ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 66 เก็บเซียงชุนโดยบังเอิญ จับปลาในแม่น้ำ

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 66 เก็บเซียงชุนโดยบังเอิญ จับปลาในแม่น้ำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 66 เก็บเซียงชุนโดยบังเอิญ จับปลาในแม่น้ำ

ตอนที่ 66 เก็บเซียงชุนโดยบังเอิญ จับปลาในแม่น้ำ

เด็กน้อยไม่พูดอะไร เขี่ยข้าวไปมา ดวงตากลมโตลอบเหลือบมองมารดา เห็นมารดากำลังคีบผักให้พี่ชาย จึงคีบผักสีเขียวทั้งหมดไปใส่ในถ้วยบิดาแสนดีของนางโดยคิดว่าไม่มีใครเห็น

มู่ฉินเจินเห็นการกระทำของลูกสาว ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างจนใจ และกินผักที่นางคีบมาให้

เฉียวเยี่ยนมองท่าทางของสองพ่อลูก ก็ถลึงตาใส่มู่ฉินเจิน “มีผู้ใดตามใจลูกอย่างท่านบ้าง?”

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์กินเนื้ออย่างไม่สะทกสะท้าน พลางฉีกยิ้มให้บิดา ยิ้มจนมู่ฉินเจินใจอ่อน รู้สึกว่าชีวิตนางขึ้นอยู่กับพวกเขาสามคนแล้ว

ตอนบ่าย เฉียวเยี่ยนอยากจะไปขุดผักป่า แกงผักป่าตอนเช้าทำให้นางอยากอาหาร และอยากกินขนมผักป่า

นางหาตะกร้ามาถือไว้ในมือ และยังพกจอบน้อยไปด้วย มู่ฉินเจินรับไปถือไว้อย่างปกติ และเดินเคียงข้างนางไป

ท่านอ๋องผู้มีรูปร่างน่าเกรงขาม ท่าทางสูงส่งหิ้วตะกร้าไม้ไผ่ใบหนึ่ง ดูอย่างไรก็รู้สึกว่าแปลกพิกล แต่อีกฝ่ายหาได้คิดเช่นนั้นไม่ ขอแค่ได้ใกล้ชิดภรรยา ต่อให้ต้องถือรองเท้าให้นางเขาก็มีความสุข

เกาจัวหยวนพาองครักษ์สองคนกลับไปเมืองหลวงแล้ว เฉียวเยี่ยนให้พวกเขากลับไปขนส่งเถามันเทศกับต้นพริกในเรือนกระจกจากหมู่บ้านลวี่หลัวมา

เพิ่งมาถึงคืนวาน ยังไม่ทันได้ชื่นชมทิวทัศน์อันงดงามของหมู่บ้านแถบภูเขา พอยามนี้ได้เดินเล่นในหมู่บ้าน ถึงพบว่าทิวทัศน์ดีมาก ๆ

หลังหมู่บ้านม่ายเซียงอยู่ติดกับภูเขา หน้าหมู่บ้านมีแม่น้ำสายหนึ่งไหลผ่าน เขาสวยน้ำใส ทว่าชาวบ้านฐานะยากจนเกินไป ทั่วทั้งหมู่บ้านล้วนเป็นบ้านอิฐเตี้ย เส้นทางในหมู่บ้านคับแคบ รถม้ายากจะเดินทางเข้ามาได้

ตอนนี้ขนต้นกล้าเข้ามาได้ แต่วันหน้าต้องใช้เส้นทางนี้ขนมันเทศกับพริกกลับเมืองหลวง หากเป็นเช่นนี้ไปตลอดต้องไม่ไหวแน่ ดูท่าต้องขยายถนนให้กว้างก่อนเสียแล้ว

นางจำเรื่องนี้ไว้ในใจก่อน และตั้งใจจะกลับไปปรึกษาหัวหน้าหมู่บ้านว่านางจะออกค่าซ่อมแซมเส้นทาง และให้พวกชาวบ้านถมถนนกันเอง ไม่รู้ว่าพวกเขาจะเห็นด้วยหรือไม่

เมื่อออกมาจากหมู่บ้าน ก็เดินเลียบข้างแม่น้ำ เดินไปด้วยขุดผักป่าไปด้วย ผักป่าข้างแม่น้ำได้น้ำมากพอจึงเจริญเติบโตได้ดี ผักจี้ฉ่ายขึ้นเป็นพุ่ม ๆ ทั้งอวบทั้งอ่อน ส่วนผักชวีชวีฉ่าย*กับต้นหม่าหลานโถว**ก็มีเยอะมาก

(*ต้นแดนดีไลออน)

(**ผักปีเช้า หรือ indian aster)

มู่ฉินเจินไม่รู้จักผักป่า เขาเติบใหญ่มาถึงขนาดนี้ อย่าพูดถึงขุดผักป่าเลย กระทั่งกินผักป่าก็ใช้นิ้วนับครั้งได้ แต่เป็นเพราะเชื่อฟังภรรยา นางให้เขาขุดต้นไหน เขาก็ขุดต้นนั้น

เด็กทั้งสองเหมือนสุนัขน้อยที่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีอกดีใจ วิ่งเล่นไปมาอยู่ริมตลิ่ง เมื่อองครักษ์คนหนึ่งเขวี้ยงหินให้กระดอนบนผิวน้ำ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์กับเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ก็ทำตาม

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ไม่ได้มีแรงมากเหมือนอย่างเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ พอเขวี้ยงหินลงไปกระทบผิวน้ำได้ไม่นานก็จมลง แต่เจ้าปลาอ้วนมีแรงมาก เขวี้ยงหินออกไปก็กระดอนบนผิวน้ำสามครั้ง

เหล่าองครักษ์ต่างนิ่งอึ้ง นึกถึงตัวเองฝึกอย่างยากลำบากอยู่นานกว่าจะได้ทักษะนี้ แต่ไม่คิดเลยว่าจวิ้นจู่น้อยแค่เขวี้ยงเบา ๆ ก็ทำสำเร็จแล้ว ช่างแตกต่างกันมากจริง ๆ !

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ และเขวี้ยงหินติดต่อกันสองสามครั้ง และทวงคืนส่วนนั้นมาให้พี่ชาย

หมู่บ้านม่ายเซียงตั้งอยู่บนต้นน้ำของแม่น้ำ ระดับน้ำจึงค่อนข้างตื้น และยิ่งเดินขึ้นไปก็จะยิ่งเห็นหาดทรายน้ำใส จนสามารถเห็นปลาขนาดฝ่ามือแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางพืชน้ำ

เฉียวเยี่ยนนึกสนุกอยากจะลงไปจับปลาในแม่น้ำ ทว่ายังไม่ทันถอดรองเท้าก็ถูกมู่ฉินเจินห้ามไว้ “ตอนนี้น้ำยังเย็นอยู่ เจ้าอยู่บนฝั่งเถิด ข้าจะลงไปจับเอง”

ตลกแล้ว! จะให้คนอื่นเห็นฝ่าเท้าของภรรยาเขาอย่างนั้นรึ? อีกอย่างแม่น้ำในเดือนสามนั้นเย็นจริง ๆ หากเจ้าท่อนไม้ป่วยจะทำอย่างไร

เฉียวเยี่ยนเสียดายอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็เข้าใจ ที่นี่คือสมัยโบราณ ความบริสุทธิ์ของหญิงสาวมีค่าสูงส่งยิ่งกว่าชีวิตเสียอีก หากนางลงน้ำก็ต้องถอดรองเท้าถลกกระโปรงจนเผยท่อนขา ผู้อื่นเห็นเข้าคงไม่ดีไม่งามนัก

เมื่อจะลงน้ำไปคลำหาปลา เหล่าองครักษ์ต่างมีความสุข พวกเขาถอดรองเท้า ถลกกางเกงขึ้นและวิ่งลงน้ำ แต่ละคนร้องตะโกนออกมา

“ไอ้บ้าคังฮวา หากเจ้าเอาเท้าลงไป มีหวังปลาคงสำลักตายหมด!”

องครักษ์คนหนึ่งนามว่าจ้าวเอ้อร์หยวนนั่งถอดรองเท้าอยู่บนพื้น พอคังฮวาที่อยู่ด้านข้างถอดรองเท้าออกมา กลิ่นเหม็นเปรี้ยวก็พลันโชยลอยออกมาเป็นระลอก ๆ

คังฮวายิ้มแหย ๆ ยื่นเท้าตัวเองไปทางจ้าวเอ้อร์หยวน พลางเอ่ย “กลิ่นไม่ดีขนาดนั้นเชียวหรือ?”

สององครักษ์หยอกล้อกันเหมือนเด็ก เฉียวเยี่ยนที่มองอยู่ข้าง ๆ ส่ายหน้าทันที

ตามคาด บุรุษขี้เล่นย่อมไม่มีวันเป็นผู้ใหญ่ ปกติจะจริงจังมากแค่ไหน พอได้เล่นเหมือนเด็ก แต่ละคนยังเด็กกว่าลูกน้อยทั้งสองของนางมาก

นางนั่งอยู่ริมตลิ่งมองชายสองสามคนจับปลา พลันเจ้าปลาอ้วนร้องตะโกนวิ่งมาหานาง “ท่านแม่ มือเหม็นมาก!”

เสียงเด็กเล็กของเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์แฝงไปด้วยเสียงคลอเครือเหมือนร้องไห้ นางยื่นมือน้อยอวบออกมาด้วยสีหน้าตระหนก

เฉียวเยี่ยนคิดว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไร จึงตกใจ รีบลุกขึ้นวิ่งไปกอดเด็กน้อย “ลูกเป็นอะไรรึ?”

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ยื่นมือออกมาอย่างเสียใจ ดวงตากลมโตเอ่อคลอด้วยน้ำตา “มือเหม็น ล้างไม่ออก”

เฉียนเยี่ยนจับมือเด็กน้อยมาดม และได้กลิ่นที่คุ้นเคยมาก

เซียงชุน*?

(* ต้นตูนแดง หรือ Toona chinensis ไม้ตระกูลสะเดาชนิดหนึ่ง ยอดอ่อนกินได้ กลิ่นฉุนรุนแรง)

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์เดินเข้ามา ในมือถือปลายยอดอ่อนอันหนึ่งไว้ และใช้มืออีกข้างปิดจมูกไว้อย่างขยะแขยง ก่อนยื่นยอดอ่อนตูนแดงนั้นให้มารดาดู “ท่านแม่ น้องหญิงเก็บสิ่งนี้เข้า มือจึงเหม็นมาก”

เฉียวเยี่ยนมองปลายยอดอ่อนนั้นก็ยิ้มออกมา เป็นเซียงชุนจริง ๆ เจ้าปลาอ้วนของนางจับผลัดจับพลูไปเก็บเซียงชุนเข้าแล้ว

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์น้อยใจ ครั้นดมมือของตัวเองและพบว่ามันยังเหม็น จึงยื่นมือออกไปไกลอย่างรังเกียจ

เฉียวเยี่ยนขบขันเป็นอย่างมาก และกุมท้องหัวเราะขึ้นมา “ลูกรัก ใบอ่อนนี้เรียกว่าเซียงชุน มันกินได้ และอร่อยมากด้วย พวกลูกพาแม่ไปเก็บได้หรือไม่?”

เด็กทั้งสองไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าของเหม็นขนาดนี้ยังกินได้?

เจ้าเซียงชุนนี้ คนที่กินจนเคยชินล้วนคิดว่ามันอร่อยกว่าเนื้อมาก ตลอดหนึ่งปีกินได้แค่เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น ราคาขายในยุคปัจจุบันขายกันอยู่ที่ห้าสิบหรือหกสิบหยวนต่อชั่ง ทว่าคนที่ไม่คุ้นเคยรสชาตินี้ต่างคิดว่ามันแปลกและเหม็นมากจนหาที่เปรียบมิได้ หากนำเซียงชุนไปไว้ในครัว ทั้งครัวก็จะเป็นกลิ่นของมัน

เฉียวเยี่ยนเป็นคนที่ชอบกินเซียงชุนเป็นพิเศษ อยู่ในสมัยโบราณมาตั้งสามปี และวันนี้เองก็เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นผักเซียงชุน

ด้วยการนำทางของเด็กน้อยทั้งสอง เฉียวเยี่ยนก็เจอต้นเซียงชุนนั้น มันไม่ใหญ่มากนัก ทว่ามียอดอ่อนแตกออกมามากมาย ยอดอ่อนสีแดงอวบอ้วนแข็งแรงมาก แค่เก็บใบมาหนึ่งใบ กลิ่นอันรุนแรงก็โชยกระจายออกมาทันที

เด็กทั้งสองอยู่ห่างออกไปช่วงหนึ่ง ก้มตัวนั่งอยู่บนพื้นปิดจมูกมองมารดาเก็บยอดอ่อนที่เหม็นตุ ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

ไม่นานยอดอ่อนเซียงชุนต้นหนึ่งก็ถูกเฉียวเยี่ยนเก็บไปจนหมด หลังจากเก็บเสร็จนางรู้สึกยังไม่หนำใจ หากมีหลายต้นให้เก็บคงจะดีไม่น้อย

ทว่านางตั้งใจนำกิ่งมันกลับไปปักชำด้วยตอนที่กลับเมืองหลวง เดือนสี่เป็นฤดูกาลปักชำเซียงชุน นำไปปักชำไว้ในเรือนกระจกสองสามต้น ปีต่อ ๆ ไปนางก็จะมีเซียงชุนกินแล้ว!

นางคิดเพ้อฝัน พริบตาเดียวเห็นท่าทางรังเกียจของเด็กทั้งสอง พลันจนใจทันที

ลูกจ๋า มันไม่ได้เหม็นขนาดนั้นจริง ๆ ต้องไปหลบไกลขนาดนั้นเลยหรือ?

หลังจากเก็บเซียงชุนแล้ว สามแม่ลูกก็กลับไปดูการจับปลาที่ริมตลิ่ง ต้องยอมรับว่าความสามารถของท่านอ๋องกับเหล่าองครักษ์ช่างแข็งแกร่งนัก ผ่านไปได้ไม่นาน บนตลิ่งก็มีปลามากมายกระโดดดีดดิ้นไปมา

ปลามีขนาดไม่ใหญ่มาก ปลาหลีน้อยมีขนาดเท่าฝ่ามือ เฉียวเยี่ยนจึงถอนหญ้าที่เจริญเติบโตงอกงามริมแม่น้ำมาถักเป็นเชือก และนำปลาหลีตัวน้อยแต่ละตัวร้อยเข้าด้วยกันเป็นพวง

หลังจับปลามาครึ่งค่อนบ่าย เสื้อผ้าของพวกเขาก็เปียกไปหมดแล้ว ทว่าแต่ละคนต่างเล่นกันอย่างสนุกสนาน มู่ฉินเจินขึ้นฝั่ง ช่วยเฉียวเยี่ยนร้อยปลา ส่วนองครักษ์สองสามคนเล่นสาดน้ำกันอยู่ในน้ำ แต่ละคนเล่นจนเปียกปอนเหมือนสุนัขตกน้ำ

เด็กทั้งสองลากฮุ่ยเซียงไปเดินเล่นเลียบชายฝั่งแล้ว และไม่นานก็นำต้นหอมป่ากลับมาด้วย

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ยืดท้องน้อยตัวเองอย่างภาคภูมิใจ รอให้มารดาชม เพราะต้นหอมเหล่านั้นนางเป็นคนหามาเอง!

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

อนาคตพ่อบ้านใจกล้าอยู่ไม่ไกลแล้วท่านอ๋อง เตรียมรอรับชะตากรรมนี้เลย

เอ็นดูน้องปลาน้อยเหม็นมือที่เผลอเด็ดต้นตูนแดง มันคงเป็นกลิ่นเหม็นที่ให้อารมณ์แบบผักแขยงหรือไม่ก็ชะอมบ้านเราล่ะมั้งคะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *