ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 36 เด็กทั้งสองเรียนวรยุทธ์ ปลูกผักในเรือนกระจก (รีไรท์)
ตอนที่ 36 เด็กทั้งสองเรียนวรยุทธ์ ปลูกผักในเรือนกระจก (รีไรท์)
ตอนที่ 36 เด็กทั้งสองเรียนวรยุทธ์ ปลูกผักในเรือนกระจก (รีไรท์)
มู่ฉินเจินในยามนี้เป็นเหมือนเทพเจ้าในสายตาของเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ ทำให้เด็กน้อยมีความมุ่งมั่นมากขึ้น ต่อไปเขาจะต้องเก่งกาจเหมือนอย่างท่านพ่อท่านแม่ให้ได้!
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไม่มีความรู้ในหัวเลยแม้แต่น้อย หาคำพรรณนาที่เปี่ยมล้นไปด้วยสุนทรียะทางวรรณศิลป์เช่นพี่ชายไม่เจอ จึงทำได้เพียงอ้าปากตะโกนร้องว่าเยี่ยม
“ท่านพ่อเยี่ยมไปเลย! ท่านพ่อเก่งมาก ๆ!”
รอยยิ้มบนใบหน้าอวบอ้วนของเด็กน้อยไม่เคยหายไป ขาสั้นป้อมกระโดดหย็องแหย็งไปมาขณะปรบมือให้กับมู่ฉินเจิน
หลังแสดงเสร็จ มู่ฉินเจินก็มองไปทางเด็กน้อย “จำได้กี่ท่าแล้ว?”
เหล่าทหารและนายพลต่างรู้สึกว่านายท่านของพวกเขาทำให้คนอื่นลำบากใจเล็กน้อย พวกเด็ก ๆ เพิ่งสามขวบ แขนขายังสั้นนัก จะจำท่วงท่าได้เท่าใดกัน!
ทว่าไม่นาน พวกเขาก็ค้นพบว่าตัวเองเหมือนถูกตบหน้า!
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์พยายามเค้นความทรงจำ หวนนึกถึงท่าทางของบิดาเมื่อครู่อย่างตั้งใจ ยกมือน้อยขึ้น แล้วเอ่ยด้วยเสียงเด็กเล็ก “ท่านพ่อ…ลูกขอลองทำได้หรือไม่?”
เด็กน้อยบอกไม่ได้ว่านางจำได้กี่กระบวนท่า แต่นางอยากลองทำดูสักครั้ง
ใบหน้ามู่ฉินเจินเปื้อนด้วยรอยยิ้ม พลางพยักหน้า เขาเรียนวรยุทธ์ได้เพียงนึกภาพในหัว ความฉลาดของเด็กน้อยทั้งสองเหนือกว่าสหายวัยเดียวกันมาก เขาแค่อยากพิสูจน์ดูก็เท่านั้นว่าพวกเด็ก ๆ จะมีความสามารถนี้หรือไม่
เมื่อได้รับการยินยอม เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ก็วิ่งไปอยู่ตรงหน้าชั้นวางอาวุธ อยากหากระบี่ที่เหมาะกับตัวเอง ทว่ากระบี่ใหญ่หอกยาวแต่ละเล่มนั้นมีความยาวเท่ากับความสูงนางถึงสองคน
เด็กน้อยก้มศีรษะด้วยความเสียใจ ราชองครักษ์ที่ฝึกทหารเมื่อครู่พลันนึกขึ้นได้ จึงส่งมีดสั้นข้างเอวให้กับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์
ความยาวของมีดสั้นสำหรับพวกผู้ใหญ่มันก็คือมีดสั้น ทว่าสำหรับเด็กน้อยนำมาแปลงเป็นกระบี่สั้นได้พอดี
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์รับมาอย่างปีติยินดี และเอ่ยขอบคุณราชองครักษ์อย่างปากหวาน “ขอบคุณท่านลุง”
ราชองครักษ์รู้สึกสมองล่องลอยเมื่อได้ยินคำว่าท่านลุง และฉีกยิ้มแหยอย่างโง่เขลา
นายพลที่เหลือต่างอิจฉาตาร้อน พวกเขายังไม่ได้ถูกเด็กน้อยเรียกว่าท่านลุงเลย!
แต่พวกเขาไม่เห็นด้วยที่ให้เด็กน้อยเล่นกับกระบี่ มีดสั้นอันตรายมาก หากผิวอ่อนนุ่มของเด็กน้อยถูกบาดเป็นแผลจะทำอย่างไร?
ไม่รอให้พวกเขาออกความเห็นใด ๆ ท่านอ๋องก็ให้ลูกสาวตัวเองเริ่มแสดง
มีดสั้นยังไม่ถูกชักออก เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ก็หยิบมีดสั้นที่อยู่ในฝักออกมาร่ายรำ
แม้เด็กน้อยจะมือสั้นขาสั้น ทว่าท่วงท่านั้นกลับแม่นยำเป็นพิเศษ ความเร็วในการรำกระบี่ไม่ได้เร็วเช่นมู่ฉินเจิน แต่ออกกระบวนท่าได้อย่างคล่องแคล่ว ราบรื่น ไม่มีหยุดชะงัก
หลังจากรำกระบี่เสร็จ เด็กน้อยก็ยืนตัวตรง ยืดท้องป่องนูนคอยคำชี้แนะของบิดา
เหล่าพลทหารทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณนั้นจากที่ไม่เชื่อในตอนแรก มาถึงตอนนี้ก็ตกใจ จวบจนชื่นชมด้วยใจจริง
โปรดให้อภัยในความใจแคบของพวกเขาก่อนหน้านี้ด้วย ทายาทของท่านอ๋องจะเหมือนคนธรรมดาแบบพวกเขาได้อย่างไร?
เสียงปรบมือดังสนั่นขึ้นมา นี่เป็นการปรบมือให้เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์มีความสุขจนใบหน้าแดงเรื่อ กอดขาบิดาอย่างเขินอายและซ่อนใบหน้าเอาไว้ ซึ่งท่าทางน่ารักนั้นทำให้เหล่าทหารใจเหลวไปหมด
พวกเขาขอเด็กน้อยน่ารักเช่นนี้ด้วยเถิด!
มู่ฉินเจินอุ้มเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เข้ามาในอ้อมกอดอย่างภูมิใจยิ่งนัก เขาหอมแก้มอ้วนของเด็กน้อยไปหนึ่งฟอด และเอ่ยชมด้วยรอยยิ้ม “เก่งมาก!”
หลังจากทดสอบลูกสาวเสร็จ เขาก็มองไปยังลูกชาย และเอ่ยให้กำลังใจ “ฉวนเอ๋อร์อยากลองดูหรือไม่?”
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์พยักหน้า ยืดตัวตรง รับมีดสั้นมาแล้วร่ายรำ
ท่วงท่าของเขายังไม่ค่อยเชื่อมต่อกันเหมือนเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ ทว่าจดจำกระบวนท่าได้หมด เมื่อแสดงจบลง ทั่วบริเวณนั้นก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง
มู่ฉินเจินพอใจกับท่าทางของเด็กน้อยมาก ฉวนเอ๋อร์ฉลาด ความจำดี อายุน้อยก็เรียนรู้ได้อย่างลึกซึ้งกว้างขวางแล้ว ดูท่าว่าในอนาคตน่าจะมีทักษะด้านวรยุทธ์ไม่แย่เท่าใดนัก
ส่วนเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เป็นเมล็ดพันธุ์ดีในการฝึกวรยุทธ์มาแต่กำเนิด พละกำลังมหาศาล เรียนรู้วรยุทธ์ได้เร็ว เพียงแต่การเรียนนั้นทำให้คนรู้สึกปวดหัว
ท่านอ๋องหาสถานที่ร่มเย็นสอนวรยุทธ์ให้เด็กทั้งสอง และเริ่มฝึกกระบวนท่าตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน
การเรียนวรยุทธ์นั้นลำบากมาก พวกเขาฝึกหนักไม่มีหยุดพักแม้ว่าจะร้อนจัดหรือหนาวจัดก็ตาม หากจะฝึกท่าพื้นฐานทั้งหมดจำต้องเรียนอย่างมั่นคงยาวนานหลายปี
แต่ความอดทนของเด็กทั้งสองเหนือกว่าจินตนาการเขามาก เด็ก ๆ นั่งท่าควบม้าได้นานมาก แม้ขาน้อยจะเมื่อยจนสั่น แต่กลับยืนหยัดอย่างเชื่อฟัง มุ่งมั่นไม่แอบอู้แม้แต่น้อย
มู่ฉินเจินจะทนเห็นเด็กทั้งสองเหนื่อยเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเขายังเด็กนัก แต่ละวันเรียนแค่ครู่เดียวก็พอแล้ว
หลังจากการฝึกวรยุทธ์จบลง ท่านอ๋องก็อุ้มเด็กทั้งสองกลับกระโจม เขาสั่งคนให้ต้มน้ำตามคำสั่งของเฉียวเยี่ยน เมื่อเย็นได้พอประมาณก็ชงนมให้กับพวกเด็ก ๆ
เด็กทั้งสองที่เล่นมาครึ่งค่อนวันรู้สึกเหนื่อยแล้ว แต่ละคนกอดขวดนมดื่มอย่างบ้าคลั่ง และนอนลงบนตั่งนุ่มในกระโจมของมู่ฉินเจิน ดื่มไปด้วยนอนไปด้วย
มู่ฉินเจินมองท่าทางน่ารักของลูก ๆ ก็ใจอ่อนระทวยคล้ายจะละลายกลายเป็นน้ำ เขายกน้ำเข้ามาเองและถอดรองเท้าออกให้เด็ก ๆ ก่อนจะเช็ดเท้าน้อยขาวเนียนแล้วห่มผ้าห่มให้พวกเขา
ระหว่างนั้นมีนายพลเข้ามารายงานงานราชการ เห็นท่าทางอ่อนโยนดุจน้ำของท่านอ๋องก็รู้สึกเหม่อลอยเล็กน้อย
นี่คือการเปลี่ยนแปลงของบุรุษที่เป็นบิดารึ?
หลังจากกล่อมลูกทั้งสองนอนแล้ว มู่ฉินเจินก็นั่งอยู่หน้าโต๊ะจัดการงานราชการทหาร ตอนนี้เขาไม่เพียงแต่รับผิดชอบการฝึกของกองทหารในเมืองหลวงเท่านั้น แต่ยังต้องจัดการงานราชการทหารของกองทหารอื่น ๆ ที่รายงานมาด้วย และเขาก็หัวหมุนเหมือนลูกข่างทุกวัน
ตาเฒ่านั่นไม่เห็นเขาเป็นคนเลยแม้แต่น้อย ได้แต่มอบหมายงานมาเรื่อย ๆ ราวกับแก้แค้นเขา
ความจริงแล้วฮ่องเต้เฒ่ามีเจตนาแก้แค้นเขาอยู่หน่อยหนึ่งจริง ๆ ใครใช้ให้เขาอิจฉามู่ฉินเจินที่ไม่เพียงได้เล่นกับลูก ๆ ทุกวัน และยังได้กินข้าวอร่อย ๆ ฝีมือเฉียวเยี่ยนกันล่ะ!
แต่เขากลับถูกขังอยู่ในพระราชวังอันหนาวเหน็บ ตอนนี้เขาได้ตัดสินใจแล้ว มอบหมายงานให้ลูกชายมากหน่อย ให้เขาได้เติบโตเร็ว ๆ ต่อไปจะได้สละบัลลังก์ให้ ส่วนเขาจะได้อยู่กับลูกหลานอย่างมีความสุข
ส่วนโอรสองค์อื่นนั้นไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบ แต่ทุกคนไม่มีคุณสมบัติเป็นฮ่องเต้ หากจะให้มอบบัลลังก์ฮ่องเต้แก่พวกเขา ก็รอรากฐานบรรพบุรุษถูกทำลายไปเสียก่อนเถิด
……
ไม่กี่วันต่อมา เด็กทั้งสองถูกมู่ฉินเจินพาไปค่ายทหารเช่นเดิม เด็กทั้งสองอยู่ค่ายทหารถ้าไม่ไปฝึกวรยุทธ์กับพวกลุงทหาร ก็ถูกเหล่านายพลอุ้มพาไปเล่น มีความสุขอย่างยิ่ง
สองสามวันมานี้เฉียวเยี่ยนไม่ได้วิ่งไปมาระหว่างหมู่บ้านลวี่หลัว แต่พากลุ่มข้ารับใช้ในจวนไปติดตั้งชั้นวางและแปลงเพาะกล้าในเรือนกระจกที่สร้างเสร็จแล้ว เพื่อเพิ่มปริมาณกล้าให้มากขึ้น แล้วค่อยถ่ายย้ายต้นกล้าผักที่เติบโตจนสามารถปลูกได้แล้วออกมา
คุณภาพถาดเพาะกล้าไม้นั้นดีมาก พวกต้นกล้าผักเติบโตได้ดี ข้อเสียน่าจะเป็นน้ำหนักที่ออกจะมากเสียหน่อย อีกทั้งยังมีราคาสูง
เรือนกระจกถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกติดตั้งแปลงเพาะกล้าและชั้นวางต้นกล้า แล้วนำถาดเพาะกล้าที่หว่านเมล็ดแล้ววางเรียงกันบนชั้นวาง ทุกวันจะมีผู้เชี่ยวชาญมารดน้ำดูแล
และอีกส่วนหนึ่งสร้างถังเก็บน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าไว้บนพื้น ถังเก็บน้ำกว้างขวางสามารถเก็บถาดเพาะกล้าไว้สองถาดได้ แต่ความยาวจุได้แค่ยี่สิบถาด
ภายในถังเก็บน้ำบรรจุน้ำอยู่ และใส่สารละลายธาตุอาหารที่ซื้อกับระบบลงไปตามสัดส่วน ก่อนจะนำถาดเพาะกล้าหลุมใหญ่ที่มีกล้าผักอยู่วางลงไปบนผิวน้ำเพื่อทำให้มันลอย
วิธีต่าง ๆ เหล่านี้เป็นการปลูกผักไร้ดินของสมัยปัจจุบัน ถาดเพาะกล้าลอยอยู่บนผิวน้ำ รากของพืชจะดูดซับธาตุอาหารที่อยู่ในน้ำเพื่อรักษาการเจริญเติบโต
การปลูกผักไร้ดินสามารถย่นระยะเวลาการเติบโตของพืชได้ นอกจากนี้หากให้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม พืชก็จะเจริญเติบโตได้ดี
ข้ารับใช้ในจวนเริ่มรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อ ปลูกผักไว้บนน้ำเช่นนี้ มันคงจมน้ำตาย!
แต่ผ่านไปสองวัน พวกเขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากล้าผักที่ปลูกในน้ำเหล่านั้นเติบโตไม่น้อยและยังมีชีวิตดีอยู่
ตอนนี้ใกล้จะเข้าสู่เดือนสิบแล้ว อากาศค่อย ๆ เย็นลง ถึงตอนนั้นผ่านไปไม่นานหากหิมะตกก็อาจทำให้บรรดาผักแข็งตายหมด แต่เจ้าสิ่งที่เรียกว่าเรือนกระจกที่หวางเฟยสร้างมีด้านในที่อบอุ่น ทำงานแค่ครู่เดียวก็เหงื่อออก แค่คิดก็รู้แล้วว่าหากปลูกผักไว้ด้านใน มันต้องรอดแน่นอน!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
น้องอวี๋น่าจะเอาดีด้านบู๊ ส่วนน้องฉวนน่าจะเอาดีด้านบุ๋นนะคะ เห็นความอัจฉริยะของหวางเฟยแล้วหรือยังล่ะ ไหหม่า(海馬)
Comments