ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 58 ความรู้ด้านปลูกผัก ล้ำลึกยิ่งนัก (รีไรท์)
ตอนที่ 58 ความรู้ด้านปลูกผัก ล้ำลึกยิ่งนัก (รีไรท์)
ตอนที่ 58 ความรู้ด้านปลูกผัก ล้ำลึกยิ่งนัก (รีไรท์)
หลังจากอยู่ตำหนักอ๋องซู่มาครึ่งค่อนวัน ใจของฮูหยินแต่ละคนก็ด้านชาไปหมดแล้ว
ตำหนักอ๋องซู่อันวิจิตรงดงามถูกขุดเป็นหลุมเป็นบ่อไปจนหมดสิ้น ไปที่ใดก็มีฝุ่นลอยตลบ ท่านอ๋องซู่ที่สง่างามเจิดจ้าในเวลานี้กำลังแบกจอบขุดดินปลูกผัก และไม่คิดเลยว่าซู่หวางเฟยที่สมองไม่ปกติจะเชิญพวกนางลงแปลงไปทำงานด้วย?
ขอร้องล่ะ! ปล่อยพวกนางไปเถิด!
ที่ว่าเกิดใจสั่นนั้นหมายความว่าอย่างไร!
ลองนึกย้อนถึงดอกเหมยเหมันต์ ดอกท้อวสันต์ ดอกบัวคิมหันต์ และดอกเบญจมาศยามสารทที่เห็นจนเบื่อแล้ว พวกนางก็อยากไถที่ปลูกผักเหมือนตำหนักอ๋องซู่เช่นกัน จากนั้นค่อยสร้างรั้วปลูกผักอย่างหนึ่ง เลือกเป็นถั่วมาปลูกบนรั้วกำแพงให้เถาแตงเลื้อยปีนขึ้นไป พอเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ทั่วทั้งลานบ้านก็จะเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของผลแตง
ไม่ได้ ๆ จะคิดต่อไปอีกไม่ได้!
ฮูหยินบางคนหิ้วลูกตัวเองที่ยังเกลือกกลิ้งอยู่บนดินขึ้นมา และพาออกไปจากตำหนักโดยไม่หันกลับมามอง ด้วยกลัวว่าหากตัวเองอยู่ต่ออีกสักหนึ่งเค่อ คงต้องถูกเฉียวเยี่ยนล้างสมองจนกลับไปไถสวนดอกไม้ด้านหลังจวนทิ้งเป็นแน่
เหล่าฮูหยินสองสามคนขอตัวลากลับ และรีบอุ้มลูกออกไปจากตำหนักอ๋องอย่างรวดเร็ว เหลือไว้เพียงเสียงร้องไห้กระจองอแงของเด็ก ๆ ที่ไม่เต็มใจกลับ
ปล่อยพวกเขากลับไปนะ! พวกเขาจะเรียนปลูกผักกับพี่ฉวนพี่อวี๋!
ทุกคนกลับไปกันแทบจะหมดแล้ว เหลือแค่เพียงอันซีโหวฮูหยินและฮูหยินที่รักลูกสองสามคนที่อยากให้ลูกเล่นอีกสักพัก
อี้จื่อจิ้นย่อมไม่ยอมจากไปอยู่แล้ว แต่นางยืนอยู่ตรงนี้มาครึ่งค่อนวันก็ยังไม่เห็นท่านอ๋องซู่มองมาที่ตนเลยสักครั้ง แถมยังยัดอาหารสุนัข[1]ให้นางจนอิ่ม ด้วยเหตุนี้นางจึงกลับจวนด้วยอาหารสุนัขเต็มท้องและความริษยาชิงชังจนแน่นอก
วันนี้อันซีโหวฮูหยินสวมอาภรณ์งดงาม ไม่สะดวกลงทำงานในแปลง ไม่เช่นนั้นนางคงตามเฉียวเยี่ยนไปปลูกผัก ตั้งใจเรียนรู้กลเม็ดเคล็ดลับ เพื่อยามที่นางกลับไปแล้วก็จะได้ไถที่ในจวนทำแปลงผักออกมาแปลงหนึ่ง
เฉียวเยี่ยนได้ยินว่าอีกฝ่ายมีความคิดนี้ก็สอนทักษะปลูกผักให้อย่างกระตือรือร้น สองพี่น้องที่อายุห่างกันเกือบยี่สิบกว่าปีก็ได้คุยกันถูกคอเป็นพิเศษ
อะไรนะ? แค่ขุดดินอย่างเดียวยังไม่พอ ต้องปรับปรุงดินให้ดีอีกรึ?
แน่นอนสิ ดินที่ใช้ปลูกดอกไม้ พุ่มไม้ยืนต้นในจวนทั่วไปล้วนมีโครงสร้างแข็งตัวไปนานแล้ว และค่ากรดด่างที่อยู่ในดินก็ไม่เหมาะกับการปลูกผัก
ดังนั้นจำต้องไถปรับหน้าดินให้ดีเสียก่อน จะต้องเอาก้อนดินแข็งขรุขระและหินออกไปให้หมด จากนั้นก็ใส่ดินดำที่อุดมสมบูรณ์และปุ๋ยคอกลงไป แล้วค่อย ๆ ให้ดินปรับสภาพถึงจะได้ดินสภาพดีกลับมา
อ้อ ในฤดูกาลก่อนหน้ายังสามารถปลูกมู่ซวี[2]ไว้ก่อนได้ พืชชนิดนี้เติบโตได้นาน และยังเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดินด้วย อีกอย่างนั้นยอดอ่อนมู่ซวีที่อ่อนนุ่มนี้ยังกินได้ โดยเอาไปลวกน้ำเดือดจนสุก แล้วเอาไปล้างน้ำสะอาดอีกรอบ เพิ่มกระเทียมสับ น้ำมันพริก คลุกเคล้าให้เข้ากัน เหมาะที่จะรับประทานกับข้าวยิ่งนัก
อันซีโหวฮูหยินฟังอย่างตั้งใจ แทบอยากจะนำสมุดออกมาจดไม่ไหว ด้วยกลัวว่าตัวเองจะลืม และเรียกเหล่าสาวใช้ที่ติดตามข้างกายเข้ามา
นางคนเดียวจำได้ไม่หมด แต่หากมีหลายคน แต่ละคนจำสักสองประโยคก็น่าจะพอจำได้!
เมื่อเห็นนางกระตือรือร้นเช่นนี้ เฉียวเยี่ยนก็ยิ่งพูดจริงจังมากขึ้น มู่ฉินเจินที่ปลูกผักอยู่อย่างขะมักเขม้นมีสีหน้าจำใจ พลางคิดว่าหากสนับสนุนเฉียวเยี่ยนเป็นนักเล่าเรื่อง นางต้องกระตุ้นกลุ่มคนให้ปลูกผักตามนางได้แน่
การปลูกผักเป็นศาสตร์ความรู้กว้างขวาง ผักชนิดใดเหมาะกับวิธีปลูกแบบไหนล้วนมีความสำคัญ
ยกตัวอย่างเช่นผลไม้แดงธรรมดา ตั้งแต่เป็นเมล็ดหนึ่งงอกต้นกล้าออกมาและเติบโตไปถึงขั้นสุดท้าย ต้องใช้ความอุตสาหะอย่างไม่จบไม่สิ้น
อันดับแรกต้องเพาะต้นกล้า เมล็ดผลไม้แดงต้องแช่ด้วยน้ำอุ่นให้มันดูดซับน้ำจนอิ่ม จากนั้นก็หว่านในถาดเพาะกล้า รอต้นกล้างอกสูงประมาณสิบกงเฟิน และงอกใบออกมาสี่ห้าใบก็ย้ายออกไปปลูกได้
หลังจากย้ายออกไปปลูกต้องรดน้ำใส่ปุ๋ย รอต้นผลไม้แดงเติบโตขึ้นแล้วยังต้องจับเถาขึ้นพันหลักและตัดแต่งกิ่ง นอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว ยังต้องป้องกันโรคแมลง ซึ่งผลไม้แดงเป็นโรคได้ง่ายมาก และเป็นโรคยุ่งยากมากมายหลายอย่าง หากไม่ปลูกอย่างเอาใจใส่ คงยากที่จะได้เก็บเกี่ยวผลมาได้
อันซีโหวฮูหยินและสาวใช้สองสามคนฟังจนนิ่งค้าง ผักประเภทนี้มีความพิถีพิถันมากขนาดนี้เชียวรึ?
ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าอาหารที่พวกนางกินลงไปล้วนไม่ได้มาแบบง่าย ๆ
อันซีโหวฮูหยินได้เรียนรู้จากเฉียวเยี่ยนมากมายตลอดบ่าย ฤดูกาลไหนควรปลูกผักอะไร ผักประเภทนี้ต้องขุดคูน้ำหรือต้องขุดหลุม ต้องรดน้ำเมื่อไหร่ ใส่ปุ๋ยตอนไหน…
จวบจนตะวันลับขอบฟ้า นางถึงได้สติกลับมา พอเหลือบไปมองหลานชายที่อยู่ตรงท้องร่องแปลงผักถึงได้พบว่าเจ้าเด็กบ้านี่ได้กลายเป็นลิงโคลนไปแล้ว!
เฉียวเยี่ยนรั้งสองย่าหลานกินข้าวด้วยกันอีกมื้ออย่างกระตือรือร้น ก่อนอีกฝ่ายจะจากไปยังมอบต้นกล้าพริกให้อันซีโหวฮูหยินไปหลายต้น ซึ่งอันซีโหวฮูหยินกอดเอาไว้ในอ้อมแขนเหมือนลูกรักกลับจวน แม้แต่หลานชายก็ไม่อุ้ม
ตั้งแต่งานเลี้ยงวันนั้น เรื่องที่เฉียวเยี่ยนไถทุกสิ่งทั่วตำหนักอ๋องซู่ก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง
อะไรนะ? ซู่หวางเฟยไถที่ในตำหนักอ๋องซู่ไปหมดแล้ว?
หรือท่านอ๋องซู่ก็ร่วมไถที่ไปกับนางด้วย?
ไม่นาน ผู้ที่ชื่นชอบมู่ฉินเจินและเหล่าคนอวดดีดื้อรั้นก็เริ่มดำเนินการปราบเฉียวเยี่ยน
ผู้ที่ชื่นชอบมู่ฉินเจินต่างคิดว่าเฉียวเยี่ยนดึงฟ้าลงมาให้ต่ำ ส่วนเหล่าคนอวดรู้เอาแต่กล่าวหาเฉียวเยี่ยนว่าทำราชวงศ์ขายหน้า ทำลายฮวงจุ้ยตำหนักอ๋องซู่และอื่น ๆ
เฉียวเยี่ยนไม่ได้ยินข่าวลือเหล่านี้ พวกเขาไม่รู้หรือว่านางกังวลอยู่กับการปลูกผักในฤดูใบไม้ผลิทุกวัน? ยุ่งอยู่น่ะ!
ทว่ามู่ฉินเจินกลับทนฟังข่าวลือใส่ร้ายเจ้าท่อนไม้ของเขาไม่ได้ จึงสั่งการเหล่าทหารในค่ายให้ไปจับคนบนถนนทันที จับคนที่ปั้นน้ำเป็นตัวไปส่งศาลโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ต่อให้ไม่ได้เข้าคุกก็ต้องลิ้มรสชาติแห่งการโบย
พอเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ คนที่พูดจาไร้สาระก็มีน้อยลง หากจะพูดก็ทำได้แค่แอบพูดอยู่ในบ้าน ใครบ้างจะไม่กลัวถูกฟ้องร้อง!
ทว่าการกระทำของเฉียวเยี่ยนกลับได้รับการสนับสนุนจากเหล่าเกษตรกร หากจะให้พวกเขาพูด ก็กล่าวได้ว่าซู่หวางเฟยช่างมีสายตาเฉียบแหลมนัก เทียบกับการปลูกดอกไม้ใบหญ้าซ้ำซากจำเจเหล่านั้น ปลูกผักไม่ดีตรงไหนกัน?
ปลูกผักไว้กินเองยังประหยัดเงินค่าผักได้ หนึ่งปีสามารถประหยัดได้ตั้งหลายตำลึงเชียวนะ!
ยังมีอีก พวกเขายังได้ยินมาว่าซู่หวางเฟยสร้างสิ่งที่เรียกว่าเรือนกระจกอะไรนี่ล่ะเพื่อปลูกผัก ตอนแรกพวกเขายังไม่เชื่อเลยว่าจะปลูกผักในบ้านได้ ทว่าสุดท้าย นางไม่เพียงแต่ปลูกออกมาได้เท่านั้น แต่พวกมันยังเจริญเติบโตได้ดีมาก
ส่วนกิจการภัตตาคารนั้นก็ดีมากจนสามารถพูดได้ว่าเงินทองไหลมาเทมา!
ซู่หวางเฟยคือเทพีมาโปรดชัดๆ ! อยากจะเรียนกลเม็ดการปลูกผักในเรือนกระจกนั่นกับนางจริง ๆ
กลางเดือนสาม ทั้งในและนอกตำหนักอ๋องก็เต็มไปด้วยผักที่เฉียวเยี่ยนปลูก แม้แต่ตรงซอกตรงมุมยังถูกนางขุดหลุมหย่อนเมล็ดฟักทองสองสามเมล็ดแล้วปล่อยให้พวกมันเติบโตเอง
หลังจากจัดการที่ดินตำหนักอ๋องเสร็จก็ถึงตาพระราชวังแล้ว นี่เป็นโครงการใหญ่ที่นางคิดอยู่ตลอดเวลาและรอคอยตลอดฤดูหนาว เพียงคิดถึงว่าทุกซอกทุกมุมในพระราชวังเต็มไปด้วยพืชพรรณที่นางปลูกก็รู้สึกสดชื่นเบิกบานขึ้นมาทันที!
เช้าตรู่ในวันที่สิบเจ็ดเดือนสาม เฉียวเยี่ยนเข้าวังพร้อมกับเด็กทั้งสองที่มาเรียน ส่วนมู่ฉินเจินมาว่าราชการตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่ได้ไปพร้อมกับสามแม่ลูก
เจ้าปลาอ้วนที่เรียนไม่เก่งยังขดตัวอยู่ในผ้าห่มอย่างเกียจคร้าน และถูกเฉียวเยี่ยนลากออกมาโดยที่ยังมีผ้าเช็ดหน้าอุ่นคลุมอยู่บนใบหน้า นางเช็ดหน้าให้เด็กน้อยอย่างระมัดระวัง
เฉียวเยี่ยนรู้สึกประหลาดใจมากกับลูกสาวของตัวเอง คิดว่าเด็กน้อยคนนี้ที่ไม่ชอบเรียนหากเข้าไปเรียนสองวันก็จะไม่ก่อเรื่องวุ่นวายแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าเด็กน้อยจะยืนหยัดในอุดมการณ์ของตนมาจนถึงทุกวันนี้
แม้จะง่วงงุนจนไม่อยากลืมตาตื่นในตอนเช้า แต่ก็ยังสะลึมสะลือตื่นไปสำนักศึกษากับพี่ชาย
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์รักการเรียนมาก พอถึงเวลาตื่นนอนก็ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าไปล้างหน้าบ้วนปากด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้เฉียวเยี่ยนเป็นกังวล
เมื่อมาถึงพระราชวัง เฉียวเยี่ยนก็ไปส่งเด็ก ๆ ที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนด้วยตัวเอง และหอมให้รางวัลคนละหนึ่งฟอด ก่อนจะไปทักทายที่ตำหนักฮองเฮา
หลังจากทักทายเสร็จ เฉียวเยี่ยนก็ถือป้ายอาญาสิทธิ์ที่ได้รับจากฮ่องเต้ก่อนหน้านี้ นางเรียกเหล่าขันทีและนางข้าหลวงที่ไม่มีอะไรทำให้ตามนางไปอุทยานอวี้ฮวาอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร
คนในพระราชวังมีมากจริง ๆ นางเลือกคนตามใจชอบ และหาคนมาได้ถึงห้าสิบกว่าคน ซึ่งคนทั้งหมดก็ตามเฉียวเยี่ยนไปโดยที่ในหัวเต็มไปด้วยคำถาม
[1] กินอาหารสุนัข เป็นคำสแลงในอินเทอร์เน็ต หมายถึงการต้องทนดูคู่รักหวานชื่นกัน จนคนดูกลายเป็นหมานั่งรอกินอาหาร
[2] มู่ซวี (苜蓿) หรือถั่วอัลฟัลฟา เป็นไม้ดอกในตระกูลถั่ว มีถิ่นกำเนิดในทุ่งหญ้าเขตอบอุ่นของยูเรเซียและแอฟริกาเหนือ ต้นอ่อนใช้เป็นผักได้ ส่วนต้นและใบใช้เป็นอาหารปศุสัตว์
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
รสชาติอาหารสุนัขเป็นอย่างไรบ้างคะคุณหนูอี้ อิ่มแปล้เลยล่ะสิ ถ้าทนไม่ไหวก็กรี๊ดออกมาค่ะ กรี๊ดออกมา
ท่านอ๋องจะทำคะแนนในใจเจ้าท่อนไม้ได้หรือเปล่านะ ทุ่มเททำเพื่อเธอขาขนาดนี้แล้ว
ได้ป้ายอาญาสิทธิ์จากฝ่าบาทอนุญาตให้รื้ออุทยานหลวงแล้วอะ ใครจะมาขวางตัวแม่ได้ ตัวแม่จะแคร์เพื่อ
ไหหม่า(海馬)
Comments