ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 323 ของขวัญชิ้นแรกที่เจ้าก้อนแป้งมอบให้พ่อ

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 323 ของขวัญชิ้นแรกที่เจ้าก้อนแป้งมอบให้พ่อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 323 ของขวัญชิ้นแรกที่เจ้าก้อนแป้งมอบให้พ่อ

ตอนที่ 323 ของขวัญชิ้นแรกที่เจ้าก้อนแป้งมอบให้พ่อ

“ตอนฉวนเอ๋อร์กับอวี๋เอ๋อร์เกิด พวกเขามีน้ำหนักเท่าไรหรือ?”

ตอนที่ภรรยาตั้งครรภ์ มู่ฉินเจินได้เสริมความรู้บางอย่างเกี่ยวกับการเลี้ยงดูบุตรเพิ่มเติม และยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับน้ำหนักของทารกแรกเกิดด้วย

หนักแปดชั่งหกเลี่ยง เป็นเด็กอ้วนจริงๆ จนอดนึกถึงลูกตัวโตสองคนของเขาไม่ได้

เขาไม่รู้อะไรเลยตั้งแต่พวกเขาปฏิสนธิจนถึงคลอด ตอนนี้เห็นลูกชายคลอดออกมา ความรู้สึกเป็นหนี้ต่อพวกเขาก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ

เฉียวเยี่ยนนึกถึงอดีต และยิ้มอย่างมีความสุขขึ้นมา “ฉวนเอ๋อร์หนักห้าชั่งสองเลี่ยง อวี๋เอ๋อร์หนักห้าชั่งสี่เลี่ยง หนักกว่าพี่ชายอีก”

น้ำหนักของฝาแฝดนั้นเบากว่าเด็กคนเดียวมาก น้ำหนักห้าชั่งขึ้นไปนับว่าเป็นน้ำหนักปกติแล้ว

สองสามีภรรยาจู๋จี๋กันมากพอแล้ว ในที่สุดมู่ฉินเจินก็นึกเจ้าก้อนแป้งขึ้นมาได้ ก็ออกจากห้องไปดูลูกทันที

ในเวลานี้ เจ้าก้อนแป้งที่เพิ่งออกมาใหม่กำลังนอนหลับอยู่ในเปลเด็ก และถูกรายล้อมไปด้วยท่านยาย ท่านลุง และท่านป้า

เว่ยอวิ๋นซูสัมผัสมืออ้วนของเจ้าก้อนแป้ง เด็กน้อยที่หลับไหลอยู่ในความฝันเผลอกำนิ้วนางไม่ปล่อย

สัมผัสอันนุ่มนวลนั้น ทำให้เว่ยอวิ๋นซูใจอ่อนระทวยมาก แทบอยากขโมยเด็กน้อยคนนี้กลับไป

เมื่อซูเนี่ยนหว่านเห็นมู่ฉินเจินออกมา ก็รีบเรียก “เสี่ยวเยี่ยนเป็นอย่างไรบ้าง? รีบมาดูลูชายเจ้าเร็ว เจ้าก้อนแป้งนี้ร่างกายแข็งแรงมาก”

มู่ฉินเจินเดินไปที่เปลเด็ก ก้มตัวมองคนตัวเล็กที่หลับไหลอยู่ ก่อนตอบกลับเสียงเบา “อาเยี่ยนหลับไปแล้ว”

บางทีคนตัวเล็กที่หลับไหลอยู่รับรู้ว่าบิดาตนมา ดวงตากลมโตที่ปิดอยู่เมื่อครู่ก็ค่อยๆ เปิดขึ้น ดวงตาดำขลับสำรวจคนตรงหน้า และกวัดแกว่งกำปั้นน้อยไปมา

มู่ฉินเจินรู้สึกประหลาดใจมาก เมื่อเผชิญหน้ากับเด็กชายตัวนุ่มนิ่มเช่นนี้ กลับทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย

ซูเนี่ยนหว่านเห็นเด็กน้อยเช่นนี้ก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา ก่อนอุ้มเขาขึ้นมาอย่างเบามือ “เจ้าวายร้ายน้อย รู้หรือว่าพ่อมา?”

ขณะกล่าวนางก็วางเด็กไว้ในอ้อมแขนของมู่ฉินเจิน มู่ฉินเจินมีท่าทางแข็งทื่อ โดยที่แขนซ้ายประคองส่วนหัวเด็ก มือขวาประคองก้นน้อยเอาไว้ ไม่กล้าขยับเขยื้อน แค่อุ้มด้วยอาการเกร็งทื่ออยู่อย่างนั้นราวกับถือระเบิดไว้ในมือ

แม้ก่อนที่เด็กจะเกิดมาเขาจะใช้หมอนจำลองอุ้มเด็กมานับครั้งไม่ถ้วน ทว่าหมอนนุ่มๆ นั้นแตกต่างกับเจ้าตัวอ้วนในมือเขาอย่างสิ้นเชิง เขากลัวว่าแค่ตัวเองขยับ ก็จะทำให้ชีวิตน้อยๆ อ่อนนุ่มเช่นนี้เจ็บได้

เว่ยอวิ๋นซูกับเฉียวจิ่นไม่เคยเห็นองค์รัชทายาทมีท่าทางเช่นนี้มาก่อน จึงลอบปิดปากหัวเราะ ซูเนี่ยนหว่านเองก็จนใจ ตบแขนเขาเบาๆ “ผ่อนคลายหน่อย เจ้าเป็นเช่นนี้เด็กจะไม่สบายตัวเอา”

มู่ฉินเจินพยายามผ่อนคลายตัวเองลง และมองเด็กน้อยในอ้อมแขนตาปริบๆ

สองพ่อลูกแค่มองหน้ากันอยู่แบบนั้น พลันเจ้าก้อนแป้งก็กำหมัดแน่น ทำเสียงฮึดฮัดออกมา จากนั้นได้ยินเสียงปู้ดป้าดก่อนที่เด็กน้อยจะหยุดแสดงอาการ นับเป็นการแสดงออกอย่างยิ่งใหญ่ครั้งแรกที่ทำตั้งแต่เกิดมา

พลันทุกคนในห้องต่างหัวเราะขึ้นทันใด มู่ฉินเจินสัมผัสใบหน้าอ้วนท้วนของคนตัวเล็กอย่างระอา ถือว่านี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่ลูกชายมอบให้เขาก็แล้วกัน

ซูเนี่ยนหว่านให้ข้ารับใช้ไปนำน้ำร้อนมา แกะผ้าอ้อมออกอาบน้ำให้เด็กน้อย แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้ากับผ้าอ้อมที่สะอาดให้ เจ้าก้อนแป้งที่เหม็นหึ่งเมื่อครู่ก็เปลี่ยนมาหอมกรุ่นทันทีทันใด

มู่ฉินเจินผู้เป็นพ่อยืนสังเกตดูด้วยสีหน้าจริงจังอยู่ด้านข้าง หน้าที่อาบน้ำครั้งต่อไปก็จะเป็นเขาแล้ว

เฉียวจิ่นกับเว่ยอวิ๋นซูเองก็ดูอย่างจริงจังมาก ตอนนี้ต้องเรียนรู้ไว้บ้าง วันหน้าจะได้ใช้จัดการเลี้ยงลูกของพวกตน

หลังจากอาบน้ำหอมๆ เจ้าก้อนแป้งก็หลับต่อ ส่วนเฉียวเยี่ยนที่อยู่ในห้องก็หลับสนิทเช่นกัน

มู่ฉินเจินจึงย้ายเปลเด็กเข้าไปในห้องเสียเลย จากนั้นก็นั่งมองสองแม่ลูกหลับอยู่ข้างๆ เดี๋ยวมองนี้ที เดี๋ยวมองนู้นที รอยยิ้มตรงมุมปากไม่เคยหายไป

เด็กทั้งสี่ที่โดดเรียนในที่สุดก็กลับมาถึงตำหนัก พระราชวังอยู่ห่างจากตำหนักองค์รัชทายาทพอสมควร ประกอบกับม้าไม่สามารถวิ่งเร็วบนถนนได้ จึงใช้เวลานานมากกว่าจะมาถึง

หลังจากกลับมาตำหนัก พวกเขาก็ตรงไปที่เรือนจิ่งเสวียน และตะโกนเรียกมารดาไม่หยุดอยู่นอกลานบ้าน

มู่ฉินเจินได้ยินเสียงตะโกนของพวกเด็กๆ ก็มองดูเวลา ไม่รู้ว่าเด็กๆ โดดเรียนแล้ว

เขาเดินออกไปจากห้องเบาๆ และหยุดเด็กๆ ไว้ พลางเอ่ยเสียงเบา “แม่กับน้องชายพวกเจ้าหลับอยู่ เบาๆ กันหน่อย พ่อจะพาพวกเจ้าเข้าไปดู”

เด็กทั้งสี่พากันปิดปากตัวเอง และพยักหน้าอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ดวงตากลมโตปลดปล่อยแสงอย่างเป็นประกายออกมา

ว้าว! พวกเขามีน้องชายคนเล็กแล้ว!

มู่ฉินเจินพาเด็กๆ เข้าไปในห้องก่อน จากนั้นก็สัมผัสมือและใบหน้าเล็กๆ ของพวกเขา พบว่าเย็นเล็กน้อย จึงทำให้พวกเขาอุ่นขึ้นก่อน

ทว่าจิตใจของเด็กๆ อยู่ที่แม่กับน้องชายพวกเขาหมดแล้ว จึงไม่อยากรอแม้แต่สักวินาที

มู่ฉินเจินเอ่ยเหตุผลกับพวกเขาอย่างนุ่มนวล “พวกเจ้ากลับมาจากข้างนอก นำอากาศเย็นติดตัวมาด้วย ตอนนี้แม่กับน้องชายพวกเจ้ากลัวความเย็น และหากไม่ทำให้ร่างกายอบอุ่น แล้วพวกเจ้าป่วย ก็เล่นกับน้องไม่ได้แล้วนะ ”

เมื่อลูกๆ ได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็เชื่อฟังทันที นั่งอยู่ข้างเตาถ่าน กางมือน้อยออกอังไฟให้อุ่น แถมยังถอดรองเท้าน้อยออก และวางเท้าไว้บนเตาถ่าน ไม่นานก็อบอุ่นไปทั่วร่าง

มู่ฉินเจินพาเด็กๆ เข้าไปในห้อง เด็กทั้งสี่ต่อแถวกัน และช่วยกันดึงชายเสื้อกันและกันเอาไว้ พลางย่องเบาประหนึ่งขโมยก็มิปาน ทำให้มู่ฉินเจินอดหัวเราะไม่ได้

เมื่อเด็กๆ เข้าไปในห้อง อันดับแรกหมอบอยู่หน้าเตียงมารดา พลางโผล่หัวน้อยออกมา และพบว่าแม่ของตนกำลังนอนหลับสนิทอยู่ ก่อนจะไปต้อนรับสมาชิกใหม่ของพวกเขา

เจ้าก้อนแป้งคนที่ห้าก็หลับสนิทเช่นกัน เมื่อสี่พี่น้องเห็นน้องชายตัวอ้วนจ่ำม่ำ ดวงตาก็เปล่งประกาย พลางรีบเอามือปิดปากอย่างรวดเร็วด้วยกลัวว่าตัวเองจะร้องออกมา

นี่คือทารกที่เพิ่งเกิดออกมาหรือ? ตัวเล็กจังเลย และนิ่มมาก อ้วนด้วย น่ารักสุดๆ !

เจ้าก้อนแป้งน่ารักเป็นน้องชายของพวกเขา วันหน้าพาออกไปด้วยต้องเยี่ยมยอดแน่ๆ !

เด็กทั้งสี่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้าก้อนแป้งนี้มาก จึงยื่นมือน้อยออกไปสัมผัสใบหน้าของน้องชาย แล้วบีบมือน้องชาย ทว่าการกระทำทั้งหมดนั้นนุ่มนวลเป็นพิเศษ สัมผัสที่ทั้งนุ่มทั้งเนียนทั้งอ่อนนั้น ยังเนียนนุ่มกว่าไข่ไก่ที่พวกเขากินอีก

เฉียวเยี่ยนหลับไปจนถึงเย็น เมื่อตื่นขึ้นมา มู่ฉินเจินนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างเตียง เจ้าก้อนแป้งถูกแม่นมป้อนอาหารจนอิ่มแล้ว ตอนนี้นางมีกำลังใจดี ลูกทั้งสี่ล้อมอยู่ข้างเปลเด็ก นั่งเล่นกับน้องชายอยู่บนพรม

เมื่อเห็นเฉียวเยี่ยนตื่น มู่ฉินเจินรีบช่วยพยุงนางลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง แล้วป้อนน้ำอุ่นเข้าปากนาง

เฉียวเยี่ยนดื่มน้ำไปหนึ่งแก้ว รับรู้ว่าเป็นน้ำอุ่นก็รู้สึกชุ่มคอมาก เมื่อตื่นเต็มที่แล้ว เห็นพวกผู้ใหญ่เด็กล้อมรอบเปลเด็กอยู่ ก็รู้สึกเพียงว่าหวานในใจเป็นพิเศษ

ชีวิตนี้นางมีครบหมดแล้ว มีคนรัก มีลูก และมีครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียว แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว!

เด็กๆ เห็นมารดาตื่นแล้วก็เข้ามาล้อมนางทันที พลางถามนางอย่างอบอุ่น จากนั้นก็เล่าเรื่องน่าสนใจที่เกิดขึ้นกับน้องชายเมื่อครู่ให้ฟังด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว

หลังจากนั้นไม่นานฮุ่ยเซียงก็นำอาหารเข้ามา เป็นบะหมี่ซุปไก่เปื่อยหนึ่งชาม ผัดผักกาดเขียวหนึ่งจาน น่องไก่ขาใหญ่หนึ่งน่อง แล้วก็องุ่นกับมะเขือเทศลูกเล็กสองสามลูก ซึ่งมีทั้งคุณค่าทางโภชนาการและแก้เลี่ยน

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

แจกทองรับขวัญพ่อซะแล้วเจ้าลูกชายเอ๊ย พี่มู่คนหล่อเตรียมตัวรับมือค่ะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด