ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 384 พ่อลูกแย่งชิงความโปรดปราน
ตอนที่ 384 พ่อลูกแย่งชิงความโปรดปราน
ตอนที่ 384 พ่อลูกแย่งชิงความโปรดปราน
หลังจากเข้าใจสาเหตุที่องค์รัชทายาทดึงปกคอเสื้อ กลุ่มนายพลหยาบกระด้างก็เปลี่ยนเป็นกองอวย ชมเฉียวเยี่ยนกับเสื้อไหมพรมสีเทาขี้ริ้วขี้เหร่นั้นทันที ชมจนไร้สิ่งใดเปรียบ
เวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งวัน ทั่วทั้งค่ายทหารก็รู้วิธีเอาอกเอาใจองค์รัชทายาท
ต้องชมไท่จื่อเฟย! ต้องชมเสื้อผ้าองค์รัชทายาทว่าสวย!
เฉียวเยี่ยนรู้เรื่องนี้แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองขายหน้ามาก เสื้อไหมพรมสีเทาตัวนั้นเอาไว้สวมแค่ด้านใน เห็นแค่เพียงปกคอเสื้อเท่านั้น หากเอามาใส่ด้านนอก คงไม่มีทางสวมออกไปจากบ้านได้จริงๆ !
ตอนกินข้าวเที่ยง ครอบครัวเจ็ดคนนั่งล้อมวงกินข้าวแสนอร่อยที่เฉียวเยี่ยนทำให้
พวกเด็กๆ ดูไม่มีความสุขเล็กน้อย แม้ปากจะกินข้าว ทว่าสายตากลับมองเชิงตำหนิพ่อของพวกเขาเป็นครั้งคราว
มู่ฉินเจินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มีสีหน้าสบายๆ แววตายังมีความเย่อหยิ่งอยู่เล็กน้อย
เฉียวเยี่ยนมองพวกเด็กๆ แล้วมองไปทางมู่ฉินเจิน นางพลันขมวดคิ้วขึ้นมา “พวกเจ้าพ่อลูกปิดบังเล่นปริศนาอะไรกับข้า?”
มู่ฉินเจินยิ้มบาง และคีบอาหารให้นาง ก่อนเอ่ยกล่อมเสียงเบา “ไม่มีเรื่องอะไรหรอก พวกเขาแค่เล่นสนุกกันเกินไป”
เฉียวเยี่ยนส่งสายตา ‘ใครจะไปเชื่อท่าน?’ ให้เขา ลูกของตัวเอง นางจะไม่เข้าใจได้อย่างไร มันต้องมีการประลองฝีมือระหว่างพ่อลูกแอบแฝงอยู่แน่
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เห็นพ่อใจร้ายเอาอกเอาใจมารดาต่อหน้าพวกเขา ใบหน้าน้อยก็พองป่องขึ้นมาด้วยความโกรธ ปากก็ขยับเอ่ยตำหนิ
“ท่านแม่ท่านลำเอียง เหตุใดเสื้อผ้าใหม่ของท่านพ่อท่านเป็นคนทำให้ แต่ของพวกเราเป็นพวกท่านป้าคนอื่นทำให้ล่ะ!”
ลูกคนอื่นๆ ต่างพยักหน้าคล้อยตาม “ใช่! ลำเอียง!”
บิดาใจร้ายคนนี้ของพวกเขา หลังจากได้เสื้อผ้าชุดใหม่ก็มาอวดต่อหน้าพวกเขา ฮึ่ม! เห็นได้ชัดว่ารังแกเด็กน้อย!
เฉียวเยี่ยนได้ฟังก็พอเข้าใจเรื่องคร่าวๆ แล้ว พ่อลูกพวกนี้ปกติมักจะติดหนึบเป็นตังเม สนิทสนมกันอย่างมาก แต่ลึกๆ กลับชอบแย่งชิงความโปรดปราน ดูว่าใครจะได้รับความโปรดปรานจากนางมากกว่ากัน
นางเอือมระอายิ่งนัก นางพยายามปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมแล้ว แต่ผู้ใหญ่หนึ่งเด็กเล็กห้านี้ ยามอิจฉาขึ้นมาก็กลายเป็นไร้เหตุผลกันหมด
เห็นพวกลูกๆ โกรธจนพองแก้มป่องเผชิญหน้ากับบิดาที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข เฉียวเยี่ยนก็ถอนหายใจยาวออกมา แสดงให้เห็นว่าเหนื่อยใจที่จะจัดการ
“แม่ไม่ได้ลำเอียง เพียงแต่ฝีมือแม่มันแย่เกินไป หากแม่ทำด้วยตัวเอง พวกเจ้าก็จะได้เสื้อผ้าที่ไม่สวย แถมยังถึงขั้นน่าเกลียดจนสวมออกไปข้างนอกไม่ได้”
เฉียวเยี่ยนอธิบายให้พวกเด็กๆ ฟังอย่างอดทน พวกเด็กๆ ก็จับประเด็นสำคัญในคำพูดนั้นได้อย่างรวดเร็ว
สิ่งที่ผู้เป็นพ่อได้รับคือเสื้อผ้าไม่ดี ไม่สวยเลยแม้แต่น้อย!
เมื่อคิดเช่นนี้ หัวใจดวงน้อยของพวกเด็กๆ ก็สงบลง พลางมองบิดาด้วยท่าทางลำพอง
ภายใต้การเฝ้าดูของภรรยา องค์รัชทายาทจึงไม่คิดจริงจังอะไรกับพวกเด็กๆ ทว่าในใจเขา เสื้อผ้าที่ภรรยาทำให้เขานั้นดีที่สุด!
……
ครอบครัวเฉียวเยี่ยนพักอยู่ที่แคว้นเป่ยมาจนถึงเดือนหก หลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จ พวกเขาก็ยกทัพกลับราชสำนัก
เกือบหนึ่งปีแล้วนับตั้งแต่ยกทัพมา เมื่อกลับไปยังแผ่นดินอันคุ้นเคย เฉียวเยี่ยนก็รู้สึกเหมือนกับอยู่อีกโลกหนึ่ง
กิจการไหมพรมขนสัตว์ของเฉียวเยี่ยนได้ถูกส่งมอบให้กับผู้ดูแลงานโรงงานแปรรูปสิ่งทอแล้ว ทันทีที่ร้านเปิด ก็มีผู้คนจำนวนมากที่ต้องการ กิจการดีอย่างมาก
โรงงานสิ่งทอเฉียวจี้ไม่เพียงแต่ขายไหมพรมขนสัตว์เท่านั้น แต่ยังสอนวิธีการถักผ้าแก่ลูกค้าที่มาซื้ออีกด้วย สตรีมีฝีมือบางคน หลังจากเรียนรู้คร่าวๆ แล้ว ก็สามารถคิดค้นวิธีถักด้วยตัวเองได้
โรงงานสิ่งทอมีกองคาราวานขนส่งสินค้าไปยังเทียนลี่ด้วย ซึ่งวิธีการทำเสื้อผ้าแบบใหม่นี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในเทียนลี่
วันที่กองทัพใหญ่กลับมาถึงเมืองหลวง เหล่าราษฎรต่างมาต้อนรับ คึกคักเป็นอย่างมาก แล้วฮ่องเต้เฒ่าก็จัดงานเลี้ยงต้อนรับด้วยพระองค์เอง
หลังตีแคว้นหนึ่งแตกพ่ายในศึกนี้ ฉายาเทพเจ้าแห่งสงครามของมู่ฉินเจินยิ่งมีชื่อเสียงมากขึ้น แต่องค์รัชทายาทกลับรู้สึกว่าควรมอบตำแหน่งนี้ให้กับภรรยาตัวเอง
เหตุที่พวกเขายึดครองแคว้นเป่ยได้ราบรื่นในครั้งนี้ เป็นเพราะภรรยากับระบบตัวน้อย พลังโกงนั้นแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ
ทว่าทักษะการต่อสู้ที่เหนือจินตนาการเหล่านี้ไม่สามารถเปิดเผยต่อโลกภายนอกได้ เฉียวเยี่ยนกับระบบตัวน้อยจึงเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ซ่อนความสำเร็จกับชื่อเสียงเอาไว้
ในงานเลี้ยงรับรอง ฮองเฮากับฮ่องเต้เฒ่าเหลือบมองโอรสตัวเอง เห็นเขากลับมาครบสามสิบสอง จึงเคลื่อนสายตาไปสนใจเฉียวเยี่ยนกับพวกเด็กๆ
คนนอกไม่รู้คุณงามความดีของเฉียวเยี่ยนกับระบบตัวน้อย ทว่าฮ่องเต้กับฮองเฮารู้ เมื่อมองคนโตกับคนเล็กที่ใจกล้า ในแววตาก็ทั้งเต็มไปรักและชัง
ในตอนที่รู้ว่าเฉียวเยี่ยนพาระบบตัวน้อยแอบหนีไป พวกเขาต่างกังวลกันอย่างมาก แต่เมื่อได้รับข่าวดีจากพระโอรส พวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าการศึกสามารถกระทำกันเช่นนี้ได้ด้วย!
ไม่ต้องเสียทหารแม้แต่คนเดียว ทั้งสองคนก่อกวนกองทหารนับหมื่นในค่ายทหารแคว้นเป่ยจนไม่เป็นอันอยู่อย่างสงบสุข
ในงานเลี้ยงต้อนรับมีการตอบแทนคุณงามความดี ผู้ที่มีผลงานได้รับการตอบแทนอย่างล้นหลาม ส่วนคนร้ายมู่เจ๋อจิ่นที่ตายไปแล้วถูกฮ่องเต้เฒ่าออกราชโองการเปิดเผยอาชญากรรมของเขาต่อคนทั้งใต้หล้า
อันซีโหวที่ประจำการอยู่ซีเป่ยตลอดทั้งปีก็กลับมาเมืองหลวงในครั้งนี้เช่นกัน หลายปีมานี้ เขากลับมาเพียงครั้งเดียวเมื่อลูกชายของเขาแต่งงาน ต่อมาหลานชายคลอด ลูกสาวออกเรือน เขาก็ไม่เคยกลับมาเลยสักครั้ง
กลับมาคราวนี้ เขาจะใช้บั้นปลายชีวิตอยู่ในเมืองหลวงแล้ว ส่วนงานราชการทหารทางซีเป่ยจะมีคนอื่นมาแทนที่เขาเอง
เมื่อเขากลับมา ทั่วทั้งจวนอันซีโหวต่างกระตือรือร้น อันซีโหวฮูหยินร้องไห้ระคนแย้มยิ้มยินดี
หลายปีมานี้อยู่แยกกัน ใช้ชีวิตราวกับภรรยาในนามก็ไม่ปาน นางเองก็เคยตำหนิเขา แต่ก็ยังปกป้องครอบครัวของพวกเขา เลี้ยงดูสั่งสอนลูกๆ จนเติบใหญ่
ยามนี้ครอบครัวได้มาเจอหน้ากันแล้ว ความรู้สึกของนางจึงยากเกินกว่าจะบรรยายด้วยคำพูด
เมื่อพ่อตากลับมา เฉียวจิ่นผู้เป็นลูกเขยย่อมต้องไปเยี่ยมเยือนเป็นธรรมดา ครั้นเห็นพ่อตาที่อายุเกินห้าสิบปีแต่ยังมีสุขภาพแข็งแรง ลูกเขยอย่างเขาก็ประหม่าเล็กน้อย
อันซีโหวมองสำรวจเฉียวจิ่นขึ้นลง นัยน์ตาดุดันคู่นั้นราวกับจะเจาะผู้คนให้ทะลุ เฉียวจิ่นยังคงรักษาท่าทางโค้งคำนับไว้ พ่อตาไม่ให้เขาลุกขึ้น เขาก็ไม่กล้าลุกขึ้น
อันซีโหวฮูหยินตบสามีตัวเองไปทีหนึ่ง ก่อนเอ่ยตำหนิ “จะดุทำไม? นี่คือลูกเขยท่าน หาใช่ทหารใต้บังคับบัญชาท่านเสียหน่อย!”
เว่ยอวิ๋นซูจึงถือโอกาสนี้เคลื่อนไหวไปสัมผัสศีรษะของลูกสาวตัวน้อย ก่อนส่งสายตาให้เด็กน้อยก้าวขาสั้นวิ่งเตาะแตะไปหาอันซีโหวทันที
เด็กน้อยอายุสี่ขวบกว่าแล้ว มีหน้าตาเหมือนกับเฉียวจิ่นมาก งดงามอ่อนช้อย แถมยังอ้วนท้วนสมบูรณ์เหมือนก้อนแป้งข้าวเหนียว
เสี่ยวอวี้โหรวมีนิสัยสงบเสงี่ยมเรียบร้อยเหมือนเฉียวจิ่น เมื่อเห็นท่านตามีท่าทางดุดัน จึงหวาดกลัวเล็กน้อย ยืนอยู่ตรงหน้าท่านตาอย่างระมัดระวัง และหันมาเหลือบมองมารดาอย่างน่าสงสาร
เมื่อยังเห็นมารดาให้กำลังใจนาง นางถึงได้มีความกล้าขึ้นมา และร้องออกมาเสียงเบา “ท่านตา”
เสียงเล็กน่ารักนั้น ทำให้อันซีโหวผู้ดูดุร้ายใจละลายไปทันที และเผยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าออกมา เสียงหัวเราะนั้นห้าวเป็นพิเศษ
ฮ่าๆๆ สกุลเว่ยของเขาก็มีวันนี้ได้จริงๆ ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีหลานสาว!
ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูนั้น ทำให้คนหลงใหลมาก!
ชายชราอายุครึ่งศตวรรษที่ปกติมักพูดจาโผงผาง ตอนนี้กลับกลายเป็นใช้ช่องเสียงที่สอง ด้วยกลัวว่าจะทำให้เด็กน้อยตกใจกลัว
“เด็กดี ให้ท่านตาอุ้มหน่อยได้หรือไม่?”
เสี่ยวอวี้โหรวรู้สึกว่าเวลาคุณตายิ้มเหมือนจะไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น จึงอ้าแขนออกให้ท่านตาอุ้ม
เฉียวจิ่นที่ยังคงทำความเคารพอยู่เห็นลูกสาวถูกแย่งไปจึงยืดตัวขึ้น แก้ไขท่าทางการอุ้มของพ่อตา
“ท่านพ่อ ท่านอุ้มแบบนี้จะทับคอหลานเอาได้ ต้องอุ้มแบบนี้…”
ตอนนี้ทั้งใจทั้งตาของอันซีโหวล้วนอยู่ที่หลานสาวตัวน้อย ขอแค่มันดีต่อหลานสาว เขาก็จะเรียนอย่างตั้งใจ
สองพ่อตาลูกเขยนี้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การเลี้ยงลูกกันอย่างกับว่าไม่มีใครอยู่ด้วย ซึ่งทำให้คนรอบข้างมีสีหน้าระอา
เว่ยอวิ๋นซูพลันรู้สึกว่านางคลอดปีศาจตัวน้อยออกมาให้ตัวเองเสียแล้ว!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เอ็นดูเด็กๆ จังเลย ไม่ต้องอิจฉาพ่อขนาดนั้นค่ะ ถ้าได้มาเห็นเสื้อผ้าฝีมือแม่แล้วรับรองว่าจะขำพ่อแทน
ทางด้านพี่ชายก็ไม่ต่างกัน อวิ๋นซูอย่าน้อยใจลูกสาวเลยนะ
ไหหม่า(海馬)
Comments