ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 354 เสียสติ
ตอนที่ 354 เสียสติ
ตอนที่ 354 เสียสติ
แสงแดดยิ่งแรงกล้าขึ้นเรื่อยๆ ขณะดวงอาทิตย์เคลื่อนตัวขึ้นสูง สาดส่องไปทั่วทุกหนทุกแห่งในขณะทำงานกลางทุ่งนา จนหน้าผากและแผ่นหลังล้วนชุ่มไปด้วยเหงื่อ
สวีอิงทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ตอนนี้เอวและขาเขาปวดเมื่อยไปหมด จอบที่ถือขุดดินก็เสียดสีกับฝ่ามือเขาจนพองขึ้นมา
เขาอยากไปพักผ่อน อากาศร้อนๆ เช่นนี้ ใครทำงานก็โง่แล้ว!
แต่คำพูดที่เขาอยากไปพักผ่อนกลับติดตรงริมฝีปากอยู่เนิ่นนาน ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้ เพราะหญิงคนนั้นยังทำงานอยู่
นางเคลื่อนไหวเร็วมาก ที่นาแปลงหนึ่งถูกนางจัดการไปแล้วครึ่งหนึ่ง ในขณะพื้นที่ที่เขาจัดการยังทำไม่ถึงหนึ่งในสามเลย
หญิงคนนี้ตั้งแต่เริ่มทำงานก็ไม่เคยหยุดมือเลย ราวกับว่าไม่เหนื่อยอย่างไรอย่างนั้น การเคลื่อนไหวก็ทั้งรวดเร็วและชำนาญ
คุณชายรองสวีอย่างเขาต้องการรักษาหน้า นางที่เป็นสตรีคนหนึ่งไม่กลัวแดด ไม่กลัวเหนื่อย หากเขาร้องโหวกเหวกโวยวายจะไปพักผ่อน จะไม่ถูกคนหัวเราะเยาะเอาหรือ!
ฮึก แต่เขาเหนื่อยจริงๆ นะ!
คุณชายรองสวีที่เป็นตายร้ายดีก็ต้องรักษาหน้าแม้จะเหนื่อยจนมือไม้สั่น ยังคงเนิบนาบทำงานอยู่ในนา เพียงแต่การเคลื่อนไหวช้าลงเรื่อยๆ เท่านั้น
เฉียวเยี่ยนรู้นานแล้วว่าเด็กคนนี้เหนื่อยแล้ว นางแค่อยากให้เขาลำบากอีกหน่อย เพื่อขัดเกลาท่าทางเอ้อระเหยของเขา
ทว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงครึ่งแล้ว ซึ่งเป็นเวลาที่แดดร้อนจัด หากยังให้เขาทำงานต่อไป เกรงว่าเขาจะเป็นลมแดดเอาได้
ด้วยเหตุนี้นางจึงยืดตัวขึ้น นวดบั้นเอวที่เมื่อยขบของนาง และเอ่ยเหมือนกับกำลังพูดกับตัวเอง “ไม่ไหวแล้ว วันนี้ร้อนเกินไป เข้าร่มไปพักสักหน่อยก่อนดีกว่า”
หลังจากพูดจบนางก็เดินจากไปคนเดียวไปทางศาลา โดยไม่สนใจสวีอิงที่ยังอยู่ในทุ่งนาเลย
เมื่อสวีอิงเห็นหญิงคนนั้นไปพักผ่อนในร่มแล้ว ก็รีบเดินตามนางไป ราวกับได้รับการอภัยโทษ
เมื่อไปถึงศาลา ก็มีคนนำน้ำมาให้พวกเขา แถมยังเอาพัดมาให้เฉียวเยี่ยนด้วย
เฉียวเยี่ยนนั่งอยู่บนม้านั่งหิน ดื่มน้ำไปสองแก้ว และใช้พัดโบกกระพือลมให้ตัวเอง ในขณะที่สวีอิงนอนราบอยู่บนม้านั่งในศาลาไปแล้ว เหนื่อยมากจนเริ่มหวาดระแวงโลกใบนี้
เฉียวเยี่ยนยิ้มไม่พูดอะไร มันยังเร็วไปที่เจ้าเด็กนี่จะได้รับอิสระ!
เช้านี้ทั้งคู่ไม่มีใครได้รับประทานอาหารกลางวันเลย เพราะเฉียวเยี่ยนลั่นวาจาเอาไว้ว่าหากทำไม่เสร็จห้ามกินข้าว
เมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร สวีอิงก็หิวนานแล้ว แต่ในเมื่อเฉียวเยี่ยนไม่ไปกินข้าว เขาเองก็ไม่กล้าบอกว่าตัวเองหิวแล้ว
เขาเป็นบุรุษ ไม่สมเหตุสมผลเลยที่สู้สตรีคนหนึ่งไม่ได้ ดังนั้นต้องอดทนไว้ เขามองออกแล้วว่าหญิงคนนี้แค่อยากจะแกล้งเขา ให้เขาล้มเลิกความคิดที่จะโดดเรียน และกลับไปเข้าเรียนอย่างตั้งใจ แต่คุณชายสวีอย่างเขาจัดการได้ง่ายนักหรือ!
ทั้งสองนั่งอยู่ในศาลาโดยไม่พูดอะไรสักคำ บรรยากาศเงียบสงบแปลกๆ พลันเสียงโครกครากก็ทำให้บรรยากาศแปลกๆ เก้อเขินขึ้นมา
แน่นอนว่า มีเพียงสวีอิงคนเดียวเท่านั้นที่อาย
เพราะเสียงโครกครากนี้ดังออกมาจากท้องของเขา!
เฉียวเยี่ยนหยุดชะงักมือไปครู่หนึ่ง ก่อนมองเขาอย่างแสร้งทำเป็นยิ้ม จนสวีอิงหน้าแดงปลั่ง พลิกตัวบนม้านั่งที่นอนราบอยู่ ไม่ให้เฉียวเยี่ยนเห็นหน้าตัวเอง
เฉียวเยี่ยนไม่พูดอะไร ปล่อยให้เจ้าเด็กนี่อายไปคนเดียว
เมื่อพักผ่อนได้พอประมาณแล้ว นางก็ออกจากศาลาอีกครั้ง และไปทำงานต่อ
เมื่อสวีอิงนึกถึงความรู้สึกเมื่อยเอวเมื่อยขาเมื่อครู่ ก็อยากจะนอนอยู่บนม้านั่งหินไม่ขยับเขยื้อนไปไหน แต่ด้วยความนับถือตนเองอันน่าสงสารนั้น ทำให้เขายังคงลากสังขารอันอ่อนล้าของตัวเองไปทำงานต่อเหมือนศพเดินได้
ที่ดินอีกครึ่งที่เหลือ เฉียวเยี่ยนใช้เวลาหนึ่งชั่วยามกว่าก็จัดการเสร็จแล้ว จากนั้นนางก็นั่งอยู่ด้านข้างด้วยใบหน้าที่ผ่อนคลาย มองสวีอิงทำงาน
สวีอิงเพิ่งจัดการพื้นที่ได้ประมาณครึ่งหนึ่ง ด้วยความเร็วนี้ หากอยากจะทำให้เสร็จ เกรงว่าฟ้าคงมืดเสียก่อน
เขาไม่เข้าใจสักนิด เป็นคนเหมือนกันแท้ๆ เหตุใดหญิงคนนั้นถึงจัดการได้รวดเร็วนัก?
เขาเองก็ไม่ได้เกียจคร้านนะ แต่ที่ดินแปดส่วนนี้ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดอย่างไรอย่างนั้น จะจัดการอย่างไรก็จัดการไม่เสร็จสักที!
ตอนบ่ายหลังเลิกเรียน พวกนักเรียนพบว่าสวีอิงกำลังทำงานในทุ่งนา ต่างก็พากันอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
นี่คือสวีอิงหรือ!
คนดังในโรงเรียนของพวกเขา ทำให้อาจารย์ทุกคนปวดหัวทุกครั้งเมื่อเอ่ยชื่อเขา แต่ชายร่างใหญ่คนนี้กลับกำลังทำงานอยู่ในทุ่งนา!
นี่ฝนจะตกเป็นสีแดงหรือพระอาทิตย์ขึ้นจากทางทิศตะวันตกกัน?
มีนักเรียนบางคนอยากรู้ และต้องการแน่ใจว่านั่นคือสวีอิงจริงๆ จึงใช้โอกาสจากช่วงพักสั้นๆ หลังเลิกเรียน วิ่งมาดูที่แปลงนาทดลอง
สวีอิงก้มหน้าก้มตาทำงาน และถูกห้อมล้อมด้วยกลุ่มนักเรียน เขาที่กำลังอายก็ตะโกนใส่คนกลุ่มนั้นด้วยความรำคาญ “มองอะไร? ไม่เคยเห็นคนขุดดินมาก่อนหรือ!”
พอระเบิดอารมณ์ พวกนักเรียนต่างพากันวิ่งหนี ว่ากันว่าคนผู้นี้อารมณ์ร้าย เวลาโกรธยังชกตีกันด้วย พวกเขาจะสร้างปัญหาไม่ได้ หากถูกไล่ออกจากโรงเรียนเพราะชกตีกัน พวกเขาคงเสียใจตายเลย!
เฉียวเยี่ยนฟังเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวของเขาก็เอ่ยอย่างเฉยเมย “ไม่เลวเลย ยังมีแรงตะโกนอยู่ ดูเหมือนการทำงานในทุ่งนาจะไม่เหนื่อยอะไรนัก”
โทสะของสวีอิงถูกคำพูดของนางสกัดจนหดกลับไปอยู่ในท้องทันที ขอร้องล่ะ ทั่วตัวเขามันเขียนเต็มไปหมดว่าเขาเหนื่อยมากแล้วนะ?
สวีอิงทำงานในทุ่งนาตลอดทั้งบ่าย เฉียวเยี่ยนเองก็ไม่ได้ว่าง กำกับเขาทำงานไปด้วย หยิบสมุดบัญชีค่าใช้จ่ายของโรงเรียนมาตรวจสอบอย่างละเอียดไปด้วย
เมื่อถึงเวลากินข้าวในโรงอาหาร ที่ดินของสวีอิงก็ยังจัดการไม่เสร็จ เขาที่หิวโหยและเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันในเวลานี้หิวจนไส้กิ่ว แต่เฉียวเยี่ยนกลับไม่มีเจตนาจะให้เขาไปกินเลย
เมื่อได้ยินกริ่งเรียกให้ไปกินข้าวในโรงอาหารดังขึ้น เฉียวเยี่ยนจึงปิดสมุดบัญชี และจงใจเพิ่มระดับเสียง “ในที่สุดก็ได้เวลากินข้าวแล้ว โชคดีที่ข้าทำงานเสร็จแล้ว ไม่เช่นนั้นตอนบ่ายคงไม่ได้กินข้าวอีกแน่ เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อนนะ ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับมา”
นางพูดจบก็ตรงไปยังโรงอาหาร ทิ้งสวีอิงผู้ยืนอยู่ในทุ่งนาให้รอคอยและคาดหวังด้วยความกระวนกระวายใจ
ในเวลานี้พวกนักเรียนเลิกเรียนกันแล้ว แต่ละคนวิ่งไปที่โรงอาหาร สวีอิงเองก็อยากไปตักอาหารเช่นกัน แต่เมื่อนึกถึงหญิงคนนั้น เขาก็ดื้อรั้นทำงานต่อไป
เขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้หรอก! แค่หิวหนึ่งวันเองไม่ใช่หรือ? มันไม่ตายหรอก!
แต่คนอยู่ที่ค่ายของโจโฉมีใจอยู่ที่ดินแดนฮั่นเสียแล้ว ต่อให้กวัดแกว่งจอบในทุ่งนาทว่าใจกลับลอยไปที่โรงอาหาร ไม่รู้ว่าอาหารในโรงอาหารวันนี้คืออะไร หมูตุ๋นน้ำแดงหรือว่าไก่ตุ๋น? หรือจะเป็นผัดหุยกัวโร่วแสนอร่อยกันนะ!
เขาน้ำลายไหลไปพลาง ทำงานไปพลาง ท้องของเขาก็ร้องโครกครากดังขึ้นเรื่อยๆ
ไม่นานเฉียวเยี่ยนก็กลับมา และรักษาข้อตกลงอย่างมาก
ในมือนางยังถือชามข้าวอยู่ เห็นได้ชัดว่าไปตักอาหารมา นางนั่งลงบนก้อนหินข้างพื้นดินก้อนหนึ่ง ถือชามแล้วเริ่มกินข้าว
“ข้าขอกินข้าวก่อนนะ เจ้าก็ค่อยๆ ทำงานไป”
สวีอิงหยุดการทำงานทุกอย่าง ในดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
หญิงคนนี้เสียสติถึงขั้นนี้เชียวหรือ! ทำให้เขาหิวก็ว่าแล้ว กลับยังมากินข้าวต่อหน้าเขาอีก ช่างเป็นปีศาจจริงๆ !
ทว่าเฉียวเยี่ยนที่เสียสติไม่เพียงกินต่อหน้าเขาเท่านั้น แต่ยัง บรรยาย ‘คร่าวๆ’ ถึงมื้ออาหารของวันนี้ด้วย
“อืม ฝีมือพ่อครัวดีขึ้นอีกแล้ว วันนี้ข้าวไก่ทอดเห็ดหอมทั้งนุ่มทั้งหอม แล้วก็ยังมีผัดมะเขือม่วง ผัดผักใบเขียว ผัดได้พอดีเลย”
กลิ่นหอมของอาหารลอยอบอวล ทำให้สวีอิงกลืนน้ำลายอย่างลืมตัว ชั่วขณะหนึ่งความรู้สึกคับข้องใจก็ผุดขึ้นในใจของเขา
ทั้งๆ ที่เขาเป็นนายน้อยคนหนึ่ง เหตุใดถึงต้องมาทนทุกข์ทรมานแบบนี้ด้วย!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็โยนจอบในมือทิ้ง เตรียมจะยอมแพ้เลิกทำงาน
เฉียวเยี่ยนมองการเกระทำของเขา ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แสร้งทำเป็นถามอย่างไม่เข้าใจ”ทำไม? เหนื่อยอยากจะพักหรือ? พักก้พักเถิด พักเสร็จก็มาทำต่อ”
ความโกรธที่สุมอยู่ในใจสวีอิงพลันปะทุขึ้น เขาคำรามด้วยความโกรธ “นายน้อยอย่างข้าไม่ทำแล้ว! ไอ้ที่ดินบ้าๆ นี่ ใครอยากขุดก็ขุดไป!”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เห็นความร้ายกาจของผู้หญิงคนนี้แล้วหรือยังล่ะ จะมางัดข้อแข่งกับตัวแม่ยังเร็วไปร้อยปีนะหนู
ไหหม่า(海馬)
Comments