ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 361 นำทัพออกรบ

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 361 นำทัพออกรบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 361 นำทัพออกรบ

ตอนที่ 361 นำทัพออกรบ

เฉียวเยี่ยนใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย วันเวลาผันผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเข้าสู่ปลายเดือนแปด ซึ่งเป็นช่วงเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่อีกครั้ง

ลูกท้อควรเก็บ ผักควรเก็บ ข้าวที่ปลูกควรเก็บ พวกชาวบ้านในเทียนลี่ต่างดื่มด่ำไปกับความสุขท่ามกลางการเก็บเกี่ยว ทว่าทางภาคเหนือก็เกิดข่าวร้ายอย่างกะทันหัน

แคว้นเป่ยซึ่งเป็นเพื่อนบ้านทางเหนือสุดของอาณาจักรเทียนลี่จู่ๆ ก็ทำสงครามกับเทียนลี่อย่างไม่มีการเตือนล่วงหน้า เนื่องจากสงครามเกิดขึ้นกะทันหัน ทางภาคเหนือก็ได้เสียหัวเมืองติดต่อกันไปแล้วสองแห่ง

ตอนนี้ค่ายทหารข้าศึกของแคว้นเป่ยตั้งอยู่นอกด่านหลานเยว่ และเตรียมโจมตีด่านหลานเยว่แล้ว

ภูมิประเทศของด่านหลานเยว่มีสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวย ง่ายต่อการตั้งรับและโจมตีได้ยาก ข้าศึกโจมตีหลายครั้งก็ไม่สามารถโจมตีด่านหลานเยว่ได้ ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายจึงอยู่ในสถานการณ์เผชิญหน้าคุมเชิงกัน

รายงานด่วนจากทางเหนือส่งเข้ามาในราชสำนัก ทำให้ฮ่องเต้เฒ่าทรงกราดเกรี้ยว บรรดาขุนนางต่างเดือดดาลเป็นอย่างมาก

ปีก่อนๆ แคว้นเป่ยแห่งนี้ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับราชวงศ์เทียนลี่ ปีที่แล้วฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ ฮ่องเต้เฒ่ายังส่งราชทูตไปแสดงความยินดีด้วย ไม่คิดเลยว่าพวกเขากลับมีความทะเยอทะยานอันดุร้ายเช่นนี้!

เนื่องจากทางเหนือเสียเมืองติดต่อกันไปสองแห่งแล้ว สถานการณ์จึงเข้าขั้นคับขัน ต้องส่งกองทัพไปอย่างเร่งด่วน ฮ่องเต้เฒ่าตั้งใจจะส่งแม่ทัพเจิ้นเวยในราชสำนักเป็นผู้นำทัพ ทว่ามู่ฉินเจินกลับขออาสาเป็นคนนำทัพไปเอง

ฮ่องเต้เฒ่าเชื่อในความแข็งแกร่งของพระโอรส ไม่มีใครในราชสำนักจะเป็นที่คนนำทัพได้เหมาะสมเท่าเขาแล้ว ทว่าเขาก็มีความเห็นแก่ตัวเช่นกัน

ในสนามรบ มีดดาบไร้เนตร พริบตาเดียวหัวก็ห้อยอยู่บนเข็มขัด เขาจึงไม่อยากให้โอรสไปเสี่ยงอัตราย

พระโอรสไม่เพียงแต่เป็นฮ่องเต้ของประเทศในอนาคต แต่ยังเป็นสามีและพ่อด้วย หากมีอะไรผิดพลาด ทั้งครอบครัวและประเทศคงพังทลายหมด

แต่มู่ฉินเจินมีจิตใจแน่วแน่มั่นคงมาก ท่าทางนั้นชัดเจนแล้วว่า แม้ชายชราจะไม่เห็นด้วย เขาก็จะเป็นผู้นำทัพออกไป ใครก็ขวางเขาไม่ได้

ภายใต้การเผชิญหน้ากันระหว่างพ่อลูก ในที่สุดฮ่องเต้เฒ่าก็พ่ายแพ้ และทำได้เพียงยอมทำตามคำขอของเขา ให้เขานำทัพออกเดินทางไปด่านหลานเยว่ในอีกสามวันข้างหน้า

เมื่อเฉียวเยี่ยนรับรู้ถึงการรุกรานของแคว้นเป่ย นางก็รู้ว่าองค์รัชทายาทของนางจะต้องนำทัพไปแน่ จึงได้เริ่มเตรียมสัมภาระให้เขา

วันนี้อากาศเริ่มหนาวแล้ว ยิ่งขึ้นไปทางเหนือ อากาศยิ่งเย็น ต้องเตรียมเสื้อผ้ากันหนาว นางซื้อกางเกงชั้นในเก็บความอบอุ่นกับระบบตัวน้อยเตรียมไว้ให้เขาหลายชุด รวมถึงเสื้อขนแกะ เสื้อคลุมตัวใหญ่ ล้วนยัดใส่สัมภาระได้หลายใบ

นอกจากเสื้อผ้า ของกินก็ต้องเตรียมด้วย มีขนมอัดแท่ง ข้าวอุ่นร้อนด้วยตัวเอง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และขนมต่างๆ บรรจุไว้เต็มกล่องขนาดใหญ่

เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ นางยังยัดเกลือให้เขาสองถุงหากบังเอิญหลงกับกองทหาร เกลือจำเป็นมาก หากไม่กินเกลือเป็นเวลานาน ร่างกายจะบวมน้ำและแขนขาอ่อนแรง

ยาก็จำเป็นไม่น้อย ยาใช้ภายนอก ยาแก้หวัดนางเตรียมไว้ให้มากหน่อย เมื่อถึงยามคับขัน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งช่วยชีวิตได้

นางทำรายการไปทีละรายการ ลงรายละเอียดทุกอย่าง อะไรที่เตรียมให้ได้ก็เตรียมให้หมด ทว่าในใจก็ยังกระวนกระวายอยู่มาก และอยากเอาตัวเองยัดใส่กระเป๋าให้เขาพาไปด้วย

นอกเหนือจากเตรียมสิ่งของให้มู่ฉินเจินแล้ว นางยังให้คนงานของตัวเองบริจาคเสบียงอาหารทั้งหมดที่เก็บเกี่ยวในปีนี้ไปเป็นเสบียงทหาร มันเทศ ข้าวสาร มันฝรั่งล้วนเก็บมาสดๆ จากไร่

ช่วงนี้ในโรงงานยังทำงานล่วงเวลาทั้งวันทั้งคืน สินค้าที่ผลิตได้ล้วนบริจาคให้กับกองทัพด้วย

สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็จดุจลูกธนู เช้าวันรุ่งขึ้น มู่ฉินเจินจะออกเดินทางแล้ว

คืนนี้สองสามีภรรยานอนกอดกัน คว้าเวลาสุดท้ายนี้ซึมซับความรักกันอย่างลึกซึ้ง

หลังจากออกกำลังกายกันอย่างหนักแล้ว ร่างเฉียวเยี่ยนก็เต็มไปด้วยเหงื่อ ปอยผมบนหน้าผากลู่แนบกับใบหน้า ทั้งร่างฟุบอยู่บนร่างของมู่ฉินเจินราวกับไม่มีกระดูกก็ปาน และซบศีรษะบนหน้าอกเขา

“พาข้าไปด้วยนะ? ข้าอยากไปกับท่าน”

เสียงนางอ่อนลงมากราวกับออดอ้อนก็มิปาน ซึ่งดูเหมือนยังเหนื่อยจากเมื่อครู่อยู่ แต่ในน้ำเสียงนั้นมีความน้อยใจเล็กน้อย

มู่ฉินเจินหอบเล็กน้อย มือก็ลูบหลังลื่นเนียนของนาง หรือไม่ก็ลูบหัวนาง

“คนดี เชื่อข้า ไม่ต้องไปนะ เจ้าอยู่กับลูกๆ ที่บ้าน ไม่นานข้าก็กลับมาแล้ว”

เฉียวเยี่ยนเบะปากอย่างน้อยใจ ไม่อยากรับคำเขา หยาดน้ำในดวงตาสั่นระริกใกล้จะหลั่งออกมาเป็นเม็ดแล้ว

นางขอร้องเขาไปหลายหน ทว่าเขาไม่เห็นด้วยที่จะพาตัวนางไปด้วย ฮึ่ม!

มู่ฉินเจินถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางยื่นมือประคองนางขึ้นมา ให้ตัวเองสามารถหอมแก้มนางได้

เขาหอมแก้มนาง จูบซับน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตานาง รักเอ็นดูประหนึ่งกำลังปลอบลูกสาว “ไฉนถึงได้น้อยใจเสียแล้วเล่า? แคว้นเป่ยเทียบไม่ได้กับเมืองหลวง มีบรรยากาศเลวร้าย หากเจ้าไป ผิวพรรณเปลี่ยนเป็นหยาบกร้านจะทำอย่างไร?”

เขาไม่เอ่ยถึงอันตรายในสนามรบออกมาเลย ด้วยไม่อยากให้นางกังวลเกินไป แต่ดูเหมือนการทำแบบนี้จะปลอบโยนนางไม่ได้เลย

เฉียวเยี่ยนยังคงโมโหไม่พูดไม่จา หลังจากเงียบอยู่พักหนึ่ง นางก็เงยหน้าอย่างเกรี้ยวกราดขึ้นมาอีกครั้ง และโน้มเข้าไปใกล้หอมแก้มมู่ฉินเจินอย่างแรง

เจ้าไม่ปล่อยให้ข้าไป เช่นนั้นข้าก็จะแทะโลมเจ้าเสีย!

ในระหว่างที่เจ้าท่อนไม้จูบไปทั่วแล้ว มู่ฉินเจินก็พลิกตัวกดนางไว้ใต้ร่างอีกครั้ง เพื่อสานต่อสัมพันธ์ลึกซึ้งก่อนหน้านี้

ในยามฟ้าสางวันรุ่งขึ้น สองสามีภรรยาที่นอนกอดก่ายกันทั้งคืนตื่นขึ้นมา มู่ฉินเจินสวมชุดเกราะของเขา มีกลิ่นอายน่าเกรงขามไปทั่วร่าง เมื่อไปยืนอยู่ที่นั้น เขาก็จะเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามในสนามรบ

เฉียวเยี่ยนทำอาหารเช้ามื้อสุดท้ายก่อนเขาออกเดินทาง หลังจากกินด้วยกันกับเขาเสร็จ ก็เดินทางไปยังเขตเมืองหลวงด้วยกันกับเขาอีกครั้ง

วันนี้ชายชราจะทำพิธีอำลาและอวยพรให้เขากับทัพใหญ่ในเมืองหลวง เมื่อการอำลาและอวยพรจบลง ก็จะเป็นเวลาที่เขานำทัพออกไป

พวกเด็กๆ รู้ว่าบิดาจะต้องไปสนามรบ ในใจก็อาลัยอาวรณ์อย่างมาก พวกผู้ใหญ่พอรู้ก็ละอายใจ ไม่กล้าร้องไห้ออกมา แต่แอบตาแดงก่ำ

ส่วนเสี่ยวอวี่เป่าลูกคนเล็กสุดยังไม่รู้เดียงสา ห้อยอยู่บนตัวผู้เป็นพ่อ ร้องไห้ออกมาจนหน้าขาวอวบอ้วนเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

มู่ฉินเจินเองก็ตัดใจทิ้งพวกลูกๆ ไปไม่ได้เช่นกัน เมื่อเห็นขอบตาแดงก่ำของพวกเขา ก็รู้สึกขมขื่นในใจมาก

ที่เมืองหลวง ฮ่องเต้เฒ่านำขุนนางกว่าร้อยนายมากล่าวอำลาและอวยพรทัพทหาร หลังจากพวกทหารดื่มเหล้าอวยพรแล้ว การเดินทัพไปทางเหนือของพวกเขาก็เริ่มขึ้น

มู่ฉินเจินกอดภรรยาตัวเอง จากนั้นพลิกตัวขึ้นหลังม้า พลางตะโกน ‘ออกเดินทาง’ กองทัพก็ย่างเท้าเดินออกจากเมืองหลวงไป

เฉียวเยี่ยนกับเด็กๆ ฮ่องเต้เฒ่า ฮองเฮาแล้วก็เฉียวจิ่น ซูเนี่ยนหว่านและคนอื่นๆ ยืนอยู่บนกำแพงเมือง ส่งทัพใหญ่จากไปไกล จวบจนไม่เห็นร่างคน ถึงได้กลับอย่างอาลัยอาวรณ์

ฮองเฮากับซูเนี่ยนหว่านกลัวว่าเฉียวเยี่ยนจะรู้สึกไม่ดี จึงดึงนางไว้ปลอบโยนนางอยู่นาน บนใบหน้าเฉียวเยี่ยนมีทั้งผิดหวังน้อยใจ ทว่าในใจกลับมีแผนอย่างอื่นอยู่

ในเมื่อท่านสามีของนางไม่ให้นางไป นางแอบไปก็ได้ ไปทำให้เขาประหลาดใจ!

มู่ฉินเจิน “…”

เจ้าแน่ใจว่าไม่ได้ตกใจ?

ระบบตัวน้อยยืนอยู่ไม่ไกลเฉียวเยี่ยนนัก สัมผัสได้ว่านางมีความคิดนี้ ดวงตากลมโตที่สั่นระริกไปด้วยหยาดน้ำตาเมื่อครู่พลันสว่างวาบดุจหลอดไฟสองดวงขึ้นมาทันที

นางจ้องมองโฮสต์ของตัวเอง ความหมายที่แสดงออกมาในแววตาดวงน้อยนั้นคือ ‘ระบบรู้หมดแล้ว อย่ามาคิดที่จะปิดบังระบบ!’

เฉียวเยี่ยนกุมหน้าผากอย่างระอา เหตุใดนางถึงลืมเจ้าเด็กน้อยนี่ไปเสียได้ล่ะ!

นางรีบใช้จิตสื่อสารกับระบบตัวน้อย “อย่าส่งเสียง เดี๋ยวเราค่อยหารือกันทีหลัง”

เดิมทีนางก็อยากพาระบบตัวน้อยไป ถึงอย่างไรอาวุธโกงเช่นนี้ นำไปใช้ในสนามรบต้องได้ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงแน่

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

คิดจะไปสนามรบ อย่าลืมพาระบบไปด้วยนะ ห้ามลุยเดี่ยวไปช่วยสามีเด็ดขาด

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด