ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 382 มันจบลงแล้ว

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 382 มันจบลงแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 382 มันจบลงแล้ว

ตอนที่ 382 มันจบลงแล้ว

สองพี่น้องในนามจ้องหน้ากัน ไม่มีใครพูดอะไร จากนั้นมู่ฉินเจินก็ยกมือขึ้นพร้อมตะโกน “โจมตี!”

สิ้นเสียง ทหารที่อยู่ข้างหลังรีบกรูเข้าโจมตีทันที ในมือพวกเขาล้วนถือโล่ป้องกันห่าธนูที่ยิงมาจากป้อมปราการเมือง พร้อมบุกไปที่ประตูเมืองอย่างอุกอาจ

แคว้นเป่ยไม่มีกองกำลังทหารเหลืออยู่แล้ว ที่เหลืออยู่ในเมืองหลวงตอนนี้มีเพียงทหารรักษาพระองค์เท่านั้น ซื่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกองทหารนับหมื่นของเทียนลี่เลยแม้แต่น้อย แม้พวกเขาจะพยายามต่อต้านอย่างสุดกำลัง กระนั้นก็มีแต่พ่ายแพ้เท่านั้น

กองทัพเทียนลี่กำลังพังประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์บนป้อมเมืองต่างตื่นตระหนก รีบเก็บข้าวของเตรียมหลบหนี

ทั่วบริเวณโกลาหลวุ่นวาย แต่มู่เจ๋อจิ่นกลับยืนอยู่บนป้อมเมืองเงียบๆ มุมปากยังคงหยักยิ้มจาง

เขาพ่ายแพ้แล้ว พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์

เขาพยายามอย่างดีที่สุด และปูทางทุกย่างก้าวให้ตัวเอง

สิบปีในการซ่อนตัว เขาลงใต้ไปผูกมิตรกับพวกตงอิ๋ง ขึ้นเหนือไปเจรจาติดต่อกับแคว้นเป่ย และซุ่มคนสอดแนมของเขาไว้ทั่วทุกที่ เดิมทีมั่นใจเต็มร้อยไม่มีวันพลาด แต่หลังจากได้พบมู่ฉินเจินกับเฉียวเยี่ยน ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

ทั้งสองคนนี้คือดวงดาวหายนะในชีวิตนี้ของเขา!

เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินยืนอยู่ใต้ป้อมเมืองมองไปที่มู่เจ๋อจิ่น ไม่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร แต่มักจะรู้สึกว่าเขากำลังคิดแผนร้ายอะไรอยู่

เสียงปังดังสนั่น ประตูเมืองถูกเปิดออก พวกทหารโห่ร้องกึกก้อง ถืออาวุธตัวเองกรูกันเข้าไปในเมือง

มู่ฉินเจินกับเฉียวเยี่ยนไม่ได้ตามไป สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่มู่เจ๋อจิ่น

มู่เจ๋อจิ่นยิ้มเยาะให้มู่ฉินเจิน และปีนขึ้นไปบนป้อมเมืองด้วยความยากลำบาก ก่อนกระโดดลงมาจากจากป้อมเมือง

ฉากนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างนิ่งอึ้ง และอดอุทานออกมาไม่ได้

ฉากคนกระโดดป้อมเมืองไม่ได้ดูสวยงามเหมือนในละครทีวี มันเกิดขึ้นเร็วมาก และทุกอย่างก็น่ากลัวไปหมด

ร่างคนร่วงกระแทกบนพื้น ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ พื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยหิมะถูกย้อมด้วยเลือดแดงฉาน ดูสะดุดตาเป็นพิเศษ

มู่ฉินเจินก็ตกใจในยามเห็นมู่เจ๋อจิ่นกระโดดลงมาจากป้อมเมืองเช่นกัน เดิมคิดว่าด้วยนิสัยเจ้าเล่ห์ของเขาแล้ว น่าจะมีแผนสำรองอยู่

เขาลงจากหลังม้า เดินเข้าไปหาร่างของมู่เจ๋อจิ่น ทว่าเฉียวเยี่ยนกลับรั้งเขาไว้ และควักปืนบนเอวออกมาทันที

นางไม่พูดอะไร เพียงแค่เหลือบมองมู่ฉินเจิน และเล็งปากกระบอกปืนไปที่ขาของมู่เจ๋อจิ่น พลางลั่นไกยิงออกไป

มู่ฉินเจินรู้เจตนาตั้งแต่ที่นางเรียกรั้งตัวเองไว้แล้ว เพราะนางกังวลว่าคนผู้นี้จะยังไม่ตาย

ลูกกระสุนทะลุขาขวาของมู่เจ๋อจิ่นไป เขาที่เป็นร่างศพไปแล้วกลับดิ้นกระตุก กรีดร้องออกมา สีหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์

แววตาเฉียวเยี่ยนลุ่มลึก พลางเอ่ยอย่างรังเกียจ “เจ้านี่มันดวงแข็งจริงๆ ตกลงมาจากป้อมเมืองสูงขนาดนั้นยังไม่ตายอีก”

ชั้นหิมะค่อนข้างหนาเหมือนกับพื้นถูกปูด้วยผ้านวม เมื่อคนตกลงมา ก็จะรับแรงกระแทกลดลง และรักษาชีวิตเอาไว้ได้

เขาไม่ตายกลับแกล้งตาย ไม่แน่ว่าอาจรอจังหวะที่พวกเขาเข้าไปตรวจศพลงมือฆ่าทันที

ละครทีวีในสมัยใหม่หาใช่ดูเปล่าประโยชน์ ตอนที่เห็นมู่เจ๋อจิ่นไม่ขยับเขยื้อน ในหัวนางก็ผุดฉากเหล่านั้นออกมา

มู่เจ๋อจิ่นไม่รู้ว่าอะไรแทงทะลุขาของเขา เจ็บปวดมากจนแทบขาดใจ

กระดูกขาของเขาหักตอนกระโดดลงจากป้อมเมืองแล้ว อวัยวะภายในก็ได้รับการกระทบกระเทือน เลือดบนพื้นก็เป็นของจริง

ทว่าความเจ็บปวดเหล่านี้ยังไม่เจ็บปวดแสนสาหัสเท่าขาที่ถูกยิง

ความจริงแล้วเขากำลังพนัน พนันว่าตัวเองกระโดดลงมาแล้วจะตายทันทีหรือไม่

หากตาย เรื่องทุกอย่างก็สิ้นสุด

หากไม่ตาย เขาได้ซ่อนหน้าไม้ไว้ในแขนเสื้อแล้ว เมื่อมู่ฉินเจินกับเฉียวเยี่ยนเข้ามา เขาก็จะลงมือสังหาร ในเมื่อตนกำลังจะตายแล้วก็จะดึงทั้งสองคนไปลงนรกด้วย

ทว่าแผนทุกอย่างกลับถูกอีกฝ่ายมองออกหมด!

เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ มู่ฉินเจินก็ไม่มีอารมณ์เข้าไปตรวจสอบอีก ก่อนหยิบหน้าไม้ออกมาจากหลังม้า ส่งมู่เจ๋อจิ่นไปปรโลกเป็นครั้งสุดท้าย

กองกำลังเทียนลี่ตีเมืองหลวงแคว้นเป่ยแตกพ่าย เมื่อหาฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยเจอ กลับพบว่าศพแข็งไปแล้ว ทายาทกับพระสนมที่เหลือต่างถูกจับเป็นเชลย

ฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยมีทายาทไม่มาก มีเพียงพระโอรสสองพระองค์กับพระธิดาหนึ่งพระองค์ องค์ชายใหญ่อายุสิบขวบ องค์ชายรองยังอยู่ในวัยแบเบาะ

ตอนนี้แคว้นเป่ยได้กลายเป็นเมืองขึ้นของเทียนลี่แล้ว ส่วนจะจัดการกับเหล่าเชื้อพระวงศ์แห่งแคว้นเป่ยอย่างไรนั้น รอให้ฮ่องเต้เฒ่าเป็นคนตัดสิน

พวกชาวบ้านแคว้นเป่ยต่างคาดไม่ถึงว่าฮ่องเต้สมองกลับของพวกเขาจะนึกอุตริโจมตีเทียนลี่ สุดท้ายก็ทำให้บ้านเมืองและครอบครัวตัวเองพังพินาศ

…..

เดือนสี่ปีใหม่ หิมะในแคว้นเป่ยได้ละลายไปบ้างแล้ว อากาศก็เริ่มอุ่นขึ้นมา

หลังผ่านการหารือกับพวกขุนนางและฮ่องเต้เฒ่าแล้ว ก็ได้ความโดยสรุปว่าจะให้แคว้นเป่ยแยกตัวเป็นรัฐอิสระ มีองค์ชายใหญ่โอรสของฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยองค์ก่อนสืบทอดบัลลังก์ต่อ ทว่านับแต่นี้เป็นต้นไปแคว้นเป่ยคือรัฐบริวารของเทียนลี่

ภายในอาณาเขตของแคว้นเป่ยยังต้องมีทหารของเทียนลี่ประจำการอยู่ด้วย แบบนี้ ไม่เพียงแต่บรรเทาความขัดแย้งกับราชวงศ์แคว้นเป่ยและกองกำลังพื้นบ้านบางส่วนที่สนับสนุนราชวงศ์แคว้นเป่ย แต่ยังควบคุมแคว้นเป่ยไว้ในอาณัติของเทียนลี่ได้ในอีกทางหนึ่ง

ในนามยังคงเป็นสองแคว้นเหมือนเดิม ทว่าความจริงแคว้นเป่ยถือว่าเป็นอาณาเขตของเทียนลี่แล้ว

ที่พรมแดนระหว่างแคว้นเป่ยกับเทียนลี่ได้เปิดตลาดร่วมกันมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งสะดวกสำหรับทั้งสองฝ่ายในการนำเข้าและส่งออกสินค้า

มู่ฉินเจินกับเฉียวเยี่ยนยังอยู่ที่แคว้นเป่ย เนื่องจากเฉียวเยี่ยนอยากทำกิจการทางนี้ องค์รัชทายาทย่อมอยู่เป็นเพื่อนภรรยา

ทว่าลูกๆ ทางบ้านถูกพวกเขารับมาหมดแล้ว เพียงแต่เด็กๆ ต่างโกรธเคืองมารดาใจร้ายอย่างเฉียวเยี่ยนนานมาก ต้องเกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่าจะกล่อมสำเร็จ

เมื่อมาถึงแคว้นเป่ย พวกเด็กๆ ต่างก็เล่นกันอย่างบ้าคลั่ง ขี่ม้าแคระเล่นไปทั่วตลอดทั้งวัน

ในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ พวกเด็กๆ ขี่ม้าแคระอวบอ้วน ด้านหลังตามมาด้วยกลุ่มทหารขี่ม้าสูงใหญ่ ล้วนมีหน้าที่ปกป้องเหล่าเจ้านายน้อย

ม้าแคระพยายามจ้ำขาสั้นๆ ไปอย่างสุดกำลัง พวกเด็กก็หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข

เสี่ยวอวี่เป่ายังขี่ม้าไม่เป็น เมื่อเห็นพวกพี่ๆ ขี่ม้าเล่นก็รู้สึกอิจฉา วิชาขี่ม้าของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ดีที่สุด จึงโอบน้องชายอยู่บนหลังม้า พาเขาขี่ไปด้วยกัน

หลังจากขี่ม้าเล่นเสร็จยังได้กินเนื้อย่าง พวกเด็กๆ ถือซี่โครงแกะใหญ่เป็นท่อนๆ กันคนละแท่ง กัดกินจนหน้าปากเต็มไปด้วยน้ำมัน แถมยังมีนมแพะกับนมวัวหอมอร่อยให้ดื่มด้วย

พวกเด็กๆ เล่นอยู่ในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่อย่างอิสระ ระบบตัวน้อยยังพบสหายร่วมเต้นที่มีใจเดียวกันด้วย

คนเลี้ยงสัตว์ในแคว้นเป่ยมีความสามารถในด้านร้องรำทำเพลง ฆ่าแกะหนึ่งตัว ก่อไฟขนาดใหญ่หนึ่งกอง ร้องรำทำเพลงอยู่ล้อมรอบกองไฟ เฮฮาสนุกสนานมาก

ทว่าการเต้นรำจะไม่มีระบบตัวน้อยผู้ชื่นชอบการเต้นบนลานกว้างได้อย่างไร นางจึงพาน้องๆ เต้นเพลงหนึ่งให้พวกคนเลี้ยงสัตว์แคว้นเป่ยดู

เด็กห้าคนเรียงแถวกันเสร็จ ระบบตัวน้อยนำเต้นอยู่ข้างหน้า เด็กสี่คนที่อยู่ข้างหลังยืนตัวตรง รอคำสั่งของพี่ใหญ่

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์รู้สึกกลัวเสียหน้าเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของพวกพี่ๆ น้องๆ ก็ทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทน

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์เอ่ยในใจ ‘ขอแค่ข้าปิดมันให้สนิทพอ ก็จะไม่มีใครรู้ว่าข้าติงต๊อง!’

“เตรียมตัว เริ่มได้!”

ระบบตัวน้อยเอ่ยสั่ง ก่อนร้องเพลงในการเต้นบนลานกว้างล้างสมองขึ้นมา “ฉันบินออกไปในโลกของดอกไม้ไม่ได้ ฉันเลยเป็นแค่ผีเสื้อขี้เมา…”

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เสี่ยวอันอันกับเสี่ยวอวี้เป่าที่อยู่ด้านหลังเต้นกันอย่างสนุกสนานมาก ทั้งยังแหกปากร้องด้วยกันด้วย

ส่วนเสี่ยวฉวนเอ๋อร์นั้น ก้มหน้าก้มตามาตลอด

ช่วยด้วย เขินจังเลย!

เสน่ห์ของการเต้นบนลานกว้างนั้นน่าหลงใหลเสมอ วินาทีที่คนเลี้ยงสัตว์แคว้นเป่ยที่มีความสามารถในการร้องรำทำเพลงเห็นพวกเด็กๆ เต้นบนลานกว้าง จิตวิญญาณแห่งการเต้นที่หายไปนานของพวกเขาก็ตื่นขึ้น ก่อนเข้าร่วมไปเต้นด้วย

คนที่สามารถดีดฉินกับตีกลองได้ก็บรรเลงดนตรีอยู่ด้านข้าง บรรยากาศคึกคักมีชีวิตชีวามาก

ด้วยความพยายามของพวกเขา จึงทำให้กิจกรรมการเต้นบนลานกว้างอันยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ได้แพร่หลายไปทั่วแคว้นเป่ย ในตอนพลบค่ำ คนเลี้ยงสัตว์ที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันต่างเต้นกันบนลานกว้าง

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เหลี่ยมทุกดอกจนกระทั่งวาระสุดท้ายจริงๆ เลยอ๋องรุ่ย ถ้าเฉียวเยี่ยนไม่ได้รู้เท่าทันก็โดนลอบกัดแล้ว

ระบบเป็นทูตวัฒนธรรมการเต้นเสียแล้ว น่ารักจังเลย

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด