ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 98 ท่านอ๋องดื่มสุราแทน
ตอนที่ 98 ท่านอ๋องดื่มสุราแทน
ตอนที่ 98 ท่านอ๋องดื่มสุราแทน
เฉียวเจิ้นผิงถือว่าเป็นขุนนางจอมประจบประแจงและเห็นแก่หน้าตัวเองคนหนึ่ง ตอนนั้นฐานะเดิมเขาคือถ้านฮวา* และตอนนี้ก็ได้ไต่เต้ามาจนถึงตำแหน่งมุขมนตรีฝ่ายบริหารกระทรวงการคลังในระดับปานกลาง
(*探花 ถ้านฮวา ผู้ที่สอบได้อันดับที่สามของการสองจอหงวน)
เขาไม่มีความทะเยอทะยานมาก และไม่ได้มีความสามารถมากเช่นกัน ความสามารถที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการเปลี่ยนสีตามสถานการณ์และรักษาหน้าตัวเองกระมัง
เขามีข้อบกพร่องที่ผู้ชายส่วนใหญ่มี นั่นก็คือลุ่มหลงในหญิงงาม ไม่กี่ปีมานี้เขารับอนุเข้ามา ซึ่งอนุคนนั้นเอาอกเอาใจเขามาก ทำให้เฉียวเจิ้นผิงยกฐานะนางเทียบเท่ากับภรรยาเอกในเวลาแค่หนึ่งปี ซ้ำนางยังให้กำเนิดบุตรชายแก่เขา ซึ่งมีอายุน้อยกว่าเฉียวเยี่ยนสองปี
มารดาของเฉียวเยี่ยนไม่เป็นที่รัก และมันก็กระทบไปถึงพี่ชายนางกับนาง ซึ่งนางใช้ชีวิตอยู่ในส่วนลึกของจวนประหนึ่งคนไร้ตัวตนมาตั้งแต่เด็ก
เมื่อก่อนแม้เฉียวเยี่ยนจะสวยสะคราญ แต่สมองค่อนข้างโง่เขลาจนมีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งเฉียวเจิ้นผิงถูกคนอื่นหัวเราะเยาะด้วยเหตุนี้เช่นกัน ดังนั้นนับตั้งแต่ที่เฉียวเยี่ยนแต่งงานออกไป เขาจึงตัดความสัมพันธ์กับนางด้วยหนังสือตัดขาด นับแต่บัดนี้จะไม่ติดต่อกันอีก
ตอนนั้นสหายร่วมงานต่างอิจฉาในความโชคดีของเฉียวเจิ้นผิงที่ได้กลายเป็นพ่อตาของท่านอ๋องซู่ แต่มีแค่เขาเท่านั้นที่รู้ว่าช่วงนั้นเขาอกสั่นขวัญเเขวนทุกวัน
ท่านอ๋องซู่โหดเหี้ยมอำมหิต นิสัยแปรปรวน ทำให้คนอื่นคาดการณ์ไม่ได้ ด้วยนิสัยโง่เขลาของลูกสาวเขา คาดว่าไม่นานอาจจะเกิดหายนะครั้งใหญ่ ถึงครานั้นคงจะพัวพันมาถึงตัวเอง
เพื่อไม่ให้พัวพันมาถึงตน เขารีบตัดขาดความสัมพันธ์กับเฉียวเยี่ยนทันทีที่นางแต่งงานออกไป ต่อมาเฉียวเยี่ยนก็ถูกเนรเทศไปอยู่ที่บ้านไร่ในชนบท ทำให้เขาปิติยินดีที่ตอนนั้นตัวเองตัดสินใจได้ถูกต้อง แต่ไม่คิดเลยว่านางจะมีชีวิตที่ดีขึ้น!
เฉียวเจิ้นผิงยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ ทำได้เพียงดื่มสุราเพื่อกลบเกลื่อนรอยยิ้มฝืนของเขาเท่านั้น
เฉียวเยี่ยนไม่รู้ความคิดบิดเบือนในใจเขา ยามนี้นางจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคนไหนคือบิดานาง
ความทรงจำเกี่ยวกับครอบครัวของร่างเดิมนั้นช่างรางเลือนมาก บวกกับปกติไม่ได้คลุกคลีกับพวกเขา พอนานวันเข้า นางก็ลืมพวกเขาไปเสียสิ้น
บรรยากาศของงานเลี้ยงนับว่าสนิทสนมกลมเกลียวกัน คนส่วนใหญ่ก็หมกมุ่นอยู่กับอาหารแสนอร่อย และลืมการขัดแข้งขัดขากันไปหมด
เฉียวเยี่ยนรับประทานไปด้วยดูแลลูกๆ ไปด้วย ท่าทางกินข้าวของเด็กทั้งสองน่ารักเป็นพิเศษ จนทำให้เหล่าฮูหยินคุณหนูที่ร่วมโต๊ะเดียวกันคันยุบยิบในใจนึกอยากแตะต้องใบหน้าเล็กๆ ของพวกเขา
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์เหมือนท่านอ๋องทุกอย่าง เขาไม่ชอบเข้าใกล้คนแปลกหน้า เมื่อเผชิญหน้ากับการหยอกล้อของคนอื่น ล้วนวางมาดตีหน้าขรึม และตั้งใจรับประทานอาหารของตัวเอง ในขณะที่เจ้าปลาอ้วนไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก มีพวกป้าๆ พี่สาวสุดสวยอยากมาลูบใบหน้านาง นางก็ยื่นศีรษะเข้าไปให้ลูบอย่างเต็มที่
อันซีโหวฮูหยินยิ่งเห็นเจ้าปลาอ้วนก็ยิ่งชอบ เด็กน้อยที่น่ารักน่าเอ็นดูเช่นนี้ ช่างทำให้รู้สึกปวดใจนัก!
พลันนางก็นึกถึงหลานชายตัวเอง เด็กทั้งสองเรียนห้องเดียวกันมิใช่หรือ หากหลานชายนางทำให้เด็กน้อยชอบได้ ต่อไปนางก็มีหลานสาวแล้วมิใช่หรือ!
ยิ่งคิดนางก็ยิ่งตื่นเต้น ดูเหมือนกลับไปต้องเตือนหลานชายหน่อยแล้ว พยายามให้เป็นคู่หมั้นคู่หมายกับเจ้าปลาอ้วนให้ได้
หากเฉียวเยี่ยนรู้ว่าลูกสาวนางที่อายุน้อยเพียงนี้ถูกจับจองแล้ว จะต้องซ่อนเด็กน้อยเอาไว้แน่นอน ไม่แต่ง ไม่ให้แต่ง นางยังเป็นเด็กไม่คุ้มเลย จะให้ส่งไปอยู่ในมือคนอื่นได้อย่างไร!
งานเลี้ยงได้ดำเนินการมาครึ่งทางแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะรับประทานอาหารจนอารมณ์ดี ถึงได้มีคนเริ่มคำนับสุราให้กับเฉียวเยี่ยน คนที่เหลือมากมายก็ทำตาม
เฉียวเยี่ยนจ้องจอกเหล้าอย่างหนักใจ นางดื่มเหล้าไม่เก่ง แต่คนอื่นก็มีเจตนาดี จึงยากที่จะปฏิเสธการเชื้อเชิญได้
นางยกจอกเหล้าขึ้นดื่ม แต่มือกลับถูกจับไว้ ไม่รู้ว่ามู่ฉินเจินมาถึงตัวนางเมื่อใด รับจอกเหล้าในมือนางไป แหงนหน้ากระดกดื่มจนหมด และเอ่ยกับทุกคนที่มาดื่มให้ว่า “ฮูหยินดื่มสุราไม่เก่ง สุราของนางเปิ่นหวางจะดื่มแทนเอง”
สายตาทุกคนจับจ้องไปที่สถานการณ์นี้ หลังจากนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งต่างก็อุทานออกมาว่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านอ๋องซู่กับซู่หวางเฟยช่างดีจริงๆ
เฉียวเยี่ยนหน้าแดงหูแดงไปกับการกระทำของเขา แม้ความจริงจะอยากร้องอุทานเสียงหลง แต่ในใจกลับหวานซึ้งเหมือนไหน้ำผึ้งคว่ำ ชายคนนี้หวานจนนางจะตายแล้ว!
ระบบตัวน้อยกรีดร้องเสียงแหลมออกมาอย่างทนไม่ไหว ปิดปากน้อยลอยหมุนวนมอยู่ที่เดิม บนศีรษะเต็มไปด้วยฟองสีชมพู
ว้าว! คู่ชิปของนางหวานกันเกินไปแล้ว!
มู่ฉินเจินเห็นใบหน้าแดงระเรื่อของหญิงตัวเล็กก็เผยรอยยิ้มบางเบาออกมา และจับมือนางเบาๆ เพื่อปลอบโยนนาง
เขาหิ้วไหสุราบนโต๊ะขึ้นมา เทลงในจอกของตัวเองจนเต็ม และดื่มให้กับคนสองสามคนที่มาเมื่อครู่
ทั่วบริเวณมีเสียงปรบมือดังขึ้น ผู้บัญชาการทหารที่มีความสัมพันธ์อันดีกับมู่ฉินเจินเริ่มโห่ขึ้นก่อน คนที่เหลือก็เริ่มร้องโห่ตาม
คุณหนูที่ไม่เคยออกจวนหลายคนเห็นภาพที่มู่ฉินเจินปกป้องภรรยา ใบหน้าก็ค่อยๆ แดงขึ้นมา ไม่รู้ว่าสามีในอนาคตของพวกนางจะปฏิบัติต่อพวกนางเช่นนี้หรือไม่
ส่วนอี้จื่อจิ้นที่รักมู่ฉินเจินอิจฉาจนแทบจะบ้าคลั่ง แทบอยากพุ่งเข้าไปแทนที่เฉียวเยี่ยนทันที
เดิมทีทั้งหมดนี้มันควรเป็นของนาง! คนที่ถูกท่านอ๋องซู่ดูแลปกป้องก็ควรจะเป็นนาง! เป็นเฉียวเยี่ยนที่แย่งความโชคดีที่เป็นของนางไป!
นางกำหมัดแน่น ความแน่วแน่ฉายชัดในดวงตา อีกเดี๋ยวนางจะต้องเฉิดฉาย ให้ทุกคนได้รู้ว่าเฉียวเยี่ยนเทียบนางไม่ได้!
คนที่เหลือเห็นภาพมู่ฉินเจินดื่มแทนเฉียวเยี่ยนแล้วก็ไม่มาดื่มให้นางต่ออีก แม้ท่านอ๋องซู่จะดื่มเหล้าเก่ง แต่พวกเขาไม่ใช่คนหัวดื้อรั้น ไม่มีความกล้ามากพอ และไม่มีใครกล้ามอมเหล้าท่านอ๋องซู่จริงๆ !
ฮ่องเต้กับฮองเฮาประทับอยู่บนแท่นสูงมองท่าทางพระโอรสกับพระสุณิสารักกัน ก็แย้มสรวลขึ้นมา
พวกเขาก็รักกันมาตั้งแต่ตอนยังหนุ่มสาว และก็เหมือนกับเด็กๆ ที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือ ใจเจ้ามีข้า ใจข้ามีเจ้า ชั่วชีวิตมีกันและกัน แต่เนื่องจากสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน จึงถูกบีบบังคับให้รับคนอื่นเข้ามาแทรกแซงระหว่างเรา
แม้จะหลงเหลือความเสียใจในภายหลัง แต่ก็หวังว่าลูกชายกับลูกสะใภ้จะมีความสุข
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครมาดื่มเหล้าให้แล้ว เฉียวเยี่ยนก็หว่านล้อมให้ท่านอ๋องกลับไปกินข้าวตรงฝั่งบุรุษ
หลังจากทานอาหารเสร็จ พวกนางข้าหลวงกับขันทีก็นำของเหลือออกไปเก็บ และยกน้ำชาเข้ามา พวกแขกผู้มีเกียรติต่างรับประทานกันจนเต็มท้อง พวกผู้บัญชาการทหารสองสามคนเอนพิงเก้าอี้ยื่นหน้าท้องออกมาโดยไม่สนภาพลักษณ์ ส่วนเหล่าฮูหยินคุณหนูที่ชอบรักษาใบหน้ากลั้นความอยากเอาไว้ และบีบบังคับตัวเองให้นั่งตัวตรง
ในยามดื่มน้ำชาหลังมื้ออาหาร ฮ่องเต้ก็ไม่ได้ไล่แรงงานไม่คิดค่าจ้างเหล่านี้ไปทำงานในทันที ทุกคนนั่งคุยหัวเราะอยู่ด้วยกัน และพูดเรื่องซุบซิบนินทา
อี้จื่อจิ้นรอคอยมาทั้งช่วงเช้า ในที่สุดก็รอจนถึงโอกาส นางลุกขึ้น จัดแจงเสื้อผ้าตัวเองครู่หนึ่ง ใบหน้าก็แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มเป็นธรรมชาติ และเดินไปหาฮ่องเต้กับฮองเฮาอย่างเชื่องช้า
นางยืนอยู่ด้านหน้าแท่นสูง และคำนับอย่างสดใส “หม่อนฉันอี้จื่อจิ้นคารวะฝ่าบาท หวงโฮ่วเหนียงเหนียง ในพิธีเฉลิมฉลองเทศการเก็บเกี่ยว หม่อมฉันตั้งใจเตรียมการแสดงเต้นรำให้กับฝ่าบาทและหวงโฮ่วเหนียงเหนียง พร้อมใช้โอกาสนี้อวยพรให้ผู้คนในใต้หล้าเจริญรุ่งเรือง”
นางไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง ไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อย แต่ดูสงบนิ่ง น้ำเสียงหวานใสดังเข้าไปในหูของทุกคน จนพวกแขกทั้งหลายอดหันมามองนางไม่ได้
แต่ทุกคนที่อยู่ตรงนี้เห็นภาพนี้ก็ไม่รู้สึกแปลกอะไร ถึงอย่างไรการแสดงเต้นรำกับแสดงความสามารถเรื่องพวกนี้ล้วนเป็นเรื่องที่เห็นได้บ่อยมากในงานเลี้ยงสมัยก่อน
คุณหนูหลายคนที่ไม่เคยออกจากจวนมีการเตรียมตัวมาก่อนแล้วเพื่อเฉิดฉายในงานเลี้ยง ต้องชนะจนมีชื่อเสียงที่ดี
แม้วันนี้จะบอกว่าหัวข้อหลักของงานเลี้ยงคือเกษตรกรรม แต่พวกคุณหนูล้วนเตรียมพร้อมเต็มที่ หากเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ต้องก้าวเข้าไปแสดงสักรอบ ไม่ต้องถึงกับมีชื่อเสียงหรอก แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรเสียหน้า
และเป็นไปตามคาด หลังจากที่อี้จื่อจิ้นเริ่มขึ้นมาก่อน คุณหนูคนอื่นๆ ที่เตรียมตัวมาแล้วก็คันไม้คันมือรอเข้าไป แต่วันนี้รับประทานจนเต็มอิ่มเกินไป ไม่รู้ว่าอีกประเดี๋ยวจะเต้นได้หรือไม่
วันนี้ฮ่องเต้ทรงเกษมสำราญยิ่ง แม้จะไม่โปรดให้นางบำเรอพวกนั้นเต้นระบำ แต่ในเมื่อนางเริ่มเอ่ยถึงการเต้นรำออกมาก่อน ก็ยังต้องรักษาหน้าให้ จึงรับสั่งให้เป็นการแสดงพิเศษหลังมื้ออาหาร
เมื่อเขาอนุญาตแล้ว ใบหน้าอี้จื่อจิ้นก็ฉายความภูมิใจออกมา และกล่าวขอบพระทัยอย่างงดงาม จากนั้นก็พาบ่าวไปเปลี่ยนอาภรณ์ในตำหนัก
ครั้นนางออกไป พวกคุณหนูคนอื่นที่เตรียมตัวมาก็ลุกขึ้นขอแสดงความสามารถ นี่เป็นครั้งแรกที่เฉียวเยี่ยนเห็นสถานการณ์นี้ ทำให้นางมองอย่างสนอกสนใจ
ไม่เลวๆ มีทั้งของกิน มีทั้งความสนุก แถมยังมีการแสดงที่ดูได้โดยไม่ต้องเสียเงิน งานเลี้ยงของพระราชวังในยุคโบราณช่างน่าสนใจอย่างยิ่ง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ระบบฟินเกินหน้าเกินตาไปแล้วนะคะ เสียอาการมากเลยใช่ไหมคะที่เห็นพี่มู่คนหล่อเอาใจใส่โฮสต์ขนาดนี้
สงสารยัยคุณหนูอี้เขานะคะ จะเรียกร้องความสนใจทั้งทีก็ต้องเป็นฝ่ายขออนุญาตก่อน ไม่ได้เป็นผู้ที่ถูกเลือกก็งี้แหละค่ะ
ไหหม่า(海馬)
Comments