ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 355 หกพ่อลูกทำตลาดแตกตื่น
ตอนที่ 355 หกพ่อลูกทำตลาดแตกตื่น
ตอนที่ 355 หกพ่อลูกทำตลาดแตกตื่น
ในที่สุดเจ้าเด็กนี่ก็ระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว!
เรื่องที่เจ้าเด็กบ้านี่ระเบิดอารมณ์ เฉียวเยี่ยนไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย เขายืนหยัดมาได้นานขนาดนี้ ถือว่าทำให้นางได้เปลี่ยนมุมมองใหม่แล้ว
นางยังคงกินอาหารอย่างไม่เร่งรีบ และเอ่ยลอยๆ “ความล้มเหลวเล็กน้อยแค่นี้ก็ไรับไม่ได้แล้ว? เห็นทีคุณชายรองสวีผู้มีชื่อเสียงในโรงเรียนก็ไม่เท่าไหร่หรอก”
“ที่ดินผืนเดียวกัน เหตุใดข้าถึงทำเสร็จแล้ว เจ้ากลับทำไม่เสร็จ เหตุผลก็คือเจ้าอ่อนแอเกินไป เจ้าทำไม่ไหว!”
“เด็กอายุสิบสี่ ยังเทียบไม่ได้กับลูกข้าที่อายุยังไม่เต็มสิบขวบเลย เจ้าคิดว่าน่าอายไหมล่ะ?”
“แม้ว่าการทำงานจะไม่ใช่จุดแข็งของเจ้า แต่ก็ควรแสดงความสามารถที่ทำให้ข้ารู้สึกว่าเจ้าแตกต่างจากคนอื่นออกมาสิ เจ้ามีจริงหรือเปล่า?”
“แข่งชนจิ้งหรีดก็ยังแข่งกับเด็กๆ ในหมู่บ้านไม่ได้ เรื่องต่อยตีก็มีโอกาสแพ้เก้าในสิบ ด้านการเรียนยิ่งแล้วใหญ่ไม่รู้อะไรเลย ข้าไม่ได้ว่าเจ้า หากเจ้ามีจุดแข็งสักอย่างหนึ่ง ก็ไม่คงถูกข้าพูดฉีกหน้าแบบนี้หรอก”
สำหรับคนที่อารมณ์ร้าย วิธีก้าวร้าวมักจะได้ผลค่อนข้างดี เฉียวเยี่ยนแค่อยากกระตุ้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเจ้าเด็กคนนี้ จากนั้นก็ปล่อยให้เขาหงุดหงิดอย่างรุนแรง มีเพียงล้มเหลวและได้รับบทเรียนอีกสองสามครั้ง เขาถึงจะสามารถเปลี่ยนทัศนคติของตัวเองได้
เห็นได้ชัดว่า วิธีการนี้ใช้ได้ผลกับสวีอิงมาก
เฉียวเยี่ยนได้ตรวจสอบเขาอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว สิ่งที่นางพูดล้วนเป็นความจริง เขาไม่สามารถโต้แย้งออกมาได้แม้แต่ประโยคเดียว
เขาอยากหาจุดแข็งของตัวเองออกมาตบเข้าหน้าของเฉียวเยี่ยนอย่างแรงมาก แต่หลังจากค้นหามานานก็พบว่านอกจากความโมโหสุดๆ แล้ว เหมือนจะไม่มีอะไรเลย
เขาชอบมีหน้ามีตามาก หลังจากถูกเฉียวเยี่ยนเหยียดหยามอย่างรุนแรง แม้จะไม่พอใจมาก กระนั้นก็ยังหยิบจอบขึ้นมาและทำงานต่อไป
ในเมื่อหญิงคนนั้นดูแคลนเขามากขนาดนี้ เขาจะไม่ยอมให้นางสมปรารถนา วันนี้เขาขุดดินไม่เสร็จ เขาจะไม่กินข้าว จะไม่นอน!
เฉียวเยี่ยนมองเจ้าเด็กเหลือขอที่ทำงานอย่างยากลำบาก จึงเผยรอยยิ้มพึงพอใจ “ดีมาก ยังช่วยได้อยู่!”
นางกินข้าวชามใหญ่ที่นำมาจากโรงอาหารจนหมดเกลี้ยงอย่างพึงพอใจ แม้แต่ข้าวเม็ดหนึ่งในชามก็ไม่เหลือ
ขณะสวีอิงขุดดิน ท้องของเขาก็ร้องโครกคราก เห็นหญิงคนนั้นวางชามและตะเกียบเปล่าไว้ข้างๆ ก็รู้สึกหดหู่ใจอีกครั้ง
หญิงนิสัยไม่ดี ไม่เหลือให้เขาเลยสักนิด!
จนปานนี้แล้ว รอเขาขุดดินเสร็จ ที่โรงอาหารคงไม่มีอาหารเหลือให้เขาตักแล้วแน่นอน!
ท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นมืดลง เฉียวเยี่ยนนั่งอยู่ในศาลาข้างที่ดิน ดูสวีอิงทำงานอย่างสบายๆ และไม่เร่งเขา ปล่อยให้เขาทำงานอย่างช้าๆ ไป
นางให้คนกลับไปรายงานที่ตำหนักองค์รัชทายาทว่าคืนนี้นางจะพักอยู่ที่โรงเรียน และจะกลับไปคืนพรุ่งนี้
ลูกทั้งห้าที่อยู่ที่บ้านรู้ว่ามารดาไม่กลับมาอีกแล้วก็งอแง โดยเฉพาะลูกคนที่ห้าที่อายุยังไม่ถึงสองขวบเต็ม และเป็นช่วงเวลาติดคนมากที่สุด ปากเอาแต่พร่ำถึงแม่ ดูน่าสงสารมาก
องค์รัชทายาทกลับมาจากวันวุ่นๆ ทั้งวัน แต่ไม่เห็นภรรยาหอมนุ่มของตัวเอง เห็นเพียงสายตาเศร้าสร้อยของลูกๆ จึงรีบพาลูกๆ ไปโรงเรียนหาแม่ทันที
เด็กทั้งสี่เรียนวิธีขี่ม้าเป็นแล้ว แต่ละคนมีม้าแคระคนละตัว นานแล้วไม่ได้นั่งบนหลังม้า จึงถือโอกาสนี้ขี่ม้าออกไปหามารดาเสียเลย
มู่ฉินเจินอยากให้เด็กๆ ได้ออกกำลังกาย จึงตกลงกับตามคำขอของพวกเขา ก่อนขี่ม้าของตัวเองโดยมีเสี่ยวอวี่เป่าห้อยอยู่หน้าอก และเด็กๆ ที่ขี่ม้าแคระตามหลังมาสี่ตัว
หกพ่อลูกออกจากบ้านในเวลาพระอาทิตย์ตกดินพอดี คนที่เดินกลับบ้านบนถนนมีค่อนข้างมาก ฉากที่ผู้เป็นพ่อพาลูกๆ ขี่ม้านั้น ช่างสะดุดตาคนเหลือเกิน
องค์รัชทายาทผู้เย็นชาดุจน้ำแข็งขี่อาชาสูงสง่ายิ่งใหญ่เกรียงไกร แต่กลับมีเด็กน้อยห้อยอยู่ตรงหน้าอก ความย้อนแย้งนี้ช่างใหญ่เกินไปนัก ผู้คนทั้งสองข้างทางต่างตกตะลึงอ้าปากตาค้าง
และม้าแคระสี่ตัวที่ตามหลังม้าตัวใหญ่ก็น่าสนใจยิ่งนัก พวกเด็กๆ ที่ขาวเนียนดุจหยกต่างขี่ม้าแคระอวบอ้วนตามหลังม้าตัวใหญ่ไป ฉากนี้น่ารักมาก ทำให้คนบางส่วที่เห็นใจเหลวไปหมด
ลูกทั้งห้าของตำหนักองค์รัชทายาทต่างเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองหลวง พวกชาวบ้านเห็นเช่นนี้ก็รู้แล้วว่าองค์รัชทายาทกำลังพาเด็กๆ ออกไปท่องเที่ยว ครั้นไม่เห็นเงาไท่จื่อเฟยที่แยกไม่ห่างองค์รัชทายาท ก็พอเดาได้ว่าหกพ่อลูกกำลังจะไปหาไท่จื่อเฟย
เฉียวเยี่ยนยังไม่รู้ว่าผู้ชายกับลูกๆ ของนางกำลังทำชาวบ้านร้านตลาดแตกตื่น ซึ่งในเวลานี้นางกำลังเฝ้าดูสวีอิงทำงานอยู่
หลังจากทำงานมาทั้งวัน ในที่สุดสวีอิงก็ไม่ทำให้คนผิดหวัง จัดการที่ดินแปลงหนึ่งจนสำเร็จ
แม้ว่าที่ดินนั้นจะถูกเขาขุดเป็นหลุมบ่อจำนวนมาก พรวนดินก็ไม่ได้มาตรฐาน ทว่าเอาเหตุผลทุกอย่างมารวมกันก็นับว่าทำสำเร็จ
สวีอิงที่ทำงานเสร็จในที่สุดก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจ แถมยังมองไปที่เฉียวเยี่ยนอย่างภาคภูมิใจเล็กน้อยด้วย
เฉียวเยี่ยนย่อมไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเด็กซนอยู่แล้ว ถึงเวลาตอนชมก็ไม่มีการลังเลเลยสักนิด “ไม่เลวเลย ไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
สวีอิงรู้สึกแปลกเล็กน้อยที่ถูกชม ก่อนเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
หลังจากทำงานเสร็จ เขาก็รู้สึกไม่มีภาระอยู่ในใจ ความรู้สึกหิวก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาเงยหน้าขึ้นมองไปทางโรงอาหาร ดูมืดมืดไปหมด เห็นได้ชัดว่าไม่มีข้าวเหลืออยู่แล้ว
เขาก้มหน้าคอตก รู้สึกไม่มีความสุขเล็กน้อย เห็นทีคืนนี้ต้องเข้านอนอย่างหิวโหยแล้ว ไม่รู้ว่าว่าผักดองหวังเอ้อร์หนิวที่พกมาด้วยจะยังเหลือหรือเปล่า เขาอยากกินสักสองคำเพื่อรับมือกับทั้งคืน
แม้เฉียวเยี่ยนตั้งใจจะสั่งสอนเขา แต่ก็ไม่ให้เขาหิวจริงๆ หรอก
นางก้าวเท้าขึ้นเดินไปที่ลานบ้านน้อยของนาง ที่นั่นมีวัตถุดิบเตรียมไว้ สามารถนำมาทำอาหารได้
“อยากกินข้าวก็ตามข้ามา”
นางไม่หันกลับไปมอง เพียงแค่เอ่ยกับสวีอิงเล็กน้อย สวีอิงยังคงสงสัยอยู่นิดหน่อย แต่ทนอาหารที่หลอกล่อใจไม่ได้ จึงก้าวเท้าเดินตามไป
เมื่อมาถึงลานบ้านน้อย ท้องฟ้าได้มืดสนืทแล้ว เฉียวเยี่ยนเข้าไปในครัว จุดตะเกียงน้ำมัน พลันมีแสงสลัวๆ สว่างขึ้นในครัว
นางสวมผ้ากันเปื้อน ดูวัตถุดิบบนเขียง และครุ่นคิดว่าจะทำอาหารอะไรดี
วัตถุดิบเหล่านี้เพิ่งถูกส่งมาวันนี้ ยังสดใหม่มาก มีทั้งเนื้อและผัก
วันนี้นางออกมาไม่ได้พาใครมาด้วย เดือนก่อนฮุ่ยเซียงจัดงานแต่งกับเฟิงหยางแล้ว ซึ่งคู่หนุ่มสาวนี้กำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความหวานชื่นอยู่ ดังนั้นนางจึงไม่อยากแยกพวกเขาออกจากกัน
ส่วนหลันหนิงก็ตกลงรับน้ำใจของเกาจัวหยวนแล้ว ทั้งสองยังอยู่ในช่วงพัฒนาความสัมพันธ์ ปกติเกาจัวหยวนมักถูกองค์รัชทายาทใช้จนหัวหมุน เวลาว่างมีน้อย นางจึงอยากปล่อยเวลาให้พวกเขาได้ไปมาหาสู่กันมากขึ้น
อย่างไรเสียนางก็มีฝีมือ ไม่มีใครทำอะไรนางได้หรอก คนหนึ่งคน ม้าหนึ่งตัว ไปมาสะดวกมาก
นางกำลังจะซาวข้าวเล็กน้อย ก็ได้ยินเสียงคนดังมาจากข้างนอกลานบ้าน ครั้นนางมองหาต้นเสียง กลับเป็นเก๋อต้าโหยวกับภรรยา
ลานบ้านของเก๋อต้าโหยวอยู่ใกล้บ้านนางมาก บางครั้งนางมาพักอยู่ที่นี่ พวกเขาก็จะมาทักทาย
หลิวซื่อเห็นเฉียวเยี่ยนก็รู้สึกมีความสุขมาก ก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้ากับท่านหัวหน้าเห็นว่ามีไฟอยู่ทางนี้ จึงคิดจะมาตรวจดู ด้วยกังวลว่าคนมีแผนชั่วร้ายจะมา”
ครั้งแรกที่นางได้เจอเฉียวเยี่ยนรู้สึกประหม่าอย่างมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นถึงไท่จื่อเฟย แต่ไท่จื่อเฟยคนนี้กลับไม่คิดเหมือนอย่างนางเลยแม้แต่น้อย ไม่วางมาดไม่เท่าใด ยามพูดคุยยังใจดีเป็นพิเศษ
แถมยังมีเรื่องพูดคุยกับคนธรรมดาเช่นพวกเขา ทำไร่ทำนา เลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ด งานหน้าเตาไฟ เรื่องพวกนี้นางรู้หมด ยามเอ่ยขึ้นมามีรูปแบบเป็นของตัวเอง หลังจากไปมาหาสู่กัน นางก็ไม่ประหม่าแล้ว เมื่อเจอกันก็ทักทายกันเหมือนเจอคนคุ้นเคยเก่า
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
นับว่าเด็กคนนี้ยังสั่งสอนได้ นึกว่าจะเป็นบัวใต้ตมเสียแล้ว
ไหหม่า(海馬)
Comments