ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 48 ท่านอ๋องรู้สึกถึงลางร้าย (รีไรท์)
ตอนที่ 48 ท่านอ๋องรู้สึกถึงลางร้าย (รีไรท์)
ตอนที่ 48 ท่านอ๋องรู้สึกถึงลางร้าย (รีไรท์)
มุมปากมู่ฉินเจินกระตุกอย่างเห็นได้ชัด ดวงตางามลึกล้ำคู่นั้นฉายแววไม่อยากจะเชื่อออกมาจนเฉียวเยี่ยนหัวเราะท้องคัดท้องแข็งกับท่าทางของเขา นี่มันน่ารักเกินไปแล้ว
มู่ฉินเจินรู้สึกอายเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มดุจผกาแย้มบานของนาง เขาก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า
ปล่อยนางหัวเราะไปเถิด เพียงแค่นางมีความสุขก็พอแล้ว
เฉียวเยี่ยนรู้สึกว่าการให้ท่านอ๋องมาห่อเกี๊ยวเป็นการใช้คนเก่งได้ไม่สมกับความสามารถ ดังนั้นนางจึงส่งไม้นวดแป้งให้เขา สอนให้เขารีดแป้ง ซึ่งเขาเรียนรู้ทักษะนี้ได้อย่างรวดเร็ว และรีดแป้งได้ทั้งบางทั้งกลม
เฉียวเยี่ยนนั่งลงห่อเกี๊ยวกับลูก ๆ มือน้อยของเด็กทั้งสองไม่ได้คล่องแคล่วมากนัก เกี๊ยวที่ถูกจีบออกมาจึงมีหน้าตาแปลก ๆ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ปล่อยให้ตัวเองเป็นอิสระไปเสียเลย ห่อเกี๊ยวราวกับกำลังเล่นก้อนดินโคลน จนไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด
หนึ่งครอบครัวสี่คนทำหน้าที่ของตัวเอง และบางครั้งก็มีเสียงหัวเราะอย่างร่าเริงของเด็กกับสตรีออกมาจากห้องเครื่อง
มู่ฉินเจินไม่ได้พูดมาก เขาตั้งใจรีดแป้งพร้อมฟังบทสนทนาน่ารักสนุกสนานระหว่างนางและเด็ก ๆ ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้ามาตลอด
ก่อนจะไปรับเฉียวเยี่ยนและเด็ก ๆ กลับมาเมืองหลวง เขาคิดมาตลอดว่าชีวิตของเขาน่าจะอยู่ที่สนามรบและอยู่ที่เขตชายแดน เขาอยากสนุกกับชีวิตที่ควบม้าไปไหนได้อย่างอิสระในเขตชายแดน อยากสนุกกับช่วงเวลานองเลือดในสนามรบและฝึกฝนการต่อสู้
ทว่าตอนนี้ เขารู้สึกว่าช่วงเวลาก่อนหน้านี้ของเขาดูผิดเพี้ยนไปหมด ไม่น่าแปลกใจที่นักรบชายแดนปรารถนาลูกเมียครอบครัวที่อบอุ่น และกลับกลายเป็นว่าเขาเองก็ปรารถนาที่จะมีเช่นกัน
น่าเสียดาย เขามีลูกมีภรรยาแล้วก็จริง แต่กลับห่างไกลจากคำว่าครอบครัวอันอบอุ่น และไม่รู้ว่าเมื่อใดหญิงทึ่มผู้นี้ถึงจะให้ความสนใจเขา!
เกี๊ยวที่ห่อเสร็จแล้วถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบอยู่ในถาด เมื่อยกออกไปแช่แข็งในที่โล่ง ไม่นานก็กลายเป็นเกี๊ยวแช่แข็ง รอทำอาหารจานอื่นเสร็จค่อยเอาไปต้มก็ใช้ได้แล้ว
อาหารส่งท้ายปีต้องไม่ขาดปลา เฉียวเยี่ยนเลือกปลาเฉาหนักสามชั่งจากในห้องเครื่องใหญ่มาหนึ่งตัว มีแค่ผู้ใหญ่สองคนและเด็กสองคนกินอาหาร หากใหญ่เกินไปก็กินไม่หมด
นางรีบควักอวัยวะภายในของปลาเฉาออกอย่างรวดเร็ว แล้วล้างเยื่อเมือกในช่องท้องออก กำจัดกลิ่นคาว จากนั้นบั้งปลาเป็นริ้ว แล้วหมักด้วยหอม ขิง และเหล้าขาวเพื่อกำจัดความคาว
ใส่ปลาที่หมักแล้วลงในน้ำมันร้อนแล้วทอดจนเหลืองกรอบ จากนั้นก็ยกออก เสร็จแล้วจึงเทขิง หอม กระเทียมผัดจนหอม แล้วเพิ่มพริกลงไปหนึ่งช้อน ผัดให้หอม สุดท้ายใส่น้ำลงไป และนำปลาใส่ลงไปในหม้อตุ๋นด้วยไฟอ่อน
รอจนปลาทอดกรอบซึมซับน้ำแกงเข้าไปจนกลายเป็นกรอบนุ่ม จะช่วยให้ทั้งอร่อยและกรอบมาก
หลังจากวุ่นวายทั้งช่วงบ่าย เฉียวเยี่ยนก็ทำอาหารไว้เต็มโต๊ะ โดยมีมู่ฉินเจินและเด็ก ๆ อยู่ในห้องเครื่องด้วยกันกับนางมาตลอด มู่ฉินเจินรับผิดชอบคุมไฟ และเด็กสองคนมีหน้าที่ทดสอบรสชาติ ทว่าเฉียวเยี่ยนให้พวกเขาลองชิมก็เท่านั้น ด้วยกังวลว่าอีกประเดี๋ยวพวกเขาจะกินข้าวไม่ลง
เมื่ออาหารทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ก็มีบ่าวและสาวใช้ช่วยยกเข้าไปในเรือนหลัก ในเรือนหลักเผาถ่านเอาไว้ให้ความอบอุ่นเป็นอย่างมาก
เฉียวเยี่ยนอารมณ์ดีมาก ทั้งยังต้มเหล้ามาไหหนึ่ง และดื่มเหล้ากับมู่ฉินเจิน
เหล้านี้เป็นเหล้าที่มาจากโรงหมักเหล้าอวิ๋นหลายของมู่ฉินเจิน เมื่อเทียบกับเหล้าในสมัยปัจจุบันยังนับว่าไม่แรงนัก แต่หากเทียบกับโรงหมักเหล้าอื่นในยุคนี้ก็ถือได้ว่าไม่เลวเลย
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เอียงศีรษะเข้ามาใกล้ไหเหล้าพร้อมสูดดม และรู้สึกว่ามันหอมมากจนน้ำลายสอ แต่มารดาไม่ให้นางดื่ม จึงทำได้เพียงมุ่ยปากและดื่มน้ำผลไม้ของตัวเองไป
เฉียวเยี่ยนมองท่าทางโกรธเคืองของเจ้าปลาอ้วน จึงได้ใช้ตะเกียบจุ่มเหล้าเล็กน้อยแล้วยื่นให้ “เอ้า บรรพบุรุษตัวน้อย อยากดื่มมิใช่รึ? ลองดูสิ”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เอาตะเกียบเข้าปากอย่างไม่ลังเล และรู้สึกเพียงรสขมและเผ็ด นางก็พลันทำหน้าบิดเบี้ยวไม่ชอบใจทันที
น้ำผลไม้ของนางยังอร่อยกว่าอีก!
ราตรีย่างกรายมาถึง ตามประเพณีต้องอยู่โต้รุ่งในคืนวันส่งท้ายปีเก่า บ่าวและสาวใช้ทั้งหลายในตำหนักต่างซื้อดอกไม้ไฟมาจุด ซึ่งเด็กน้อยทั้งสองคนก็ถือดอกไม้ไฟเล่นอยู่ในลานบ้าน
หลังจากเล่นมานาน เด็กทั้งสองก็เหนื่อยและหลับอยู่ในอ้อมแขนมู่ฉินเจินเหมือนหมูน้อยสองตัว มู่ฉินเจินตบหลังพวกเขาเบา ๆ และเอาเสื้อตัวใหญ่มาคลุมพวกเขาไว้
เฉียวเยี่ยนดื่มเหล้าจนรู้สึกมึนเมาเล็กน้อย ใบหน้าแดงระเรื่อ และเท้าคางมองมู่ฉินเจินกล่อมลูก
ใบหน้านางเปื้อนรอยยิ้มหวานเยิ้ม รู้สึกว่ามู่ฉินเจินในเวลานี้หล่อมาก จึงเอ่ยกับระบบตัวน้อยอย่างโง่งม “ระบบตัวน้อย เจ้ารู้สึกหรือเปล่าว่ามู่ฉินเจินดูเหมือนจะหล่อมากเลย”
ระบบตัวน้อยสวมชุดสีแดงสด นอนอยู่บนเตียงดูคืนแห่งเทศกาลปีใหม่ ครั้นได้ยินคำพูดของโฮสต์ก็กลอกตาใส่
ในที่สุดท่านก็พบมันเสียที!
มิฉะนั้นนางคงคิดจริง ๆ ว่าโฮสต์ตัวเองเป็นโรคกามตายด้าน มีสามีที่ทั้งหล่อเหลาทั้งอ่อนโยนมีน้ำใจอยู่ตรงหน้า อะดรีนาลีนจะไม่พลุ่งพล่านได้อย่างไร!
มู่ฉินเจินหันกลับมา เขาพบว่าเจ้าท่อนไม้ที่ใบหน้าแดงเรื่อกำลังมองเขาด้วยรอยยิ้มโง่เขลา ใจเขาก็พลันอ่อนยวบ
เขาเอ่ยเบา ๆ ว่า “เจ้าท่อนไม้ ข้าหล่อหรือไม่?”
เฉียวเยี่ยนพยักหน้าอย่างซื่อตรงว่าง่าย ในน้ำเสียงติดยานคางเล็กน้อย “หล่อออ”
มู่ฉินเจินหัวเราะออกมา และถามต่อไปว่า “หล่อแค่ไหน?”
เฉียวเยี่ยนที่มึนเมาจนหัวหมุน หน้านิ่วคิ้วขมวดครุ่นคิดอย่างจริงจัง
ระบบตัวน้อยสังเกตเห็นสถานการณ์ และคิดว่านี่เป็นโอกาสดีในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างโฮสต์กับมู่ฉินเจิน จึงเปิดเครื่องมือค้นหาทันที
[จะอธิบายบุคคลหนึ่งว่าดูดีได้อย่างไร? ]
[ตอบ: มัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนาง งามที่สุดในแผ่นดิน… ]
เฉียวเยี่ยนที่สมองเชื่องช้าพลันรู้สึกว่าในหัวปรากฏภาพตัวหนังสือออกมาเป็นแถว ๆ จึงเปิดปากอ่านมันออกมา
“ท่านดูดีเหมือนมัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนาง งามที่สุดในแผ่นดิน…”
มู่ฉินเจินฟังคำพูดของคนเมาก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทันใดนั้นเจ้าท่อนไม้ที่อยู่ตรงข้ามก็จริงจังขึ้นมา พลางใช้มือชี้มาที่เขาด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
มู่ฉินเจินมึนงง คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดไป แต่กลับได้ยินนางเอ่ยว่า “วันนี้ท่านดูเหล่ท่อจังเลยนะ!”
มู่ฉินเจินยิ่งมึนงงเข้าไปใหญ่ ก้มลงมองอาภรณ์ตัวเองว่ามีอะไรไม่เหมาะสมหรือไม่ ทว่าเฉียวเยี่ยนกลับหัวเราะขึ้นมา
“คิก ๆๆ เหล่ท่อหล่อเท่!”
ท่านอ๋องเคยได้ยินมุกฝืดของคนยุคสมัยปัจจุบันที่ไหนกัน ประโยคโง่ ๆ ของเฉียวเยี่ยนทำให้เกิดคลื่นในใจ ส่วนระบบตัวน้อยในทะเลแห่งจิตสำนึกอับอายเสียจนจิกเท้า
ชาวเน็ตในปีนี้ช่างไม่น่าเชื่อถือเลย ให้คำตอบอะไรมากันเนี่ย ทั้งฝืดทั้งล้าสมัย แต่ไม่คิดเลยว่าโฮสต์ของนางจะยังอ่านออกมา แถมยังใช้มันเต๊าะผู้ชายอีก!
โอ้แม่เจ้า ใครก็ได้ช่วยระบบที!
ระบบตัวน้อยรีบปิดหน้าจอ กลัวว่าเฉียวเยี่ยนจะอ่านมุกฝืดที่ทั้งฝืดทั้งน่าอายกว่าสองสามประโยคด้านล่างนั้นออกมา
ครั้นเฉียวเยี่ยนมองไม่เห็นตัวอักษรแล้ว ก็ตะโกนเรียกระบบตัวน้อยออกมา “ระบบ ระบบ เจ้าปิดหน้าจอทำไม? รีบเปิดมันออกมาเดี๋ยวนี้!”
มู่ฉินเจินขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ เพื่อยืนยันว่าไม่มีใครอื่น
ระบบคือผู้ใด?
ระบบตัวน้อยตกใจจนขนหัวลุก และแทบอยากพุ่งออกมาปิดปากโฮสต์เอาไว้
[ท่านโฮสต์รีบหุบปากเร็ว ระบบจะถูกเปิดเผยแล้ว!]
เมื่อเฉียวเยี่ยนได้ยินก็ปิดปากอย่างโง่เขลาทันที และมองไปรอบ ๆ เหมือนหัวขโมย สุดท้ายก็หัวเราะโง่ ๆ ออกมา “จริงสิ ลืมไปเลยว่าห้ามพูด ห้ามพูด”
ระบบตัวน้อยกุมหน้าผาก และตัดการเชื่อมต่อกับเฉียวเยี่ยน นางรู้สึกว่านางต้องพักฟื้นอย่างดีสักหน่อย เพื่อปลอบโยนหัวใจที่บาดเจ็บของนาง
ทำไมไม่เห็นมีใครบอกนางเลยว่าโฮสต์ในตอนเมาจะมีความฉลาดติดลบขนาดนี้!
เฉียวเยี่ยนที่มองไม่เห็นระบบตัวน้อยก็ใช้จิตสำนึกเรียกอีกฝ่าย เรียกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดก็เรียกจนตัวเองหลับไป
มู่ฉินเจินมองนางที่กำลังหลับใหลก็ตกสู่ห้วงแห่งความคิด
เมื่อครู่นางคุยกับคนที่ชื่อว่าระบบจริง ๆ และเขาก็มองไม่เห็นคนผู้นี้
ท่านอ๋องมีลางสังหรณ์ไม่ดีแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกว่าคนที่ชื่อระบบจะมาแย่งเฉียวเยี่ยนไปจากเขา!
ไม่ได้! เจ้าท่อนไม้เป็นของเขา! ใครก็มาแย่งไปไม่ได้!
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
รู้สึกเหมือนเห็นหมาหวงก้างหนึ่งอัตราค่ะ จะพาลมาตีกับระบบปลาเค็มตัวน้อยเสียแล้วท่านอ๋องโบ้
ไหหม่า(海馬)
Comments