ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 77 ฆ่าไก่ ท่านอ๋องถอนขนไก่

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 77 ฆ่าไก่ ท่านอ๋องถอนขนไก่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 77 ฆ่าไก่ ท่านอ๋องถอนขนไก่

ตอนที่ 77 ฆ่าไก่ ท่านอ๋องถอนขนไก่

เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์พิงอยู่กับอกผู้เป็นแม่ และเบะปากอย่างเสียใจ พลางบ่นสาธยายความผิดของเฉียวเยี่ยนออกมา “ท่านแม่ ท่านไม่กลับบ้านมาทำกับข้าวให้ลูกมาสิบเจ็ดวัน ลูกหิวจนผอมโซแล้ว!”

เฉียวเยี่ยนลูบท้องน้อยๆ ของเด็กน้อยอารมณ์ไม่ดี ก่อนเอ่ยง้อด้วยรอยยิ้ม “ลูกแม่นับวันเป็นแล้ว ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! วันนี้แม่ทำของอร่อยให้เจ้าดีหรือไม่?”

เจ้าปลาอ้วนยืดอกอย่างภาคภูมิใจที่นับวันได้ถึงวันที่สิบเจ็ด แน่นอนสิ นางเป็นสหายตัวน้อยที่ตั้งใจเรียนเชียวนะ!

เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างเห็นท่าทางภาคภูมิใจของน้องสาว ก็สงบนิ่งไม่เอ่ยอะไร นอนหลับกับกินของว่างในชั้นเรียนนี่เรียกว่าตั้งใจเรียนหรือ?

หลังจากปลอบเด็กๆ เสร็จ เฉียวเยี่ยนก็ให้สามพ่อลูกไปเล่นกันก่อน ส่วนนางจะทำอาหาร ทว่าสามพ่อลูกกลับตามติดนางมานั่งอยู่ในห้องครัวอย่างเรียบร้อย ทั้งยังมองนางตาปริบ ๆ

เฉียวเยี่ยนส่งเสียงหัวเราะออกมา ภาพนี้ช่างเหมือนพ่อสุนัขพาลูกสุนัขมาขอข้าวกินเลย

ตอนนี้ฮุ่ยเซียงได้เข้าใจเฉียวเยี่ยนอย่างลึกซึ้งแล้ว เมื่อรู้ว่าท่านอ๋องกับนายน้อยทั้งสองมา นางต้องทำอาหารด้วยตัวเองแน่ จึงถือตะกร้าเดินเข้าไปซื้อผักกับพวกชาวบ้านในหมู่บ้าน

ถึงบอกว่าไปซื้อ แต่ความจริงแล้วกลับเป็นพวกชาวบ้านให้มาเสียส่วนใหญ่ นางให้เงินแต่พวกเขาไม่รับ ยิ่งได้ยินว่านางมาซื้อผักก็ลากนางไปที่แปลงผักโดยตรง เห็นต้นไหนก็ถอนต้นนั้นออกมา

แล้วยังจับไก่ตัวผู้ไร้ประโยชน์ในบ้านมาให้นางหนึ่งตัว ซึ่งแทบจะถอนขนและผ่าล้างทำความสะอาดมาให้พร้อมเสร็จสรรพ

ฮุ่ยเซียงวางตะกร้าที่มีผักอยู่เต็มไว้ในลานบ้านเล็กแล้วก็ก้าวขาวิ่งออกไป นางมองสายตาเยือกเย็นของท่านอ๋องออก และคิดว่าตนไปกินข้าวกับพวกคนงานบนภูเขาเสียดีกว่า จะได้ไม่ต้องเห็นสายตาของท่านอ๋อง

เฉียวเยี่ยนมองฮุ่ยเซียงกับท่านอ๋องที่งอนกันเหมือนเด็กน้อยก็รู้สึกจนใจและขบขัน ไฉนถึงรู้สึกเหมือนสนมสองคนกำลังแย่งชิงความโปรดปรานจากฝ่าบาทกันนะ

นางสลัดความคิดเหล่านี้ในหัวทิ้ง และต้มน้ำหนึ่งหม้อ ก่อนลงมือเชือดพ่อไก่ตัวนั้น

นางชูคอไก่ตัวผู้ขึ้นก่อนลงมีดเชือดในครั้งเดียว และนำถ้วยมารองเลือดไก่ที่หยดลงมา ปีกทั้งคู่ของมันลู่ตกลง ดวงตาลืมไม่ขึ้น ดีดขาอยู่สองครั้งก่อนจะสิ้นลม

จากนั้นก็โยนไก่ที่สิ้นลมแล้วลงในอ่างไม้ เด็กน้อยทั้งสองก้มตัวนั่งลงข้างอ่างไม้อย่างใคร่รู้ และใช้นิ้วแหย่ดูว่ามันตายแล้วหรือไม่

ต่อมาก็นำน้ำร้อนที่เดือดจัดสาดลงบนตัวไก่ ให้มันถูกความร้อนสักพักจนขนหลุดร่วงออกมาเป็นหย่อม ๆ

เมื่อขนไก่ปะทะกับน้ำร้อน กลิ่นเหม็นคาวพลันโชยมาแตะจมูก เด็กทั้งสองปิดจมูกและมองดู ทั้งเหม็นทั้งอยากเล่น

มู่ฉินเจินกลัวว่าน้ำจะร้อนเกินไปจนมือเฉียวเยี่ยนอาจจะโดนลวกเอาได้ จึงรับหน้าที่ถอนขนด้วยตัวเอง

แม้เขาจะเคยกินไก่มาไม่น้อย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาลงมือถอนขนไก่ ทั้งคาวทั้งเหม็น เฉียวเยี่ยนเห็นสีหน้าขมขื่นของเขาก็หัวเราะเสียจนท้องคัดท้องแข็ง

ขนไก่ตัวผู้ช่างงดงามนัก โดยเฉพาะขนยาวสองสามเส้นตรงส่วนหาง ในตอนที่เด็กทั้งสองเริ่มรังเกียจสุด ๆ ก็ดึงขนไก่สองสามเส้นนั้นไปเล่นแล้ว โดยมิสนว่าจะเหม็นหรือไม่

เฉียวเยี่ยนเห็นเด็กทั้งสองชอบ ก็เก็บขนไก่สวย ๆ สองสามเส้นไปตากแดดในลานบ้าน เพื่อรอนำมาทำลูกขนไก่ให้พวกเขาในตอนเย็น

เมื่อถอนขนไก่จนเกลี้ยงแล้ว แต่บนตัวยังเหลือเศษปอยขนเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ เฉียวเยี่ยนจึงนำใบไม้ขอนไม้มาก่อไฟ แล้วนำไก่เข้าไปลนในไฟ กำจัดปอยขนเล็ก ๆ เหล่านั้นจนหมด

หลังจากจัดการผ่าท้องไก่เสร็จแล้ว ก็ใส่หอม ขิง เหล้าเหลืองลงไปหมักตัดกลิ่นคาว พอหมักเสร็จแล้วก็เอาลงไปผัดในหม้อจนเหลืองเกรียม แล้วก็ใส่ซีอิ๊ว โต้วป้านเจี้ยงลงไปผัดเพิ่มสีสัน จากนั้นนำมันฝรั่งที่หั่นเป็นชิ้นใส่เข้าไปผัดด้วย สุดท้ายก็เติมน้ำลงไปตุ๋นไว้ก็เป็นอันเสร็จ

เข้านี้มีแค่พวกเขาสี่คนที่กินข้าว เฉียวเยี่ยนจึงไม่คิดที่จะทำอาหารมากมาย ทำแค่ไก่ผัดมันฝรั่ง ยำผักป่าหนึ่งถ้วย หุงข้าวหนึ่งหม้อ เท่านี้ก็รับประทานได้แล้ว

เด็กทั้งสองไม่ได้กินข้าวฝีมือแม่มานานแล้ว ก็ตักกินเอา ๆ อย่างตะกละตะกลาม เฉียวเยี่ยนกลัวว่าพวกเขาจะสำลัก จึงเตรียมน้ำไว้ให้พวกเขา

“ค่อย ๆ กินก็ได้ ประเดี๋ยวตอนบ่ายแม่จะทำให้พวกเจ้าอีก”

มู่ฉินเจินเองก็รับประทานอย่างรวดเร็วเช่นกัน แม้ตอนนี้พ่อครัวในตำหนักอ๋องจะทำอาหารได้ไม่เลวแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีรสชาติที่วิเศษและมีกลิ่นอายครอบครัวเหมือนอย่างที่เฉียวเยี่ยนทำ

ไก่บ้านที่พวกชาวบ้านเลี้ยงมีคุณภาพดีมาก เมื่อนำมาตุ๋นกับมันฝรั่ง มันฝรั่งก็จะดูดซับกลิ่นหอมของเนื้อไก่ ทั้งอ่อนนุ่มทั้งอร่อย นำน้ำแกงมาราดลงบนข้าว คลุกเคล้าให้เข้ากัน มันก็จะอร่อยเป็นพิเศษ

……

เมื่อกินข้าวเสร็จ เฉียวเยี่ยนก็ต้องไปหาต้นท้อในหมู่บ้าน กิ่งต้นท้อน้ำผึ้งที่นำมาจากเมืองหลวงถูกใช้หมดไปนานแล้ว กิ่งที่ใช้ในหลายวันมานี้ล้วนเป็นกิ่งที่นางไปขอซื้อกับพวกชาวบ้านมา

พวกชาวบ้านในหมู่บ้านจิ่วหลีพัวปลูกท้อน้ำผึ้งที่บ้านตัวเองกันไม่น้อย ผืนดินของพวกเขาเหมาะแก่การเจริญเติบโตของต้นท้อมาก ดังนั้นคุณภาพของต้นท้อจึงไม่เลวเลย นางจึงใช้เงินซื้อกิ่งท้อกับพวกชาวบ้าน

บ้านสองสามหลังที่หาเจอล้วนถูกตัดกิ่งไปพอประมาณแล้ว หากตัดต่อไป ต้นไม้ก็จะโล้นหมด นางจึงจำต้องหาเป้าหมายใหม่

ครั้นได้ยินหัวหน้าหมู่บ้านบอกว่ามีครัวเรือนสองสามหลังที่อยู่ท้ายหมู่บ้านปลูกต้นท้อเช่นกัน วันนี้นางจึงตั้งใจจะไปดู

มู่ฉินเจินกับเด็ก ๆ ย่อมทำตามการตัดสินใจของนางอย่างไร้เงื่อนไข พลางเดินตามนางไป

มาอยู่ที่หมู่บ้านจิ่วหลีพัวตั้งหลายวัน เฉียวเยี่ยนเองก็คุ้นเคยกับหมู่บ้านนี้เป็นอย่างดีแล้ว จึงเดินไปพร้อมกับแนะนำให้สามพ่อลูก ดูราวกับมัคคุเทศน์คนหนึ่งเป็นอย่างมาก

ระหว่างทางที่ผ่านหน้าบ้านพวกชาวบ้าน สุนัขตัวใหญ่ที่มีหน้าที่เฝ้าบ้านต่างโผล่หัวมามองอย่างระแวดระวัง ครั้นเห็นเฉียวเยี่ยนแล้ว พวกมันไม่เพียงแต่ไม่เห่า แต่ยังส่ายหางให้ด้วย

เฉียวเยี่ยนเองก็เรียกชื่อพวกมันออกมาได้สองสามชื่อ บ้านหลังนี้ชื่อว่าต้าเฮย บ้านโน้นชื่อว่าเอ้อร์เฮย แล้วก็บ้านนั้นชื่อว่าเสี่ยวฮุย

ความจริงแล้วสุนัขในชนบทมีชื่อที่ไพเราะมาก ลำตัวสีอะไรก็เรียกชื่อสีนั้น แค่เรียกก็จำได้แม่น เมื่อเห็นแมว เรียกมันเหมียวเหมียว มันก็จะขานกลับใส่สองครั้ง บ้างก็ให้ช่วยเกาคาง

ภูมิประเทศของหมู่บ้านจิ่วหลีพัวมีลักษณะแคบยาว หน้าหมู่บ้านจนถึงท้ายหมู่บ้านอยู่ห่างกันมาก เด็กทั้งสองเดินมาครึ่งทางก็เหนื่อยแล้ว จึงซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนบิดา

ครอบครัวสี่คนพูดคุยหัวเราะกันมาตลอดทางเหมือนมาท่องเที่ยวตามชานเมือง เมื่อเจอคนคุ้นเคยก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม มู่ฉินเจินไม่ค่อยชอบพูด แต่เขาก็ยืนทำหน้าเป็นมิตรอยู่ด้านหลังเฉียวเยี่ยน ฟังนางคุยกับคนอื่น

เมื่อถึงท้ายหมู่บ้าน เฉียวเยี่ยนจึงแวะถามทาง มุ่งหน้าไปหาผู้ที่ชื่อว่าเถาซานเหลียง

ขาวบ้านบอกว่าต้นท้อของบ้านเถาซานเหลียงใหญ่ที่สุดแล้วในละแวกนี้ ทุกปีเก็บผลมาได้ไม่น้อยเลย

เมื่อทราบทิศทางที่คนในหมู่บ้านชี้ เฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินก็คลำทางเลียบไปกระทั่งเจอบ้านหลังนั้น

มันเป็นบ้านหญ้าฟางเก่าทรุดโทรม กำแพงที่สร้างจากดินเหนียวแตกระแหงเป็นรอยร้าว ดูง่อนแง่นไม่มั่นคง แค่มองก็รู้ว่าชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าของบ้านไม่ค่อยดีนัก

หากแต่ในยามนี้ ภายในสวนบ้านหลังดังกล่าวกลับมีเสียงแผดร้องน่าเวทนาของสตรีผู้หนึ่งและเสียงร้องไห้ของเด็กดังขึ้น โดยมีชายคนหนึ่งกำลังสบถด่า ดูท่าแล้วคงดื่มสุรามา วาจาก่นด่าจึงฟังไม่รู้ความ

เฉียวเยี่ยนขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย นี่คือความรุนแรงในครอบครัวรึ?

ระบบตัวน้อยได้ยินเสียงดังจึงตรวจสอบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพบว่าชายขี้เมาคนหนึ่งกำลังใช้เท้าเตะหญิงคนหนึ่ง ซึ่งหญิงคนนั้นกำลังปกป้องลูกน้อยเอาไว้ในอ้อมแขน

เด็กน้อยกำมือแน่นด้วยความโกรธ และรายงานสถานการณ์ให้เฉียวเยี่ยน ผู้ชายที่ใช้ความรุนแรงในครอบครัวเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุด!

เฉียวเยี่ยนไม่คิดให้มากความ แต่ดูตามสถานการณ์ในตอนนี้ หากนางไม่ลงมือ หญิงผู้นั้นกับลูกคงรอดอยู่ได้อีกไม่นาน

นางปรี่เข้าไปในลานบ้าน มู่ฉินเจินเองก็ไม่รั้งไว้ ไม่ว่านางคิดจะทำอะไร เขาจะร่วมมือไปกับนางด้วย

เมื่อเข้ามาในลาน ก็เห็นหญิงผู้นั้นปกป้องลูกไว้สุดชีวิตในสภาพจมูกช้ำเขียวหน้าบวมเบ่ง หน้าผากแตกเลือดไหลโซม ทว่าชายผู้นั้นกลับยังคงกระทืบร่างหญิงผู้นั้นโดยไม่สนคำขอร้องอ้อนวอนจากนางแม้แต่น้อย

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ลุยเลยค่ะหวางเฟย จัดการสั่งสอนสักหน่อยว่าอย่าใช้ความรุนแรงในครอบครัว

ท่านอ๋องก็ดูไว้เป็นบทเรียนนะคะ อย่าได้ทำตัวเป็นมะเร็งชายแท้แบบนี้

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *