ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 45 เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ถูกผลักจนล้ม (รีไรท์)
ตอนที่ 45 เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ถูกผลักจนล้ม (รีไรท์)
ตอนที่ 45 เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ถูกผลักจนล้ม (รีไรท์)
เมื่อเงินสามหมื่นตำลึงเข้ามาในถุง ระบบก็ได้โอนคะแนนหนึ่งหมื่นห้าพันคะแนนเข้าบัญชีทันที เฉียวเยี่ยนจึงใช้คะแนนเหล่านี้ซื้อเมล็ดพันธุ์ผักและสารละลายธาตุอาหารจำนวนมาก และยังซื้อชุดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของผู้ชายถวายให้ฮ่องเต้ เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับรางวัลของเขา
……
ก่อนเข้านอน เฉียวเยี่ยนนำชุดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวให้กับมู่ฉินเจิน และขอให้เขาช่วยส่งต่อไปให้กับฮ่องเต้
หลังจากมองเฉียวเยี่ยนจากไป มู่ฉินเจินก็มองกล่องผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอย่างตกอยู่ในภวังค์
หญิงคนนี้ไม่เคยให้อะไรเขาเลย แต่ให้คนอื่นรึ!
ช่างเป็นท่อนไม้ไร้หัวใจเสียนี่กระไร!
ท่านอ๋องพลันบังเกิดความอิจฉาฮ่องเต้ชราอย่างไม่อาจข่มกลั้น และเก็บผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชุดนั้นไว้อย่างสบายใจ ถึงอย่างไรคนที่ให้เงินแก่หญิงทึ่มผู้นี้ก็คือเขาเอง
ถูกต้อง ท่านอ๋องผู้นี้อุกอาจถึงขั้นปลอมแปลงพระราชโองการ
รางวัลของเฉียวเยี่ยนอาจจะมาถึงต้นฤดูวสันต์หน้า และตามธรรมเนียมของราชสำนัก อย่างมากสุดก็ได้แค่ไม่กี่ร้อยตำลึงเท่านั้น
เพื่อไม่ให้หญิงทึ่มผู้นี้หน้านิ่วคิ้วขมวดอีก มู่ฉินเจินจึงปลอมแปลงพระราชโองการ เปลี่ยนวิธีให้เงินแก่เฉียวเยี่ยน
และเฉียวเยี่ยนในเวลานี้ก็ยังไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น เอาแต่สรรเสริญถึงความใจกว้างของฮ่องเต้ แค่เสนอมันเทศก็ได้เงินสามหมื่นตำลึง บวกกับที่ดินอีกหนึ่งพันหมู่
เช่นนั้นหากนางซื้อเมล็ดพันธุ์ในระบบมาเพิ่ม แบบนี้กิจการนางก็รุ่งเรืองเฟื่องฟูแล้วน่ะสิ!
การปลูกผักในเรือนกระจกได้เข้าสู่ลู่ทางที่ถูกต้อง เหล่าคนงานได้เรียนรู้ทักษะการจัดการดูแลได้อย่างชำนาญแล้ว เฉียวเยี่ยนจึงเดินทางไปกลับระหว่างหมู่บ้านลวี่หลัวน้อยลงไปมาก
หลังจากหิมะตกติดต่อกันหลายวัน วันนี้ท้องฟ้าก็ได้ปลอดโปร่งขึ้นมาแล้ว เฉียวเยี่ยนจึงตั้งใจจะเข้าวังไปวางแผนไถที่ทำสวนต่อไป ตอนนี้มีหิมะตกสะสมอยู่ มิอาจไถดินทำสวนได้ ทว่านางสามารถวางแผนก่อนได้ รอจนถึงเวลาเริ่มต้นทำงานจะได้ไม่วุ่นวาย
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น นางเข้าไปในวังพร้อมกับเด็ก ๆ ที่เข้าไปเรียนทั้งสองคน อันดับแรกคือไปที่ห้องบรรทมของฮองเฮาเพื่อทักทายเสียก่อน จากนั้นก็หานางข้าหลวงคนหนึ่งพานางไปเดินดูรอบ ๆ พระราชวัง
นางถือหนังสือเล่มเล็กไว้ในมือ พลางเดินไปด้วยจดสถานที่ที่สามารถไถดินทำสวนได้ไปด้วย เมื่อเดินข้ามสะพานเห็นสระบัวอันเหี่ยวเฉาถูกหิมะกลบทับ นางก็อดรู้สึกเสียใจไม่ได้
สระบัวขนาดใหญ่เช่นนี้ หากนางมาเร็วกว่านี้สักหน่อย ก็อาจจะขุดรากบัวออกมาได้บ้าง ในระหว่างที่ขุดรากบัวก็ทำความสะอาดสระบัวไปด้วย ปีต่อ ๆ ไปต้นบัวก็จะเติบโตได้ดียิ่งขึ้น
พระราชวังนั้นกว้างขวางอย่างมาก แต่ด้วยสมรรถภาพทางกายของเฉียวเยี่ยน แม้จะเดินจนขาเมื่อยก็ไม่เป็นอุปสรรคให้นางเดินเที่ยวได้ ยิ่งเที่ยวชมนางกลับยิ่งตื่นเต้น ผืนดินกว้างใหญ่ไพศาลเช่นนี้ มันมากพอให้นางปลูกธัญพืชได้หลายหมื่นชั่งเลยทีเดียว!
ในกั๋วจื่อเจี้ยน ลูกทั้งสองกำลังเข้าเรียน เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ตั้งใจฟังอาจารย์อธิบาย ในขณะที่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ใช้แขนน้อยค้ำศีรษะเอาไว้ จ้องค้างมองอาจารย์ชราที่กำลังพ่นน้ำลายแตกฟองอย่างหมดอาลัยตายอยาก
เหตุใดท่านปู่พวกนี้ชอบอธิบายแต่เรื่องที่ทำให้ชวนง่วงจริง ๆ น่าเบื่อยิ่งนัก…
อาจารย์ชราเคราสีดอกเลาเห็นเจ้าปลาอ้วนจ้องตัวเองด้วยท่าทางอ่อนปวกเปียก หัวใจของเขาก็ละลายกลายเป็นน้ำ เด็กน่ารักขนาดนี้ คงจะดีหากเป็นคนในครอบครัวตัวเอง
แน่นอนว่าคนหน้าตาดีมักจะได้รับความชื่นชอบในระดับหนึ่ง แต่เจ้าปลาอ้วนอาศัยใบหน้าอวบอ้วนจนกลายเป็นที่ชื่นชอบของทั้งชั้นเรียน ในขณะที่เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ใช้ความสามารถกระทั่งกลายเป็นตำนานผู้น่าเลื่อมใสของเหล่าหัวไชเท้าน้อย
พอเลิกเรียน ลูกทั้งสองก็สะพายกระเป๋าวิ่งไปตามหามารดาที่ตำหนักฮองเฮา โดยมีเฟิงหยางตามอยู่ด้านหลัง และกำชับพวกเขาให้วิ่งช้า ๆ เป็นครั้งคราว
เฉียวเยี่ยนเองก็เดินไปทางกั๋วจื่อเจี้ยน เพื่อไปรับลูกทั้งสองของนางอย่างตรงเวลา
ระหว่างทางมีหิมะทับถมกันหนามาก ให้ความรู้สึกอ่อนนุ่มอยู่ใต้ฝ่าเท้า ตอนแรกเฟิงหยางอุ้มเด็กทั้งสองไป ทว่าเด็กทั้งสองชอบหิมะเป็นพิเศษ และยืนกรานจะเดินไปเอง
พวกเขาสวมรองเท้ากันฝนลายการ์ตูน พอเดินอยู่บนพื้นหิมะก็ดูเหมือนนกเพนกวินน้อยน่ารักสองตัวที่เดินเตาะแตะไปมา และทิ้งรอยเท้าเล็ก ๆ น่ารักไว้บนทางที่เดินผ่าน ทำให้เฟิงหยางที่มีอายุแค่ยี่สิบต้น ๆ นิ่งอึ้ง และรู้สึกว่าเด็กทั้งสองช่างน่ารักมาก
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่สวมถุงมืออยู่ก้มตัวหอบหิมะขึ้นมาปั้นเป็นลูกกลม ๆ เล็ก ๆ ก่อนจะเขวี้ยงไปที่เฟิงหยาง เมื่อหิมะกระทบขาของเฟิงหยางก็แตกกระจายทันทีโดยไม่ทิ้งแรงอะไรนัก เขายิ้มอย่างคนโง่เขลาและเป็นเป้ามีชีวิต ปล่อยให้เจ้าปลาอ้วนเขวี้ยงหิมะใส่
“ท่านลุงเฟิงหยาง พวกเรามาเล่นเขวี้ยงหิมะกันเถิด…”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่คิดว่าตัวเองลอบโจมตีสำเร็จหัวเราะจนตาหยี เผยฟันน้ำนมสีขาวออกมา จากนั้นก็ก้มตัวลงไปปั้นก้อนหิมะขึ้นมาแล้วเขวี้ยงใส่เฟิงหยางอีกครั้ง
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์เห็นน้องสาวเล่นอย่างสนุกสนานก็รู้สึกหวั่นไหว อดไม่ได้ที่จะวางชั้นวางของน้อยที่ถืออยู่ลง และปั้นก้อนหิมะขึ้นมาเขวี้ยงไปที่เฟิงหยาง
เฟิงหยางเล่นเป็นเพื่อนเด็กน้อยทั้งสอง แต่เขาจะทนเขวี้ยงใส่พวกเขาจริง ๆ ได้อย่างไร ก้อนหิมะที่เขาขว้างล้วนตกอยู่ที่ข้างเท้าหรือข้างหลังเด็กทั้งสอง และไม่มีหิมะโดนตัวพวกเขาเลยสักนิด
เด็กทั้งสองวิ่งไปด้วยเล่นไปด้วยพลางหัวเราะคิกคักออกมา ใบหน้าเล็ก ๆ ของพวกเขาแดงเรื่อจากการเล่นสนุก
ณ อุทยานอวี้ฮวา สาวน้อยในชุดคลุมขนสัตว์สีแดงเพลิงกำลังเดินอยู่ท่ามกลางหิมะ พร้อมกับแม่นมและนางข้าหลวง
ครั้นได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กน้อยดังมาจากด้านหน้า สาวน้อยก็ขมวดคิ้วงาม เงยหน้ามองไปแต่ไกลก็เห็นเด็กน้อยที่ห่อหุ้มจนเป็นก้อนกลมกำลังเล่นกันอยู่
“พวกเขาเป็นใครรึ?”
สาวน้อยถามแม่นมที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
แม่นมตอบกลับเสียงเบา “เรียนองค์หญิง พวกเขาคือทายาทของท่านอ๋องซู่เพคะ”
ครั้นสาวน้อยฟังจบ นัยน์ตาสีน้ำตาลใสคู่นั้นก็พลันวาวโรจน์ เป็นพวกเขานี่เอง!
เป็นเพราะเด็กบ้านป่าสองคนนี้ เสด็จพ่อถึงได้ลืมนาง!
องค์หญิงเจียหนิงเห็นว่าตั้งแต่ที่อ๋องซู่พาเด็กทั้งสองกลับมาเมืองหลวง เสด็จพ่อก็เรียกนางเข้าพบแบบนับครั้งได้ บางครั้งไม่เห็นหน้าเสด็จพ่อทั้งเดือนเลยด้วยซ้ำ ไฟริษยาที่สุมอยู่ในใจจึงยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
นางก้าวเท้าเดินไปหาเด็กทั้งสองอย่างรวดเร็ว แม่นมก็รีบตามหลังนางไปพลางเกลี้ยกล่อม “องค์หญิงอย่าเพิ่งวู่วามเพคะ ตอนนี้พวกเขากำลังได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท อีกทั้งยังเป็นลูกของท่านอ๋องซู่ หากล่วงเกินไปคงไม่เป็นผลดีนัก”
ทว่าคำพูดเหล่านี้ยิ่งทำให้องค์หญิงเจียหนิงโกรธกริ้วมากขึ้น นางเดินไปขวางหน้าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อย่างไม่พอใจ
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ก้มตัวปั้นก้อนหิมะ พลันเห็นเท้าที่สวมรองเท้าปักลายดอกสีแดงเพิ่มมาอีกคู่หนึ่ง และยังไม่ทันให้นางได้ตอบสนอง ตัวเองก็ถูกผลักลงกับพื้น จนก้นน้อย ๆ กระแทกอยู่บนพื้นหิมะอันหนาวเย็น
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ตกตะลึง เงยหน้าขึ้นมององค์หญิงเจียหนิง และผุดลุกขึ้นจากพื้นด้วยความโกรธ “เจ้าเป็นใคร? เหตุใดถึงผลักข้า?”
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์และเฟิงหยางอยู่ห่างจากเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์พอสมควร แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน จนไม่ทันไปขวางองค์หญิงเจียหนิงไว้
องค์หญิงเจียหนิงจ้องมองเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อย่างเย่อหยิ่ง “ข้าผลักเจ้าแล้วมันจะทำไม? เด็กป่าเถื่อนอย่างเจ้าบังอาจนักที่มาท้าทายเปิ่นกงจู่ผู้นี้!”
อารมณ์ขี้หงุดหงิดของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ถูกจุดขึ้นทันที นางปัดหิมะบนฝ่ามือ และยื่นมือออกไปผลักองค์หญิงเจียหนิง
ปีนี้องค์หญิงเจียหนิงมีอายุสิบสามปี เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์จึงทำได้เพียงผลักตรงเอวนาง ทว่ากำลังของเจ้าปลาอ้วนก็มีมากจนทำให้องค์หญิงเจียหนิงล้มลงกับพื้นในฝ่ามือเดียว
เฟิงหยางรีบเข้ามาด้วยวิชาตัวเบา และตรวจดูเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อย่างกังวล “จวิ้นจู่น้อย เจ็บตรงไหนหรือไม่ขอรับ?”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ส่ายหน้า นางแต่งตัวหนา บวกกับหิมะนุ่ม จึงไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร แค่รู้สึกว่าเย็นก้นเท่านั้น
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ปัดหิมะออกจากกางเกงของน้องสาว พลางตีหน้าขรึม ดวงตากลมโตจ้องมององค์หญิงเจียหนิง “เจ้ารังแกน้องสาวของข้าทำไม?”
องค์หญิงเจียหนิงไม่ตอบ นางค้ำมือลุกขึ้นจากพื้น และพบว่าฝ่ามือถูกก้อนหินในกองหิมะบาดจนมีเลือดไหลออกมา
องค์หญิงเจียหนิงที่ไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาตั้งแต่เด็กร้องไห้ออกมาเสียงดัง พลางชี้หน้าด่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์
แม่นมรีบวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นบาดแผลที่มือขององค์หญิงเจียหนิง ใบหน้าเหี่ยวย่นก็เอ่ยอย่างเย็นชา “รู้ไหมว่าองค์หญิงของเราเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรทำให้องค์หญิงเจียหนิงบาดเจ็บ ระวังเถิดจะโดนฟ้าดินลงโทษ!”
ใบหน้างดงามของเสี่ยวฉวนเอ๋อร์เต็มไปด้วยความโกรธ น้ำเสียงเด็กเล็กเปี่ยมไปด้วยความน่าเกรงขาม “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร หากรังแกน้องสาวข้าก็ถือเป็นความผิดของเจ้า!”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ฉันจะฟ้องเฉียวเยี่ยน หวางเฟยเจ้าขา…มีคนปลอมแปลงพระราชโองการเจ้าค่าาา
อย่ามารังแกน้องปลาอ้วนนะ น้องสู้กลับแล้วจะร้อง
ไหหม่า(海馬)
Comments