ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 317 เตรียมสร้างโรงเรียน
ตอนที่ 317 เตรียมสร้างโรงเรียน
ตอนที่ 317 เตรียมสร้างโรงเรียน
ขณะนั่งอยู่ในรถม้า เฉียวเยี่ยนยังอดคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ไม่ได้ ก่อนถอนหายใจออกมาอย่างทนไม่ไหว
เด็กที่ได้เข้าเรียนกลับไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากการเรียนเลย ความเย่อหยิ่งที่ไม่ควรมีในบัณฑิตล้วนแสดงออกมาเต็มที่ ส่วนคนที่อยากเรียนพยายามจนสุดชีวิตแต่ก็ก้าวเข้าประตูโรงเรียนไม่ได้
เรื่องเหล่านี้ในโลกยุคโบราณทำให้นางนึกถึงระบบการศึกษาภาคบังคับในสมัยใหม่
บ้านเมืองที่เข้มแข็งจะเสนอเงื่อนไขการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับพลเมืองของตน แม้ไม่อาจทำให้ทุกคนหางานหรือประสบความสำเร็จผ่านการศึกษาเล่าเรียนได้ กระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การศึกษาสามารถทำให้ผู้คนฉลาด และทำให้ทุกคนมีทางเลือกมากขึ้น
หากการศึกษาแพร่หลายในสมัยโบราณได้ มันคงจะดีมาก
แต่ไม่ว่าแผนการจะดีแค่ไหน หรือมีเงินมากเพียงใด นางก็เอาชนะภูมิหลังของยุคนี้ไม่ได้ การมีระบบการศึกษาของสมัยใหม่อยู่ในยุคนี้เป็นเพียงแค่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เท่านั้น
มู่ฉินเจินเห็นนางถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ก็โอบนางแน่นขึ้น “โมโหเด็กพวกนั้นหรือ? อย่าโมโหเลย ข้าจะระบายความโมโหให้เจ้าเอง”
พวกอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงและบุคคลสำคัญที่พึ่งพาอำนาจบารมีของบรรพบุรุษเหล่านั้นควรถูกจัดการสะสางแล้วจริงๆ มีอยู่ก็ดีแต่จะเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักอยู่บนท้องถนน ช่างทำให้โลกดูตกต่ำนัก
เฉียวเยี่ยนซบศีรษะไว้บนไหล่เขา และถูไถเบาๆ “ไม่ใช่ ข้าแค่คิดถึงเรื่องในอดีตนิดหน่อย… ”
นางอธิบายระบบการศึกษาภาคบังคับในสมัยใหม่ให้มู่ฉินเจินฟังสั้นๆ มู่ฉินเจินฟังจบก็นิ่งอึ้งสติหลุดไปเนิ่นนาน
บ้านเมืองควรมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินและการทหารเพียงใด ถึงจะสามารถทำให้พลเมืองทุกคนได้รับการศึกษา และทำให้คนส่วนใหญ่ในบ้านเมืองอ่านออกเขียนได้?
เขาโหยหาระบบแบบนี้มาก ทว่าด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของเทียนลี่พวกเขา มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย
จริงอยู่ที่การศึกษาสามารถแก้ปัญหาความเป็นอยู่ได้ ทว่าตอนนี้ประชาชนของพวกเขาที่อดอยากยังมีอยู่มาก ใครจะมีอารมณ์ส่งลูกเข้าเรียนกัน?
ยิ่งไปกว่านั้น การศึกษาภาคบังคับต้องได้รับทุนจากทางการในการสร้างโรงเรียน จัดหาที่พัก และอุปกรณ์การเรียนให้กับนักเรียน ซึ่งค่าใช้จ่ายเรียกได้ว่ามหาศาลมาก
งบประมาณการทหารทุกปีของเทียนลี่ในตอนนี้ก็ทำให้ท้องพระคลังปวดหัวแล้ว จึงไม่มีกองทุนเหลือพอที่จะสนับสนุนในการพัฒนาการศึกษาอีก
เฉียวเยี่ยนมองเขาที่ขมวดคิ้ว ก่อนยกมือขึ้นลูบไล้เบาๆ และเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “คนอ้วนใช่ว่าจะกินเพียงวันเดียวแล้วอ้วนได้ พวกเราไม่รีบร้อน ค่อยๆ ทำไป”
นางไม่ได้คาดหวังว่าเด็กทั้งประเทศจะได้เข้าเรียนในทันที นี่อาจจะต้องใช้เวลาหลายชั่วอายุคนในการปฏิวัติถึงจะทำให้เกิดขึ้นจริงได้
ทว่าตอนนี้นางมีความคิดอย่างหนึ่ง ก็คือการช่วยเหลือคนยากจนเหล่านั้น สามารถช่วยได้เท่าใดก็ช่วยแค่นั้น
เมื่อเห็นท่าทางของเฉียวเยี่ยน มู่ฉินเจินก็รู้ว่านางมีความคิดอีกแล้ว จึงยกมือขึ้นลูบท้องอ้วนกลมของนางเบาๆ และสื่อสารกับลูกในท้อง “ลูกรัก เจ้าว่าแม่เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? ”
บางทีเด็กน้อยที่อยู่ในท้องอาจจะหลับอยู่ จึงไม่ตอบสนองต่อบิดา เฉียวเยี่ยนแตะมือเขาเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม “ลูกของท่านบอกว่าท่านรบกวนการนอนของเขาอยู่”
“ที่จริงข้ามีความคิดหนึ่ง แต่โครงการนี้ใหญ่เกินไป ยังต้องวางแผนอย่างรอบคอบ”
นางวางแผนจะเปิดโรงเรียนเอง ซึ่งแตกต่างจากโรงเรียนกับโรงเรียนเอกชนในตอนนี้ โรงเรียนที่นางตั้งขึ้นเน้นการสอนทักษะฝีมือให้นักเรียนเป็นหลัก ซึ่งก็คือโรงเรียนอาชีวศึกษาในสมัยปัจจุบัน
เส้นทางการสอบขุนนางในสมัยโบราณ ก็เหมือนกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสมัยใหม่ คนจนเยอะแยะมากมายไม่สามารถนั่งบนตำแหน่งที่ตนตั้งเป้าหมายไว้ได้
กระนั้นแม้ทักษะต่างกัน ทว่ามีเทคโนโลยีในมือเหมือนกัน สามารถหาอาหารกินได้ แก้ปัญหาเรื่องปากท้องได้ เช่นนั้นปัญหาประชาชนเข้ารับการศึกษาก็จะค่อยๆ ถูกแก้ไขไป
คำว่าโรงเรียนอาชีวศึกษา ทำให้มู่ฉินเจินอยากรู้เป็นอย่างมาก หลังจากได้ยินคำอธิบายโดยละเอียดของเฉียวเยี่ยน เขาก็รู้สึกสั่นไหว
หากสามารถจัดตั้งโรงเรียนดังกล่าว เพื่อสอนทักษะให้กับเด็กๆ จากครอบครัวยากจนได้ หาปลามาให้กินหรือจะสู้สอนวิธีจับปลาให้[1] ด้วยเหตุนี้ ปัญหาเรื่องปากท้องพื้นฐานก็จะแก้ไขได้
ทว่าจะสร้างโรงเรียนหนึ่งนั้น มันไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่คิด!
การเลือกสถานที่ การเตรียมสร้าง การรับสมัครอาจารย์ไปจนถึงการคัดเลือกนักเรียน ทุกขั้นตอนล้วนเป็นโครงการขนาดใหญ่
มู่ฉินเจินมองเฉียวเยี่ยนที่ท้องอยู่ และอดถอนหายใจไม่ได้ “เรื่องนี่มันใหญ่เกินไป เราค่อยๆ ทำไป หน้าที่สำคัญของเจ้าในตอนนี้คือดูแลลูกน้อยในท้องให้ดี อย่าให้ตัวเองเหนื่อย เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า เจ้าคอยชี้แนะอยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว”
“ทางด้านชายชรา ข้าจะขอคำสั่งจากพระองค์เอง เพื่อขอทุนจากท้องพระคลังให้เจ้าเล็กน้อย”
เฉียวเยี่ยนรู้สึกอบอุ่นใจเมื่อรู้ว่าเขาเป็นห่วงนาง ทว่าร่างกายนางแข็งแรงกว่าคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์เสียอีก ทำงานนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อนางเลยแม้แต่น้อย
“ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้ากับเจ้าตัวเล็กในท้องแข็งแรงจะตาย ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ข้าจะรับผิดชอบวางแผนเรื่องนี้เอง ที่เหลือปล่อยให้ลูกน้องเป็นคนทำ ตอนนี้ท่านก็ยุ่งมาก จะเอาเวลาไหนมาสร้างโรงเรียน ”
สองสามีภรรยาพูดคุยกันมาตลอดทาง รถม้าก็มาถึงตำหนักองค์รัชทายาทแล้ว หลังจากมู่ฉินเจินส่งเฉียวเยี่ยนกลับถึงตำหนักอย่างปลอดภัยแล้ว ก็ควบม้าเข้าวัง
เขาเป็นนักเคลื่อนไหวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ในเมื่อพูดว่าจะสร้างโรงเรียน เช่นนั้นก็รีบไปปรึกษาเรื่องนี้กับชายชรา
ฮ่องเต้เฒ่าได้ยินความคิดนี้ ก็รู้สึกถึงคลื่นโหมซัดอยู่ในใจเล็กน้อย นี่เป็นเรื่องดีที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชนเลยนะ!
แต่เมื่อนึกถึงเงินในท้องพระคลัง เขาก็กลุ้มขึ้นมา งบประมาณทหารของปีนี้ได้จ่ายออกไปแล้ว ตอนนี้จะเอาเงินมากมายที่ไหนมาสร้างโรงเรียนได้?
มู่ฉินเจินรู้ความคิดของฮ่องเต้เฒ่า จึงเปิดปากเอ่ยอย่างเย็นชาราบเรียบ “พระองค์ไม่จำเป็นต้องออกเงินทั้งหมดเอง ข้ากับอาเยี่ยนจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่ง พระองค์รับผิดชอบหาสถานที่ จะให้ทุนเท่าไหร่ก็แล้วแต่พระองค์จะพิจารณา”
เมื่อฮ่องเต้เฒ่าได้ยินเช่นนี้ก็ดีใจ เขาไม่มีเงิน แต่เขามีที่ดิน ทั้งภูเขาแม่น้ำนี้ล้วนเป็นของพวกเขา แค่ที่ดินสร้างโรงเรียนผืนหนึ่งสำหรับเขาแล้วง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ
ลูกสะใภ้ของเขาหาเงินเก่งยิ่งนัก ทรัพย์สินในมือมีเพิ่มขึ้นทีละอย่างๆ ซึ่งน่าจะมีมากกว่าท้องพระคลังเขาเสียอีก
ฮ่องเต้เฒ่าตอบอย่างมีความสุข “ตกลง ถึงตอนนั้นข้าจะมอบป้ายคำสั่งให้ภรรยาเจ้า”
มู่ฉินเจินไม่สนใจ พระราชโองการรางวัลที่คนอื่นได้มาอย่างยากลำบาก ทว่าสำหรับภรรยาตนนั้น คงเป็นแค่ของที่กินไม่ได้ และใช้ไม่ได้ชิ้นหนึ่ง อีกทั้งยังต้องเคารพบูชาอีก
เมื่อมีเรื่องต้องทำ เฉียวเยี่ยนหญิงตั้งครรภ์ก็เปี่ยมไปด้วยพลัง หยิบกระดาษพู่กันเริ่มออกแบบวางแผนสร้างโรงเรียนของนาง
รูปแบบของโรงเรียนจำลองมาจากมหาวิทยาลัยในสมัยใหม่ ซึ่งแบ่งออกเป็นพื้นที่ใช้สอยและพื้นที่การเรียนการสอน แต่เมื่อพิจารณาถึงความเข้มงวดระหว่างชายหญิงในสมัยโบราณ นางจึงต้องแบ่งโรงเรียนออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นโรงเรียนบุรุษ อีกส่วนเป็นโรงเรียนสตรี
ใช่แล้ว โรงเรียนเทคนิคอาชีวะที่นางสร้างรับสมัครนักเรียนหญิงด้วย!
แม้ความเลื่อมล้ำที่ชายสูงหญิงต่ำในยุคนี้จะตราตรึงอยู่ในจิตวิญญาณของผู้คนไปแล้ว ทว่าโรงเรียนที่นางสร้างนางจะเป็นคนตัดสินเอง ใครว่าหญิงด้อยกว่าชายกันเล่า หากสตรีสามารถเรียนรู้ทักษะหาเลี้ยงตัวเองได้ ก็ไม่ต้องยึดติดกับการพึ่งพาบุรุษอีก
พื้นที่ใช้สอยส่วนใหญ่ประกอบด้วยหอพักนักศึกษา โรงอาหาร ส่วนพื้นที่การเรียนการสอนประกอบด้วยอาคารเรียน สนามหญ้า และพื้นที่ทดสอบจริง
ในการสอนทักษะ การลงมือปฏิบัติจริงเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ ดังนั้นพื้นที่ทดลองจริงจึงมีความจำเป็นมาก
เตียงในหอพัก โต๊ะและเก้าอี้ในอาคารเรียน ทั้งยังเครื่องครัวในโรงอาหาร โต๊ะ เก้าอี้ ม้านั่ง ต้องพิจารณาในนั้นด้วย
หลังจากคิดอยู่สองสามวัน เพิ่มๆ ลบๆ บนกระดาษแล้ว ในที่สุดเฉียวเยี่ยนก็ได้แผนขั้นสุดท้ายออกมา
หนังสือวางแผนประกอบด้วยแผนผังโครงสร้างของโรงเรียน รายการจัดซื้อจัดจ้าง การใช้สิ่งของที่จำเป็น และการดำเนินการการจัดการทุกอย่างล้วนถูกเขียนไว้อย่างชัดเจน
[1] หาปลามาให้กินหรือจะสู้สอนวิธีจับปลาให้ (授人以鱼不如授人以渔) หมายถึง มอบของให้กับคนอื่นสู้สอนคนอื่นให้หาของนั้นเองไม่ได้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไท่จื่อเฟยคิดโปรเจกต์ใหญ่อีกแล้ว ขอให้สร้างโรงเรียนได้สำเร็จเถอะ
ไหหม่า(海馬)
Comments