ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 86 ถูกขังอยู่ในหลุม นางมาตามหาเขาแล้ว
ตอนที่ 86 ถูกขังอยู่ในหลุม นางมาตามหาเขาแล้ว
ตอนที่ 86 ถูกขังอยู่ในหลุม นางมาตามหาเขาแล้ว
เฉียวเยี่ยนนอนไม่หลับ แม้นางจะเหนื่อยกับการเดินทางมาหลายวัน แต่สมองนางกลับตื่นตัวจนไม่มีสิ่งใดเทียบ เพียงหลับตาลงก็ควบคุมตัวเองไม่ให้คิดฟุ้งซ่านไม่ได้
นางจึงไม่นอนเสียเลย และออกไปยืนอยู่ริมแม่น้ำเพื่อสังเกตภูมิประเทศที่นี่ เขื่อนแห่งนี้มีน้ำไหลอยู่ตรงกลาง พื้นที่สูงชัน แม่น้ำจึงพรั่งพรูไหลลงสู่เบื้องล่าง กระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก หากมีใครตกลงไป ต้องถูกกระแสน้ำพัดไปแน่นอน
“ระบบ เจ้าพบร่องรอยของมู่ฉินเจินบริเวณนี้หรือไม่?”
ระบบตัวน้อยส่ายหน้า ทันทีที่มาถึง นางได้ค้นหาทุกซอกทุกมุมรวมถึงใต้น้ำบริเวณนี้หนึ่งรอบแล้ว ทว่าไม่มีเงาของมู่ฉินเจินเลย
เฉียวเยี่ยนผ่อนลมหายใจออกมา ไม่ค้นพบถือว่าเป็นเรื่องที่ดี สิ่งที่นางกลัวที่สุดคือการที่มู่ฉินเจินจมอยู่ตรงก้นแม่น้ำ รอคอยอย่างเงียบเชียบให้นางไปงมร่างเขาขึ้นมา
นางจึงจำต้องมาที่รัฐฉู่ด้วยตัวเอง เพราะระบบตัวน้อยมีความสามารถในการสแกนหาตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมมาก อัตราการพบมู่ฉินเจินก็จะสูงขึ้นมากด้วย
ภัยพิบัติแผ่นดินไหวในครานี้หนักหนาสาหัสมากนัก หมู่บ้านทั้งหมดล้วนถูกกระแสน้ำพัดพาจนไม่เหลืออะไรและจมอยู่ในน้ำ ตรงตีนเขาก็มีหินภูเขาตกลงมากองทับถมกันไม่น้อยเลย
เวลาใกล้จะผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว เฉียวเยี่ยนจึงไปหาหม้อใบหนึ่งจากฝ่ายก่อสร้างซ่อมแซมเขื่อน นางใช้หินมาก่อเป็นเตาไฟง่ายๆ และก็ต้มบะหมี่หม้อหนึ่ง
เมื่อน้ำเดือดก็ใส่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงไป สถานที่ที่พวกเขาอยู่ห่างจากเขื่อนไประยะหนึ่ง รอบบริเวณก็ไม่มีใคร นางจึงไม่กังวลว่าจะถูกจับได้
หลังจากต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้พอประมาณแล้วก็ใส่ผักเข้าไปเล็กน้อยและยังใส่ไส้กรอกกับไข่พะโล้ เครื่องปรุงลงไปด้วยกัน ไม่นานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ส่งกลิ่นหอมกรุ่นออกมา จนพวกองครักษ์สิบสามคนที่กำลังหลับลึกได้สูดดมกลิ่นหอมก็ตื่นขึ้นมาเพราะความหิว
เห็นหวางเฟยทำอาหารให้พวกเขากิน พวกเขาก็รู้สึกเกรงใจนัก
เฉียวเยี่ยวส่งบะหมี่ให้พวกเขาคนละชาม “รีบกินเถิด กินเสร็จแล้วค่อยหาคนต่อ”
พวกองครักษ์ถือชามบะหมี่กันคนละถ้วย และพากันสูดเส้นเสียงดัง หลังจากอดหลับอดนอนมาหลายวัน กินอาหารอย่างเร่งรีบ ตอนนี้พอได้นอนไปหนึ่งชั่วยามและกินบะหมี่อุ่นๆ สองชาม ก็รู้สึกว่าทั่วร่างเปี่ยมไปด้วยกำลังวังชา
ในใจทุกคนเอาแต่เป็นกังวลถึงท่านอ๋อง จนไม่ได้ตระหนักเลยว่าทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับไส้กรอกที่พวกเขากินล้วนเป็นของที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน
หลังจากกินจนอิ่มดื่มจนพอแล้ว พวกเฉียวเยี่ยนก็แบ่งกันออกไปหา นางออกไปหาคนเดียวทิศทางหนึ่ง เช่นนี้พอถึงเวลาแล้วนางจะได้ขอยืมใช้พลังของระบบได้สะดวกมากขึ้น
เมื่อเดินตามกระแสน้ำไป ก็จะเห็นทหารของทางการมากมายงมศพในน้ำอยู่ บางทีพวกเขาอาจคิดว่ามู่ฉินเจินจมอยู่ในแม่น้ำ
ขณะที่เดินไปด้วย ระบบตัวน้อยก็สแกนไปรอบทิศ แต่ก็ยังคงหาร่องรอยไม่เจอเลยแม้แต่น้อย
หลังจากหามาทั้งบ่าย รองเท้าทั้งสองข้างของเฉียวเยี่ยนก็เต็มไปด้วยโคลนเหนียว จนพื้นรองเท้าลื่นเกินไป นางจึงเดินไปริมแม่น้ำพลางยื่นเท้าลงไปในแม่น้ำให้น้ำชะล้างโคลนออกไปให้สะอาด
นางหาก้อนหินนั่งพักดื่มน้ำเสริมแรง ดวงตาจับจ้องกระแสน้ำที่ไหลอยู่
ค้นหาในน้ำมารอบหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่พบ หรือว่าเขาจะไม่อยู่ในน้ำ?
เมื่อมีความคิดนี้ นางก็ไม่สนใจแม่น้ำอีก แต่เปลี่ยนทิศทางไปยังบริเวณรอบๆ ภูเขา บางทีมู่ฉินเจินอาจจะขึ้นจากแม่น้ำแล้ว และเข้าไปในภูเขา แต่เนื่องจากสาเหตุบางอย่างจึงออกมาจากภูเขาไม่ได้
เมื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ประกอบกับสถานการณ์ในยามนี้ ก็พบว่าความเป็นไปได้ที่มู่ฉินเจินจะอยู่ในภูเขามีสูงกว่าอยู่ในแม่น้ำมาก!
ครั้นมีเป้าหมายใหม่ นางก็เข้าไปในภูเขาอย่างรั้งรอไม่ไหว และให้ระบบตัวน้อยเริ่มสแกนค้นหา
นี่คือหุบเขาที่ทอดยาวและแคบ ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำคือเทือกเขาทอดยาวติดต่อกัน นางใช้เวลาไปครึ่งค่อนวัน เดินขึ้นเขาไปหลายลูก ขาของนางหนักอึ้งมาก ทว่านางยังคงไม่ยอมแพ้
พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว บนเขามืดครึ้ม ฝูงนกส่งเสียงเจี้ยวจ้าวบินกลับเข้ารังบนต้นไม้ แม้เฉียวเยี่ยนจะกล้าหาญมาก ทว่าเวลานี้ก็รู้สึกเสียวสันหลังเช่นกัน
แต่นางอยากตามหาคนต่อ จึงหยิบไฟฉายคาดศีรษะกับกระบองไฟฟ้าที่นางเตรียมไว้ก่อนออกจากเมืองหลวงในกระเป๋าสะพายหลังออกมา สวมไฟคาดหัวไว้บนหัว ในมือถือกระบองไฟฟ้าไว้แน่น ทำให้มีความกล้าขึ้นมาก
ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว ทว่าเฉียวเยี่ยนยังคงเดินอยู่ในภูเขา เมื่อนางผ่านพุ่มไม้ ไก่ป่าตัวหนึ่งก็พลันบินขึ้นมา ทำให้นางตื่นตกใจ
นางเหวี่ยงกระบองไฟฟ้าสองครั้งอย่างโมโห หากไม่ใช่เพราะมืดเกินไป ป่านนี้นางต้องทุบไก่ป่าตัวนั้นมากินได้แน่!
ระบบตัวน้อยกระพริบตากลมโต มองความมืดทั่วบริเวณ ก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย จึงนอนอยู่บนเตียง และขดตัวอยู่ในผ้าห่ม
นางค้นหาบริเวณรอบ ๆ อีกครั้ง ทันใดนั้นพบว่าคล้ายกับมีวัตถุแปลกๆ บางอย่างอยู่ในรังไก่ป่าที่อยู่ในพุ่มไม้
[ท่านโฮสต์ ในรังไก่ป่ามีอะไรบางอย่าง!]
เฉียวเยี่ยนตกตะลึง และใช้กระบองไฟฟ้าแยกพุ่มไม้ออกอย่างระมัดระวัง มีไก่ป่าสองสามตัวกำลังกกไข่อยู่ในรัง ทว่าในรังไก่นั้นมีของอย่างหนึ่งที่คุ้นเคย
ผ้าสีดำผืนหนึ่ง! พูดให้ถูกก็คือผ้าคลุมบนตัวมู่ฉินเจิน ซึ่งไก่ป่าน่าจะจิกเอามาทำรัง
นางเก็บผ้าผืนนั้นขึ้นมากำไว้ในมืออย่างปิติยินดี และมั่นใจแน่ว่าเขาต้องอยู่ในเขาลูกนี้เป็นแน่!
นางหาไปทั่วทุกที่ พุ่มไม้ต่างๆ แม้แต่หลุมเล็กๆ ก็ไม่ปล่อยไป
“มู่ฉินเจิน! ท่านอยู่ที่ไหน!”
นางตะโกนเรียกออกมาเสียงดัง ทำให้นกที่พักอยู่บนต้นไม้ตกใจจนบินหนีไป และไม่สนว่ามันจะดึงดูดสัตว์ป่าหรือไม่ หากพวกมันมา เช่นนั้นก็ฆ่าเอาเนื้อกลับไปกินเสีย
…..
ในหลุมดักสัตว์อันมืดมิด มู่ฉินเจินนอนหมดสติอยู่ในนั้น หลังจากพลัดตกน้ำในวันนั้นก็ถูกกระแสน้ำพัดออกมาไกลมาก และขาก็กระแทกเข้ากับโขดหินในแม่น้ำจนหัก แต่โชคดีที่เขาเกาะหินก้อนหนึ่งไว้ได้ จึงได้ปีนขึ้นฝั่ง
ทว่าหลังจากปีนขึ้นฝั่งได้ไม่นาน ก็มีคนชุดดำหลายคนเข้ามาตามล่า เขาเลยหนีขึ้นไปบนเขา และไม่ระวังจนตกลงไปในหลุมดักสัตว์
หลุมดักสัตว์นั้นลึกมาก รอบๆ ล้วนเป็นตะไคร่น้ำลื่นเละ อีกทั้งขาขวาของเขาก็หัก จึงมิอาจใช้ทักษะวิชาตัวเบาปีนขึ้นไปได้ และเพราะเหตุนี้เขาเลยติดอยู่ในหลุมนี้มาหกวัน
เขาพกบิสกิตอัดก้อนที่เฉียวเยี่ยนให้เขาติดตัวมาด้วยห่อหนึ่ง สองสามวันมานี้จึงอาศัยบิสกิตอัดก้อนกับน้ำที่ขังในหลุมกินประทังชีวิต
ทว่าบิสกิตได้หมดไปเมื่อวานแล้ว และวันนี้ทั้งวันเขาไม่ได้กินอะไรเลย ขาที่หักของเขาเจ็บอยู่ตลอดเวลา ไม่กี่วันที่ผ่านมาเขามีไข้จนสลึมสลือ เรี่ยวแรงค่อยๆ ลดลงอย่างรวดเร็ว อีกไม่นานก็จะหมดสติไปแล้ว
เขากัดปลายลิ้นไว้ พยายามทำให้ตัวเองตื่น ทว่าศีรษะกลับวิงเวียน อยากปิดเปลือกตาลงอย่างควบคุมไม่ได้
ท่ามกลางความสลึมสลือนั้น ดูเหมือนเขาจะได้ยินเสียงเรียกของเจ้าท่อนไม้ นางกำลังร้องเรียกชื่อตัวเองอย่างร้อนรน
เจ้าท่อนไม้มาตามหาเขาแล้วรึ?
ทันทีที่ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัว เขาก็หัวเราะ เจ้าท่อนไม้อยู่ที่เมืองหลวง จะปรากฏตัวอยู่บนภูเขาได้อย่างไรกัน
ดูเหมือนว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ถึงได้เริ่มเห็นภาพหลอน
เขาพยายามนึกถึงดวงหน้าของเฉียวเยี่ยนกับลูกๆ โดยหวังว่าจะสลักใบหน้าของพวกเขาไว้ในใจก่อนตาย เป็นแบบนี้คงจะจดจำพวกเขาในชาติหน้าได้
เขานึกถึงอ้อมกอดที่กอดกับเฉียวเยี่ยนก่อนจากเมืองหลวงมา ช่างน่าเสียดายนัก ในที่สุดเจ้าท่อนไม้ก็พร้อมที่จะยอมรับเขาแล้ว ทว่าเขากลับมิอาจกลับไปได้
เขารักษาสัญญาที่ว่าจะกลับไปอยู่กับนางและลูกไม่ได้ ไม่รู้ว่านางจะโกรธหรือไม่ เด็กทั้งสองจะเสียใจหรือไม่ โดยเฉพาะเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เด็กน้อยออกจะขี้แยปานนั้น หากรู้ว่าเขากลับไปไม่ได้ คงจะร้องไห้อย่างเจ็บปวดใจมากสินะ
ตาเฒ่ากับเสด็จแม่มีเจ้าท่อนไม้กับเด็กๆ อยู่ด้วย น่าจะอยู่ต่อไปได้ คอยจวบจนเวลาผ่านไปนาน พวกเขาก็คงชินกับการอยู่โดยไม่มีเขาแล้ว
เขาครุ่นคิดสิ่งต่างๆ มากมาย และในที่สุดก็หลับตาลงด้วยความเสียใจ คงจะดีหากมีชาติหน้าอยู่
“มู่ฉินเจิน!”
เสียงของเฉียวเยี่ยนดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้อยู่ใกล้มาก ทำให้ดวงตาที่ปิดสนิทของมู่ฉินเจินลืมโพลงขึ้น ก่อนฟังเสียงนั้นอีกครั้ง นางมาที่นี่จริงๆ ! เจ้าท่อนไม้ของเขาอยู่ที่นี่!
“ข้า…อยู่ตรงนี้…”
เขาอยากขานตอบกลับนาง ทว่าเขาไม่ได้พูดมาสองสามวัน ลำคอจึงแหบแห้งจนไม่สามารถส่งเสียงได้ มือของเขาคลำไปทั่วในความมืด และคลำเจอน้ำขังที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด จึงพยายามใช้มือตบบนผิวน้ำอย่างแรง ทำให้เกิดเสียงน้ำดังออกมา
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สภาพท่านอ๋องสะบักสะบอมมาก แถมขาหักด้วย จะพาตัวขึ้นไปยังไงดีล่ะเนี่ย
ไหหม่า(海馬)
Comments