ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 375 มุ่งหน้าสู่เมืองหานกวน
ตอนที่ 375 มุ่งหน้าสู่เมืองหานกวน
ตอนที่ 375 มุ่งหน้าสู่เมืองหานกวน
มู่ฉินเจินตบหลังนางและพูดเบาๆ “ข้าได้แต่งตั้งให้แม่ทัพอวิ๋นเป็นหัวหน้าทัพแทนข้าแล้ว เขามีฝีมือความเก่งกาจรองมาจากข้า แล้วก็มีประสบการณ์สู้รบมากกว่าข้าด้วย”
“แล้วข้าก็ได้หารือกับแม่ทัพอีกหลายนายแล้ว ว่าจะใช้การถอนตัวจากกองทัพของข้าเป็นการลวงตาข้าศึก…”
เขาอธิบายถึงการจัดการของเขาอย่างช้าๆ และเฉียวเยี่ยนก็ฟังอย่างเงียบๆ และเมื่อเขาพูดจบ นางก็ไม่สามารถหาเหตุผลใดๆ ที่จะคัดค้านได้
เขาเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว และไม่เปิดโอกาสให้นางโต้แย้ง
เพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากเกินไป เฉียวเยี่ยนและมู่ฉินเจินจึงออกจากด่านหลานเยว่พร้อมกับระบบตัวน้อยในกลางดึกของวันต่อมา และมุ่งหน้าไปยังเมืองหานกวน
หลังเดินทางมาทั้งคืน พวกเขาทั้งสามก็มาถึงนอกด่านเมืองหานกวนในตอนเช้า
พวกเขาผลัดเปลี่ยนอาภรณ์และรูปลักษณ์ ปลอมตัวเป็นครอบครัวคนเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนธรรมดาครอบครัวหนึ่งของแคว้นเป่ย
เฉียวเยี่ยนกับระบบตัวน้อยได้สร้างวีรกรรมสะเทือนฟ้าดินไว้ในค่ายทหารแคว้นเป่ยเมื่อก่อนหน้านี้ ทำให้มีบางคนสงสัยว่าพวกนางอาจเป็นทาสสองคนที่หายสาบสูญไป ดังนั้นที่ประตูเมืองทุกแห่งในแคว้นเป่ยจึงมีรูปเหมือนของพวกนางติดอยู่เต็ม
แต่ตอนที่อยู่ในค่ายทหารแคว้นเป่ย พวกนางได้ทาใบหน้าไว้ด้วยหมึกจนดำปี๋ อีกทั้งคนอื่นๆ ก็ไม่รู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของพวกนาง ดังนั้นภาพเหมือนที่แปะไว้บนกำแพงเมืองจึงเป็นภาพคนสองคนที่มีปานดำทั่วใบหน้า
หากจะจับคนโดยอิงจากภาพเหมือน เฉียวเยี่ยนมั่นใจว่าชาตินี้ทั้งชาติพวกเขาก็ไม่มีทางจับพวกนางได้
ครั้งนี้นางและระบบตัวน้อยไม่ได้วาดปานบนใบหน้า แต่ใช้รองพื้นชนิดกันน้ำทาผิวขาวเนียนจนเป็นสีกระดำกระด่าง
ใบหน้าของเฉียวเยี่ยนเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น ดวงตาดูแห้งแล้งอิดโรย ผมยุ่งเหยิง เท้าเลอะเทอะ เสื้อผ้าขาดวิ่น
ใบหน้ากระดำกระด่างของระบบตัวน้อยเต็มไปด้วยฝ้ากระ เสื้อผ้าเลอะเทอะมอมแมม เปลี่ยนจากเด็กผู้น่ารักเป็นเด็กธรรดาไม่โดดเด่น
ส่วนมู่ฉินเจินได้ปลอมตัวเป็นคนเลี้ยงสัตว์ตัวโตน่าเกรงขาม
เรือนผมสีดำถูกปล่อยสยายลงและถักเป็นเปียทั่วศีรษะอันเป็นทรงผมยอดนิยมของชายชาวแคว้นเป่ย และสวมผ้าคาดหน้าผาก
มีการลงรองพื้นบนใบหน้าอีกชั้นทำให้ผิวเข้มขึ้น และยังติดหนวดเคราเพิ่มเติม ทันทีที่ติดหนวดเคราบนใบหน้า เขาก็เปลี่ยนจากคุณชายผู้หล่อเหลาและสูงส่งเป็นท่านลุงผู้ดุร้ายทันที
ครอบครัวสามคนอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้ลี้ภัยมหาศาลมืดฟ้ามัวดิน และกลืนหายไปอย่างแนบเนียน
แถวยาวก่อตัวขึ้นนอกประตูเมืองหานกวน บรรดาผู้ลี้ภัยกำลังรอให้เจ้าหน้าที่รักษาเมืองตรวจสอบตัวตน และพวกเขาจะเข้าไปในเมืองได้หลังผ่านการตรวจสอบแล้วเท่านั้น
สมาชิกสามคนในครอบครัวของเฉียวเยี่ยนได้รวมหัวกันเตรียมข้อมูลประจำตัวและทะเบียนบ้านเพื่อเข้าเมืองแล้วเสร็จสรรพ ตอนนี้พวกเขาเป็นครอบครัวคนเลี้ยงสัตว์ธรรมดา
หลังจากต่อแถวประมาณครึ่งชั่วยาม ก็ถึงคราวของครอบครัวของเฉียวเยี่ยนในที่สุด
มู่ฉินเจินมอบทะเบียนบ้านให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และตอบคำถามของเจ้าหน้าที่
องค์รัชทายาทพอพูดภาษาของแคว้นเป่ยได้อยู่บ้าง แม้จะไม่เชี่ยวชาญเท่าระบบโกงของระบบตัวน้อย แต่เขาก็สามารถพูดตอบโต้ได้เป็นคำง่ายๆ บางคำ
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบทะเบียนบ้าน จากนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาเข้าไปในเมืองโดยดี พวกของเฉียวเยี่ยนเดินผ่านด่านตรวจไปอย่างราบรื่น ไม่ได้กระตุ้นความสงสัยเลยแม้แต่น้อย
หลังจากเข้าเมืองหานกวนมาได้ ครอบครัวสามคนก็รีบไปทางตะวันตกของเมือง ในรายงานจากสายลับกล่าวไว้ว่าตัวประกันทั้งหมดถูกขังไว้ที่ค่ายก่อสร้างทางตะวันตกของเมืองที่มีการเสริมกำลังแนวกำแพงเมืองเก่าอยู่
เมื่อมาถึงทางตะวันตกของเมือง ทั้งสามเช่าลานพักเล็กๆ ใกล้กับสถานที่ก่อสร้างกำแพงเมืองก่อนเพื่อแก้ปัญหาเรื่องที่พัก จากนั้นจึงเริ่มแผนการสอดแนม
ลานบ้านนี้ไม่ใหญ่นัก มีเรือนสามหลัง สภาพค่อนข้างทรุดโทรม ทว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาจู้จี้จุกจิกกับสภาพที่อยู่อาศัยแม้แต่น้อย
หลังจากทำความสะอาดลานเล็ก ๆ แล้ว เฉียวเยี่ยนก็ขอให้ระบบตัวน้อยนำเครื่องนอนที่เตรียมไว้ออกจากมิติและลงมือจัดเตียง ในขณะที่มู่ฉินเจินออกไปสอบถามข่าว
พื้นที่มิติของระบบตัวน้อยมีทุกสิ่งอย่างที่ต้องการไม่ว่าจะเป็นหม้อไหกระทะ ชั่วพริบตาเดียวก็มีของกองเต็มห้อง
ลานเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนถนน ซึ่งถนนก็อยู่นอกประตูลานพอดี เฉียวเยี่ยนกำลังทำอาหารในครัว ส่วนระบบตัวน้อยนั่งอยู่ที่ประตูลานฟังการสนทนาของผู้คนที่เดินผ่านไปมาและคอยฟังข่าวจากพวกเขา
ตอนนี้ยังไม่คุ้นเคยกับสถานที่ดีนัก เฉียวเยี่ยนจึงไม่ปล่อยให้นางไปที่ไกล ๆ ทำให้คนตัวเล็กได้แต่นั่งที่ประตูและฟังเสียงผ่านกำแพง
หลังจากฟังเรื่องราวซุบซิบมามากพอแล้วก็ไม่พบข่าวที่เป็นประโยชน์ใดๆ เด็กน้อยจึงกลับเข้าไปในเรือนหลังน้อยอย่างผิดหวัง สูดกลิ่นหอมของอาหารที่โฮสต์ปรุงเพื่อปลอบประโลมหัวใจดวงน้อยอันหดหู่
ครั้นอาหารพร้อมแล้ว มู่ฉินเจินก็กลับมาพอดี เมื่อครู่เขาเพิ่งเดินสำรวจไปรอบๆ สถานที่ก่อสร้างกำแพงเมือง แล้วก็พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เข้า
ตัวประกันต่างถูกล่ามมือเท้าจำกัดอิสระในการเคลื่อนไหว และถูกทหารแคว้นเป่ยกดขี่ใช้แรงงานสร้างกำแพงเมือง บุรุษ สตรี และเด็กต่างถูกใช้ให้ขุดดินหรือขนดิน ผู้ใหญ่และเด็กที่แข็งแรงจะถูกใช้ให้กลิ้งหินและก่อกำแพงเมือง
ตัวประกันล้วนมีชีวิตที่ยากลำบากยิ่ง เมื่อใดที่ทำผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็จะถูกทหารผู้คุมทำร้ายทุบตีจนถึงแก่ความตาย บางคนมีสภาพร่อแร่จนคะเนได้ว่าคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
รอบสถานที่ก่อสร้างมีผู้คุมเฝ้าอย่างแน่นหนา คนธรรมดาไม่สามารถเข้าไปได้ แต่มีแผงขายอาหารอยู่ด้านนอก ซึ่งผู้คุมบางส่วนจะไปซื้ออาหารที่แผงลอยนี้ เดาว่าอาหารในกองทัพคงไม่ค่อยดีเท่าใดนัก
ในตอนที่เขาเดินสำรวจไปรอบๆ ก็ถึงเวลารับประทานอาหารพอดี ผู้คุมกำลังแจกจ่ายอาหารให้กับตัวประกัน ซึ่งแต่ละคนได้รับเพียงเมี่ยนเกอตาดำปี๋ขนาดเท่าหยิบมือเด็กที่แม้แต่เด็กยังกินไม่อิ่ม ไม่ต้องพูดถึงผู้ใหญ่เลยว่าจะพอหรือไม่
เฉียวเยี่ยนฟังมู่ฉินเจินเล่าถึงสถานการณ์ในสถานที่ก่อสร้างแล้วก็คิดหาวิธีอยู่ในใจ พวกเขาต้องหาทางลอบเข้าไปในสถานที่ก่อสร้างให้ได้
เมื่อนึกถึงเรื่องที่องค์รัชทายาทเพิ่งเล่าว่ามีพ่อค้าแม่ค้าเปิดแผงลอยขายอาหารนอกสถานที่ก่อสร้าง นางก็มีความคิดดีๆ ขึ้นมา
พวกเขาเปิดแผงขายอาหารเล็กๆ นอกสถานที่ก่อสร้างเพื่อดึงดูดทหารแคว้นเป่ยได้ จากนั้นก็ค่อยหาทางแฝงตัวเข้าไป
มู่ฉินเจินก็มีความคิดเช่นเดียวกับนาง ด้วยฝีมือของภรรยาเขาแล้ว ไม่ต้องกลัวเลยว่าทหารแคว้นเป่ยเหล่านั้นจะไม่ติดกับ
หลังจากหารือเกี่ยวกับมาตรการรับมือ ครอบครัวทั้งสามคนที่กินอาหารเสร็จแล้วก็ออกไปที่ถนนเพื่อซื้อของมาตั้งแผงลอย
มีเกวียนวัวที่ไม่สะดุดตา ขาตั้งสำหรับแผงลอย ส่วนผสมและเครื่องใช้ในครัวสำหรับแผงลอย
เฉียวเยี่ยนตั้งใจว่าจะขายโร่วเจียโหมว* เพียงเปลี่ยนไส้ข้างในจากไส้หมูตุ๋นเป็นไส้เนื้อตุ๋นกับแกะตุ๋น เพราะเนื้อที่ชาวแคว้นเป่ยกินกันส่วนมากเป็นเนื้อวัวกับเนื้อแกะที่มีราคาไม่แพง
(*肉夹馍 เบอร์เกอร์สไตล์จีน ทำจากแป้งขนมปังผ่าครึ่งสอดไส้เนื้อ)
เฉียวเยี่ยนและระบบตัวน้อยออกไปซื้อวัตถุดิบ พวกเขาซื้อเนื้อแกะครึ่งตัว เครื่องเทศ และกระทะสำหรับย่างแผ่นแป้ง เนื่องจากตอนนี้อากาศหนาวเกินไปและไม่มีคนขายผักบนถนน เฉียวเยี่ยนจึงซื้อเครื่องเคียงที่จำเป็นได้จากระบบเท่านั้น
หลังเฉียวเยี่ยนและระบบตัวน้อยซื้อวัตถุดิบเสร็จแล้ว มู่ฉินเจินก็ได้ซื้อเกวียนวัวและชั้นวางของสำหรับตั้งแผงลอยเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อกลับมาที่ลานเล็กๆ ครอบครัวทั้งสามก็เริ่มทำโร่วเจียโหมวที่จะขายบนแผงลอยในวันพรุ่งนี้
เทแป้งหนึ่งกระสอบลงในอ่างขนาดใหญ่ เติมน้ำและยีสต์ลงผสมให้ขึ้นฟู รอจนแป้งขึ้นฟู แล้วก็เริ่มเตรียมไส้เนื้อแกะตุ๋น
แล่ซี่โครงแกะออกครึ่งหนึ่งแล้วเก็บไว้กินเอง ที่เหลือก็หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในหม้อแล้วลวก จากนั้นจึงทำการหมักเนื้อ
ใส่ต้นหอม ขิง เหล้าเหลืองและเครื่องเทศต่างๆ ลงไป จากนั้นใส่เต้าเจี้ยว ซีอิ้วขาว เคี่ยวให้เข้ากัน ก่อนใส่เนื้อแกะที่ลวกแล้วลงในหม้อ เคี่ยวช้าๆ จนเนื้อกรุบกรอบ
หลังจากแป้งขึ้นฟูดีแล้วก็นวดแป้งเพื่อไล่อากาศออก หั่นแบ่งเป็นขนาดที่เหมาะสม รีดแป้งแล้วทาไขมัน ก่อนจะม้วนเป็นก้อน ทำซ้ำเช่นนี้แล้วก็ค่อยรีดแป้งเป็นแผ่นกลมขนาดใหญ่
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สงสารตัวประกันจังเลย แค่ให้สร้างกำแพงเมืองให้มันต้องทารุณกรรมขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วถ้าเลี้ยงดีๆ ให้มีกำลังวังชา กำแพงมันจะไม่เสร็จเร็วขึ้นเหรอ
เป็นการแฝงตัวที่แยบยลและชวนให้ท้องหิวเหลือเกิน
ไหหม่า(海馬)
Comments