ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 75 ท่านอ๋องเลี้ยงลูก
ตอนที่ 75 ท่านอ๋องเลี้ยงลูก
ตอนที่ 75 ท่านอ๋องเลี้ยงลูก
นางไม่ได้สนใจท่าทางของท่านอ๋องนัก และเอ่ยชมอย่างเป็นธรรมชาติ “ไม่เลวเลย หยุดฝึกได้”
สิ้นเสียง นางก็นำกิ่งไม้นั้นแสดงให้พวกทหารดู “ทุกคนมาดูได้ มาเรียนไปด้วยกัน”
ครั้นได้ยินคำชมของเจ้าท่อนไม้ มุมปากของท่านอ๋องผู้นี้ก็ยกขึ้น และยิ่งมีท่าทางภูมิใจมากขึ้น ประหนึ่งสุนัขตัวใหญ่ถูกชม ใบหน้าเคลือบด้วยรอยยิ้ม และส่ายหางไม่หยุด
โอ้ว ท่านอ๋องไม่มีหาง หากมีหาง เขาอาจจะลอยขึ้นฟ้าไปแล้ว
เมื่อพวกทหารเห็นท่าทางท่านอ๋อง ก็พากันเบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็น!
ผู้ชายติดเมีย! ไร้หนทางช่วยแล้ว!
หลังจากผ่านการฝึกจริงมาสองสามวัน พวกทหารฝ่ายทาบกิ่งก็เชี่ยวชาญการทาบกิ่งแล้ว และทุกคนล้วนชำนาญในศัตราวุธ ไม่นานก็ควบคุมแรงในการใช้มีดทาบกิ่งได้ หากพวกเขาทาบกิ่งได้อย่างแม่นยำ อัตราการรอดน่าจะอยู่ที่หกส่วนขึ้นไป
เฉียวเยี่ยนได้หาทีมก่อสร้างไปสร้างบ้านที่ป่าท้อแล้ว แต่ฝ่ายที่รับผิดชอบเลี้ยงไก่แบบปล่อยยังมิอาจเริ่มงานในตอนนี้ได้ นางจึงส่งทุกคนไปล้อมรั้วแทน
การล้อมรั้วไม่ต้องใช้ทักษะมากมาย ขอแค่มีพละกำลังก็พอแล้ว นำไม้ไผ่ที่ตัดเสร็จแล้วตอกเข้าไปในดิน และกลบดินให้แน่นอีกที ให้มันมั่นคงได้ก็เพียงพอแล้ว
เดือนสี่ใกล้สิ้นสุดลง เหลือเวลาอีกไม่มากในการทาบกิ่ง เฉียวเยี่ยนจึงพาฝ่ายทาบกิ่งทั้งสองชั้นเรียนเดินทางไปยังหมู่บ้านจิ่วหลีพัว รีบเร่งทาบกิ่งแข่งกับเวลา
นางไปตัดกิ่งพันธุ์ดีที่นำมาใช้ทาบจากพระราชวัง ในพระราชวังมีป่าท้อน้ำผึ้งอยู่ผืนหนึ่งที่ใช้เวลาในการดูแลอย่างมาก และเติบโตมาอย่างดี หลังจากขอพระบรมราชานุญาตจากฮ่องเต้แล้วก็ตัดกิ่งไม้ถึงสองคันรถส่งไปยังหมู่บ้านจิ่วหลีพัว
ตอนนี้นำไปทาบกิ่งก่อน หากกิ่งไม้หมด ก็ค่อยไปหากิ่งพันธุ์คุณภาพดีตามหมู่บ้านใกล้เคียง
ครานี้ท่านอ๋องตามเฉียวเยี่ยนไปด้วยไม่ได้ เพราะถูกนางจัดให้ดูแลเด็ก ๆ อยู่ที่บ้าน
ครั้งนี้นางต้องทาบกิ่งไปกับพวกคนงาน ต้องใช้เวลาทั้งวันอยู่บนภูเขา ไม่มีเวลาไปดูแลเด็ก ๆ แน่นอน นางให้เด็ก ๆ อยู่ที่บ้านจะได้สบายใจหน่อย
อีกอย่างเด็กทั้งสองยังต้องเข้าเรียน ท่านอ๋องเองก็ต้องไปว่าราชกิจ ขณะมู่ฉินเจินเฝ้าดูเฉียวเยี่ยนอยู่ในบ้านไม่ไปว่าราชกิจ พวกขุนนางคงยื่นสาส์นเล่นงานเขาเป็นกองพะเนินแล้ว
ฮ่องเต้เฒ่าเองก็รู้สึกจนใจกับโอรสที่อู้งานของตน และลากเขากลับมาว่าราชกิจต่ออย่างโกรธกริ้ว
เฉียวเยี่ยนพาฮุ่ยเซียงกับองครักษ์สองสามคนออกเดินทางไปหมู่บ้านจิ่วหลีพัว ก่อนออกเดินทางก็นั่งอยู่ในรถม้าบอกลาสามพ่อลูก
เด็กทั้งสองถูกมู่ฉินเจินอุ้มอยู่คนละข้างพลางเบะปากอย่างเสียใจ ดวงตากลมโตคลอไปด้วยน้ำตา โบกมือให้กับมารดาอย่างอาลัยอาวรณ์
เฉียวเยี่ยนอาลัยอาวรณ์เช่นกัน แต่เพื่อหาเงิน เพื่อให้ระบบตัวน้อยได้ออกมาเร็ววัน นางจึงไม่ไปไม่ได้
รถม้าแล่นออกไปไกลแล้ว ขณะยืนอยู่หน้าประตูตำหนักอ๋องซู่ก็มองไม่เห็นเงารถแล้ว เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ก็เบะปากและร้องไห้ออกมา
“ฮื่อออ…ท่านแม่ ลูกจะหาท่านแม่”
น้ำตาของเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ก็เอ่อคลออยู่ที่ขอบตา ทว่าเขากลั้นเอาไว้ ฝืนไม่ให้ร้องไห้ออกมา
ตั้งแต่เด็กทั้งสองกลับตำหนักมา ส่วนใหญ่แล้วเฉียวเยี่ยนเป็นคนดูแล และไม่เคยมีภาพที่ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนอย่างตอนนี้เลย มู่ฉินเจินจึงพลันทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
เขาอุ้มเด็กทั้งสองกลับเข้าไปในตำหนัก ใช้น้ำเสียงอ่อนโยนโอ๋กล่อม เมื่อมาถึงห้อง ก็นั่งลงบนม้านั่ง ให้เด็ก ๆ นั่งบนขาตัวเอง และใช้มือประคองหลังพวกเขาไว้
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์หยุดร้องไห้ ทว่าท่าทางเศร้าสร้อยนั้นน่าสงสารจับใจ ปากน้อยเบะออก ดวงหน้ายังเปียกชื้นด้วยคราบน้ำตา
มู่ฉินเจินลูบหัวนางอย่างปวดใจ เขาที่พูดไม่เก่งเป็นทุนเดิมในเวลานี้กลับอ่อนโยนสุดขีด และโอ๋เด็กน้อยเสียงเบา
เด็กน้อยทั้งสองเสียใจอยู่สักพัก ก็พิงซบอกเขาหลับไป เขาอุ้มเด็ก ๆ วางไว้บนเตียง ห่มผ้าให้พวกเขา และสอดมุมผ้าห่มอย่างระมัดระวัง
เมื่อออกมาจากห้อง เขาก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ เจ้าท่อนไม้ไปได้ไม่ทันไร ก็คิดถึงนางเสียแล้ว เขาจะใช้ชีวิตอย่างไรเล่าทีนี้!
ณ หมู่บ้านจิ่วหลีพัว
ดอกท้อยังคงบานสะพรั่งเช่นเดิม ทั่วบริเวณเป็นสีชมพูทั้งผืน พวกทหารที่มาที่นี่ครั้งแรกก็หลงใหลในความงดงามนี้ พลางพากันเด็ดดอกท้อมาปักอยู่บนมวยผม วิ่งเริงร่าอยู่บนภูเขาอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
แม้บุรุษที่เป็นทหารมักจะพูดเรื่องตลกลามก แต่พวกเขากลับมีใจที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสามากกว่าคนทั่วไป คนที่มีอายุยี่สิบกว่า ๆ ใกล้จะสามสิบยังคงเล่นสนุกเหมือนพวกหนุ่มสาว
พวกคนงานที่รับผิดชอบสร้างที่พักกับล้อมรั้วได้เริ่มงานแล้ว ทว่าตอนนี้ยังขุดขึ้นฐานอยู่ กว่าที่พักจะสร้างเสร็จ ยังต้องใช้เวลาอีกนาน
คนกว่าหนึ่งร้อยคนพักอยู่บ้านของชาวบ้านคงไม่ค่อยดีนัก เฉียวเยี่ยนจึงขอยืมกระโจมในค่ายทหารกับมู่ฉินเจินมาไม่น้อย และตั้งค่ายอยู่บนภูเขาใช้พักอาศัยอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน
เพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหา นางจึงพักอยู่ในหมู่บ้าน ซึ่งหัวหน้าหมู่บ้านได้เตรียมที่พักให้นางแล้ว
การทาบกิ่งต้องรีบทำให้เสร็จก่อนปลายเดือนห้า เวลากระชั้นชิดมากจนเฉียวเยี่ยนไม่มีเวลาทำอาหารให้พวกคนงาน จึงออกเงินให้พวกชาวบ้านในหมู่บ้านจิ่วหลีพัว ทำอาหารมาส่งบนภูเขาเมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร
วุ่นอยู่ในภูเขาทุกวัน เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงต้นไม้ พวกคนงานแต่ละคนเหนื่อยจนเหงื่อท่วม ทว่าไม่มีใครร้องว่าเหนื่อยเลย กลับทำงานกันอย่างขมักเขม้น
ไม่เห็นหวางเฟยเหนียงเหนียงทำงานเก่งกว่าพวกเรารึ? นางที่เป็นสตรียังไม่โอดครวญว่าเหนื่อยสักนิด พวกเขาที่เป็นชายชาตรีกลับบ่นกระปอดกระแปด มันใช่เรื่องหรือ?
ในหนึ่งวันมีงานมากมายก่ายกอง ต่อให้เฉียวเยี่ยนมีกำลังมากแค่ไหนก็เหนื่อยไม่น้อย ตอนเย็นจึงได้แต่นอนอยู่บนเตียงด้วยอาการปวดเอวเมื่อยหลังไปหมด โดยมีฮุ่ยเซียงนั่งอยู่ริมเตียงนวดให้นาง
ระบบตัวน้อยรู้ว่าที่โฮสต์พยายามอย่างถวายหัวเช่นนี้สาเหตุใหญ่ล้วนเป็นเพราะนาง นางก็ซาบซึ้งใจจนน้ำตาเอ่อคลอ ท่าทางน่าสงสารนั้นน่ารักอย่างยิ่ง
เฉียวเยี่ยนเห็นเด็กน้อยทั้งน่าสงสารทั้งน่ารัก ก็กล่าวปลอบโยนออกมาอย่างจนใจ ท่าทางที่อยู่ดี ๆ ก็น้ำตาไหล ช่างเหมือนเจ้าปลาอ้วนของนางจริง ๆ
เฮ้อ ไม่รู้ว่าเด็กทั้งสองจะงอแงหรือไม่ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาอยู่ห่างกายนางนานตั้งแต่เกิดมาเลย
ในขณะที่คิดถึงเด็กทั้งสอง เฉียวเยี่ยนก็คิดถึงมู่ฉินเจิน อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ นางคุ้นชินกับการมีเขาอยู่ข้างกายแล้ว จู่ ๆ ตอนนี้ไม่เห็นเขาก็รู้สึกไม่ชินเอามาก ๆ
ในขณะที่นางคิดถึงสามพ่อลูก พวกเขาหรือจะไม่คิดถึงนางเช่นกัน?
นับตั้งแต่แยกจากนาง มู่ฉินเจินก็มีความสุขกับประสบการณ์ในการเป็นแม่ และยิ่งรู้สึกสงสารเจ้าท่อนไม้มากขึ้น
ตอนเช้าพวกเด็ก ๆ ต้องไปสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน และเขาเองก็ต้องไปว่าราชกิจ เวลาว่าราชกิจเช้ากว่าพวกเด็ก ๆ เข้าเรียนมาก เขาจึงลาป่วยไม่เข้าว่าราชกิจไปเสียเลย เพื่ออยู่บ้านดูแลเด็ก ๆ
ตอนเช้าต้องปลุกพวกเด็ก ๆ ตื่นนอน ล้างหน้าสวมอาภรณ์ให้พวกเขา และเตรียมกล่องข้าวน้อยให้พร้อม ตอนเย็นก็อาบน้ำให้พวกเด็ก ๆ และนอนเล่านิทานให้ฟัง
ตอนเริ่มแรกเขาทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย แต่โชคดีที่ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว
พวกเด็ก ๆ ต้องดื่มนมในตอนเช้า เขาจึงต้องชงนมไว้ล่วงหน้า กล่องอาหารน้อยของพวกเขาก็ต้องหน้าตาดูดีและน่ารับประทาน เขาที่ทำอาหารไม่เป็นจึงไปกดขี่เหล่าพ่อครัวให้พวกเขาเปลี่ยนวิธีการทำ
ในยามอาบน้ำ เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ต้องฟังเพลงในระหว่างอาบน้ำไปด้วย นี่มันยากสำหรับเขามาก แม้จะเคยได้ยินเฉียวเยี่ยนร้อง แต่เขาก็ร้องเพลงกล่อมเด็กไม่เป็นจริง ๆ
ทว่ามันไม่มีทางอื่นแล้ว หากเขาไม่ร้อง เจ้าปลาอ้วนก็จะเบะปากเตรียมร้องไห้ออกมา ลูกตัวเอง เขาจะทำอะไรได้ ก็ต้องตามใจนางน่ะสิ!
ด้วยเหตุนี้ ท่านอ๋องจึงใช้เสียงทุ้มต่ำของตัวเองร้องเพลงอาบน้ำออกมา ทันทีที่เขาร้องเพลงอาบน้ำออกมา พริบตาเดียวก็ดูสูงส่งอยู่มากโข และเจ้าปลาอ้วนก็เล่นน้ำอย่างสนุกสนานท่ามกลางเสียงเพลง
เฉียวเยี่ยนไม่ได้กลับเมืองหลวงมาครึ่งเดือนแล้ว มู่ฉินเจินได้แต่ยืนอยู่ในลานเหม่อมองแปลงผักที่นางปลูกทุกวัน เหมือนรูปปั้นหินที่รอคอยภรรยา
เหตุใดนางยังไม่กลับมาอีก? หรือไม่คิดถึงเขาแล้ว?
เขาเริ่มวิตกกังวล ส่วนเด็กทั้งสองก็ไม่มีกะจิตกะใจจะกินข้าวดื่มน้ำ ตอนกลางวันไปเล่นกับสหายน้อยในสำนักศึกษาก็พอจะสลัดความสนใจออกไปได้ ไม่เอะอะโวยวาย แต่พอถึงตอนเย็นก็เริ่มเรียกหาแม่ หดซุกตัวอยู่ในผ้าห่มอย่างเศร้าสร้อย เอาแต่ส่งเสียงฮึดอัดต้องการแม่
มู่ฉินเจินปวดใจนัก ทว่าเขาเองก็หมดปัญญา ได้แต่เชิญฮองเฮาออกจากวังมาเล่นหยอกล้อกับเด็ก ๆ ซึ่งก็พอบรรเทาลงไปได้บ้าง
ท้ายที่สุด ในวันที่สิบเจ็ดหลังจากเฉียวเยี่ยนออกจากบ้าน เขาก็ทนไม่ได้อีกต่อไป จึงตัดสินใจพาเด็ก ๆ ออกจากบ้านไปตามหาเจ้าท่อนไม้ที่ไม่ยอมกลับบ้านเสียที
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ซ้อมเป็นพ่อบ้านไว้ท่านอ๋อง หลังจากนี้ท่านคงต้องเลี้ยงลูกแทนเจ้าท่อนไม้บ่อยขึ้นแน่นอน ถือว่าเป็นการใช้กรรมที่ทิ้งเฉียวเยี่ยนคนเก่าไว้ที่บ้านไร่สี่ปีคนเดียวแล้วกันนะ
ไหหม่า(海馬)
Comments