ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 381 บ้านเมืองล่มสลาย

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 381 บ้านเมืองล่มสลาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 381 บ้านเมืองล่มสลาย

ตอนที่ 381 บ้านเมืองล่มสลาย

หน้าประตูเมืองหานกวนตกอยู่ในความโกลาหลเช่นกัน กองกำลังเทียนลี่ที่ซุ่มโจมตีอยู่นอกเมืองเริ่มเข้าโจมตีทหารแคว้นเป่ยที่เฝ้าเมืองอย่างไม่ทันตั้งตัว

พวกตัวประกันวิ่งไปหน้าประตูเมือง ซึ่งยามนี้กำลังมีการสู้รบอย่างดุเดือดอยู่ เห็นได้ชัดว่ากองทัพแคว้นเป่ยสู้ไม่ไหว สูญเสียอย่างหนัก ขณะกองทัพเทียนลี่กำลังพังประตูเมือง พลันประตูก็สั่นคลอนพังลง

เปลวเพลิงแห่งสงครามโหมสาดซัด พวกตัวประกันรู้สึกเลือดเดือดพล่าน ทั้งชาย หญิง แก่ เด็กต่างทำตาม โจมตีกองทัพแคว้นเป่ยที่กำลังต่อต้านกองทัพเทียนลี่อย่างรุนแรง

ทหารแคว้นถูกล้อมโจมตีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทหารบางส่วนเห็นท่าไม่ค่อยดี ก็วิ่งหนีไป หลังจากต่อสู้อย่างดุเดือดมาสองชั่วยาม เมืองหานกวนก็แตกพ่าย!

ทันทีที่ประตูเมืองถูกเปิดออก กองทัพเทียนลี่ก็โรมรุกบุกเข้ามา และควบคุมกองทัพแคว้นเป่ยที่กำลังหลบหนีอย่างรวดเร็ว พวกตัวประกันที่เห็นฉากนี้ต่างมีขอบตาร้อนผะผ่าว

พวกเขาชนะแล้ว! พวกเขาไม่ใช่ตัวประกันอีกต่อไปแล้ว!

เมื่อกองทัพเทียนลี่เข้าสู่เมือง ทหารบางส่วนถูกจัดให้ไปหาที่พักแก่ตัวประกัน ในขณะที่คนอื่นได้รับมอบหมายจากมู่ฉินเจินให้ล้อมและปราบปรามทหารแคว้นเป่ยที่เหลืออยู่ในเมือง

ซางต๋าได้รับข่าวว่าเมืองหานกวนถูกโจมตีก็ตกใจเป็นอย่างมาก รีบส่งกองกำลังไปสนับสนุนทันที ทว่าทหารของพวกเขาออกค่ายไปได้ไม่นาน ก็ถูกสกัดกั้นเอาไว้

ตอนนี้ตัวประกันถูกช่วยเหลือไปแล้ว แคว้นเป่ยไม่มีตัวหมากที่ใช้ควบคุมเทียนลี่แล้ว มู่ฉินเจินย่อมไม่มีทางตามใจพวกเขา

ก่อนที่เขากับเฉียวเยี่ยนจะออกเดินทางไปเมืองหานกวน เขาก็ได้หารือวางแผนกับแม่ทัพแต่ละคนแล้ว วันที่พวกเขาไปช่วยตัวประกัน ก็คือเวลาเริ่มบุกเข้าโจมตีกองกำลังแคว้นเป่ยได้

คนสอดแนมแคว้นเป่ยที่ซ่อนอยู่ในเทียนลี่ถูกเขาจับได้แล้ว กองทัพแคว้นเป่ยไม่รู้การจัดวางกำลังคนของเทียนลี่ มีเพียงแค่ยอมแพ้อย่างเชื่อฟังเท่านั้น

คืนนี้ ไม่เพียงมีแต่เมืองหานกวนที่โกลาหล ค่ายทหารแคว้นเป่ยเองก็ได้รับการโจมตี ทั้งสองฝ่ายรบราฆ่าฟันกันจนถึงฟ้าสาง

ทว่ากองทัพแคว้นเป่ยขาดแคลนเสื้อผ้าและเสบียง ทั้งยังไม่มีม้าศึก ถูกปราบปรามทั่วทุกที่ สูญเสียอย่างแสนสาหัส ถูกโจมตีจนถอยร่นติดๆ กัน

ส่วนกองทัพแคว้นเป่ยที่อยู่ในเมืองหานกวนถูกจัดการเก็บกวาดไปพอประมาณแล้ว ชาวบ้านแคว้นเป่ยที่อาศัยกันอยู่ในเมืองคิดว่าต้องถูกเทียนลี่จับไปเป็นตัวประกัน หรือไม่ก็ถูกสังหาร

แต่ไม่คิดเลยว่ากองกำลังเทียนลี่ไม่ได้ทำอะไรกับพวกเขาเลย พวกเขายังได้ใช้ชีวิตกันอย่างปกติ ขอแค่พวกเขาไม่ต่อต้าน ไม่ก่อเรื่อง กองกำลังเทียนลี่ก็นุ่มนวลกับพวกเขามาก

พวกชาวบ้านต่างทำเพื่อมีชีวิตรอด ขอแค่ตัวเองใช้ชีวิตได้ดี ใครจะได้เป็นฮ่องเต้ก็ไม่ส่งผลใหญ่กับพวกเขา

หลังจากรอมาสองวันและเห็นว่ากองกำลังเทียนลี่ที่ประจำการอยู่ในเมืองหานกวนไม่ทำอะไรกับพวกเขา พวกเขาก็กลับมามีวิถีชีวิตในแบบที่เคยเป็น

ชาวบ้านบางคนถึงขั้นแอบเปรียบเทียบ กองกำลังแคว้นเป่ยของพวกเขายังปล้นเสบียงหรือฝูงแกะของพวกเขาอยู่บ้าง แต่หลังจากที่กองกำลังของเทียนลี่เข้าเมืองมาไม่เพียงแต่ไม่ทำร้ายพวกเขา แต่ยังเฝ้าเมืองอย่างเข้มงวด เหมือนดูและปกป้องพวกเขาไปโดยปริยาย

เมื่อเทียบกันเช่นนี้ พวกเขาก็ถึงขั้นหวังว่าเมืองหานกวนจะผนวกเป็นแผ่นดินเดียวกับเทียนลี่ได้

กองกำลังหลักของแคว้นเป่ยถูกโจมตีจนแตกพ่าย สามเมืองที่ถูกยึดไปก่อนหน้านี้ก็ถูกยึดกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว แต่มู่ฉินเจินก็ยังไม่ยั้งมือไว้แค่นี้

ที่เขาต้องการคือทั้งแคว้นเป่ย ในเมื่อผู้มีอำนาจยั่วยุพวกเขาก่อน เช่นนั้นเขาย่อมต้องมอบของขวัญดีๆ ตอบแทนกลับไป!

เมืองหานกวนแตก ก็นับว่ากองกำลังเทียนลี่ได้ส่วนท้องของแคว้นเป่ยมาแล้ว กองทัพใหญ่รานรุกบุกขึ้นเหนือ โจมตีแตกพ่ายไปทีละเมือง ครู่เดียวก็บีบเข้ามาใกล้เมืองหลวงของแคว้นเป่ยแล้ว

เหล่าราชวงศ์แห่งแคว้นเป่ยตื่นตระหนก ฮ่องเต้ถึงกับมีพระราชโองการให้ยอมจำนนต่อเทียนลี่ โดยอ้อนวอนขอทางออกอย่างสันติ แต่มันก็สายเกินไปแล้ว มู่ฉินเจินไม่ยอมรับจดหมายยอมจำนนนี้

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เลวร้ายลง ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยจึงเตรียมพาพระบรมวงศานุวงศ์หลบหนี ทว่าก่อนที่เขาจะได้ออกไป กองกำลังเทียนลี่กลุ่มหนึ่งก็บุกมาทางแคว้นเจียงที่อยู่ตอนเหนือ ล้อมโจมตีแคว้นเป่ยทั้งเหนือทั้งใต้

อันซีโหวได้นำทัพตามมาถึงแคว้นเป่ยแล้ว และเปิดฉากโจมตีแคว้นเป่ยในวันนั้น

ตอนนี้แคว้นเป่ยอยู่ในภาวะล่อแหลมยิ่ง กองกำลังทหารแตกซ่าน โจมตีเมืองได้สบาย แค่ระยะเวลาสั้นๆ ครึ่งเดือน ผืนแผ่นดินแคว้นเป่ยสองในสามก็เป็นของเทียนลี่หมด

วันที่สิบต้นเดือนสิบเอ็ด กองทัพใหญ่เคลื่อนพลมาถึงเมืองหลวงแห่งแคว้นเป่ย บุกรุกทะลวงราบเป็นหน้ากลอง พังประตูใหญ่ของเมืองหลวง และมุ่งสู่เขตเมืองหลวง

ตอนนี้ภายในเมืองหลวงแคว้นเป่ยเละเทะอลหม่านเป็นโจ๊ก พวกขันทีนางข้าหลวงต่างเก็บสัมภาระหลบหนี ส่วนเหล่าสนมนางในต่างกอดลูกร้องไห้

ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยเพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ได้ไม่นาน ตอนขึ้นครองบัลลังก์ในวัยสามสิบกว่าก็มีจิตใจเร่าร้อนฮึกเหิม มักใหญ่ใฝ่สูง ตอนนี้กลับตกใจหวาดกลัวจนตัวสั่นงกเงิน

เขาแค่เห็นว่าเทียนลี่หยิ่งผยองเกินไป จึงอยากจะปราบปรามความเย่อหยิ่งของพวกเขา หาใช่ทำลายบ้านเมืองเสียหน่อย!

ฮ่องเต้ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร ลูบไล้ลายแกะสลักบนเก้าอี้ด้วยความตะกละตะกลาม ตำแหน่งนี้ได้มาหลังจากที่เขาทำงานอย่างหนักมาสามสิบปี แต่นั่งได้เพียงปีเดียวก็ก่อเรื่องจนบ้านเมืองพังพินาศ!

หนึ่งเดือนมานี้เขากังวลใจจนนอนไม่หลับ ทุกคราที่หลับตา ภาพตัวเองถูกตัดหัวหรือไม่ก็ถูกแทงทะลุหัวใจนับหมื่นครั้งล้วนผุดขึ้นมา

เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน ผมทั้งศีรษะก็เป็นสีขาวแล้ว ดูแก่ชราจนเหมือนคนแก่อายุห้าสิบกว่าปี

ภายในโถงใหญ่ว่างเปล่ามีเสียงล้อหมุนดังเข้ามา เขาเงยหน้าขึ้นฉับพลัน ในดวงตาเปี่ยมล้นด้วยความชิงชัง

“เป็นเจ้า! เป็นเพราะเชื่อคำพูดบ้าๆ ของเจ้า เราถึงได้เดินมาถึงขั้นนี้ได้ หากรู้เร็วกว่านี้เราคงฆ่าเจ้าไปแล้ว!”

ดวงตาทั้งสองของเขาแดงก่ำ พ่นวาจาแต่ละคำออกมาแทบจะขาดใจ แทบอยากฆ่าคนตรงหน้าแล้วดื่มเลือดเสีย

คนที่นั่งอยู่บนรถเข็นมีสีหน้าเรียบเฉย ดูซูบผอมจนไร้ความสง่างาม เหลือเพียงชั้นหนังหุ้มกระดูก และผิวพรรณซีดขาวราวกับคนตาย

เขาเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย เสียงแหบแห้งราวกับเครื่องสูบลมพัง

“หึ เจ้าโทษข้า มิสู้โทษตัวเจ้าเองดีกว่า เป็นเจ้าเองที่เชิญข้ามาวางแผน เป็นเจ้าเองที่ไม่สามารถระงับความโลภให้ก่อสงครามได้ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเจ้าที่หาเหาใส่หัว เกี่ยวอะไรกับข้า?”

ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยอยากโต้เถียง แต่กลับพูดอะไรไม่ออก เป็นเขาที่หาเหาใส่หัวเอง เวลานี้ตำหนิคนอื่น จะมีประโยชน์อะไร

เขานั่งทรุดอยู่บนบัลลังก์มังกรประหนึ่งถูกสูบพลังชีพไปจนหมด แววตาเหม่อลอย ไม่รู้ว่าต่อไปชีวิตจะเป็นอย่างไร

แต่ระหว่างที่กำลังมึนงง ศรแหลมคมดอกหนึ่งก็พุ่งตรงปักทะลุหัวใจของเขา เขามองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ มุมปากมีเลือดสีแดงสดไหลออกมา ประโยคหนึ่งก็เอ่ยออกมาไม่ได้ ตายตาไม่หลับ

ส่วนคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นค่อยๆ เก็บธนูของตัวเอง มุมปากยกยิ้มเย็นชาออกมา

เขาค่อยๆ ลุกขึ้นจากรถเข็น เดินโซเซไปข้างหน้า และขาสั่นทุกก้าวที่เดิน

ไอ้ร่างกายบ้านี่ เป็นตัวถ่วงที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้ของเขา!

รถเข็นอยู่ห่างจากบัลลังก์มังกรแค่สิบก้าว แต่เขากลับเดินไปอย่างยากลำบาก เมื่อเดินไปถึงบัลลังก์มังกร เขาก็ยืนหยัดยืนต่อไปไม่ไหวแล้ว และล้มพับไปกับพื้น

หลังจากใช้กำลังทั้งหมดของเขา เขาดึงฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยที่ไร้ลมหายใจลงมาจากบัลลังก์มังกรได้ จากนั้นใช้มือยันค้ำลุกขึ้น และนั่งลงบนบัลลังก์มังกร

บนบัลลังก์มังกรยังมีโลหิตของฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยเปื้อนอยู่ แต่เขาก็ไม่สนใจ ยกมือลูบไล้ไปมา แววตาฉายความวิกลจริตเปี่ยมล้น

……

มู่ฉินเจินนำทัพสังหารไปจนประชิดเมืองหลวงแคว้นเป่ย บนป้อมปราการเมืองสูงตระหง่าน มีคนที่เขาคุ้นเคยคนหนึ่งยืนอยู่

คือมู่เจ๋อจิ่นที่เขาไล่สืบหามานานสามปี!

คิดมาตลอดว่าเขาจะลงใต้ไปตงอิ๋ง กลับไม่คิดเลยว่าเขาจะหนีมาถึงแคว้นเป่ย

ได้เห็นเขายามนี้ สาเหตุที่ฮ่องเต้แคว้นเป่ยเริ่มทำสงครามกับเทียนลี่แบบกะทันหัน ก็คลี่คลายจนกระจ่างแล้ว

บนกายมู่เจ๋อจิ่นสวมเสื้อคลุมลายมังกร บางทีอาจเป็นเพราะมีความสุขจากก้นบึ้งสุดของหัวใจ ทำให้สีหน้าขาวซีดดุจกระดาษของเขาแดงเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เจอตัวการใหญ่แล้ว จะจัดการเสี้ยนหนามนี้ยังไงดี

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด