ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 49 ชีวิตคนเรามันสั้น อดทนไว้เดี๋ยวมันก็ผ่านไป (รีไรท์)

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 49 ชีวิตคนเรามันสั้น อดทนไว้เดี๋ยวมันก็ผ่านไป (รีไรท์) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 49 ชีวิตคนเรามันสั้น อดทนไว้เดี๋ยวมันก็ผ่านไป (รีไรท์)

ตอนที่ 49 ชีวิตคนเรามันสั้น อดทนไว้เดี๋ยวมันก็ผ่านไป (รีไรท์)

มู่ฉินเจินอุ้มเด็กทั้งสองกลับเข้าห้อง แล้วกลับมาอุ้มเฉียวเยี่ยนอีกครั้ง

เฉียวเยี่ยนในขณะที่หลับดูน่ารักมาก เหมือนเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่ซบอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างเชื่อฟัง ทำให้มู่ฉินเจินที่มองดูอยู่รู้สึกอ่อนระทวย

เมื่ออุ้มนางกลับเข้าห้องแล้ว มู่ฉินเจินก็ออกไปยกน้ำร้อนในห้องเครื่องมาเช็ดหน้าเช็ดเท้าให้สามแม่ลูกด้วยตัวเอง

อันดับแรกเช็ดหน้าให้กับเด็กทั้งสองก่อน จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้ารองเท้า แล้วจับเท้าน้อยขาวเนียนขึ้นมาเช็ด

หลังจากเช็ดก็คลุมผ้าห่มให้เสร็จสรรพ ในขณะที่เด็กน้อยทั้งสองก็ยังคงหลับสนิท

หลังจากปรนนิบัติเด็กตัวน้อยเสร็จก็มาถึงเด็กตัวใหญ่อย่างเฉียวเยี่ยน ท่านอ๋องปลดกระดุมถักบนเสื้อนวมสองชั้นของเฉียวเยี่ยนออกอย่างระมัดระวัง เผยให้เห็นเสื้อด้านในและช่วงอกอ่อนนุ่มสีขาวดุจหิมะ ใบหน้าเขาพลันร้อนขึ้นทันใด

เฉียวเยี่ยนที่มึนเมาไม่สงวนตัวเลยแม้แต่น้อย ขยับร่างขยุกขยิกไปมา ตรงส่วนอ่อนนุ่มสูงนูนนั้นสัมผัสเข้ากับหลังมือของมู่ฉินเจิน จนเขาต้องหดมือกลับทันทีประหนึ่งถูกของร้อนลวก

ครั้นนึกถึงว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากัน ทั้งยังมีลูกด้วยกันแล้วก็บังเกิดความกล้า ลงมือถอดเสื้อผ้าให้เฉียวเยี่ยนอีกครั้ง

และในตอนที่มู่ฉินเจินมีเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก เขาก็ถอดเสื้อผ้าของเฉียวเยี่ยนออกได้สำเร็จในที่สุด

เฉียวเยี่ยนที่ได้ถอดเสื้อนวมสองชั้นออกก็รู้สึกสบาย นางเผยรอยยิ้มบนใบหน้าและนอนหลับต่อไป

ท่านอ๋องปาดเหงื่อบนใบหน้าออกและยิ้มอย่างจนใจ พลางสัมผัสใบหน้าของเฉียวเยี่ยน ล้างผ้าเช็ดหน้า และเช็ดใบหน้านางอย่างระมัดระวัง

หลังจากปรนนิบัติสามแม่ลูกเสร็จ มู่ฉินเจินก็นั่งอยู่ริมเตียง พินิจมองใบหน้าที่หลับใหลของพวกเขาอย่างมิอาจละจากไปได้ จวบจนผ่านไปครึ่งค่อนคืน ถึงได้ปิดประตูและเดินไปยังห้องหนังสือ

เกาจัวหยวนที่หลับไปแล้วถูกท่านอ๋องเรียกจนตื่นขึ้นมา เขาคิดว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น จึงวิ่งไปยังห้องหนังสือด้วยความตกใจโดยที่ยังสวมเสื้อผ้าไม่เสร็จ

ผลก็คือท่านอ๋องให้เขาไปสืบคนที่มีชื่อว่าระบบมา!

ถงจื่อ(统子-ระบบ)? ถงจื่อ(桶子-ถัง)? ถงจื่อ(筒子-กระบอก)?

แล้วจะให้เขาไปสืบที่ไหนกัน? นอกจากชื่อแล้ว ลักษณะอื่น ๆ ท่านอ๋องก็ไม่รู้เลย นี่มันไม่ใช่การงมเข็มในมหาสมุทรหรอกรึ!

ด้วยเหตุนี้ในคืนวันที่สามสิบ บุรุษทั้งสองต่างก็นอนไม่หลับเพราะคนที่ชื่อระบบ

ทว่าสิ่งที่ต่างกันก็คือคนหนึ่งกำลังกินน้ำส้ม(หึงหวง) ส่วนอีกคนกำลังกลุ้มใจ

วันรุ่งขึ้น เฉียวเยี่ยนนอนตื่นสาย พอตื่นขึ้นมาก็รู้สึกแค่เพียงปวดหัวจนจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ

นางนอนอยู่บนเตียง ครั้นนึกถึงเรื่องเมื่อวานและหวนนึกถึงคำพูดที่นางคุยกับมู่ฉินเจิน ก็รู้สึกอับอายจนจิกนิ้วเท้าทันใด

ที่บอกว่าคนเราดื่มแล้วภาพตัดคงเป็นเรื่องโกหกเสียแล้ว ตอนนี้นางยังจำได้แม่นว่าเมื่อคืนนี้ทำอะไรลงไปบ้าง!

นางซุกหัวเข้าไปใต้หมอน และเรียกระบบตัวน้อยอย่างบ้าคลั่ง “ระบบ ทำอย่างไรดี ดูเหมือนข้าจะไม่มีหน้าไปพบผู้คนแล้ว”

ระบบตัวน้อยโผล่ออกมาจากผ้าห่ม หัวฟูเหมือนรังนก พลางหาวออกมา

[ท่านโฮสต์ ไม่เป็นไร ชีวิตคนเรามันสั้น อดทนไว้เดี๋ยวมันก็ผ่านไป]

เฉียวเยี่ยน “…”

“พูดให้จริงจังหน่อยสิ อย่ามาพูดจาเรื่อยเปื่อยกับข้า!”

ระบบตัวน้อยเอามือเท้าเอว มุ่ยปากอย่างโกรธเคือง ได้เวลาคิดบัญชีย้อนหลังแล้ว

[ท่านยังมีหน้ามาพูดอีกนะ เมื่อคืนวานระบบถูกท่านขายไปแล้ว! ให้วัวสิบตัวมาฉุดท่านไว้ก็ฉุดไม่อยู่!]

เฉียวเยี่ยนพยายามหวนนึก และจำได้ว่านางคล้ายจะตะโกนเรียกระบบต่อหน้ามู่ฉินเจินไปด้วย ชั่วพริบตาก็รู้สึกว่าทั้งใจกำลังสลายเป็นเถ้าถ่าน

ช่างเถิด ชีวิตคนเรามันสั้น อดทนไว้เดี๋ยวมันก็ผ่านไป

ต้องโทษที่นางดีใจจนลืมตัว ลืมว่าร่างกายตัวเองเปลี่ยนไปแล้ว ชาติก่อนนางเคยดื่มเอ้อร์กัวโถว[1]ดีกรีสูงแล้วก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ตอนนี้ดื่มสุราแค่สองแก้วก็ออกฤทธิ์เหมือนดื่มเหล้าเถื่อน!

เมื่อลูกทั้งสองตื่นขึ้นมาก็เห็นก้นที่กระดกขึ้นของมารดา ขณะที่ศีรษะซุกเข้าไปใต้หมอน ดูแล้วช่างน่าขบขันนัก

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เลียนแบบมารดาในทันที คุกเข่าลงบนเตียง ซุกศีรษะเข้าไปใต้หมอนของตัวเอง

“ท่านแม่…กำลังทำอะไรอยู่รึ?”

เฉียวเยี่ยนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง “แม่ขายหน้าไปหมดสิ้นแล้ว ไม่มีหน้าไปเจอผู้คนอีกแล้ว”

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์มองมารดาและน้องสาวที่ทำตัวเหมือนผู้กระทำความผิดก็ปากกระตุกอย่างช่วยไม่ได้ จึงปีนลงจากเตียง สวมเสื้อผ้าแล้วไปล้างหน้าล้างตา

เฉียวเยี่ยนแสร้งทำเป็นนกกระจอกเทศอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะยืดตัวขึ้น ดึง ‘นกกระจอกเทศตัวน้อย’ ข้างกายออกมา และเผชิญหน้ากับชีวิตอย่างกล้าหาญ

ไม่เป็นไร ใครจะเชื่อในคำพูดคนเมา หากมู่ฉินเจินถามขึ้นมา นางก็แค่ตอบบิดพลิ้วไปก็พอแล้ว!

ขอแค่นางไม่อาย คนที่จะอายก็ต้องเป็นคนอื่น!

หลังจากเก็บกวาดเรียบร้อยก็ออกมาจากห้อง มู่ฉินเจินออกกำลังกายยามเช้าอยู่ในลาน ครั้นเห็นเฉียวเยี่ยน เขาก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนเหมือนอย่างเคย ทำให้ใจของเฉียวเยี่ยนสงบลง

……

ปีใหม่ผ่านไปแล้ว เฉียวเยี่ยนยุ่งอยู่กับเรื่องหอฮวาอวิ้นและเรือนกระจก หลังจากมอบผักให้แต่ละจวนในวันปีใหม่ ก็ได้รับการตอบรับมามากมายหลายจวน พวกเขาต้องการซื้อผักกับนาง เฉียวเยี่ยนจึงใช้โอกาสนี้ป่าวประกาศ รอให้หอฮวาอวิ้นเปิดตัวเมื่อใดก็ไปซื้อที่ร้านได้เลย

พริกในเรือนกระจกบางส่วนสุกแล้ว ยามมองจากระยะไกลเห็นสีแดงเขียวเป็นวงกว้าง คนงานในเรือนกระจกเห็นว่าพริกดูดี และคิดว่ามันเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวาน จึงเก็บมาลองชิม ทว่าผลก็คือเผ็ดจนอ้าปากน้ำลายไหล นับแต่บัดนั้นจึงไม่มีผู้ใดกล้าเก็บมากินอีกเลย

เฉียวเยี่ยนได้ยินก็หวนนึกไปถึงตอนอยู่บ้านไร่ คังฮวาก็เคยแอบขโมยกินเช่นกัน นางจึงอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

นางสั่งให้คนงานเก็บพริกที่แดงแล้ว ส่วนหนึ่งใช้มันไปทำน้ำพริก และพริกดอง อีกส่วนหนึ่งเอาไปตากแดดให้กลายเป็นพริกแห้ง ถึงเวลาก็นำมาใช้เป็นวัตถุดิบหม้อไฟ

การตกแต่งของหอฮวาอวิ้นกำลังดำเนินไปอย่างเต็มที่ เฉียวเยี่ยนเองก็ทุ่มเทให้กับการออกแบบกลยุทธ์ทางการตลาดและคิดค้นสูตรอาหาร

การตกแต่งก่อนหน้านี้ของหอฮวาอวิ้นนั้นงดงามหรูหรา ให้ความรู้สึกเหมือนเคยสัมผัสมาก่อน ซึ่งเฉียวเยี่ยนได้ปรับตามต้นฉบับที่มีอยู่ เพื่อให้ดูเย็นสบายและสูงส่งงดงามมากขึ้น

ในห้องโถงจะแบ่งเป็นช่องอยู่หนึ่งช่อง ปรับซ่อมให้กลายเป็นช่องหน้าต่างขายผัก ด้านในตั้งชั้นวางของไว้ ซึ่งเอาไว้ใช้เก็บผักได้

การทำตำราอาหารดูดความคิดของนางไปไม่น้อย นางจึงหาปรมาจารย์ด้านศิลปะมาสองสามคน เพื่อมาวาดภาพอาหารที่นางเตรียมไว้แล้ว และติดไว้ข้างตู้สั่งอาหารในห้องโถง นอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้แล้ว ในตำราอาหารทุกหน้าจะมีรูปภาพอยู่ด้วย แม้จะไม่มีภาพถ่ายอาหารชัดเจนสมจริงอย่างสมัยปัจจุบัน แต่ในยุคนี้ก็ถือว่าเป็นการบุกเบิกแล้ว

เพื่อทำการประชาสัมพันธ์ดี ๆ เฉียวเยี่ยนยังสั่งให้คนเขียนแผ่นพับจำนวนมาก และให้ข้ารับใช้ไปแจกจ่ายพร้อมอธิบายที่เมืองหลวง ยั่วให้เกิดความสนใจ และตอนนี้คนส่วนใหญ่ในเมืองหลวงต่างรู้กันทั่วแล้วว่าหอฮวาอวิ้นจะเปิดกิจการใหม่ อีกทั้งยังขายอาหารที่ไม่มีในฤดูกาลนี้ด้วย

ผู้คนต่างรอให้หอฮวาอวิ้นเปิดกิจการ โดยเฉพาะเหล่าฮูหยินของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่เคยลิ้มรสผักที่เฉียวเยี่ยนส่งมา ผักเหล่านั้นอ่อนนุ่ม อวบน้ำ ไม่มีส่วนที่ไม่ดีเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังอร่อยชุ่มคอ

ผักหนึ่งตะกร้า พวกเขากินสองวันก็หมดแล้ว เดิมทีอยากจะไปทักทายขอซื้อกับซู่หวางเฟยด้วยตนเอง แต่ใครเล่าจะรู้ว่านางไม่ขาย เพียงเอ่ยว่าให้รอหอฮวาอวิ้นเปิดกิจการเท่านั้น

หลังจากกินผักสดเป็นเวลาสองวัน ตอนนี้กลับมากินผักกาดขาวและมันฝรั่งที่ไร้รสชาติอีกครั้งก็รู้สึกเป็นทุกข์ยิ่งนัก

หอฮวาอวิ้นใกล้จะเปิดกิจการแล้ว ทว่าเฉียวเยี่ยนกลับพบลู่ทางกิจการใหม่ นั่นก็คือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ถวายให้ฮองเฮาตอนนั้นได้ยั่วยุให้เหล่านางสนมอื่นอิจฉา ตอนนี้ผิวพรรณของฮองเฮานับวันยิ่งดีขึ้น และแต่งหน้าได้งามเป็นพิเศษ จนพวกนางต่างนั่งไม่ติดที่ และมาขอร้องต่อหน้าฮองเฮา

ช่วงนี้ฮองเฮามีความสุขจนยิ้มไม่หุบ และได้เรียกเฉียวเยี่ยนเข้าวัง เพื่อให้นางคุยกับนางบำเรอเหล่านั้นด้วยตนเอง

ความน่าดึงดูดใจของชุดเครื่องสำอางก็อยู่ในการคาดเดาของเฉียวเยี่ยน เพียงแต่ไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเร็วปานนี้

เหล่านางสนมต่างขอร้องให้นางทำออกมาให้พวกเขาอีกชุดหนึ่ง เฉียวเยี่ยนคิดอย่างจริงจัง คิดว่านี่เป็นลู่ทางกิจการที่ยิ่งใหญ่มาก

นางสามารถเปิดร้านเครื่องสำอางได้ และขายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ซื้อมาจากระบบ

โลชั่นและลิปสติกราคาถูกสามารถขายส่งในปริมาณมากได้ ส่วนสินค้าชื่อดังราคาแพงก็ขายจำนวนจำกัด หนึ่งเดือนมีเพียงไม่กี่ชุด ยิ่งลึกลับยิ่งดีกว่า!

นางซื้อในระบบมาแพง จึงต้องขายในราคาที่แพงกว่า พุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้าจากครอบครัวร่ำรวย คนรวยที่มีเงินมากมักชอบโอ้อวดมิใช่หรือ?

ขอแค่เครื่องสำอางมีชื่อเสียงไปทั่ว และเป็นที่นิยมจับต้องได้ ยอดขายย่อมไม่แย่แน่นอน!

[1] เอ้อร์กัวโถว คือ สุราชนิดหนึ่ง คล้ายเหล้าขาวของไทย

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

จะไปหาคนชื่อระบบที่ไหนล่ะท่านอ๋อง ท่านโบ้ต่อไปน่าจะง่ายกว่าหาคนที่ชื่อระบบอีกนะ

ไปให้สุดเลยค่ะหวางเฟย ขายผัก เปิดร้านอาหารแล้ว ขายผลิตภัณฑ์ความงามไปด้วย ต่อให้ราคาสูงขนาดไหนก็มีคนซื้อ เพราะเรื่องความสวยยอมกันไม่ได้

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *