ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 339 เยี่ยมชมสำนักศึกษา
ตอนที่ 339 เยี่ยมชมสำนักศึกษา
ตอนที่ 339 เยี่ยมชมสำนักศึกษา
เฉียวเยี่ยนยิ้มอย่างจนใจยิ่ง นางปล่อยเสี่ยวอวี้เอ๋อร์ไว้ตรงหน้าเด็กน้อย ก่อนเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ลูกรัก นี่คือน้องสาว พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน”
คนตัวเล็กที่ดุดันแบบเด็กน้อยไม่กี่วินาทีก่อน เห็นน้องสาวยิ้มน่ารักให้ตัวเอง ใบหน้ายับยู่ยี่พันคลายลงทันที และจ้องมองทารกน้อยด้วยสีหน้างงงวย
เขายกมือน้อยสะกิดมือเล็กของน้องสาวเบาๆ เสี่ยวอวี้เอ๋อร์จับนิ้วพี่ชายทันที และยิ้มอย่างมีความสุขมากขึ้น
คราวนี้เสี่ยวอวี๋เป่ามีความสุขแล้ว หัวเราะคิกคักเผยฟันน้ำนมของตัวเองที่งอกออกมา พลางเอ่ยด้วยเสียงน่ารัก “น้องสาว ยิ้ม”
หลังจากอยู่บ้านกับเด็กๆ มาหนึ่งวันพร้อมนอนพักผ่อนไปด้วย เฉียวเยี่ยนก็ใช้ชีวิตอย่างสบายทั้งวัน
ตอนบ่ายเด็กทั้งสี่กลับมา ก็ประณามมารดาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อแม่กลับมา พ่อก็จากไปอีก พวกเด็กๆ เศร้าขึ้นมาอีกครั้ง
เพื่อทำให้เด็กๆ อารมณ์ดีขึ้น เฉียวเยี่ยนจึงคลายการควบคุมการกินของว่างของพวกเขา และซื้อของว่างมากมายกับระบบ ให้พวกเขากินอย่างมีความสุข
ส่วนเสี่ยวอวี๋เป่าที่ยังกินของว่างได้ไม่มาก ทำได้เพียงกอดขวดนมน้อยตัวเองไว้ มองน้ำลายไหลตาปริบๆ
……
หลังมู่ฉินเจินจากไปห้าวันก็ยังไม่มีข่าวคราวใด เฉียวเยี่ยนรู้สึกกังวลเล็กน้อย จึงทำได้เพียงทำตัวให้ยุ่ง เพื่อหันเหจากความวิตกกังวล
ตอนนี้เปิดสำนักศึกษาแล้ว ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ค่าอาหารของอาจารย์นักเรียนในแต่ละวันก็มีปริมาณมากแล้ว ดังนั้นนางจึงต้องขยันหาเงิน
ตอนนี้หอหวาอวิ้นมีเพียงสองร้านเท่านั้น กิจการไม่เลวเลย นางวางแผนจะเปิดร้านสาขาทำให้ร้านมีไปทั่วเมืองหลวง
ร้านขายสินค้าเฉียวจี้ที่นางเปิดในหางโจวก่อนหน้านี้ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นางยังวางแผนจะเปิดในเมืองหลวงอีกแห่งด้วย พื้นที่ต้องใหญ่พอ และสินค้าต้องมีครบครัน
แต่หาไปหามาก็หาร้านที่เหมาะสมไม่พบ หากไม่พื้นที่น้อยเกินไปจนไม่สามารถเปิดร้านขายของขนาดใหญ่ได้ ก็ทำเลไม่ดีราคาแพงเกินไป
นางจึงทำได้เพียงพับเรื่องนี้เก็บไปก่อน รอหาสถานที่เหมาะสมเมื่อใดค่อยเริ่มวางแผนขึ้นมา
สองสามวันมานี้สำนักศึกษาค่อยๆ เข้าที่เข้าทาง พวกนักเรียนกับอาจารย์ก็ปรับตัวเข้ากับชีวิตการเรียนการสอนได้แล้ว เฉียวเยี่ยนมักจะไปสำนักศึกษาทุกๆ สองสามวัน เพื่อแอบไปสังเกตสถานการณ์การเรียนของนักเรียนกับอาจารย์ในชั้นเรียน
หลักสูตรของสำนักศึกษาการงานอาชีพแห่งแรกของเมืองหลวงอิงตามระบบสัปดาห์ของคนรุ่นหลัง เข้าเรียนห้าวัน พักสองวัน ในสองวันนี้นักเรียนสามารถเลือกกลับบ้านหรืออยู่สำนักศึกษาได้หากระยะทางไกลเกินไป
ทว่านักเรียนส่วนใหญ่เลือกที่จะอยู่ในสำนักศึกษา เพราะอย่างแรกบ้านอยู่ไกลเกินไป ไปกลับต้องใช้เวลามาก สองพวกอาจารย์สั่งการบ้านมาไม่น้อย หากเลือกกลับบ้าน ก็ทำการบ้านไม่เสร็จ
เฉียวเยี่ยนใช้โอกาสในตอนที่พวกเด็กๆ หยุดพักพาพวกเขาไปเดินเล่นที่สำนักศึกษา ให้พวกเขาได้สัมผัสบรรยากาศที่แตกต่างระหว่างสำนักศึกษากับสำนักศึกษาการงานอาชีพ
ระบบตัวน้อยก็เคยเข้าเรียนในตอนที่อยู่โลกระบบเช่นกัน จึงคุ้นเคยกับระบบสำนักศึกษาเป็นอย่างดี แต่เด็กที่เหลือกลับรู้สึกแปลกใหม่มาก
นี่ดูสนุกกว่าสำนักศึกษาของพวกเขาเสียอีก พวกเขาอยากมาที่นี่เหมือนกัน จะต้องทำอย่างไร?
เฉียวเยี่ยนมองออกว่าเด็กๆ คิดอะไร ก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากพวกลูกอยากมา รออายุถึงเกณฑ์แล้ว แม่จะส่งพวกเจ้ามาที่นี่”
เรียนรู้ทักษะฝีมือให้มากหน่อยเป็นเรื่องที่ดี หากในอนาคตเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน ไม่แน่อาจจะทำให้ตัวเองผ่านพ้นอุปสรรคไปได้
เมื่อเด็กๆ ได้ยินว่าต้องรออายุให้ถึงเกณฑ์ก่อน ก็พากันหูลู่หางตก ท่าทางห่อเหี่ยว
อยากโตเร็วๆ จังเลย อยากให้ถึงอายุถึงเกณฑ์เข้าเรียน พวกเขาต้องรออีกหลายปีทีเดียว!
สำนักศึกษาของเฉียวเยี่ยนได้รับความสนใจจากโลกภายนอกตั้งแต่เริ่มเปิดเรียนขึ้นมา โดยเฉพาะพวกชายชราอวดรู้ในราชสำนัก ได้รบเร้าฮ่องเต้เฒ่าหลายครั้งให้พาพวกเขาเยี่ยมชมสำนักศึกษา
เมื่อฮ่องเต้เฒ่าได้ยินคำพูดทรงเกียรติสง่าผ่าเผยจอมปลอมของชายชราเหล่านี้ ก็ลอบกลอกพระเนตร พวกเจ้าแค่ต้องการจับผิดลูกสะใภ้เรา แล้วเอ่ยว่านางเสียๆ หายๆ ต่อหน้าเราไม่ใช่หรอกหรือ?
อย่าทำเหมือนเราไม่รู้นะ!
ทว่าลูกสะใภ้เราเป็นคนอย่างไร? เป็นคนที่ชายชราอย่างพวกเจ้าจะบีบก็บีบได้หรือ?
หึ! ต้องมีวันที่พวกเจ้าร้องไห้แน่!
ชายชราตอบตกลงอย่างเย่อหยิ่ง และออกคำสั่งทั้งราชสำนักทันที อีกสามวันขุนนางทุกคนจะตามเขาไปเยี่ยมชมสำนักศึกษา หากอยากเห็นโลก ก็สามารถพาสมาชิกในครอบครัวมาด้วยได้
ครั้นพวกชายชราหัวโบราณได้ยินรับสั่งนี้ ก็แอบดีใจ คอยดูเถิดว่าพวกเขาจะไม่เบิกตากว้างจับผิดไท่จื่อเฟย!
พวกเขาไม่เชื่อหรอก สำนักศึกษาที่สตรีคนหนึ่งจัดการ สำนักศึกษาที่ขัดต่อการสอบขุนนาง และสำนักศึกษาที่อนุญาตให้สตรีเข้าเรียนได้ จะสูงส่งเพียงใดกัน!
ฮ่องเต้เฒ่าเองก็ดีใจ เขาอยากไปเยี่ยมชมสำนักศึกษานานแล้ว จึงถือโอกาสนี้เข้าไปเยี่ยมชมเสียเลย แถมยังได้ดูพวกคนแก่หัวโบราณกลุ่มนี้ถูกตบหน้าด้วย คิดๆ ดูแล้วก็รู้สึกมีความสุขมาก
แม้เขาจะไม่เคยไปสำนักศึกษา ทว่าเจ้าเด็กบ้านั้นได้ไปรายงานเขาแล้ว ทั้งยังยกย่องภรรยาตนจนเหมือนไม่มีใครในโลกนี้เทียบได้
อีกอย่างเขาได้เห็นแผนผังของสำนักศึกษาแล้ว และสามารถจินตนาการถึงลักษณะคร่าวๆ ของโรงเรียนได้
ชายชรายังให้หวังกงกงออกนอกวังไปแจ้งแก่เฉียวเยี่ยนเป็นพิเศษ ให้นางได้เตรียมตัวล่วงหน้า พอถึงตอนนั้นจะได้ส่องแสงเจิดจ้าจนทำให้ตาสุนัขของคนแก่หัวโบราณเหล่านั้นมืดบอดไปเลย!
เฉียวเยี่ยนได้รับงานนี้ก็รู้สึกระอาสุดขีด พลันนึกถึงภาพโรงเรียนส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบันมีการตรวจสอบ ครูใหญ่สั่งให้ครูกับนักเรียนทั้งโรงเรียนยืนรอเตรียมพร้อมขึ้นมา
นางยังจำตอนที่เข้าเรียนมัธยมได้ มีครั้งหนึ่งผู้บังคับบัญชาการมาตรวจสอบโรงเรียน ครูใหญ่เรียกรวมครูกับนักเรียนทุกคนทันที เพื่อทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมของโรงเรียน แม้กระทั่งผนังก็ยังทาสีใหม่
แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ไม่อาจเกิดขึ้นที่สำนักศึกษาของนางได้ พวกอาจารย์กับนักเรียนต้องกำชับตัวเองให้ปฏิบัติตามกฎของสำนักศึกษาอย่างเคร่งครัดตลอดเวลา ไม่ต้องรอให้มีการตรวจสอบก็ไปทำความสะอาดทันที
นางแค่ไปเปิดประชุมสั้นๆ กับพวกอาจารย์กับเจ้าหน้าที่เท่านั้น ให้พวกอาจารย์แจ้งนักเรียนว่าวันที่พวกขุนนางมาเที่ยวชมให้ระวังคำพูดและการกระทำของตัวเอง อย่าไปปะทะชนเข้ากับผู้สูงศักดิ์
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นสมัยโบราณ ระดับชนชั้นชัดเจน หากเด็กคนไหนบังเอิญไปชนเข้ากับพวกขุนนางในราชสำนัก คงไม่พ้นถูกลงโทษ
เมื่อเวลาสามวันมาถึง ในตอนเช้าตรู่ ชายชราไม่เข้าว่าราชกิจเช้า แต่พาฮองเฮานั่งรถม้าไปสำนักศึกษาทางตะวันตกของเมือง
พวกขุนนางก็ทยอยกันออกจากบ้าน เมื่อถึงเวลา หน้าประตูสำนักศึกษาก็มีคนมารวมตัวกันไม่น้อยแล้ว
ขุนนางหลายคนพาสมาชิกในครอบครัวมาด้วย เพราะพวกเขาได้ยินว่าฮองเฮาก็จะเสด็จออกจากพระราชวังพร้อมกับฮ่องเต้ด้วย เพื่อให้ภรรยาได้ใกล้ชิดกับฮองเฮามากขึ้น
เมื่อฮ่องเต้กับฮองเฮามาถึง พวกขุนนางก็มาครบกันหมดแล้ว พวกเขาล้วนออกเดินทางก่อนรุ่งสาง หากพวกเขามาถึงทีหลังฮ่องเต้กับฮองเฮา คงต้องถูกพวกขุนนางนำไปเอ่ยในราชสำนักแน่
ชายชราประคองฮองเฮาลงจากรถม้า ก่อนเงยหน้าขึ้นมองแผ่นป้ายขนาดใหญ่เหนือประตูสำนักศึกษา ลายมือที่ดูลื่นไหลเป็นธรรมชาตินั้นเป็นลายมือที่เขาเขียนเอง
พวกขุนนางทุกคนรู้จักลายมือของชายชรา ครั้นเห็นแผ่นป้ายก็ประจบสอพลออย่างบ้าคลั่ง และยกย่องชายชราจนเคราของเขาแทบจะลอย
และคำขวัญของสำนักศึกษาที่สลักไว้บนแผ่นหินขนาดใหญ่หน้าประตู ก็ทำให้ขุนนางบางคนรู้สึกซาบซึ้งใจ
‘ผู้คงแก่เรียนรู้เหตุรู้ผล คุณธรรมสูงส่งทักษะล้ำเลิศ” มุมมองนี้ช่างแตกต่างจากทุกสำนักศึกษาจริงๆ
ภายใต้การนำของฮ่องเต้และฮองเฮา คนกลุ่มใหญ่หลั่งไหลเข้ามาในสำนักศึกษา
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปิดประตูใหญ่ ยืนตัวตรง ดวงตาทั้งสองเฉียบขาด เผยรังสีไม่ธรรมดา
พวกเขาต้องแสดงออกให้ดีๆ ห้ามทำให้สำนักศึกษาขายหน้าได้!
การทำให้สำนักศึกษาขายหน้าก็คือการทำให้ไท่จื่อเฟยขายหน้าด้วย เรื่องแบบนี้ต้องไม่เกิดขึ้นกับพวกเขาเด็ดขาด!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อยากมาจับผิดนักใช่ไหม เดี๋ยวจะได้โดนเฉียวเยี่ยนตบหน้ากลางสำนักศึกษาในเร็วๆ นี้แหละ
นึกถึงเวลาต้อนรับคนใหญ่คนโตของหน่วยงานต่างๆ ในบ้านเราเลย พอคนใหญ่ๆ มาทีก็กุลีกุจอไปหาซื้อผักชีมาเป็นคันรถเชียว
ไหหม่า(海馬)
Comments