ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 385 ฮองเฮาเฉียวอยากจัดการเรื่องบางอย่างอีกแล้ว

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 385 ฮองเฮาเฉียวอยากจัดการเรื่องบางอย่างอีกแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 385 ฮองเฮาเฉียวอยากจัดการเรื่องบางอย่างอีกแล้ว

ตอนที่ 385 ฮองเฮาเฉียวอยากจัดการเรื่องบางอย่างอีกแล้ว

ปีที่มู่ฉินเจินอายุได้สามสิบเก้าปี ฮ่องเต้เฒ่าก็สละราชบัลลังก์ องค์รัชทายาทได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ เฉียวเยี่ยนที่อายุสามสิบสามปีได้เลื่อนยศเป็นฮองเฮา และเสี่ยวฉวนเอ๋อร์วัยสิบแปดปีถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาท

ในที่สุดฮ่องเต้เฒ่าก็ทิ้งตำแหน่งให้โอรสได้สำเร็จ และในวันที่สองที่โอรสสืบทอดราชบัลลังก์ เขาก็พาฮองเฮาหนีไป

ไม่ใช่สิ คือออกวังไปใช้ชีวิตในบั้นปลาย!

สองคู่รักชราย้ายไปอยู่สวนป่าท้อในหมู่บ้านจิ่วหลีพัว สร้างบ้านเล็กๆ หลังหนึ่งอยู่บนยอดเขา วันๆ ปลูกผัก ดูแลดอกไม้ เลี้ยงไก่ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมาก

ส่วนสนมที่เหลือในวัง เขาก็พระราชทานบ้านให้ และปล่อยให้พวกนางไปใช้ชีวิตบั้นปลายนอกวัง หากพวกนางไม่อยากออกจากวัง ก็จะมีตำหนักในวังให้พวกนางพักอยู่

เมื่อออกจากวังได้ ใครจะอยากใช้ชีวิตเป็นแค่เมียในนามอยู่ในวังกัน พวกสนมที่ถูกขังอยู่ในวังมาครึ่งชีวิตเหล่านี้ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่พวกนางสามารถออกจากวังได้ด้วย

ในวันที่ออกจากวัง คนในบ้านมารับพวกนางที่หน้าประตูวังด้วย เมื่อเห็นผู้คนขวักไขว่อยู่ข้างนอก พวกนางก็รู้สึกเหมือนอยู่คนละโลกเล็กน้อย

ชีวิตนี้ของพวกนางแม้ไม่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ แต่อย่างน้อยก็นับว่ามั่นคง โดยเฉพาะหลังจากเริ่มปลูกผักในวัง ชีวิตของพวกนางก็ไม่ได้ลำบากเจ็บปวดขนาดนั้นแล้ว

ตอนนี้มีบ้าน พวกนางก็สามารถทำแปลงผักได้ ปลูกผักเล็กๆ น้อยๆ หรืออาจจะเลี้ยงไก่เป็ดกับแมวหมา เช่นนี้ ชีวิตก็จะคึกคักขึ้นมาแล้ว

ไท่ซ่างหวงกับไท่โฮ่วเหนียงเหนียงใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านจิ่วหลีพัวอย่างมีความสุขเป็นพิเศษ ถึงฤดูกาลดอกท้อเบ่งบานสะพรั่งไปทั่วทั้งภูเขาก็หาจิตรกรมาวาดรูปให้ ตอนนี้ในลานบ้านบนยอดเขาของพวกเขาล้วนแขวนเต็มไปด้วยภาพวาดเหมือนของพวกเขาสองคน

ไท่ซ่างหวงยังเลี้ยงไก่ ดูแลสวนป่าท้อกับพวกคนงานป่าท้อ และเรียนรู้ทักษะไปไม่น้อย

ในขณะที่ไท่โฮ่วเหนียงเหนียงค้นคว้าอาหารกับของบำรุงร่างกาย แม้อายุหกสิบกว่าปีแล้ว ผิวพรรณที่ได้รับการบำรุงก็ยังเปล่งปลั่ง เส้นผมดำขลับมันวาว หากบอกว่าอายุสี่สิบปีก็ยังมีคนเชื่อ

ทั้งสองคนพักอยู่บนภูเขา เมื่อพวกหลานชายหลานสาวมีเวลาก็จะมาเยี่ยมหาพวกเขา คนแก่ทั้งสองมีความสุขกับการได้อยู่กับหลานๆ ใช้ชีวิตน้อยๆ ของตัวเอง ครึ่งชีวิตก่อนหน้าถูกกักขังอยู่ในวังลึกมาตลอด ในที่สุดยามนี้ก็สามารถเสวยสุขกับชีวิตดีๆ ได้เสียที

ส่วนเฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจิน แม้จะเปลี่ยนสถานะแล้ว ทว่าชีวิตของพวกเขายังคงเหมือนเคย ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก

มู่ฉินเจินตื่นแต่เช้าไปว่าราชกิจ หลังจากเฉียวเยี่ยนตื่นก็ไปเตรียมกับข้าวแสนอร่อยในห้องครัว รอเขาเลิกว่าราชกิจมาแล้ว ทั้งครอบครัวก็ล้อมวงกันกินข้าวเหมือนเคย

สำหรับมู่ฉินเจิน ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าวังหลัง เขาไม่มีนางสนม มีเพียงภรรยาที่อยู่เคียงข้างเขาเท่านั้น

เมื่อก่อนตอนที่ราชสำนักเจอปัญหาที่ยากจะแก้ไข เขาจะระบายให้เฉียวเยี่ยนฟัง เฉียวเยี่ยนปรึกษาหารือด้วยกันกับเขา และออกหัวคิดกำหนดแผนออกมา

พวกขุนนางเก่าแก่รู้นิสัยใจคอของมู่ฉินเจินดีตั้งแต่ที่เขายังเป็นท่านอ๋อง จึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นความจริงที่ว่าฮ่องเต้กลัวเรื่องภายในและถูกฮองเฮาจูงจมูก

ตั้งแต่มู่ฉินเจินเข้ามามีอำนาจ เรื่องแรกที่เขาทำคือลดจำนวนนางสนมกำนัลและคนรับใช้ในวังลง ทั้งชีวิตนี้เขามีภรรยาเพียงคนเดียว ไม่มีทางเลือกนางสนม และไม่ต้องการคนมากมายมาปรนนิบัติรับใช้เช่นนี้

สำหรับพวกนางสนมนางบำเรอทั้งหลายในวังของฮ่องเต้องค์ก่อนๆ ในแต่ละยุค ตำหนักหนึ่งจะต้องมีคนสิบคนหรือมากกว่าสิบคนคอยปรนนิบัติรับใช้ การลดจำนวนคนเหล่านี้ลง ก็เท่ากับกำจัดพวกขันทีกับนางข้าหลวงในวังไปเสียส่วนใหญ่

การที่มู่ฉินเจินทำเช่นนี้ ย่อมมีขุนนางในราชสำนักที่ไม่พอใจ พวกเขาพากันยื่นสาส์นร้องเรียน ถึงขั้นเสนอให้เขาคัดเลือกนางสนม เพื่อเพิ่มพูนทายาท

ทว่าชายที่ขึ้นเป็นฮ่องเต้ในยามนี้จะปล่อยให้พวกเขามาบีบเค้นได้อย่างไร พวกขุนนางที่ยื่นสาส์นมาให้เหล่านั้นล้วนถูกเขาหาความผิดสั่งลงโทษ ไม่ลดระดับตำแหน่งก็ส่งเข้าคุก

พลันท้องพระโรงก็มีคนน้อยลงไปกว่าครึ่ง พวกขุนนางที่เตรียมจะเอ่ยแนะนำต่างก็หุบปาก

ทว่าในใจพวกเขากลับไม่ยอมรับ ในเมื่อไม่สามารถบีบเค้นฝ่าบาทได้ พวกเขาก็ไปเล่นแง่ใส่เฉียวเยี่ยนฮองเฮาผู้นี้แทน

เกิดข่าวลือกันไปทั่วว่าฮองเฮาไร้ศีลธรรม เป็นปีศาจหายนะของบ้านเมือง ข่าวลือยิ่งแพร่ยิ่งรุนแรงขึ้น ถึงขั้นลามไปถึงราชสำนัก

มู่ฉินเจินโกรธมาก สั่งให้จิงจ้าวฝู* จับกุมผู้ที่เผยแพร่และกระจายข่าวลือ แต่นั่นก็แก้ปัญหาได้เพียงผิวเผินเท่านั้น

(*京兆府 เทียบได้กับผู้ดูแลราชธานี)

เฉียวเยี่ยนรู้เรื่องนี้แล้วก็หัวเราะเย้ยหยัน นางคาดเดาเหตุการณ์เหล่านี้ได้ตั้งแต่ก่อนที่บุรุษของนางจะเป็นฮ่องเต้แล้ว

ตั้งแต่โบราณมา มีฮ่องเต้องค์ไหนบ้างที่ไม่มีนางสนม พวกขุนนางหัวคร่ำครึเหล่านั้นต้องชี้แนะให้เลือกนางสนมแน่

นางจะไม่รู้ความคิดของพวกเขาเลยหรือ?

หากในบ้านมีลูกสาว ก็ส่งตัวเข้ามาในวัง ได้รับตำแหน่งฐานะ หากได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ และให้กำเนิดองค์ชายออกมา เกรงว่านั่นคงจะเป็นเรื่องที่พลิกฟ้าเปลี่ยนชะตา

ทว่าเรื่องเช่นนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นในครอบครัวนาง ก่อนที่มู่ฉินเจินจะเป็นฮ่องเต้ อย่างแรกเขาเป็นผู้ชายของนาง เป็นพ่อของลูกนาง นางเชื่อในตัวเขา

เพียงแต่การปล่อยให้ข่าวลือมันแพร่สะพัดต่อไปก็หาใช่วิธีที่ดี อีกทั้งสองสามวันมานี้มู่ฉินเจินถูกคนแก่หัวคร่ำครึพวกนั้นรบเร้าจนรำคาญไม่ไหว นางเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารนัก

ด้วยเหตุนี้ นางจึงเขียนใบประกาศสองสามแผ่น ให้คนนำไปส่งให้จวนขุนนางแต่ละจวน บอกว่านางอยากจัดงานเลี้ยง ให้สมาชิกหญิงในครอบครัวแต่ละจวนมาเข้าร่วม

เมื่อใบเทียบเชิญถูกส่งออกไป พวกขุนนางแต่ละจวนพากันคาดเดา คิดว่าฮองเฮาคงรับข่าวลือไม่ไหวแล้ว จึงเตรียมจะให้ฮ่องเต้รับนางสนม

พวกคุณหนูแต่ละจวนต่างยินดีเหมือนกระดี่ได้น้ำก็มิปาน พากันซื้อเสื้อผ้าใหม่ เครื่องประดับใหม่อย่างไม่เสียดายเงิน พยายามทำให้ตัวเองเป็นคนที่โดดเด่นสง่างามที่สุดในงานเลี้ยง

เมื่อมีหน้าตาแล้ว ย่อมต้องจัดเตรียมความสามารถด้วย ทั้งการร่ายรำ ดีดฉิน อ่านบทกลอน แข่งวาดภาพ ภายในเวลาครึ่งเดือนก่อนงานเลี้ยง พวกคุณหนูเหล่านี้ล้วนฝึกซ้อมอย่างไม่คิดชีวิต

นี่เป็นช่วงเวลาที่พวกนางจะต้องควบคุมโชคชะตาของตัวเอง ขอแค่เข้าวังไปได้ พวกนางก็สามารถทำให้ฮ่องเต้โปรดปรานได้

หลายปีมานี้ฝ่าบาทปฏิบัติต่อฮองเฮาอย่างไร พวกนางล้วนเห็นกับตาได้ยินกับหู หากพวกนางสามารถร่วมเรียงเคียงหมอนกับฝ่าบาทได้ ต่อไปจะต้องได้รับความรักจากเขาเป็นแน่

ต้องยอมรับว่ารูกลวงในหัวของพวกคุณหนูเหล่านี้ใหญ่มาก จากงานเลี้ยงที่ยังไม่เริ่ม พวกนางก็คิดไปไกลถึงมีลูกแล้ว

ทางที่ดีให้กำเนิดองค์ชายมากๆ หน่อย แบบนี้วันหน้าจะได้แย่งตำแหน่งฮ่องเต้ได้ ไม่แน่ในอนาคตพวกนางอาจได้เป็นไทเฮาเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้าก็เป็นได้!

คุณหนูพวกนี้วุ่นกับชีวิตเหมือนโดนฉีดเลือดไก่ไม่ปาน ซึ่งสายสอดแนมของเฉียวเยี่ยนก็รายงานแก่นาง นางไม่เพียงไม่โกรธแล้วแต่ยังมีความสุขมากอีกด้วย สิ่งที่นางต้องการคือแบบนี้แหละ

ว่ากันว่ายิ่งมีความคาดหวังมาก ก็จะยิ่งผิดหวังมาก!

นางไม่พูดอะไร นางสนมพวกนี้ล้วนคิดเองเออเองกันทั้งสิ้น บัตรเทียบเชิญของนางมีใจความแค่เชิญพวกนางมาร่วมงานเลี้ยงเท่านั้น ถึงครานั้นขายหน้า ก็อย่ามาโทษนางแล้วกัน

เฉียวเยี่ยนคิดแผนจัดการอย่างเจ้าเล่ห์ พวกเด็กๆ ที่เติบโตแล้วก็มีความคิดเช่นเดียวกับมารดาของพวกนาง

บังอาจอยากจะได้พ่อของพวกเขา? เดี๋ยวจะทำให้พวกเจ้าได้รู้ว่าเหตุใดดอกไม้จึงแดงเช่นนี้*เอง!

(*花儿为什么这样红 เป็นชื่อเพลงเพลงหนึ่ง มีแรงบันดาลใจมาจากเพลงพื้นบ้านของชาวทาจิกในมณฑลซินเจียง มีท่วงทำนองค่อนข้างเศร้าโศกคร่ำครวญ ในความหมายของบริบทนี้จึงแปลได้ว่า ‘เดี๋ยวจะทำให้พวกเจ้าได้ร้องไห้คร่ำครวญกันระงมแน่’)

ด้วยเหตุนี้ ในเมืองหลวงจึงปรากฏเหตุการณ์แปลกประหลาด วันนี้บุตรสาวของใต้เท้าหลี่ออกจากบ้านล้มหมากินขี้ เย้ย ไม่ใช่ ล้มกินขี้หมาต่างหากเล่า

วันก่อนบุตรสาวของใต้เท้าจางเดินอยู่ในตลาดถูกรถม้าขนส่งถังอุจจาระชนเข้าระหว่างทาง ถูกน้ำมูลสาดกระเด็นใส่ทั้งร่าง

วันก่อนๆ บุตรสาวใต้เท้าหวังที่ไม่ได้ออกไปไหนก็มีข่าวลือว่าแอบลักกินบุรุษ เลี้ยงบุรุษแพร่สะพัดจนรู้ไปทั่วตรอกซอกซอย ตู้โตวที่ปักชื่อตัวนั้นของคุณหนูหวังยังถูกแขวนรับลมตรงหน้าประตูจวนอยู่เลย

……

มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมากกว่าสิบเรื่อง และคนพวกนี้ที่คิดจะส่งลูกสาวเข้าวังก็สิ้นหวังไปโดยสิ้นเชิง

เจ้ากล้าส่งลูกสาวที่เคยกินขี้เข้าวังหรือ? ไม่กลัวฝ่าบาทจะทรงรังเกียจหรือไร ถึงตอนนั้นหัวของครอบครัวเขาคงขาด!

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

วิธีจัดการเหล่านางจิ้งจอกสุดแสนจะแสบทั้งแม่ทั้งลูกเลย เห็นแล้วก็สงสารคุณหนูพวกนั้นแทน

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด