ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? 99 หวางเฟยของเปิ่นหวางไม่จำเป็นต้องดัดจริตต่อหน้าคนอื่น

Now you are reading ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? Chapter 99 หวางเฟยของเปิ่นหวางไม่จำเป็นต้องดัดจริตต่อหน้าคนอื่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 99 หวางเฟยของเปิ่นหวางไม่จำเป็นต้องดัดจริตต่อหน้าคนอื่น

ตอนที่ 99 หวางเฟยของเปิ่นหวางไม่จำเป็นต้องดัดจริตต่อหน้าคนอื่น

อี้จื่อจิ้นเปลี่ยนชุดเป็นชุดกระโปรงสีแดงปักลวดลาย บนดวงหน้ายังคลุมด้วยผ้าสีแดงอีกหนึ่งชั้น นางเดินมาอยู่ตรงกลางลานแสดง และหลังจากทำความเคารพผู้ชมแล้วก็เตรียมร่ายระบำ

เครื่องดนดรีบรรเลงขึ้น นางร่ายรำอย่างคล่องแคล่ว ทุกท่วงท่าอ่อนช้อยมีเสน่ห์ จนพวกบุรุษโดยรอบต่างมองจนหลงใหล

เฉียวเยี่ยนเองก็ดูการแสดงอย่างสนอกสนใจมาก อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย มันดูดีทีเดียว แม้สตรีที่มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งในเมืองหลวงจะไม่ค่อยฉลาดนัก แต่ความสามารถนี้นับว่าไม่เลวเลยจริงๆ

รอบบริเวณมีเสียงอุทานตกใจดังขึ้นมา บางคนถือโอกาสประจบสอพลอสองสามีภรรยาอัครเสนาบดี ท่านอัครเสนาบดีกับฮูหยินหลู่ซื่อเพลิดเพลินไปกับคำชมของทุกคน และยิ้มจนรอยตีนกาเผยออกมา

จู่ๆ เฉียวเยี่ยนก็อยากรู้อยากเห็นว่าท่าทางของมู่ฉินเจินเป็นเช่นไร จึงไปมองยังทิศทางเขา ถึงได้พบว่าสายตาเขามองมาที่นางตลอด

มุมปากเขาแย้มยิ้มบางเบา ตอนที่ตอบกลับสายตานาง ก็ยิ่งยิ้มมากขึ้น เฉียวเยี่ยนหลงใหลใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาจนหยุดหายใจไปครู่หนึ่ง

ท่านอ๋องของนางดูดีจริงๆ ดวงตางดงาม จมูกคมโด่ง ริมฝีปากบางนั้นในเวลานี้วาดขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเพิ่มความอบอุ่นให้ดวงตาเย็นชาดุจน้ำแข็งแต่เดิมของเขาขึ้นไปหลายส่วน

เฉียวเยี่ยนถูกจับได้อย่างเต็มเปา จึงยิ้มให้เขาอย่างขี้เล่น ก็ได้ นางยอมรับ นางแค่อยากดูว่าท่านอ๋องจ้องมองผู้หญิงคนอื่นอยู่หรือไม่ ทว่านางค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ทีเดียว

นางแสดงท่าทาง ‘ท่านเยี่ยมมาก’ ให้กับเขา และยังแอบยกนิ้วหัวแม่มือให้ หลังจากที่ท่านอ๋องเห็น ก็เชิดหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ

มันแน่นอนอยู่แล้ว เขาเชื่อฟังนางมากๆ !

เสียงเครื่องคนดรีบรรเลงดังขึ้นทั่วบริเวณอย่างต่อเนื่อง พวกแขกผู้มีเกียรติต่างตบโต๊ะชมเปาะ บรรยากาศคึกคักอย่างมาก ทว่าทั้งหมดนี้เหมือนจะไม่ส่งผลใดๆ ต่อเฉียวเยี่ยนกับมู่ฉินเจินเลย

ทั้งสองส่งความนัยผ่านสายตา สบประสานสายตากัน แม้จะตัวติดกันมาทั้งเช้าก็ไม่รู้สึกเบื่อเลย หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่จริยธรรม ตอนนี้มู่ฉินเจินคงไปนั่งด้วยกันกับเจ้าท่อนไม้แล้ว

พวกฮูหยินคุณหนูร่วมโต๊ะสังเกตเห็นสภาพการณ์ของสองสามีภรรยา พลางรู้สึกเข็ดฟันมาเป็นระลอก

เมื่ออี้จื่อจิ้นแสดงเสร็จ ก็ได้ยินเสียงปรบมือดังก้องอย่างต่อเนื่อง จึงแสดงสีหน้าภูมิใจขึ้นมา

นางเมื่อครู่ต้องเจิดจรัสที่สุดเป็นแน่แท้!

นางสอดส่องหาร่างมู่ฉินเจินท่ามกลางฝูงชน อยากเห็นท่าทางหลงใหลในตัวเองจนตกอยู่ในภวังค์ของเขา แต่เมื่อเห็นเขา นางก็แทบประคองรอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ไม่อยู่!

ไม่นึกเลยว่าเขาจะหันหลังให้นาง!

ถูกต้อง ท่านอ๋องไม่ชายตามองการแสดงเลยตั้งแต่ต้นจนจบ และเอาแต่หันไปเล่นหูเล่นตากับเจ้าท่อนไม้ของเขา

อี้จื่อจิ้นขบกรามแน่น พยายามรักษาท่าทางของตัวเองไว้ หลังจากเอ่ยขอบพระทัยกับฮ่องเต้แล้วก็กลับไปนั่งที่เดิม

ที่นั่งของนางอยู่ในแนวเฉียงหลังเฉียวเยี่ยน หลังจากนางนั่งที่ตัวเองแล้วก็เห็นท่าทางของมู่ฉินเจินได้อย่างชัดเจน เขากำลังมองเฉียวเยี่ยนนังต่ำช้าคนนั้นด้วยรอยยิ้มจริงๆ !

ทันใดนั้น ในใจของนางก็เหมือนถูกไฟแผดเผา โมโหโกรธาเป็นอย่างมาก

หลังจากอี้จื่อจิ้นแสดงเสร็จก็มีพวกคุณหนูมากมายขึ้นมาแสดงต่อ มีทั้งเต้นรำ มีทั้งดีดฉิน ดีดผีผา แล้วยังมีท่องบทกวีและวาดภาพ

เฉียวเยี่ยนดูจนตกตะลึง หากคนเหล่านี้อยู่ในสมัยปัจจุบัน คงเหมาะเป็นเด็กฝึกเตรียมเดบิวต์เกิร์ลกรุ๊ปแล้ว!

นางดูการแสดงอย่างมีความสุข จนไม่รู้เลยว่ามีคนเล็งเป้ามาที่นางแล้ว

เมื่อการแสดงของพวกคุณหนูสิ้นสุดลง ฮ่องเต้เฒ่าก็คิดว่าทุกคนน่าจะย่อยอาหารกันพอประมาณแล้ว ก็ควรลงพื้นที่ทำงานได้!

แต่ไม่รอให้เขาได้ตรัส ก็มีคนไม่ดูตาม้าตาเรือขัดคำพูดเขาไว้

มีสตรีชุดเหลืองนั่งข้างอี้จื่อจิ้นคนหนึ่งลุกขึ้นเอ่ยกับเฉียวเยี่ยน “ได้ยินว่าซู่หวางเฟยมากฝีมือ ไม่ทราบว่าวันนี้ให้หม่อมฉันกับคนอื่นๆ ได้เปิดหูเปิดตาเห็นสักรอบได้หรือไม่เพคะ?”

เฉียวเยี่ยนโอบเจ้าปลาอ้วนกำลังป้อนน้ำให้นางอยู่ ครั้นได้ยินคำพูดนี้ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในตาฉายแววยิ้มเยาะ ดูเหมือนมีคนอยากเห็นนางปล่อยไก่แล้ว

นางเงยหน้ามองหญิงสาว พลางค้นหาความทรงจำเกี่ยวกับนางในหัว ก่อนพบว่าเป็นหลินรั่ว บุตรสาวเสนาบดีกรมขุนนาง ลูกสมุนของอี้จื่อจิ้น

หลังจากหลินรั่วเอ่ยออกมา ก็มีหญิงสาวคนอื่นผสมโรงขอให้เฉียวเยี่ยนแสดงด้วยท่าทางเหมือนจะเกรงใจ ทว่าความจริงอยากเห็นนางปล่อยไก่

ใครเล่าไม่รู้บ้างว่าเมื่อก่อนเฉียวเยี่ยนคือคนโง่เขลา มีดีแค่หน้าตางดงาม ทว่าไม่รู้ศิลปะสี่แขนง*อะไรเลย ต่อให้ตอนนี้นางจะปลูกผัก ทำกิจการเป็น แต่ความสามารถเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องศึกษาและฝึกฝนตั้งแต่ยังเด็ก และพวกเขาก็ไม่เชื่อว่านางจะเรียนรู้ทั้งหมดนี้ได้ภายในสี่หรือห้าปี!

(*琴棋书画 ศิลปะสี่แขนง คือทักษะที่หญิงสาวชั้นสูงสมัยโบราณต้องฝึกเป็น ได้แก่ เล่นฉิน เล่นหมากรุก คัดพู่กัน วาดภาพ)

บรรยากาศทั่วบริเวณนั้นเงียบลงในพริบตา คนที่ฉลาดหน่อยก็จะรู้ถึงความนัยที่แฝงอยู่ในนี้ พวกเขาสงบปากสงบคำ ไม่อยากทำเรื่องไม่ดีตาม ฝีมือของท่านอ๋องซู่หาใช่สิ่งที่พวกเขาจะรับมือได้

ครั้นเห็นเฉียวเยี่ยนไม่ตอบ พวกคุณหนูสองสามคนที่บีบให้นางทำการแสดงก็ยิ่งบีบคั้นหนักขึ้น โดยมีอี้จื่อจิ้นคอยสุมไฟอยู่ข้างๆ

นางปลุกปั่นคนเหล่านี้มาเอง พวกนางต่างชังเฉียวเยี่ยนเหมือนกัน ไม่อยากเห็นอีกฝ่ายเด่นกว่า จึงใช้ประโยชน์จากลักษณะที่เหมือนกันนี้ บวกกับนางส่งเสริมเล็กน้อย ก็มีคนเสนอหน้าออกมาเป็นผู้นำแล้ว

“ซู่หวางเฟยเชื่องช้าไม่ยอมตอบ เป็นเพราะไม่กล้ารึเพคะ?”

ยิ่งเฉียวเยี่ยนไม่ตอบ หลินรั่วก็ยิ่งอวดดีมากขึ้น คำพูดคำจาก็ยิ่งไม่เกรงใจมากขึ้นเรื่อยๆ

นางจึงวางเจ้าปลาอ้วนนั่งบนที่นั่งดีๆ ก่อนจะลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า บนใบหน้าเคลือบไปด้วยรอยยิ้มบางเบา ซึ่งทำให้คนคาดเดาอารมณ์นางในตอนนี้ได้ไม่ชัดเจน

“เปิ่นเฟยแต่งงานเป็นหญิงมีสามีแล้ว ไม่ขอเล่นกับพวกคุณหนูแล้ว หากพวกท่านดูการแสดงยังไม่พอ ก็ไปดูถึงขอบเวทีในหอนางโลมได้ การแสดงในนั้นยอดเยี่ยมยิ่งนัก”

ตลกแล้ว นางให้ข้าแสดงข้าต้องแสดงหรือ นั่นมันเป็นเรื่องเสียหน้ามาก!

ฮ่องเต้กับฮองเฮาดูออกว่าคนเหล่านั้นกำลังทำให้เฉียวเยี่ยนลำบาก พลันสีพระพักตร์ก็ดูไม่ดีขึ้นมา พระสุณิสาของพวกเขา หาใช่ใครอื่นจะมาชี้นิ้วสั่งได้!

มู่ฉินเจินเดินมาอยู่ด้านข้างนาง และกุมมือนางไว้อย่างปลอบประโลม แววตาพลันเย็นชาดุจน้ำแข็ง เอ่ยด้วยเสียงขรึม “หวางเฟยของเปิ่นหวางไม่จำเป็นต้องดัดจริตต่อหน้าคนอื่น!”

ไอเยือกเย็นรอบๆ ตัวเขาทำให้หลินรั่วและคนอื่นๆ ต่างเนื้อตัวสั่นเทา ไม่กล้ามองสายตาที่เหมือนอยากสังหารคนของเขา

ครั้นอี้จื่อจิ้นได้ยินคำพูดเขา หัวใจก็เหมือนกับถูกมีดทิ่มแทง แท้จริงแล้วในสายตาเขา การแสดงของนางเป็นการดัดจริตนี่เอง!

นางไม่ยอม แล้วยังจะพูดอะไรได้อีก ทว่าฮ่องเต้เฒ่าเอ่ยขัดนางเสียก่อน

“เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว ทุกท่านมาทำงานในสวนผักร่วมกันกับเราเถิด”

ฝ่าบาทกล่าวจบก็ลุกขึ้นเตรียมออกไปทำงาน กลุ่มขุนนางกับภริยาพากันตามไป เมื่อแขกผู้มีเกียรติแยกย้าย ก็ย่อมไม่มีใครอยากดูการแสดงแล้ว แผนที่คิดไว้ของอี้จื่อจิ้นจึงพังทลายลง

เฉียวเยี่ยนมองไปทางนางและยิ้มหวานหยดให้ ทว่าน้ำเสียงกลับสะใจเล็กน้อย “คุณหนูอี้ เปิ่นเฟยจะไปทำงาน ต้องขอตัวก่อน”

สิ้นเสียง นางก็หมุนตัวเดินตามกลุ่มคนไปพร้อมกับมู่ฉินเจินและลูกๆ แม้จะอยู่ไกลก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะสดใสของนางได้

อี้จื่อจิ้นโมโหจนขอบตาแดงก่ำ อยากพุ่งเข้าไปฉีกเฉียวเยี่ยนเป็นชิ้นๆ แต่เสียงด่าทอของมารดากลับทำให้ความโกรธของนางสลายหายไป

เรื่องที่มาหาเรื่องเฉียวเยี่ยนในวันนี้เป็นแผนการของนางเอง หาได้ปรึกษาท่านพ่อกับท่านแม่ก่อนไม่ ท่าทางของฝ่าบาทกับฮองเฮาเมื่อครู่ดูไม่พอพระทัยอย่างชัดเจน หากนางยังบีบคั้นคนต่อไป ไม่แน่อาจจะถูกลงโทษก็เป็นได้

หลู่ซื่อนึกถึงภาพเมื่อครู่ก็หวาดกลัวขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่นางตำหนิบุตรสาวที่เป็นหน้าเป็นตาให้แก่นางมาตลอดตั้งแต่เด็ก

ฮ่องเต้พาคนกลุ่มหนึ่งไปที่เรือนกระจกก่อน ตอนนี้ในเรือนกระจกมีพริกกับมะเขือเทศที่เก็บได้แล้วไม่น้อยเลย เขาเตรียมจะให้แรงงานไม่คิดเงินเหล่านี้เก็บพวกมันในวันนี้ พริกเหลือเอาไปตากแดดให้แห้งส่วนหนึ่ง ที่เหลือก็ให้เฉียวเยี่ยนนำไปทำเป็นซอสพริก

ฮ่องเต้เฒ่าโปรดการเสวยซอสพริกแล้ว ตั้งแต่ได้สัมผัสกับพริก ก็รู้สึกว่าในปากช่างไร้รสชาติหากไม่ได้กินสักมื้อหนึ่ง ยามเสวยต้องตักมาใส่สักครึ่งช้อนทุกวันโดยไม่ขาด

มะเขือเทศสามารถนำมาทำเป็นซอสมะเขือเทศได้ ไอ้ของที่มันหวาน ๆ เปรี้ยวๆ แบบนี้เขาไม่ได้โปรดมากนัก ทว่าภรรยากลับชอบมากนะสิ แล้วก็ยังมีสองพระนัดดาที่ชอบด้วย นำมาทำเก็บไว้ให้มากหน่อยก็ได้

เมื่อเหล่าแรงงานไม่คิดเงินเข้าไปในเรือนกระจก ก็แจกตะกร้าผักกับมีดให้แต่ละคน ให้พวกเขาถือตะกร้าไปเก็บผัก

มีคนมากมายเข้ามาในเรือนกระจกเป็นครั้งแรก ทันทีที่เข้ามาก็ตกตะลึง ผักที่เรียงกันเป็นแถวๆ อย่างเป็นระเบียบช่างเหมือนกับได้รับการฝึกฝนอยู่ในค่ายทหารเสียจริง เจริญเติบโตงอกงามดี แถมยังอวบน้ำด้วย

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ท่านอ๋องเอ่ยแค่ประโยคเดียวก็คือเสียวสันหลังกันทั้งแก๊งค์ อย่ามาท้าทายอ๋องโบ้หวงเมียเชียวนะคะ

คุณหนูอี้ต้องหาหมอศัลยกรรมแล้ว หน้าแตกยับขนาดนั้นไม่รีบซ่อมแซมแล้วจะเสียหน้าในระยะยาวนะคะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *