ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 67 ปลาหลีอบต้นหอม ดงดอกท้อสุดลูกหูลูกตา
ตอนที่ 67 ปลาหลีอบต้นหอม ดงดอกท้อสุดลูกหูลูกตา
ตอนที่ 67 ปลาหลีอบต้นหอม ดงดอกท้อสุดลูกหูลูกตา
หลังจากเล่นอยู่ที่ริมตลิ่งมาทั้งวัน พอกลับเข้าบ้านตะวันก็ตกดินแล้ว บ้านหลังเล็กคึกคักอย่างมาก เฉียวเยี่ยนกับฮุ่ยเซียงวุ่นอยู่ในห้องครัว มู่ฉินเจินอยู่กับลูก ๆ ขณะองครักษ์สี่คนที่เหลือจัดการจับปลาหลีน้อย
อาหารเย็นนี้คือชัยชนะของวันนี้ หลังจากล้างยอดผักเซียงชุนให้สะอาดแล้วก็หั่นจนละเอียด ใส่ลงไปในไข่เหลวคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำมันลงในหม้อ ใส่ไข่ผสมผักเซียงชุนลงไปเจียวให้เหลือง กลิ่นเซียงชุนที่ลอยอวลคละคลุ้งอยู่ในห้องครัวทำให้เฉียวเยี่ยนรู้สึกหิวจนกลืนน้ำลายลงไปหลายอึก
เหล่าองครักษ์จัดการทำความสะอาดปลาหลีน้อยเสร็จแล้ว ซึ่งได้มาเต็มหนึ่งกะละมังใหญ่ เฉียวเยี่ยนตั้งใจจะใช้ต้นหอมป่าที่ฮุ่ยเซียงกับเด็กน้อยทั้งสองไปถอนมามาทำเป็นปลาหลีอบต้นหอม
นำปลาหลีที่ทำความสะอาดเสร็จแล้วใส่หอม ขิง เหล้าเหลืองลงไปหมักเพื่อลดกลิ่นคาวก่อน จากนั้นก็เทน้ำมันพืชลงไปในหม้อจำนวนมาก พอน้ำมันร้อนก็นำปลาหลีลงไปทอด ทอดจนเหลืองทองกรอบ
ปลาหลีที่ทอดเสร็จไม่ต้องใส่เครื่องปรุงอะไรเพิ่ม แค่กัดกินไปเลยก็รู้สึกว่าอร่อยแล้ว กระทั่งกระดูกก็ยังกรอบ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีก้างปลาทิ่มแทง
เด็กน้อยทั้งสองที่เล่นกันอยู่ในลานบ้านวิ่งตามกลิ่นหอมมาจนถึงห้องครัว เข้ามาขอกินใกล้เฉียวเยี่ยน เฉียวเยี่ยนจึงให้ปลาที่ทอดจนกรอบแล้วให้กับเด็ก ๆ
ด้วยกลัวว่าเด็ก ๆ จะโดนก้างปลาทิ่ม เฉียวเยี่ยนจึงสั่งให้มู่ฉินเจินคอยดูอยู่ข้าง ๆ และด้วยเหตุนี้ สามพ่อลูกก็นั่งแทะปลาอยู่หน้าประตูห้องครัว
ท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์กำลังถือปลานั่งแทะด้วยท่าทางดูสง่างามและสูงส่ง เห็นเด็กทั้งสองก็เผยรอยยิ้มออกมา ภาพนั้นดูอบอุ่นและกลมกลืน ทว่าองครักษ์สี่คนที่อยู่ข้าง ๆ กลับมองอย่างขนลุกขนพอง
จากนั้นก็พลันหวนนึกถึงท่านอ๋องผู้เย็นชา…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หลังจากทอดอยู่นาน เฉียวเยี่ยนก็ทอดปลาหลีทั้งกะละมังจนหมด ปลาทุกตัวขนาดเท่าฝ่ามือหลังจากถูกทอดในน้ำมันก็หดตัวลงจนเหลือแค่เพียงครึ่งฝ่ามือ
หลังทอดปลาเสร็จ ก็นำกระเทียมสับที่เตรียมไว้ลงไปผัดในหม้อให้หอม จากนั้นก็ใส่ซอสพริกที่พวกเขานำมาด้วยครึ่งขวด ผัดกลับไปมาครู่หนึ่งก็ใส่น้ำเพิ่มลงไป พอน้ำเดือดก็ใส่ปลาหลี และค่อย ๆ ตุ๋น จนกระทั่งปลากรอบนุ่ม จากนั้นใส่ต้นหอมที่หั่นเสร็จแล้วลงไป ในที่สุดปลาหลีอบต้นหอมถ้วยใหญ่ก็เสร็จแล้ว
ตอนจะกินข้าวก็ยังคงแบ่งเป็นสองโต๊ะเช่นเดิม ฮุ่ยเซียงกับองครักษ์สี่คนโต๊ะหนึ่ง แม้นโบราณจะมีแนวคิดที่ว่าหญิงชายมิควรนั่งรวมโต๊ะกัน ทว่าพวกเขาล้วนเป็นคนคุ้นเคยกัน หยอกล้อเล่นหัวทะเลาะวิวาทด้วยกัน จึงไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรกันมาก
หลังจากเฉียวเยี่ยนคีบไข่เจียวผักเซียงชุนขึ้นมากินสองคำ ก็รู้สึกว่าความอยากของตัวเองตลอดทั้งวันได้รับการเติมเต็มแล้ว นางเรียกสามพ่อลูกลองชิม มู่ฉินเจินกลั้นหายใจชิมลงไป สุดท้ายก็พบว่ารับไม่ไหวจริง ๆ
ท่าทางของเสี่ยวฉวนเอ๋อร์เหมือนกับท่านอ๋องเปี๊ยบ ใบหน้าน้อยยับยู่ยี่อย่างขยะแขยง ระทมทุกข์กว่ากินยาเสียอีก
ส่วนเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์หลังจากชิมไปหนึ่งคำ ดวงตาพลันเปล่งประกาย อ้าปากน้อยรอให้มารดาป้อน ด้วยไม่คิดเลยว่าใบอ่อนของต้นไม้ที่เหม็นนรกมันจะอร่อยเพียงนี้!
เฉียวเยี่ยนขบขันกับท่าทางของสามพ่อลูก และต้องชมว่าลูกสาวนางแยะแยกของได้ดี
เหล่าองครักษ์ไม่รู้ว่าไข่เจียวผักเซียงชุนมีรสชาติอย่างไร แต่สายตาของพวกเขาจ้องอยู่ที่ปลาหลีอบต้นหอมแล้ว
ปลาหลีถูกทอดในน้ำมันจนกรอบ และหลังจากถูกเคี่ยวอยู่ในน้ำแกง เนื้อก็กรอบนุ่ม แม้แต่ก้างปลาก็กรอบ ในเนื้อปลาซึมซับไปด้วยน้ำแกง แถมยังมีกลิ่นหอมเข้มข้นของต้นหอม อร่อยจนพวกเขากินข้าวไปหลายชาม
นี่เป็นครั้งแรกที่มู่ฉินเจินกินปลาหลีด้วยวิธีการทำเช่นนี้ ห้องเครื่องในตำหนักอ่องกับห้องเครื่องหลวงล้วนนำปลาหลีมาทำเป็นน้ำแกง
น้ำแกงสีขาวน้ำนม มีรสชาติปลาสดใหม่ แต่กลับไม่เห็นเนื้อปลา แม้จะอร่อย แต่กลับไม่ใช่แบบนี้
เมื่อกินข้าวเสร็จฟ้าก็ใกล้จะมืดแล้ว เฉียวเยี่ยนส่งคังฮวาไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน ปรึกษาเรื่องการปรับปรุงถนนกับหัวหน้าหมู่บ้าน
พวกเกาจัวหยวนเพิ่งกลับไปเมืองหลวงเมื่อเช้านี้ และการเดินทางต้องใช้เวลาหนึ่งวัน หลังจากไปที่เรือนกระจกเพื่อเตรียมเถามันเทศกับต้นกล้าพริกแล้ว อาจต้องใช้เวลาอีกหนึ่งวัน ไปกลับเช่นนี้ ก็อาจจะใช้เวลาสามวันก่อนที่ต้นกล้าจะมาถึง
ใช้โอกาสสามวันนี้ขยายถนนให้ดี ๆ ถึงตอนนั้นรถม้าก็จะแล่นเข้ามาในหมู่บ้านได้สะดวก
ครั้นหัวหน้าหมู่บ้านรู้ว่าเฉียวเยี่ยนจะออกเงินให้พวกเขาซ่อมแซมทาง เขาก็ซาบซึ้งใจจนเกือบจะร้องไห้ออกมา หมู่บ้านม่ายเซียงของพวกเขายากจนมาหลายชั่วอายุคน ทุกยุคล้วนมีความคิดจะซ่อมแซมถนน แต่ในเมื่อไม่มีเงิน กินข้าวไม่อิ่ม แล้วจะมีเงินที่ไหนมาซ่อมแซมถนน!
ยามนี้มีพระโพธิสัตว์มีชีวิตต้องการออกเงินช่วยซ่อมแซมเส้นทางให้พวกเขา เขาจะไม่ซาบซึ้งหรือ?
พวกเขามีแรงงานมากมายในการทำถนน แต่พวกเขาต้องซื้อหินเพื่อปูพื้นถนน ทางราชสำนักห้ามเปิดเหมืองหินส่วนตัว และต้องเสียเงินจำนวนมากในการซื้อหิน
นอกจากหิน รถที่จะนำมาลากหินก็ต้องใช้เงิน ในหมู่บ้านไม่มีช่างหิน ต้องไปจ้างที่หมู่บ้านอื่น ก็ยังต้องจ่ายค่าจ้างให้เขาอีก…
หัวหน้าหมู่บ้านคิดเรื่องเหล่านี้ ยิ่งเขาคิดก็ยิ่งซาบซึ้งใจ ดึกดื่นค่อนคืนก็นอนไม่หลับ พาสุนัขสีเหลืองตัวใหญ่เดินไปมาในหมู่บ้าน แบ่งปันข่าวดีให้กับพวกชาวบ้าน หาคนงานแข็งแรงของแต่ละครัวเรือนออกมา ทางที่ดีที่สุดพรุ่งนี้ก็เริ่มซ่อมแซมเส้นทางได้!
เฉียวเยี่ยนไม่รู้ว่าพวกชาวบ้านกำลังตื่นเต้น เวลานี้ครอบครัวสี่คนกำลังหลับสนิท
มู่ฉินเจินยังคงมาค้างแรมเช่นเดิม บางทีอาจเป็นเพราะมานอนหลายครั้งจนชินแล้ว เฉียวเยี่ยนจึงสงบลงมาก ข้างกายมีบุรุษมาอยู่เคียงข้าง กอดลูกน้อยที่อาบน้ำจนหอมฟุ้งไว้ พลางนอนหลับไปอย่างอิ่มเอมใจ
พอตื่นนอนขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น เฉียวเยี่ยนก็พบว่าในลานบ้านมีสิ่งของมากมาย ทั้งผักกวางตุ้ง หน่อกระเทียม ไข่ไก่ ไข่เป็ด แม้แต่ไหผักดองเค็มก็มีหลายไห
เห็นเช่นนี้ก็รู้แล้วว่าพวกชาวบ้านส่งมา นางรู้สึกประทับใจกับชาวบ้านที่เรียบง่ายและกระตือรือร้นกลุ่มนี้จริง ๆ นางช่วยพวกเขาเพียงเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน แต่พวกเขากลับตอบแทนด้วยใจจริง
ระบบตัวน้อยตื่นขึ้นมาแล้วด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงดุจรังนก พลางยื่นแขนออกบิดขี้เกียจ เห็นสภาพในลานบ้าน นางก็ขยับปากน้อย
[ท่านโฮสต์ ท่านไปเปิดศาสนาสักแห่งหนึ่งดีหรือไหม ระบบคิดว่าท่านเหมาะแก่การล้างสมองมาก]
โชคดีที่โฮสต์ของนางเป็นพลเมืองที่ฝักใฝ่ในคุณธรรมอันดี หากนี่เป็นลัทธิปีศาจนอกรีต ต้องหลอกคนกลุ่มหนึ่งให้หลงเดินทางผิดเป็นแน่
เฉียวเยี่ยนยกยิ้มขึ้นมาด้วยความภูมิใจ “ช่วยไม่ได้ คนมันมีเสน่ห์มากเกินไป”
[แหวะ]
ระบบตัวน้อยทำท่าอยากอาเจียน และกลอกตาใส่เฉียวเยี่ยนอย่างน่ารัก จากนั้นก็หยิบแปรงสีฟันเด็กมาแปรงฟัน
หลังกินข้าวเช้าอันเรียบง่ายเสร็จ เฉียวเยี่ยนก็ให้องครักษ์นำเงินไปให้หัวหน้าหมู่บ้านห้าสิบตำลึง ให้ถือว่าเป็นค่าซ่อมแซมถนนล่วงหน้า หากไม่พอนางก็จะให้อีก
นางดูออกว่าหัวหน้าหมู่บ้านเป็นชายชราที่ไม่เลวคนหนึ่ง จึงไม่กังวลว่าเขาจะเอาเงินใส่กระเป๋าตัวเอง ในเมื่อพวกเขาเคารพนับถือนาง เช่นนั้นนางก็เชื่อใจพวกเขาให้มากพอ
หัวหน้าหมู่บ้านถือเงินหนักห้าสิบตำลึง ก็รู้สึกแค่ว่าภาระบนบ่าของเขาหนักอึ้ง เขาต้องวางแผนอย่างรอบคอบ และใช้เงินทุกตำลึงทุกอีแปะเพื่อให้เกิดประโยชน์จริง ๆ ห้ามทำผิดต่อความไว้วางใจของหวางเฟยเด็ดขาด!
การเตรียมปลูกผักในฤดูใบไม้ผลิขั้นพื้นฐานของหมู่บ้านม่ายเซียงได้ถูกเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว พวกเฉียวเยี่ยนจึงเดินทางไปหมู่บ้านจิ่วหลีพัวอีกหมู่บ้านหนึ่ง
หมู่บ้านจิ่วหลีพัวกับหมู่บ้านม่ายเซียงอยู่ใกล้กันมาก เดินทางครึ่งชั่วยามกว่าก็ถึงแล้ว ดังนั้นเฉียวเยี่ยนจึงคิดว่าจะกลับมาค้างแรมที่หมู่บ้านม่ายเซียงเช่นเดิม เดินทางไปแบบเรียบง่าย ไม่นำของอะไรไปด้วยมาก
ทันทีที่เข้ามาในหมู่บ้านจิ่วหลีพัว เฉียวเยี่ยนก็สังเกตเห็นเนินเขาต่อเนื่องกันเป็นสีชมพูแดง ทอดยาวออกไปไกลหลายลี้
ดอกท้อ! มีแต่ดอกท้อทั้งนั้นเลย!
ตอนนี้เป็นฤดูดอกท้อจริง ๆ นอกจากหญ้าเขียวขจีตามเนินเขาแล้วยังมีดอกท้อสีชมพูอ่อน ๆ อีกด้วย ทิวทัศน์สวยงามราวกับหลุดเข้าไปในสรวงสวรรค์
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์นางฟ้าตัวน้อยที่รักดอกไม้เห็นภูเขาเต็มไปด้วยดอกไม้ก็ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ออดอ้อนอยากขึ้นเขาไปเก็บดอกท้อ เหล่าองครักษ์จึงต้องวิ่งขึ้นเขาไปเก็บดอกท้อมาช่อใหญ่ เด็กน้อยถึงได้พอใจ
ภูมิประเทศของหมู่บ้านจิ่วหลีพัวมีลักษณะยาวและแคบ มีเนินเขาอยู่สองด้าน และบ้านก็กระจายอยู่ตามร่องเนินเขาทั้งสอง บางคนก็สร้างบ้านเรือนอยู่บนเนินเขา แบบคนสันโดษอาศัยอยู่ในป่าท้อ
เฉียวเยี่ยนชอบป่าท้อผืนนี้มาก นางโผล่ศีรษะออกมาจากม่านรถชื่นชมทิวทัศน์อันสวยงามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่เมื่อรถม้าเข้าไปในหมู่บ้าน นางก็ค้นพบสิ่งที่แปลกประหลาด
ชาวนาในหมู่บ้านจิ่วหลีพัวยากจนมาก ถึงขั้นยากจนกว่าหมู่บ้านม่านเซียง บ้านของทุกครัวเรือนเป็นบ้านอิฐที่ทรุดโทรม และบางหลังยังมุงด้วยหญ้าคา
มู่ฉินเจินดูออกว่าเฉียวเยี่ยนสงสัย จึงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ป่าท้อที่เจ้าเห็น แม้นจะงดงาม แต่กลับถูกคนในพื้นที่ชังเข้ากระดูกดำ เพราะมันเป็นผู้ร้ายหลักที่ทำให้พวกเขายากจน”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เฉียวเยี่ยนนี่เป็นพระโพธิสัตว์จริงๆ ค่ะ ย่างไปทางไหนที่นั่นก็เจริญ
จะใช้ประโยชน์จากป่าท้อนี่ได้ไหมนะ เผื่อจะยกระดับฐานะคนหมู่บ้านนี้ขึ้นมาได้บ้าง ต้นท้อก็มีประโยชน์หลายอย่างอยู่เหมือนกันนะ
ไหหม่า(海馬)
Comments