ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 342 เงื่อนไขการเข้าโรงเรียน

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 342 เงื่อนไขการเข้าโรงเรียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 342 เงื่อนไขการเข้าโรงเรียน

ตอนที่ 342 เงื่อนไขการเข้าโรงเรียน

ปลาตุ๋นน้ำแดงที่นักเรียนทำล้วนมีหน้าตาดีกันคนละแบบ รสชาติก็แตกต่างกันออกไป ทว่าโชคดีที่สามารถกินได้ทั้งหมด ปลาที่กินไม่หมดก็นำกลับไปที่โรงอาหาร รอถึงเวลากินข้าวทุกคนก็กินพร้อมกัน เพื่อจะได้ไม่สิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์

หลังออกมาจากอาคารปฏิบัติการแล้ว เฉียวเยี่ยนก็พาพวกเขาไปที่โรงเรียนสตรีต่อ

สิ่งที่กลุ่มคนชราหัวรั้นไม่ชอบที่สุดคือการให้สตรีได้เข้าเรียน เช่นนั้นนางจะให้พวกเขาได้เห็น สตรีในโรงเรียนของนางเก่งกาจไม่แพ้บุรุษเลยแม้แต่น้อย

ทั้นทีที่เดินเข้าโรงเรียนสตรีผ่านสนามหญ้าไป ก็จะเห็นอาจารย์หญิงท่านหนึ่งนำพวกนักเรียนเรียนวรยุทธ์ป้องกันตัวพื้นฐาน

ฮองเฮามองแวบหนึ่ง ก็เอ่ยอย่างประหลาดใจ “นี่นางหนูอวิ๋นซูมิใช่หรือ? ไฉนจึงมาเป็นอาจารย์ที่นี่เสียได้ล่ะ?”

เฉียวเยี่ยนพยักหน้า และอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ใช่เพคะ ท่านพี่ข้ากับภรรยาเขาต่างมาที่นี่หมด ทว่าท่านพี่ข้าสอนวัฒนธรรม ส่วนอวิ๋นซูสอนวิชาการต่อสู้ที่โรงเรียนสตรี”

ครั้นภรรยาขุนนางเหล่านั้นได้ยินว่าสตรียังต้องเรียนการต่อสู้ ก็ขมวดคิ้วฉับอย่างไม่ทันตั้งตัว

สตรีไม่ได้ไปสนามรบเสียหน่อย จะฝึกวรยุทธ์ไปด้วยเหตุใดกัน? หากฝึกจนร่างกายกำยำล่ำสันแล้ว จากนี้ไปจะหาครอบครัวสามีได้อย่างไร?

พวกนางเพิ่งมีความคิดนี้ได้ไม่ทันไร ก็ได้ยินฮองเฮาเอ่ย “สตรีเรียนทักษะการป้องกันตัวไว้หน่อยก็ดี สามารถเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงไปด้วย และป้องกันตัวเองจากอันตรายไปด้วย”

สนมเหล่านี้ล้วนตามมาประจบสอพลอฮองเฮา พระนางตรัสมาเช่นนี้แล้ว พวกนางจะริอาจออกความคิดเห็นของตนได้อย่างไร ต่างพากันรีบกล่าวสมทบ

จากการถูกด่าติดๆ กันเมื่อครู่ ครานี้เหล่าขุนนางหัวรั้นแม้จะมีข้อคิดเห็นทว่าก็ไม่กล้าเอ่ยออกมาง่ายๆ ทำได้เพียงถลึงตาเป่าเคราก็เท่านั้น

จวบจนเดินเข้าไปสนามหญ้า ก็เห็นเว่ยอวิ๋นซูกำลังสอนนักเรียนทำท่าควบม้า นางคอยสอนท่าให้นักเรียนอย่างอดทน และบอกจุดสำคัญให้นักเรียนรู้

ตอนเช้าแดดยังไม่แรงมาก อากาศในเดือนสี่ก็อบอุ่นดี พวกนักเรียนต่างทำท่านั่งควบม้า ขาสั่นเล็กน้อย ทว่าบนใบหน้าพวกนางกลับเต็มไปความมีชีวิตชีวา มีกลิ่นอายเยาว์วัย เปี่ยมล้นไปด้วยความแข็งแรง

เด็กสาวอายุสิบกว่าปีควรจะเป็นวัยร่าเริงสดใส ไม่ควรเคร่งเครียดเช่นนี้

สตรีในสมัยโบราณมักจะโตเกินกว่าวัย อายุสิบกว่าปีก็ต้องเผชิญหน้ากับชีวิตแต่งงานมีลูก และรับผิดชอบดูแลครอบครัวแล้ว แต่เมื่ออยู่ในโรงเรียน พวกนางก็เป็นแค่เด็ก มีเพื่อนคุยเพื่อนเล่น มีความรู้ที่ทำให้พวกนางได้เปิดหูเปิดตา

ความมีชีวิตชีวาและความกระฉับกระเฉงนี้ คือสิ่งที่พวกคุณหนูมีเงินไม่มีทางมีได้

ฮองเฮาเห็นสาวน้อยพวกนี้แล้วก็รู้สึกสะเทือนใจ ก่อนนางออกเรือน ทางบ้านได้แต่ควบคุมบังคับนาง

ตอนย่างก้าวต้องเรียบร้อย ดูสง่า ยามยิ้มต้องสำรวม ท่าทางต้องสง่างาม แม้ว่ามารยาทเหล่านี้จะทำให้นางกลายเป็นสตรีมีความสามารถที่ทุกคนยกย่องในเมืองหลวง และต่อมาก็กลายเป็นมารดาแห่งแผ่นดิน

แต่กระนั้นใช้ชีวิตแบบนี้มาสิบกว่าปี แทบไม่มีช่วงเวลาที่มีความสุขเลย รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหุ่นเชิดถูกคนควบคุมอยู่

ต่อมาได้ออกเรือน โชคดีที่สามีดีกับนาง นางถึงค่อยๆ เริ่มปลดปล่อยสัญชาตญาณดิบออกมา ต่อหน้าคนอื่นยังคงเป็นฮองเฮาผู้สูงส่งเพียบพร้อม แต่ลับหลังนางก็คือตัวนางเอง

ดังนั้นตอนนี้ เมื่อใดก็ตามที่ได้เห็นสตรีสูงศักดิ์เหล่านั้น นางมักรู้สึกเหมือนเห็นตัวเองในอดีตที่เสแสร้ง กดดัน กลับกันพระสุณิสานางที่ตรงไปตรงมา ทำให้นางรู้สึกสนิทสนมมากกว่า

ในขณะที่นางคิดเช่นนี้ ก็ดึงมือเฉียวเยี่ยนมาจับไว้ รู้สึกภูมิใจไปชั่วขณะหนึ่ง

สตรีที่ดีขนาดนี้ พิเศษขนาดนี้คือพระสุณิสาของนาง คิดแล้วก็มีความสุขยิ่งนัก!

เฉียวเยี่ยนไม่รู้ว่าเหตุใดฮองเฮาถึงมองนางอย่างรักใคร่ จึงทำได้เพียงปล่อยให้นางจับมือ และเดินไปข้างหน้าต่อ

ทางด้านโรงเรียนสตรีนี้มีสภาพแวดล้อมเหมือนกับโรงเรียนบุรุษ ทุกคนล้วนกระตือรือร้น เพียงแต่ว่าวิชาที่เรียนแตกต่างกันเท่านั้น

พวกนักเรียนชายจะเรียนเกี่ยวกับการก่อสร้าง ส่วนนักเรียนหญิงจะเรียนเย็บปักถักร้อยกับสิ่งทอ

หลังจากใช้เวลาไปทั้งเช้า เฉียวเยี่ยนก็พาฮองเฮากับเหล่าขุนนางเที่ยวชมทั่วโรงเรียนเสร็จ และสุดท้ายยังเชื้อเชิญพวกเขาไปชมภาพบรรยากาศตอนพวกนักเรียนรับประทานอาหารในโรงอาหารด้วย

อะไรนะ? เหตุใดไม่เชิญพวกเขากินข้าว?

ตลกแล้ว! คนหนาแน่นหลายร้อยคน มื้อหนึ่งต้องหมดอาหารไปเท่าใด!

อีกอย่างคนพวกนี้กินแต่ของดีๆ ทั้งนั้น จะเห็นอาหารแสนธรรมดาในโรงอาหารของนางอยู่ในสายตาได้อย่างไร?

นางไม่อยากถูกคนนำไปนินทา หากพวกเขากินข้าวที่นี่แล้วมีปัญหาอะไรขึ้นมาหลังกลับไปถึงบ้าน คงหนีไม่พ้นที่จะโทษนาง

แต่นางคิดผิด บางทีอาหารในโรงอาหารอาจไม่ค่อยน่าดึงดูดนัก ทว่าสภาพท่าทางการกินอย่างเอร็ดอร่อยของเหล่านักเรียน กลับทำให้พวกเขาอยากลองชิมจริงๆ

แต่น่าเสียดายที่ผู้อำนวยการเฉียวไม่เอ่ยปากเลย พวกเขาก็ไม่กล้าทักท้วงขอกิน สุดท้ายก็ถูกผู้อำนวยการเฉียวเชิญออกไปจากโรงเรียนอย่างเคารพนอบน้อม

……

นับตั้งแต่ฮ่องเต้ ฮองเฮากับพวกขุนนางมาเยี่ยมชมโรงเรียน คำดูถูกเยาะเย้ยถากถางเฉียวเยี่ยนก่อนหน้านี้ก็ลบเลือนหายไป แทนที่ด้วยปรากฎการณ์ประหลาดอย่างหนึ่ง

เหล่าภริยาของขุนนางทั้งหลายต่างไปตำหนักองค์รัชทายาทเพื่อขอให้เฉียวเยี่ยนรับลูกพวกนางเข้าเรียน

พวกนางหมดปัญญาที่จะรับมือกับบรรพบุรุษตัวน้อยที่วิ่งไปมาในบ้านแล้วจริงๆ ไม่สู้ส่งพวกเขาไปโรงเรียนปล่อยให้พวกเขาได้ถูกขัดเกลาดีๆ ดีกว่า

วันนั้นพวกนางได้เห็นแล้ว รั้วล้อมรอบโรงเรียนทั้งสี่ทิศนั้นสูงมาก บนกำแพงยังมีตะปูแหลม คิดจะปีนกำแพงหนี ก็นอกเสียจากว่าเจ้าจะบินได้!

อีกทั้งในโรงเรียนยังมีการดูแลอย่างเข้มงวด ได้ยินมาว่ายามเฝ้าหน้าประตูใหญ่นั้นล้วนเป็นคนในค่ายทหาร ก็น่าจะจัดการกับเหล่าเด็กเปรตในบ้านได้อย่างไม่คณามือ

พวกนางก็ไม่ได้คาดหวังให้พวกบรรพบุรุษตัวน้อยโดดเด่นจนเชิดหน้าชูตาได้ ให้ถือเสียว่าไปที่นั้นเพื่อฆ่าเวลา เพื่อไม่ให้สร้างปัญหาแก่พวกนางตลอดวันก็พอ

เฉกเช่นเจ้าเด็กบ้าของบ้านอันหยางปั๋ว ที่นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าพุ่งชนใส่องค์รัชทายาทกับไท่จื่อเฟย หลังจากนั้นจวนอันหยางปั๋วก็ได้รับการสั่งสอนจากองค์รัชทายาท

หากวันใดลูกพวกเขาไปทำให้ผู้สูงศักดิ์ท่านใดโกรธเข้า ตระกูลพวกเขาคงจบเห่แล้วเป็นแน่แท้!

วันนี้ตำหนักองค์รัชทายาทมีฮูหยินมาอีกสองคน คนแรกคือเหยาซื่อผู้เป็นกวงลู่ซื่อชิงฮูหยิน* อีกคนคืออู่ซื่อผู้เป็นอวิ๋นหยางปั๋วฮูหยิน

(*กวงลู่ซื่อชิง เป็นแผนกหนึ่งในวังหลวงที่ดูแลจัดงานเซ่นไหว้บูชา พระกายาหารของฮ่องเต้ และงานเลี้ยง ซึ่งมีลำดับขั้นแบ่งเป็น ชิง เซ่าชิง เฉิง จู่ป๋อ ตำแหน่งละคน)

พวกนางทั้งสองต่างก็พาลูกๆ ในบ้านมา ลูกชายคนรองของเหยาซื่ออายุสิบสี่ปี รูปร่างดูสูงสง่า แต่เมื่อเห็นท่าทางก็รู้แล้วว่าเป็นพวกหัวรั้นเกเร

ลูกชายคนโตของอวิ๋นหยางปั๋วฮูหยินอายุสิบสามปี รูปร่างไม่สูงมาก อวบอ้วน ขาวเกลี้ยงเกลา เป็นเจ้าอ้วนที่ดูสะอาด เห็นแล้วดูน่าเอ็นดู

หลายวันมานี้เฉียวเยี่ยนปฏิเสธแขกไปกลุ่มหนึ่งแล้ว เพราะพวกเขาขาดความจริงใจ

โรงเรียนของนางเปิดเพื่อคนยากไร้ นักเรียนในโรงเรียนอยู่ในชนชั้นเดียวกัน ทุกคนมีความเท่าเทียม ไม่มีสูงต่ำรวยจน

หากรับกลุ่มลูกคนรวยเข้าไปรวมกับคนจน แน่นอนว่าพวกเขาจะเกิดความหยิ่งผยอง และคิดว่าตนนั้นสูงศักดิ์กว่าใครๆ

ดังนั้นนางจึงมีเงื่อนไข หากอยากเข้าโรงเรียนนาง ไม่สามารถเอาฐานะยศศักดิ์ผู้ดีเข้าโรงเรียนไปด้วยได้ เมื่อเหยียบเข้าประตูโรงเรียนไป พวกเขาจะเป็นเหมือนพวกนักเรียนธรรมดา มาเพื่อเรียนรู้เท่านั้น

ไม่มีหนังสือ ไม่มีสหายเรียน ไม่มีคนคอยปรนนิบัติ ชีวิตของตัวเองก็ต้องพึ่งพาตัวเอง ในเวลาเดียวกันก็ต้องทำหน้าที่ที่ครูหมอบหมายให้สำเร็จด้วย

ถึงเวลาทำความสะอาดหรือทำงานจะปฏิเสธไม่ได้ ต้องเคารพกฏโรงเรียนอย่างเคร่งครัด

นางยื่นเงื่อนไขเพียงแค่นี้ คนพวกนี้ก็รับไม่ได้แล้ว และมักรู้สึกเพียงแค่ว่าพวกเขาแค่ส่งลูกไปเรียนเท่านั้น ไม่ได้ส่งลูกให้ไปลำบาก

แม้แต่ข้ารับใช้ก็ให้ติดตามไปไม่ได้ เหล่าบรรพบุรุษตัวน้อยที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาตั้งแต่เกิดจะใช้ชีวิตได้อย่างไร

เฉียวเยี่ยนอุ้มเสี่ยวอวี๋เป่าออกมาต้อนรับแขก นางพูดตรงเข้าประเด็น เอ่ยเงื่อนไขออกมาอย่างชัดเจน เดิมทีคิดว่าฮูหยินทั้งสองจะจากไปเหมือนคนอื่นๆ แต่ไม่คิดเลยว่าพวกนางจะตอบตกลง

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

อยากเข้าโรงเรียนก็ต้องทำตามกฎนะคะ จะมากร่างในโรงเรียนไม่ได้น้า

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด