ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 333 พบสิ่งมหัศจรรย์

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 333 พบสิ่งมหัศจรรย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 333 พบสิ่งมหัศจรรย์

ตอนที่ 333 พบสิ่งมหัศจรรย์

หลังจากออกมาจากบ้านของหูอวี้หลิน หัวหน้าหมู่บ้านก็พาพวกเฉียวเยี่ยนไปค้นหาตามบ้านต่อ

คนส่วนใหญ่เป็นเหมือนเดียวกับหูอวี้หลิน หวังว่าลูกสาวจะสามารถสร้างชื่อให้ครอบครัวตน จึงยินดีจะส่งลูกๆ ไปโรงเรียน

ครอบครัวที่มีลูกหลายคนอาจจะค่อนข้างลำบากในการจ่ายค่าเล่าเรียนจำนวนมากทั้งหมดในคราวเดียว แต่เมื่อเทียบกับสำนักศึกษาอื่นๆ ก็นับว่ามีราคาถูกมากแล้ว

เพื่ออนาคตของลูกหลาน แม้จะต้องขายทุกสิ่งทุกอย่าง พวกเขาจะต้องทำให้ลูกๆ เรียนจบสามปีให้ได้!

ทว่าในโลกอันกว้างไพศาลนี้ มักจะมีสิ่งมหัศจรรย์เสมอ วันนี้พวกเฉียวเยี่ยนก็ได้เห็นมันแล้ว

ครอบครัวของหูอวี้กุ้ยลูกพี่ลูกน้องของหูอวี้หลินมีลูกชายสองคนลูกสาวหนึ่งคน ลูกสาวคนโตอายุสิบห้าปี ลูกชายคนรองอายุสิบสามปี และลูกชายคนเล็กอายุหกปี

สภาพทางบ้านของครอบครัวหูอวี้กุ้ยดีกว่าครอบครัวหูอวี้หลินมาก จากบ้านที่เขาอาศัยอยู่สามารถรู้ได้ว่า แม้จะเป็นบ้านก่ออิฐธรรมดา ทว่าก็ดูเหมือนเป็นบ้านที่เพิ่งสร้างใหม่มาได้ไม่กี่ปี

เมื่อหูอวี้กุ้ยได้ยินว่าพวกเฉียวเยี่ยนมารับสมัครนักเรียนที่นี่ ก็มีสีหน้าไม่ค่อยยินดีนัก หากไม่ใช่เพราะหัวหน้าหมู่บ้านมาด้วย เกรงว่าแม้แต่ลานบ้านก็ไม่มีทางให้พวกเขาเข้ามา

เมื่อเขามาถึงลานบ้าน เขาก็ไม่ต้อนรับใครเข้าไปในห้องโถงหลัก พลางเอ่ยด้วยสีหน้ารำคาญเสียเต็มประดา “จะพูดอะไรก็รีบๆ พูดมา!”

วันนี้ครอบครัวเขาฆ่าไก่แล้ว จึงมิอาจให้คนพวกนี้อยู่ที่บ้านพวกเขาได้ ใครจะไปรู้ว่าพวกเขามาที่นี่เพราะตามกลิ่นมาหรือเปล่า

หากเฉียวเยี่ยนรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในหัว เกรงว่าคงยกเท้าถีบเข้าไปทีหนึ่ง

ข้าดูเหมือนคนที่ต้องการไก่จากเจ้าหรือ?

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเห็นท่าทางของหูอวี้กุ้ย ก็ดึงหน้าทันที

“อวี้กุ้ย เจ้าพูดอะไรน่ะ? นี่คือผู้สูงศักดิ์ที่มาจากในเมืองนะ!”

หูอวี้กุ้ยไม่พอใจมาก ผู้สูงศักดิ์ในเมืองมารับสมัครเด็กนักเรียนที่หมู่บ้านเล็กๆ ของพวกเขา?

นึกว่าคนหลอกลวงมาจากไหน คงมาหลอกกินหลอกดื่มนะสิไม่ว่า!

เมื่อเว่ยอวิ๋นซูเห็นท่าทางของอีกฝ่ายเช่นนี้ เพลิงโทสะพลันปะทุแน่นอก และลากเฉียวเยี่ยนออกไปข้างนอก

ท่าทางนี่มันอะไรกัน!

ราวกับว่าพวกเขาติดหนี้เขาอย่างไรอย่างนั้นล่ะ ข้าผู้นี้ไม่เต็มใจที่จะอยู่ที่นี่ต่อหรอก!

เฉียวเยี่ยนรั้งนางไว้ และแตะหลังมือนางเบาๆ เป็นการปลอบโยน ครั้นมองสีหน้าของหูอวี้กุ้ยก็ชักสีหน้าเย็นชาขึ้นมา

นางบอกเจตนารมณ์ที่มาที่นี่อย่างเป็นไปตามหน้าที่ และหัวหน้าหมู่บ้านก็ช่วยนางเกลี้ยกล่อมอยู่ข้างๆ ด้วย

“ลูกสาวคนโตกับลูกชายคนรองของเจ้าอยู่ในวัยที่เหมาะสมเข้าเรียน เจ้าสามารถส่งพวกเขาไปลองเรียนได้ นี่เป็นโอกาสพันปีก็ยากจะพานพบได้”

หูอวี้กุ้ยยังคงมีสีหน้าไม่พอใจ ก่อนโบกมือไล่พวกเฉียวเยี่ยนออกไปข้างนอก “ออกไปๆๆ คนอื่นเชื้อคำพูดบ้าๆ ของเจ้าแต่ข้าไม่เชื่อ ใครจะโง่ให้คนอื่นเลี้ยงลูกตัวเอง แถมยังจัดหาอาหาร ที่พักอาศัย และสอนทักษะให้ ข้าว่าพวกเจ้าแค่อยากเอาเงินค่าเล่าเรียนมากกว่า!”

เขาทำท่าราวกับมองเล่ห์กลของพวกเฉียวเยี่ยนออก จึงก่นด่าสาปแช่ง จนทำให้หัวหน้าหมู่บ้านผมสีดอกเลาโกรธจัดจนเป่าเคราถลึงตาเขม็ง

“โง่เขลาเบาปัญญานัก! รู้ไหมว่าใครเป็นผู้สร้างโรงเรียนแห่งนี้? เป็นไท่จื่อเฟยองค์ปัจจุบันเชียวนะ ไท่จื่อเฟยท่านเก็บเงินเจ้าไม่กี่ตำลึง! ผู้สูงศักดิ์ท่านนี้ก็อยากช่วยพวกเราผู้ยากไร้เท่านั้น เจ้ายังไม่รับน้ำใจ สักวันหนึ่งเจ้าต้องเสียใจแน่!”

ครอบครัวของหูอวี้กุ้ยอาศัยอยู่ในหมู่บ้านบนภูเขาเล็กๆ ไม่รู้ข่าวไท่จื่อเฟยสร้างโรงเรียนที่แพร่ไปทั่วแล้ว จึงยืนหยัดว่าพวกเฉียวเยี่ยนที่มานี้เป็นคนหลอกลวง

“พวกเขาที่มาในวันนี้ล้วนเป็นอาจารย์ของสำนักศึกษา นางเป็นผู้สูงศักดิ์ที่มีความสามารถ หากวันนี้เจ้าล่วงเกินพวกเขา วันหน้าเจ้าได้เจอดีแน่!”

……

หัวหน้าหมู่บ้านก่นด่าหูอวี้กุ้ยด้วยความโกรธเกรี้ยว และหูอวี้กุ้ยก็ได้ทราบข่าวที่ลูกพี่ลูกน้องไม่มีอันจะกินส่งนางตัวขาดทุนสองคนในบ้านไปโรงเรียน ณ ที่นี้เอง!

ช่างน่าขบขันนัก!

เขาจะคอยรอดู คอยดูว่าครอบครัวพวกเขาตกต่ำยากจนข้นแค้น และขอความช่วยเหลือคนอื่นไปทั่ว!

ครอบครัวลูกพี่ลูกน้องเขาสมองป่วยเสียแล้ว มองนางตัวขาดทุนสองคนนั้นเป็นสมบัติล้ำค่า เขาจะไม่มีทางเป็นเหมือนพวกเขาหรอก!

เขาเลี้ยงลูกชายในบ้านอย่างอยู่ดีกินดี ส่วนยัยเด็กต่ำต้อย แค่มีข้าวให้กินก็เพียงพอแล้ว ถึงอย่างไรก็เป็นแค่นางตัวขาดทุนที่ต้องแต่งงานออกไปเท่านั้น

หวังซื่อภรรยาหูอวี้กุ้ยแอบฟังอยู่ในบ้าน ได้ยินว่าลูกพี่ลูกน้องไร้ความสามารถจะส่งลูกสาวสองคนไปสำนักศึกษา ก็รีบพุ่งออกมาจากในบ้านทันที

นางรั้งหูอวี้กุ้ยเอาไว้ ก่อนเอ่ยกล่อมเสียงเบา “หัวหน้าครอบครัว ไม่เช่นนั้นเราส่งต้าเหอกับเสี่ยวซานไปโรงเรียนดีไหม นางตัวขาดทุนสองคนของครอบครัวลูกพี่ลูกน้องต่างได้ไปเรียนทั้งคู่ ก็ไม่มีเหตุผลที่ลูกชายสองคนของเราไปเรียนไม่ได้ เราไม่อาจปล่อยให้พวกเขาสองสามีภรรยากลับมาหัวเราะเยาะเราได้นะ”

หวังซื่อมีนิสัยรักการเปรียบเทียบและทระนงตน ตั้งแต่นางแต่งงานกับหูอวี้กุ้ย ก็มักจะเปรียบเทียบกับจางซื่อพี่สะใภ้เสมอ ที่โชคดีคือนางได้รับชัยชนะมาตลอด

ครอบครัวของนางมีชีวิตดีกว่าครอบครัวลูกพี่ลูกน้องมาก นางให้กำเนิดลูกชายสองคน ในขณะที่จางซื่อให้กำเนิดเพียงคนเดียว

ครั้งนี้จางซื่อส่งนางตัวขาดทุนทั้งสองไปโรงเรียน นางจะแพ้ไม่ได้ ค่าเข้าเรียนสองตำลึง ครอบครัวนางจ่ายได้!

สองสามีภรรยาซุบซิบพึมพำกันต่อหน้าเฉียวเยี่ยน สุดท้ายก็ตัดสินใจส่งลูกชายทั้งสองไปโรงเรียน

แม้ลูกชายคนเล็กอายุจะไม่ถึง แต่ขอแค่พวกเขายินดีจ่ายค่าเล่าเรียน นางไม่เชื่อว่าพวกเขาจะไม่ให้ไป!

ใบหน้าของหูอวี้กุ้ยยังคงไม่สู้ดีเช่นเดิม ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าใจดี “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะลงสมัครให้ลูกชายคนรองกับลูกชายคนเล็กแล้วกัน แต่ตกลงกันแล้วนะว่า หากโรงเรียนเส็งเคร็งของพวกเจ้ากล้าหลอกข้า ข้าจะไปฟ้องร้องพวกเจ้าที่ศาล!”

เกาจัวหยวนได้ยินเขาวิพากษ์วิจารย์อย่างเต็มที่จึงโมโหขึ้นมา ก่อนเอื้อมมือไปจับคอเสื้อยกเขาขึ้น และกดกำปั้นขนาดกระสอบทรายเข้าที่หน้าเขา “ไฉนกล่าวเช่นนี้? เชื่อไหมว่าข้าจะชกเจ้า!”

ไท่จื่อเฟยของพวกเขามีหัวใจดุจพระโพธิสัตว์ อยากช่วยให้พวกเขาได้ปรับปรุงชีวิตให้ดีขึ้น เขาไม่รับน้ำใจก็ไม่ว่าอะไร แต่ยังอ้าปากเอ่ยว่าร้าย ช่างน่าโมโหจนใจเจ็บจริงๆ !

หูอวี้กุ้ยเป็นคนรังแกคนที่อ่อนแอกว่าแต่กลัวคนที่แข็งแรงกว่า ยามนี้ถูกเกาจัวหยวนหิ้วขึ้นมาด้วยมือข้างเดียวก็รู้สึกหวาดกลัว จึงอ้าปากขอร้องอ้อนวอน หวังซื่อเองก็ตกใจมากจนรีบเอ่ยแทนสามี

อารมณ์ของเฉียวเยี่ยนตอนนี้ดำดิ่งสู่ก้นบึ้งแล้ว ไม่อยากมีส่วนร่วมกับครอบครัวนี้อีก นางหาใช่พระโพธิสัตว์ ไม่มีเหตุผลให้คนอื่นมาชี้หน้าด่าครั้งแล้วครั้งเล่า นางเก็บโอกาสไว้ให้คนอื่นๆ ดีกว่า

แม้พวกเขาไม่ชอบโอกาสที่นางให้ เช่นนั้นนางไปหาคนอื่นก็ได้ โรงเรียนของนางไม่ขาดลูกสองคนของเขาหรอก

แต่ที่ไม่คาดคิดก็คือ ก่อนที่นางจะพาทุกคนจากไป ลูกชายสองคนที่หูอวี้กุ้ยกับภรรยาประคบประหงมก็รีบพุ่งออกมาจากบ้าน

หูเจียงเหอลูกชายคนรองอายุสิบสามปีกับหูเสี่ยวซานลูกชายคนเล็กวัยหกขวบที่ถือน่องไก่แทะกันคนละน่อง ปากเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน และเสื้อผ้าด้านหน้าก็เปื้อนไปด้วยน้ำมัน

ลูกชายทั้งสองอ้วนมาก รูปร่างไปไกลเกินกว่าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน และท่าทางแทะขาไก่นั้นค่อนข้างเหมือนหมูแทะอาหารก็ไม่ปาน

หูเจียงเหอวิ่งไปอยู่ด้านข้างหวังซื่อ มือที่เปรอะเปรื้อนน้ำมันคว้าเสื้อผ้าของนางพลางคำราม “ท่านแม่ ข้าไม่อยากไปโรงเรียน การไปเรียนไม่สนุกเลย มันเหนื่อยเกินไป!”

หูเสี่ยวซานก็ไม่น้อยหน้า วิ่งไปคว้าดึงหวังซื่อไว้เช่นเดียวกัน “ข้าก็ไม่ไป ข้าอยากกินเนื้ออยู่ที่บ้าน ไปโรงเรียนไม่ได้กินเนื้อหรอก!”

หวังซื่อเอาอกเอาใจกับลูกๆ มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จะเต็มใจปล่อยให้ลูกทั้งสองต้องทนทุกข์ทรมานได้อย่างไร นางจึงเอ่ยกล่อมทันที “จ้ะๆๆ ไม่ไปก็ไม่ไป ใครอยากไปก็ไป!”

ครั้นเฉียวเยี่ยนเห็นเด็กทั้งสอง ก็แอบพ่นเสียงเย็นชาอยู่ภายในใจ พ่อแม่คือครูคนแรกของเด็กๆ และเห็นได้ชัดว่าครูคู่นี้ของพวกเขาได้ชักนำเด็กๆ ให้หลงทางแล้ว

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางจะรับสองบรรพบุรุษนี้มาทำให้ตนเองลำบากไปไย

นางให้เกาจัวหยวนปล่อยมือ ก่อนนำทุกคนออกจากลานบ้านตระกูลหูไป ก่อนจากไปนางเอ่ยกับหูอวี้กุ้ยว่า “โรงเรียนของเราเล็กเกินไป มิอาจรองรับพระพุทธรูปใหญ่โตทั้งสองของเจ้าได้ จากนี้ไปหากครอบครัวเจ้าอยากมาสมัครเข้าโรงเรียนของเรา เราต้องขออภัยด้วยที่จะไม่รับ”

หูอวี้กุ้ยถูกเกาจัวหยวนโยนลงบนพื้น ก้นกระแทกพื้นจนเจ็บปวด หลังจากได้ยินสิ่งที่เฉียวเยี่ยนพูด เขาก็สาปแช่งด้วยความโกรธ “ใครจะสนใจโรงเรียนเส็งเคร็งของเจ้ากัน ข้ามีเงิน ข้าจะส่งลูกชายไปเรียนสำนักศึกษาเอกชน ในอนาคตจะได้เป็นเจ้าขุนมูลนาย คอยดูแล้วกัน!”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ปากดีไปเถอะจ้า เชิญอยู่เป็นบัวใต้คอนกรีตต่อไปเถอะ ถ้ารู้ว่าใครก่อตั้งโรงเรียนแล้วจะหนาว

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด