ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 52 กลิ้งไปนอนในอ้อมแขนบุรุษ (รีไรท์)

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 52 กลิ้งไปนอนในอ้อมแขนบุรุษ (รีไรท์) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 52 กลิ้งไปนอนในอ้อมแขนบุรุษ (รีไรท์)

ตอนที่ 52 กลิ้งไปนอนในอ้อมแขนบุรุษ (รีไรท์)

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์หลับตา แต่ใบหน้ากลับเปื้อนด้วยรอยยิ้ม นางทำปากขมุบขมิบยามรู้สึกถึงรสหวานที่เป็นรสชาติของผลไม้

เมื่อกลืนน้ำเชื่อมในปากลงไป เด็กน้อยก็แทบอ้าปากรอไม่ไหว รอให้ป้อนอีกครั้ง

เฉียวเยี่ยนจับปากเด็กน้อยให้หุบลง และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ให้กินแล้ว กินยามากไม่ได้”

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์มุ่ยปากอย่างเสียใจ เห็นได้ชัดว่ายังดื่มไม่พอ และส่งเสียงฮึดฮัดออกมาเหมือนแมวน้อย

มู่ฉินเจินที่คลั่งไคล้ลูกอุ้มเด็กน้อยขึ้นกล่อมอย่างอดทน น้ำเสียงอ่อนโยนจนเฉียวเยี่ยนอดจิ๊ปากไม่ได้

ใครจะคิดล่ะว่าท่านอ๋องที่ภายนอกดูน่าเกรงขามสูงส่งดุจบุปผาบนผาสูง จะเป็นบิดาที่อ่อนโยนใจดีเมื่ออยู่ในบ้าน

เจ้าปลาอ้วนที่ไม่สบายก่อความวุ่นวายไม่หยุด เสี่ยวฉวนเอ๋อร์เองก็ไม่นอน คลานไปกล่อมน้องสาวบนเตียง แม้แต่เจ้าหมาน้อยที่เป็นเหมือนเด็กน้อยก็ถูกเฉียวเยี่ยนอุ้มเข้ามาร่วมกล่อมเด็กน้อยด้วย

ยาลดไข้ออกฤทธิ์ได้ชะงัดนัก ผ่านไปได้ไม่นาน อุณหภูมิของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ก็ลดลงจนนางไม่รู้สึกอึดอัดอีกแล้ว ก่อนจะนอนหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมแขนของมู่ฉินเจิน

เฉียวเยี่ยนห่มผ้าให้ปีศาจน้อยที่ก่อเรื่องจนเหงื่อเต็มหน้าผากไปหมด พลางแหย่ใบหน้าเล็ก ๆ ของเด็กน้อยอย่างจนใจ และด่าว่าเด็กดื้อเสียงเบา

ผ่านยามโฉ่วไปครึ่งหนึ่งแล้ว พรุ่งนี้มู่ฉินเจินยังต้องไปว่าราชกิจ เฉียวเยี่ยนจึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านวางลูกไว้บนเตียงแล้วกลับไปพักเถิด พรุ่งนี้ท่านยังต้องไปว่าราชการอีก”

มู่ฉินเจินเงียบไปครู่หนึ่ง เขาไม่อยากจากไป แต่ท้ายที่สุดก็พูดไม่ออกว่าอยากจะอยู่ที่นี่ด้วย เพราะกลัวว่าเฉียวเยี่ยนจะโกรธเคือง

เขาลุกขึ้น วางเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไว้บนเตียงอย่างระมัดระวัง แต่เด็กน้อยดึงเสื้อเขาไว้แน่น ทันทีที่เขาขยับ นางก็ลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ

“ท่านพ่อ อย่าไป”

ริมฝีปากมู่ฉินเจินยกขึ้นเล็กน้อย มองไปทางเฉียวเยี่ยนด้วยสายตาบริสุทธิ์

เห็นไหม ใช่ว่าข้าไม่อยากไป แต่เป็นเพราะลูกไม่ให้ข้าไป!

เฉียวเยี่ยนหมดปัญญากับเจ้าปลาอ้วน และกังวลว่าจะทำให้เด็กน้อยตื่น จึงให้มู่ฉินเจินนอนกอดเด็กน้อยหลับไปด้วยกัน

ใช่ว่าจะไม่เคยนอนด้วยกัน อีกอย่างก็ยังมีเด็กทั้งสองอยู่ด้วย

มู่ฉินเจินนอนกอดเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์อยู่ริมเตียงด้านนอก และเฉียวเยี่ยนนอนข้างเสี่ยวฉวนเอ๋อร์อยู่ริมในสุด และแล้วทั้งสี่คนก็หลับสนิทหลังจากวุ่นมาทั้งคืน

กลางดึก เกาจัวหยวนเชิญหมอหลวงมาแล้ว หมอหลวงตรวจชีพจรให้เสี่ยวอวี่เอ๋อร์และพบว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แค่ไม่สบายธรรมดาเท่านั้น ดื่มยาไปเล็กน้อยก็ดีขึ้นแล้ว

……

เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดด้านนอกสาดส่องแรงกล้า แต่ครอบครัวสี่คนในห้องยังคงนอนหลับอยู่

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่นอนดิ้นไม่รู้ว่ากลิ้งออกมาจากแขนของมู่ฉินเจินไปอยู่ตรงเตียงริมในสุดเมื่อใด กำลังนอนหลับติดอยู่กับกำแพง และขาข้างหลังพาดอยู่บนผนังราวกับฝึกกังฟูอย่างไรอย่างนั้น

เฉียวเยี่ยนหลับอยู่ในอ้อมแขนมู่ฉินเจิน ศีรษะหนุนแขนเขาต่างหมอนและนอนหลับอย่างสงบ

มู่ฉินเจินตื่นนานแล้ว พบว่าเจ้าท่อนไม้กำลังนอนหลับอยู่ในอ้อมแขนเขา ชายหนุ่มไม่กล้าขยับ และทนขยับไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่ไปว่าราชการเสียเลย เอาแต่มองเฉียวเยี่ยนที่กำลังหลับใหลทั้งเช้า

เมื่อระบบตัวน้อยตื่นขึ้นมาเห็นว่าโฮสต์ตัวเองกับพี่มู่คนหล่อนอนด้วยกัน ก็ตกใจจนอ้าปากค้าง และคิดว่าตัวเองพลาดช่วงเวลาสำคัญอะไรไป

ทว่าเมื่อเห็นมู่ฉินเจินยิ้มอ่อนไม่หุบตลอดทั้งเช้า ระบบตัวน้อยก็ส่ายศีรษะอย่างจนใจ บุรุษหล่อเหลาคนหนึ่งกลายเป็นคนกลัวเมียไปได้อย่างไรกัน!

เมื่อวานนี้เฉียวเยี่ยนผัดฮั่วกัวตี่เลี่ยวทั้งบ่าย ตกเย็นก็ต่อสู้กับเจ้าปลาอ้วนครึ่งค่อนคืนจึงค่อนข้างหลับลึกมาก และรู้สึกว่าด้านหลังอบอุ่น จึงหลับสบายกว่าเดิมมาก

นางเปิดตาอย่างสะลึมสะลือ ยื่นมือออกมาจากผ้าห่มและบิดขี้เกียจ ทว่ามือกลับอยู่ใกล้หน้ามู่ฉินเจิน จึงใช้มือบีบ ๆ โดยอัตโนมัติ

เฉียวเยี่ยนมึนงง รู้สึกว่าสัมผัสในมือนั้นแปลกไปเล็กน้อยก็พลันตื่นขึ้นทันใด เมื่อหันกลับไปมองถึงได้พบว่านางนอนอยู่ในอ้อมแขนบุรุษ แถมยังใช้แขนเขาเป็นหมอนด้วย

นางถอนมือกลับมาราวกับต้องของร้อน สีหน้าอับอายอย่างขีดสุด และโบกมือทักทายมู่ฉินเจินอย่างเก้อเขิน “เฮ้ อรุณสวัสดิ์”

มู่ฉินเจินยกมุมปากยิ้มแผ่วเบา น้ำเสียงทุ้มต่ำและแหบแห้ง “อรุณสวัสดิ์”

เฉียวเยี่ยนยิ่งอายมากขึ้น นางดึงผ้าห่มมาคลุมหน้าตัวเอง อยากจะสงบใจลงก่อน

มู่ฉินเจินรู้สึกว่าเจ้าท่อนไม้ที่หน้าแดงเรื่อดูน่ารักเป็นพิเศษ จึงยกมือขึ้นดึงผ้าห่มที่คลุมหน้านางลง และเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความขี้เล่น “ไม่อึดอัดรึ?”

เฉียวเยี่ยนส่ายหัวรัว ๆ ประหนึ่งกลองป๋องแป๋ง “ไม่อึดอัด!”

ครั้นรู้สึกถึงความแปลกบนลำคอระหง นางถึงนึกขึ้นได้ว่ายังหนุนแขนเขาอยู่ จึงเด้งตัวลุกขึ้นทันที และยิ้มแหยออกมา “ขอโทษนะ ทับแขนของท่านแล้ว”

มู่ฉินเจินไม่พูดอะไร และยิ้มอย่างไม่เข้าใจ ทว่าแขนยังคงยื่นออกไปเช่นเดิม ไม่ได้หดกลับ

เฉียวเยี่ยนงงงวย กะพริบตาโตปริบ ๆ

พี่ชาย นี่พี่จะทำอะไร?

มู่ฉินเจินขมวดคิ้วราวกับรู้สึกยากลำบาก และเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “มือเป็นเหน็บแล้ว”

เฉียวเยี่ยนยิ่งรู้สึกอายมากขึ้น หลังจากสำลักความอายแล้ว นางก็ยิ้มให้มู่ฉินเจินอย่างเอาอกเอาใจ “ข้าผิดเอง เดี๋ยวข้าจะนวดให้ท่านนะ”

นางคุกเข่าอยู่บนเตียง นวดแขนให้ท่านอ๋องอย่างตั้งใจ ทว่าแอบพึมพำด่าในใจ ไยนางถึงได้เป็นเช่นนี้นะ กลิ้งไปนอนในอ้อมแขนผู้ชายเสียได้ นางอดอยากปากแห้งถึงขนาดนี้เชียวหรือ?

รอยยิ้มในแววตาของมู่ฉินเจินไม่เลือนหายไปเลยตลอดทั้งเช้า เขายกยิ้มมุมปาก มองใบหน้ายู่จนกลายเป็นจีบซาลาเปาของเฉียวเยี่ยนก็รู้สึกว่าน่ารักเป็นพิเศษ

แม้จะเพลิดเพลินกับการบริการของนาง แต่อย่างไรก็ทนให้นางเหนื่อยไม่ได้ จึงลุกขึ้นเอ่ยด้วยเสียงอ่อน “พอได้แล้ว ไม่ชาแล้ว”

เฉียวเยี่ยนดึงมือกลับ หลบเลี่ยงสายตาอ่อนโยนของเขา รีบคลานไปยังหัวเตียงอีกด้าน จัดแจงท่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่นอนฝึกกายกรรมติดกำแพงให้กลับไปนอนห่มผ้าดี ๆ พลางแตะใบหน้ารูปไข่ของนางและพบว่าไม่ร้อนแล้ว

มู่ฉินเจินมองแผ่นหลังนางที่คลานเข้าไป ความร้อนแรงฉายวาบอยู่ในแววตา แรงกระตุ้นดั้งเดิมที่สุดในตอนเช้ายิ่งรุนแรงมากขึ้น…

เขาออกไปจากห้อง อากาศเย็นด้านนอกทำให้ความร้อนแรงภายในร่างเขาสงบลงไม่น้อย ทว่าในหัวยังคงนึกถึงแผ่นหลังขณะคลานเมื่อครู่ของเฉียวเยี่ยน

สะโพกมนกลมกลึง เอวบางเรียวคอด เท้าขาวเรียบเนียน…

เพ้ย! ไอ้คนมักมาก!

มู่ฉินเจินเหยียดหยามความคิดสกปรกของตัวเอง หลังจากตากลมเย็นพอแล้วก็รอให้ใจตัวเองสงบนิ่งดั่งสายน้ำ ก่อนจะกลับห้องไปล้างหน้าผลัดเสื้อผ้า

เฉียวเยี่ยนยังคงซุกตัวอยู่บนเตียง ครั้นนึกถึงสายตาอ่อนโยนและร้อนแรงของเขาแล้วก็หน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง

ระบบตัวน้อยผู้มีทักษะแทะเมล็ดแตงระดับแนวหน้ารู้สึกพูดไม่ออก ถ้าประเมินจากท่าทางอบอุ่นของโฮสต์กับพี่มู่คนหล่อ ประมาณปีสองปีก็อาจจะมีความสัมพันธ์ในเชิงบวกมากขึ้น

ไยนางถึงได้ร้อนใจเช่นนี้!

เรื่องชกต่อยต่อสู้ล้วนจัดการได้อย่างเด็ดขาด แต่พอเป็นเรื่องความรักกลับอ่อนหัดกว่าพระถังซัมจั๋งอีก!

ระบบรู้สึกลำบากใจนัก การชิปคู่รักไยมันถึงได้ยากเย็นเพียงนี้!

เพราะเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ป่วย เฉียวเยี่ยนจึงส่งเฟิงหยางไปขอลาหยุดกับอาจารย์ในวัง เด็กทั้งสองจึงไม่ไปเข้าเรียน

ฮ่องเต้เฒ่าที่ตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาว่าราชการในตอนเช้าตรู่พบว่าพระโอรสตัวเองโดดงานก็กริ้วขึ้นมาทันใด เขาเองก็อยากนอนตื่นสายเหมือนกันนะ!

เจ้าเด็กนั่นก็ไม่มารับตอนที่เขาเลิกว่าราชการ ยิ่งคิดยิ่งน่าโมโหจริง ๆ

มู่ฉินเจินไม่ไปว่าราชการอย่างไม่มีเหตุผล จึงถูกขุนนางเฒ่าเหล่านั้นจับจุดอ่อน ร้องเรียนเขาต่อฮ่องเต้ โดยเฉพาะองค์ชายใหญ่ที่ตื่นตัวมากที่สุด

ฮ่องเต้เฒ่าทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ หามุมที่คนอื่นมองไม่เห็นกลอกพระเนตรใส่เหล่าขุนนางสองสามคนที่เอะอะเสียงดัง…เจ้าเด็กนั่นไม่ฟังแม้แต่ข้า พวกเจ้าคิดว่าร้องเรียนข้าแล้วจะบีบขยี้เขาได้รึ?

หลังจากฮ่องเต้เลิกว่าราชการก็เสด็จไปที่ตำหนักของฮองเฮา ถึงได้ทรงทราบว่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ป่วยเมื่อคืน ส่วนฮองเฮาเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว เตรียมที่จะออกวังไปดูพระนัดดาที่ตำหนักอ๋องซู่

และให้เหล่านางข้าหลวงนำอาหารเสริมมากมายจากคลังเก็บของออกมาเพื่อเตรียมนำออกไปจากวัง

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เจ้าปลาน้อยป่วยสร้างเรื่องมากนะคะ ขนาดทำให้แม่นอนทับแขนพ่อจนพ่อโดดงาน ย่าเตรียมไปเยี่ยมถึงบ้านเลยทีเดียว

ระบบบอกเหนื่อยแล้ว ขี้เกียจชิปแล้วนะ เมื่อไหร่จะเป็นแฟนกันสักที (ผู้แปล: ยังค่ะระบบ ท่านอ๋องยังโบ้ไม่พอ ความแค้นที่ไล่เฉียวเยี่ยนคนเก่าไปอยู่บ้านไร่สี่ปียังไม่ได้รับการชำระ จะมาลดโทษเพื่ออภิสิทธิ์คนหล่อไม่ได้)

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *