ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 6 หยั่งเชิง ก่อนลงไม้ลงมือ (รีไรท์)
ตอนที่ 6 หยั่งเชิง ก่อนลงไม้ลงมือ (รีไรท์)
ตอนที่ 6 หยั่งเชิง ก่อนลงไม้ลงมือ (รีไรท์)
เจ้าสุนัขตัวน้อยกะพริบตาขนาดเม็ดถั่วปริบ ๆ ไม่รู้ว่าตัวเองถูกเจ้านายตัวน้อยดึงไปแทนที่ จึงได้แต่อยู่ในอ้อมแขนเจ้านายตัวน้อยอย่างเชื่อฟัง
เฉียวเยี่ยนเอือมระอาเสียเต็มประดา กลัวอะไรได้อย่างนั้นจริง ๆ สิน่า!
นางตบก้นเด็กน้อยเบา ๆ น้ำเสียงดูเฉียบขาดเล็กน้อย “กลับไปค่อยจัดการกับเจ้า!”
ทว่าเหล่าผู้ติดตามของมู่ฉินเจินได้ยินเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เรียกเฉียวเยี่ยนว่าแม่ ต่างก็พากันตกตะลึง!
เด็กคนนี้เรียกหวางเฟยว่าท่านแม่ หรือจะเป็นทายาทของท่านอ๋องกัน? หรือว่าท่านอ๋องถูกสวมหมวกเขียว?
มู่ฉินเจินเองก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขานึกถึงความรู้สึกแปลก ๆ ตอนที่ได้พบกับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เป็นครั้งแรก และเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความตกใจ “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เป็นลูกสาวของเรารึ?”
เฉียวเยี่ยนได้ยินเขาถามเช่นนี้ก็รู้สึกเวียนหัวทันที สรุปแล้วนางจะยอมรับหรือไม่ยอมรับดี?
นางฝืนเปลี่ยนหัวข้อ “ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าท่านมาทำไม?”
มู่ฉินเจินกำลังรอคอยคำตอบ และไม่สนใจปฏิกิริยาของนางที่มีต่อตนเอง “ข้าได้รับคำสั่งให้มารับเจ้ากลับเมืองหลวง”
เฉียวเยี่ยนฟังจบก็ปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด “เหอะ ๆ! ข้าไม่กลับ พวกท่านกลับกันดี ๆ ล่ะ ข้าไม่ส่ง!”
สิ้นเสียงของนาง ก่อนที่ทุกคนจะตอบสนอง นางก็ปิดประตูลงกลอนทันที
กลับเมืองหลวง?
เป็นเพราะลูกไม่น่ารักพอ หรือผักที่นางปลูกได้ผลผลิตไม่ดีงั้นหรือ นางจะกลับไปยังสถานที่วุ่นวายนั้นทำไมกัน?
นี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เห็นมารดาตัวเองโกรธมากถึงเพียงนี้ ดังนั้นเพื่อปกป้องก้นน้อย ๆ ของตัวเอง จึงรีบทำตัวน่ารักทันที “ท่านแม่ ลูกผิดไปแล้ว ครั้งนี้ท่านแม่ยกโทษให้ลูกได้หรือไม่?”
เฉียวเยี่ยนถูกหอมแก้มจนแฉะไปด้วยน้ำลาย นางลูบศีรษะของเด็กหญิงตัวน้อยอย่างจนใจ “เจ้านี่นะ เจ้าพูดเช่นนี้มากี่คราแล้ว หืม?”
ด้านนอกประตู
มู่ฉินเจินที่ถูกปฏิเสธมีสีหน้าอึมครึมถึงขีดสุด ขณะนึกถึงท่าทางอวดดีและโอหังของหญิงคนนั้นเมื่อครู่
เหอะ! ดีมาก! นางติดหนี้เขาอีกก้อนหนึ่งแล้ว!
ทว่าในยามนี้ เมื่อเทียบกับท่าทางของหญิงผู้นั้นแล้ว เขากลับกังวลมากกว่าว่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ใช่ลูกของเขาหรือไม่
เขาเงยหน้ามองรั้วที่สูงไปกว่าตนไม่มากนัก พลันแสยะยิ้มเย็นชาออกมา
ในเมื่อนางไม่เปิดประตู เขาก็จะหาทางเข้าไปให้ได้!
เขาย่องเดินเบา ๆ และใช้แรงเล็กน้อยปีนมุมกำแพงด้วยความคล่องแคล่วว่องไว
ครั้นพวกผู้ติดตามเห็นเช่นนี้ก็ข้ามกำแพงตามเข้ามา
เฉียวเยี่ยนอุ้มเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เดินกลับไป และคิดในใจว่าควรกลับไปซ่อนลูกชายด้วยหรือไม่ เพียงแค่เขาไม่รู้ว่ามีลูกชายอยู่ นางก็อาจจะฝืนปฏิเสธว่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไม่ใช่ลูกเขาได้ และน่าจะหลอกได้สำเร็จ
ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นชายสองสามคนกระโดดลงมาจากกำแพงบ้านตัวเองเหมือนเกี๊ยวที่อัดกันแน่น และผู้นำก็คือมู่ฉินเจิน!
มู่ฉินเจินหยุดนิ่ง เขามองไปทางเฉียวเยี่ยนอย่างหยอกล้อ ในดวงตายังแฝงแววยั่วยุเล็กน้อย
เฉียวเยี่ยนจ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ในใจเดือดดาลจนควบคุมไม่ได้
ไอ้ผู้ชายเลว! กล้านักนะ!
นางปล่อยเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ในอ้อมแขนลงบนพื้น พลางกำชับเสียงเบา “ไปหาพี่ชายเจ้าแล้วห้ามออกมา”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์มองแม่อย่างกังวลใจ แต่กระนั้นก็ยังเชื่อฟัง นางอุ้มเจ้าสุนัขตัวน้อยวิ่งเข้าไปในบ้าน
มู่ฉินเจินเห็นเด็กน้อยวิ่งไปแล้ว ความรู้สึกผิดหวังก็พรั่งพรูขึ้นมาจนยากที่จะอธิบาย เขาขมวดคิ้วทันทีและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ใช่ลูกสาวเราหรือไม่?”
เฉียวเยี่ยนกระแทกจอบในมือลงกับพื้นดินจนเกิดเสียงหนักหน่วง “ถ้าอยากรู้ก็ถามจอบของข้าก่อน!”
ระบบตัวน้อยเห็นท่าทางโฮสต์ตัวเองเช่นนี้ก็รู้ว่าต้องมีการแสดงสนุก ๆ ให้ดูแน่ จึงเอนกายนั่งอยู่บนเก้าอี้ทันที พลางยกขาไขว่ห้างและหาพ็อปคอร์นถังมากิน
[โฮสต์สู้ ๆ ระบบอยู่กับท่านด้วย!]
สามปีที่ผ่านมา มีคนตาบอดบางคนคิดว่าโฮสต์แม่ม่ายกำพร้าของนางรังแกได้ง่าย แต่พวกเขากลับถูกโฮสต์ทุบตีจนแพ้ยับเยิน และถูกจัดการอย่างยอมจำนน
เฉียวเยี่ยนไม่ให้โอกาสมู่ฉินเจินปฏิเสธ นางกวัดแกว่งจอบออกไปทันที ครั้นผู้ติดตามเห็นเช่นนี้ ต่างก็ชักกระบี่และพุ่งไปข้างหน้าเพื่อปกป้องผู้เป็นนาย ทว่ามู่ฉินเจินยกมือขึ้น บ่งบอกให้พวกเขาถอยไป
หญิงคนนี้ช่างทำให้เขาแปลกใจได้มากจริง ๆ!
เขาชักกระบี่ยาวออกมารับการโจมตีของเฉียวเยี่ยน เฉียวเยี่ยนก็เหวี่ยงจอบไปมาเหมือนมีดเล่มใหญ่ เข้าถอยอย่างชำนาญ รับปล่อยอย่างอิสระ
นางเหวี่ยงแขน คมจอบเหวี่ยงไปตรงตำแหน่งบ่าคอของมู่ฉินเจิน อีกฝ่ายมีท่าทางเยือกเย็น ตวัดกระบี่ขึ้นมาป้องกันการโจมตีของจอบเอาไว้ ทั้งสองอยู่ในสถานการณ์ไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน เฉียวเยี่ยนออกแรงกดลงล่าง ส่วนมู่ฉินเจินพยายามง้างป้องกันอย่างเต็มที่
เฉียวเยี่ยนแสยะยิ้มเย็นชา สายตามีเลศนัย พลันดึงจอบกลับมาทันที และเปลี่ยนทิศทางการโจมตี ครานี้นางใช้กำลังทั้งหมดที่มี มู่ฉินเจินหรี่ตา รีบยกกระบี่ขึ้นมาสกัดการโจมตีอย่างรวดเร็ว แต่เขาประเมินกำลังของเฉียวเยี่ยนต่ำไป ถึงได้ถูกกระแทกถอยหลังไปสองสามก้าว
ไม่คิดเลยว่าสตรีผู้นี้จะเก่งกาจถึงเพียงนี้!
มู่ฉินเจินรู้สึกปั่นป่วนในใจ สำรวจนางตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าอีกครั้ง รูปร่างนางยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทว่าความสามารถของนางกลับเพิ่มขึ้นอย่างมาก
นางเป็นใครกันแน่?
เฉียวเยี่ยนปล่อยให้เขาสำรวจโดยไม่มีความเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย ใครจะรู้เล่าว่าจิตวิญญาณของนางเป็นผู้มาเยือนจากสวรรค์?
นางเก็บจอบ ไม่อยากต่อสู้อีก ที่นางลงมือตอนนั้นเป็นเพราะโมโห และอยากลองทดสอบฝีมือของชายคนนี้
ต้องยอมรับว่าเขาแข็งแกร่งมาก เมื่อครู่เขาไม่ได้ใช้แรงทั้งหมด หากเขาใช้แรงเต็มกำลัง นางที่สืบทอดศิลปะการต่อสู้โบราณก็อาจจะประมือกับเขาได้แค่เสมอกัน
นางหาใช่คนไม่กล้าแสดงออกเพราะกลัวปล่อยไก่ ไม่ว่าจะเลี้ยงลูกหรือถูกคนอื่นรังแก อันดับแรกต้องทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าตนแข็งแกร่งและรับมือได้ยาก!
เมื่อครู่ นางอยากให้มู่ฉินเจินรู้สึกมั่นใจว่านางไม่ใช่เฉียวเยี่ยนคนเดิมอีกต่อไปแล้ว คิดจะเอาเปรียบนางหรือ ไม่มีทางหรอก!
ผู้ติดตามสองสามคนที่อยู่ด้านข้างเห็นฝีมือของเฉียวเยี่ยนก็แอบตกใจ หวางเฟยเก่งกาจเพียงนี้เชียวหรือ มิน่าเล่าตอนนั้นถึงได้ฝืนใจท่านอ๋องได้!
ระบบตัวน้อยที่กินพ็อปคอร์นอยู่มีดวงตาเป็นประกายแวววาว รู้สึกว่ายังดูไม่หนำใจ
[ท่านโฮสต์ เหตุใดไม่สู้ต่อล่ะ นี่คือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่ท่านเจอมาเชียวนะ การต่อสู้นี้ยอดเยี่ยมกว่าเมื่อก่อนมากเลย!]
เฉียวเยี่ยนมองระบบตัวน้อยที่กินเหมือนหนูแฮมสเตอร์ พลันเส้นเลือดตรงขมับก็กระตุกขึ้นมา “ระบบตัวน้อย เจ้ามองข้าเป็นภาพยนตร์แอ็กชันรึ?”
ระบบตัวน้อยยิ้มอย่างโง่เขลา พลางทำท่ามินิฮาร์ตให้เฉียวเยี่ยน และพยายามทำตัวน่ารักหลบเลี่ยงปัญหา
เฉียวเยี่ยนไม่โต้เถียงกับระบบตัวน้อยต่อ นางเอ่ยกับมู่ฉินเจินที่มีสีหน้ามืดมนดั่งก้นหม้อ “ท่านกลับไปเถิด ข้าอยู่ที่นี่มีความสุขมาก ไม่อยากกลับไปเมืองหลวง เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไม่ใช่ลูกของท่าน ข้าเก็บนางได้จากในภูเขา”
เฉียวเยี่ยนอธิบายเสร็จก็หมุนตัวกลับเข้าบ้านอย่างมีความสุข แต่เมื่อเห็นเด็กน้อยทั้งสองเดินจูงมือกันออกมาจากในบ้านก็รู้สึกร้องไห้ไม่ออกทันที!
นางไม่กลัวคู่ต่อสู้ที่เหมือนเทพ แต่กลัวเพื่อนร่วมทีมที่เหมือนหมูจริง ๆ หมูน้อยทั้งสองของนาง ช่างหลอกกันเสียได้!
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ที่หน้าตาเหมือนมู่ฉินเจินราวถอดแบบมาหดตัวกำลังจูงมือน้องสาวไว้ข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างถือมีดสั้นเอาไว้ พลางตีหน้าขรึมขณะจ้องมู่ฉินเจินกับคนอื่นอย่างดุดันแบบเด็กน้อย
ครั้นมู่ฉินเจินเห็นเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ สมองก็พลันขาวโพลนไปชั่วขณะ จากนั้นก็หัวเราะออกมาทันที และเอ่ยกับเฉียวเยี่ยนอย่างหยอกล้อ “พระชายา เจ้ายังบอกว่าเด็กไม่ใช่ลูกเราอีก แล้วเด็กคนนี้เล่าจะว่าอย่างไร?”
เหล่าผู้ติดตามต่างตกตะลึง เด็กชายตัวน้อยคนนั้นหน้าตาเหมือนนายของพวกเขามาก หากบอกว่าไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ให้ตายอย่างไรพวกเขาก็ไม่เชื่อ!
เฉียวเยี่ยนกุมหน้าผาก จ้องเขาอย่างหัวเสีย “ท่านคิดอย่างไรก็อย่างนั้นแหละ!”
พูดจบ นางก็ถือจอบเดินเข้าไปในบ้าน ดูเหมือนต้องสอนบทเรียนให้ก้นน้อย ๆ ของเด็กทั้งสองเสียแล้ว!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แกงแม่หนักมากเจ้าก้อนแป้งทั้งสอง ทีนี้ท่านแม่ได้ปวดหัวหนักแน่
ไหหม่า(海馬)
Comments