแปลกใจหรือตกใจใดๆ ทั้งสิ้น
ขุนนางบางคนที่ทูลขอฮ่องเต้แต่งตั้งองค์รัชทายาทมานานแล้วต่างร่ำไห้ด้วยความยินดีเมื่อทราบข่าวนี้ ในที่สุดราชวงศ์เทียนลี่ของพวกเขาก็มีผู้สืบทอดราชวงศ์ต่อไปแล้ว!
ราชวงศ์ไหนไม่สนใจเรื่องการสืบทอดอำนาจเหมือนพวกเขาบ้าง ตั้งแต่ฮ่องเต้ไปจนถึงท่านอ๋องต่างวุ่นอยู่กับการทำนา ไม่สนใจเรื่องเกี่ยวกับองค์รัชทายาทเลยแม้แต่น้อย ช่างทำให้พวกเขาโกรธจัดจนอยากขับไล่กลับขึ้นสวรรค์ไปตลอดเวลา!
แต่ตอนนี้ พวกเขาไม่รีบร้อนแล้ว ท่านอ๋องซู่ได้รับแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท อีกทั้งพระองค์ก็มีทายาทแล้ว คนที่จะสืบทอดต่อไปอีกก็ได้รับเลือกเรียบร้อยแล้ว
ข่าวมู่ฉินเจินจะถูกแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาทได้แพร่สะพัดไปทั่ว สถานะของเฉียวเยี่ยนก็ลอยขึ้นสูงตามและกลายเป็นไท่จื่อเฟย พลันสตรีสูงศักดิ์ทุกคนในเมืองหลวง ก็หาเหตุผลต่างๆ จัดงานเลี้ยงเชิญนาง หรือไม่ก็ส่งของขวัญมาที่ตำหนัก
นางปฏิเสธทั้งหมด และไม่มีใจจะอ้อมค้อมอะไรกับสตรีสูงศักดิ์เหล่านั้น นางต้องเตรียมเมล็ดพันธุ์ที่จะปลูกในฤดูใบไม้ผลิเดือนสาม ต้องตรวจดูบัญชีกิจการต่างๆ และยังต้องทำอาหารให้ลูกๆ และบุรุษของนาง ซึ่งยุ่งจนหัวหมุน!
ทั้งคู่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับตำแหน่งองค์รัชทายาทกับไท่จื่อเฟยมากเกินไป ยังคงกินดื่มเช่นเคย ใช้ชีวิตมาอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น
ทว่าคนบางคนกลับอิจฉาตาร้อนจนจะกระอักเลือดออกมาอยู่แล้ว
มู่เจ๋อจิ่นรู้ว่าไม่ช้าก็เร็วมู่ฉินเจินจะรับตำแหน่งเป็นองค์รัชทายาท เขาจึงคิดเตรียมใจตัวเองไว้นานแล้ว แต่เมื่อได้ยินเรื่องนี้ก็ยังโกรธกริ้วมาก
เขาถูกคนของอีกฝ่ายทำร้าย หอปีศาจก็ถูกทำลาย ตอนนี้ทางราชสำนักก็ยังไล่ตามพวกหอปีศาจที่หลบหนี เขาเป็นเหมือนหนูท่อระบายน้ำที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดไม่กล้าแสดงตัวออกมา ส่วนอีกฝ่ายกลับได้เป็นองค์รัชทายาทอย่างมีหน้ามีตา!
ทำไมกัน? เป็นโอรสของฮ่องเต้เหมือนกันทั้งนั้น มีสายเลือดเดียวกัน เหตุใดอีกฝ่ายถึงเป็นอ๋องซู่ เทพเจ้าแห่งสงคราม ที่ผู้คนนับหมื่นเคารพนับถือ แต่เขากลับมีร่างกายที่ไม่สมบูรณ์พร้อม อยากได้สิ่งใดก็ต้องพึ่งกำลังตัวเองไปแย่งมา
เขาไม่ยอม! เขาไม่ได้แย่ไปกว่ามู่ฉินเจิน ตำแหน่งนั่นเขาต้องแย่งมันมาให้ได้!
และคนที่โมโหเช่นเดียวกันกับเขาก็คืออี้จื่อจิ้น
เดิมทีคิดว่าตัวเองได้เป็นรุ่ยหวางเฟยหรือพี่สะใภ้ของเฉียวเยี่ยนแล้ว จากนี้ไปก็จะโดดเด่นกว่านาง แต่ใครเล่าจะคิด นางเพิ่งกลับเมืองหลวงมาไม่ทันไร ก็กลายเป็นไท่จื่อเฟยแล้ว!
สามีของนางก็เป็นองค์ชายเหมือนกัน ไยตำแหน่งไท่จื่อเฟยจึงเป็นนางไม่ได้!
ต้องยอมรับว่า ความคิดของสองสามีภรรยานี้สอดคล้องกัน แทบอยากบดขยี้ครอบครัวเฉียวเยี่ยนให้แหลกเป็นผุยผง
วันที่แปดต้นเดือนสองมาถึง พิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอันยิ่งใหญ่ก็เริ่มขึ้น เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินยุ่งเหมือนลูกข่าง ตั้งแต่เช้าตรู่ก็สวมชุดทางการหนาหนัก ทำพิธีบวงสรวงเทวดาฟ้าดิน บวงสรวงบรรพบุรษ รับหนังสือกับตราประทับ และอ่านหนังสือให้ทุกคนได้รู้ ท่ามกลางสายตาขุนนางนับร้อย
เมื่อพิธีทั้งหมดสิ้นสุดลง เฉียวเยี่ยนก็เหนื่อยล้าจนกลายเป็นสุนัขตายตัวหนึ่ง นอนอยู่บนเตียงไม่ขยับตัวไปไหน
คนสมัยก่อนสู้สุดชีวิตเพื่อความสวยงามจริงๆ ต้องแบกศิราภรณ์ที่มีน้ำหนักมากกว่าสิบถึงยี่สิบชั่งบนศีรษะ แถมยังต้องรักษาท่าทาง ยืนนิ่งเกร็งอยู่อย่างนั้นตลอดทั้งวัน นางรู้สึกแค่ว่าศีรษะนางจะกลิ้งหลุดออกมาแล้ว
ตกเย็น มู่ฉินเจินนวดคอและไหล่ให้เฉียวเยี่ยนอย่างรู้สึกสงสาร พลางบ่นชายชราอยู่ในใจ
บอกแล้วว่าจัดพิธีให้เรียบง่ายหน่อย เขาก็ไม่ฟัง นอกจากเห็นว่าเอิกเกริกมันดูดีแล้ว ที่เหลือไม่มีอะไรเป็นประโยชน์เลย ทำให้สิ้นเปลืองทั้งทรัพยากรและกำลังคนไปเสียเปล่า!
องค์รัชทายาทกับไท่จื่อเฟยที่เพิ่งรับตำแหน่งมาสดๆ ใหม่ๆ ต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งใหญ่ ตำหนักอ๋องซู่ได้กลายเป็นตำหนักองค์รัชทายาท
มู่ฉินเจินที่เป็นองค์รัชทายาทถูกฮ่องเต้เฒ่าเรียกใช้ได้อย่างราบรื่นมากขึ้น ส่วนเฉียวเยี่ยนก็แบ่งเบาภาระงานส่วนหนึ่งของฮองเฮา ติดตามนางเพื่อเรียนรู้วิธีจัดการวังหลังอย่างไร
แต่เฉียวเยี่ยนรู้สึกว่าการจัดการวังหลังเป็นเรื่องง่ายสำหรับนาง เพราะบุรุษของนางไม่มีทางมีหญิงอื่น ค่าใช้จ่ายวังหลังนอกจากนางข้าหลวงกับนางกำนัลแล้ว ที่เหลือก็เป็นครอบครัวของพวกเขา ยามดูแลก็สะดวกมาก
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
กลับมาเมืองหลวงก็ได้อัพเกรดยศทันทีเลย สู้ๆ กับตำแหน่งใหม่นะคะทั้งสองคน
ไหหม่า(海馬)
Comments