ชายาเคียงหทัย 347 ของล้ำค่าแห่งแคว้นเจิ้น (1)
ตงฟงโยวได้ยินสิ่งที่อาจารย์กล่าวก็อดตกใจขึ้นมาไม่ได้ ทายาทในอดีตของเขาซางหมางล้วนไม่เคยเกี่ยวข้องกับตำหนักติ้งอ๋องมาก่อน แต่ตอนนั้นนางไม่ได้คิดอะไรมาก คิดเพียงว่าไร้วาสนาต่อตำหนักติ้งอ๋อง แต่ถึงอย่างไรเสียคนที่เขาซางหมางต้องการช่วยเหลือก็คือจักรพรรดิ และเดิมทีตำหนักติ้งอ๋องไม่สามารถมีจักรพรรดิได้ ด้วยเพราะเหตุผลนี้จึงทำให้นางยิ่งสนใจตำหนักติ้งอ๋องมากขึ้นไปอีก หากนางสามารถทำในสิ่งที่บรรพบุรุษในอดีตไม่สามารถทำได้ อาจารย์จะต้องดีใจมากเป็นแน่ ส่วนนางเองก็จะกลายเป็นทายาทที่เก่งกาจที่สุดในประวัติศาสตร์ของเขาซางหมาง
แต่นางกลับนึกไม่ถึงว่าพออาจารย์เจอหน้านางแล้วเรื่องแรกที่ทำคือการตบหน้าตนฉาดใหญ่
“ท่านอาจารย์…” ตงฟางโยวกุมแก้มที่แดงเถือกไว้พลางมองไปยังสตรีวัยกลางคนด้วยท่าทางน้อยใจ
สตรีวัยกลางคนนางนี้คือผู้นำคนปัจจุบันของเขาซางหมาง และเป็นอาจารย์ของนางด้วย เมื่อเห็นเด็กน้อยที่ตนเลี้ยงมาจนโตกับมือกำลังมองตนด้วยน้ำตาคลอหน่วย ผู้นำของเขาซางหมางก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน ตงฟางโยวเป็นลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์ที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นมา วิชาลับ วรยุทธและทักษะความสามารถต่างๆ ของนางยอดเยี่ยมกว่าตัวนางในตอนเป็นสาวเสียอีก นางภาคภูมิในใจลูกศิษย์คนนี้มาโดยตลอด แต่นางไม่รู้ว่าเกิดพลาดพลั้งที่ตรงใด ทั้งๆ ที่ทุ่มเทสุดกายสุดใจสั่งสอนชี้แนะในเรื่องแผนการกลยุทธที่นางควรจะรู้ไปหมดแล้ว ทว่าศิษย์ผู้นี้กลับเหมือนสมองไม่เปิดรับมาตั้งแต่เกิดอย่างไรอย่างนั้น วิธีการการจัดการเรื่องราว การคบค้าสมาคมกับผู้คน กระทั่งการเข้าใจจิตใจของคนล้วนไร้เดียงสาอย่างน่าขัน ในด้านนี้ นางอาจจะด้อยกว่าเด็กรับใช้ปัดกวาดเช็ดถูในเขาซางหมางเสียอีก
กว่านางจะพบข้อบกพร่องเหล่านี้ไปก็สายไปเสียแล้ว อุปนิสัยของตงฟางโยวได้ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างไปเสียแล้ว สตรีที่งดงามฉลาดเฉลียว ถูกคนยกยอทะนุถนอมรักใคร่มาตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เคยพ่ายแพ้และไม่เคยได้รับประสบการณ์ใดๆ มาก่อน ทำให้ตงฟางโยวไม่เข้าใจในหลักการครองตนในสังคมเลยสักนิด บนโลกนี้ อย่างไรเสียก็เกิดจากมนุษย์กับมนุษย์มาอยู่รวมกลุ่มกัน หากแค่จิตใจมนุษย์ยังไม่เข้าใจแล้ว ต่อให้มีความรู้มากกว่านี้แล้วจะมีประโยชน์อันใด
ก็เหมือนกับครานี้ ตงฟางโยวเพียงแค่ได้ฟังนางกับผู้อาวุโสพูดคุยกันแค่ส่วนเดียวก็ทึกทักเอาเองอย่างใสซื่อว่าม่อซิวเหยาเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดของทายาทเขาซางหมาง ไม่คิดแม้แต่น้อยว่าม่อซิวเหยาเป็นคนเช่นไร แล้วนางจะสามารถควบคุมได้หรือไม่ กว่านางจะได้ข่าวและรีบร้อนมาที่เมืองหลี ตงฟางโยวสร้างเรื่องสร้างราวจนกระจายไปทั่วเมืองหลีแล้ว คนแทบจะทั้งใต้หล้าต่างรู้ว่าว่าเขาซางหมางได้เลือกติ้งอ๋องเป็นเป้าหมายในการให้ความช่วยเหลือ ยามนี้ เขาซางหมางกลับขึ้นหลังเสือยากจะลงได้เสียแล้ว
สตรีวัยกลางคนเห็นท่าทางทั้งสับสนทั้งน้อยใจของศิษย์รักที่เลี้ยงให้เติบโตมากับมือก็ให้ทอดถอนใจออกมาด้วยความจนใจ โน้มตัวลงดึงนางให้ลุกขึ้น ตงฟางโยวรับรู้ได้ว่าครั้งนี้อาจารย์โกรธจริงๆ จึงยืนขึ้นเรียกอาจารย์ด้วยความกังวล
สตรีวัยกลางคนดึงนางให้มานั่งข้างๆ มองดวงตาแดงก่ำของนางพลางเอ่ยเสียงเบาว่า “ลงเขามาตัวคนเดียวเสียเนิ่นนาน โดนรังแกบ้างหรือไม่”
ตงฟางโยวกัดริมฝีปาก น้ำตาคลอหน่วย หลายวันมานี้ นางได้รับความไม่เป็นธรรมจากตำหนักติ้งอ๋องมากกว่าทั้งชีวิตที่เคยเจอมาเสียอีก ก่อนหน้านี้นางยังพอให้กำลังใจตัวเองได้ว่าทั้งหมดนี้ทำเพื่อเขาซางหมาง แต่เมื่อมาโดนอาจารย์ตบหน้าไปเมื่อครู่ก็ทำให้นางเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่นางทำไปก่อนหน้านี้ล้วนผิดทั้งสิ้น
สตรีวัยกลางคนเอ่ยขึ้นอย่างจนใจ “เป็นอาจารย์เองที่ไม่ดี อาจารย์ไม่สั่งสอนเจ้าให้ดี”
“ไม่…” ตงฟางโยวส่ายหน้าไม่หยุด เอ่ยว่า “เป็นศิษย์เองที่ไม่ดี เป็นศิษย์ที่วู่วามเกินไป ทำให้อาจารย์เป็นห่วง” ไม่ว่าอย่างไร ตงฟางโยวก็เคารพอาจารย์ที่เลี้ยงตนมาจนเติบใหญ่นางนี้อย่างมาก พอเห็นอาจารย์โทษตัวเองเช่นนี้ก็รีบสายหน้าพร้อมเอ่ยแย้ง
สตรีวัยกลางคนตบหลังมือนางเบาๆ “เอาล่ะ เล่าเรื่องราวก่อนหน้านี้ให้อาจารย์ฟังหน่อย อาจารย์จะคิดหาวิธีให้เอง” ตั้งแต่พบว่าไร้หนทางจะเปลี่ยนนิสัยของตงฟางโยวได้ เขาซางหมางก็คิดหาวิธีมาแก้ไข เดิมทีไม่ได้คิดจะให้ตงฟางโยวลงเขามาหาประสบการณ์ตัวคนเดียว แต่คิดไม่ถึงว่านางจะถึงขั้นลงมือทำไปก่อนแล้ว สถานการณ์ยามนี้แม้จะแก้ไขได้ยาก แต่ก็ไม่ถึงขนาดว่าแก้ไขไม่ได้
ตงฟางโยวจึงได้ค่อยๆ เล่าเรื่องราวหลังจากลงเขามาอย่างละเอียด แม้นางจะไม่เก่งเรื่องการครองตนในสังคม แต่วรยุทธของนางกับการชี้แนะที่คุ้นเคยมาทั้งชีวิตของชาวเขาซางหมางก็มิใช่เรื่องโกหก ดังนั้นพอลงจากเขาแล้วนางจึงไม่ได้ลำบากอันใด นางตรงไปหาเจิ้นหนานอ๋องอย่างเหลยเจิ้นถิง พอเหลยเจิ้นถิงยืนยันในความคิดกับสถานะของนางแล้ว เรื่องที่เหลือนางก็จัดการเองโดยไม่ให้คนอื่นสอดมือเข้ามายุ่งด้วย นางต้องการเพียงโอกาสที่เหมาะสมที่จะปรากฏตัวต่อหน้าติ้งอ๋องก็เป็นอันเรียบร้อย แต่กลับกลายเป็นว่า พอได้เจอติ้งอ๋องแล้วนางกลับได้รับความลำบากและความไม่ยุติธรรมมากมาย
มนุษย์ล้วนเห็นแก่ตัว แม้จะเป็นความผิดของเด็กในบ้านตัวเอง แต่เมื่อได้ยินว่าตำหนักติ้งอ๋องปฏิเสธและถากถางตงฟางโยวอย่างไร้ปรานีก็รู้สึกโมโหขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ใบหน้างามและท่าทางที่รักษาไว้ซึ่งความสง่าพลันเย็นเยือกดั่งเคลือบไว้ด้วยน้ำแข็งในทันใด “ดี! ตำหนักติ้งอ๋องไม่เลวนี่…มาดูถูกเขาซางหมางของข้าเยี่ยงนี้ได้หรือ”
แต่ไหนแต่ไรมาชาวเขาซางหมางไม่เคยคิดว่าอำนาจของตัวเองจะด้อยไปกว่าตำหนักติ้งอ๋อง ที่ไม่เคยไปก่อกวนคนในตำหนักติ้งอ๋องเลยก็เพราะนิสัยและความสามารถของติ้งอ๋องในอดีตล้วนทำความเข้าใจได้ยาก แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกนางคิดว่าตัวเองจะต้องก้มหัวให้ตำหนักติ้งอ๋องเพราะเรื่องนี้ แล้วยังตระกูลสวีอีก ไม่เพียงแต่บรรพบุรุษตระกูลสวีที่มีบันทึกเกี่ยวกับเขาซางหมางอยู่ในมือ ในมือบรรพบุรุษเขาซางหมางก็มีบันทึกของตำหนักติ้งอ๋องที่เขียนไว้อย่างดุเดือดเช่นกัน นี่เป็นคราที่สองแล้วที่ตระกูลสวีปฏิเสธเขาซางหมาง
“ท่านอาจารย์ ยามนี้ข้าควรทำเช่นไรดี” ตงฟางโยวถามด้วยความกังวล นางก็เป็นคนมีเกียรติมีศักดิ์ศรีเช่นกัน หากสามารถทำได้นางก็ยังไม่อยากยอมแพ้ความตั้งใจของนางที่มีต่อสวีชิงเฉิน หลังจากถูกพี่น้องตระกูลสวีดูถูกอย่างไร้ปรานีเช่นนี้ ความมุ่งมั่นในตำหนักติ้งอ๋องของตงฟางโยว อันที่จริง ก็ค่อยๆ เอนเอียงไปยังสวีชิงเฉิน เดิมทีที่นางคิดจะแต่งกับสวีชิงเฉินเพราะอยากเข้าใกล้ตำหนักติ้งอ๋อง ม่อซิวเหยาเป็นเป้าหมายที่นางต้องช่วยเหลือในอนาคต ในเมื่อเขาไม่เต็มใจแต่งกับนาง นางย่อมไม่ฝืนใจบังคับว่าที่จักรพรรดิของตัวเองให้ไม่พอใจ แต่การปฏิเสธจากสวีชิงเฉินอย่างไม่ลังเลและคำพูดดูถูกของสวีชิงเหยียนกลับมิใช่สิ่งที่ตงฟางโยวสามารถรับได้
สตรีวัยกลางคนก้มหน้าครุ่นคิดแล้วจึงถอนใจออกมาเบาๆ เอ่ยว่า “ในเมื่อเจ้าทำเช่นนี้ไปแล้ว หากเปลี่ยนความตั้งใจกลางคันอีก เขาซางหมางคงต้องใช้หน้าเดินแทนเท้าแล้ว” อันที่จริงหากตงฟางโยวเปลี่ยนความตั้งใจและไม่เห็นค่าตำหนักติ้งอ๋องเองนั้นก็ยังพอว่า แต่ในยามนี้คนแทบทั้งใต้หล้าต่างรู้กันทั่วว่าเป็นตำหนักติ้งอ๋องที่ไม่เห็นค่าตงฟางโยว หากตอนนี้เขาซางหมางเปลี่ยนจุดยืนไปสนับสนุนคนอื่น ก็จะกลายเป็นการทำให้ข่าวลือกลายเป็นจริงทันที ต่อให้ภายหน้าพวกนางเลือกคนอื่นจริงๆ สถานะและศักดิ์ศรีของตนในสายตาของอีกฝ่ายก็คงจะลดทอนลงอย่างมาก เมื่อได้ยินอาจารย์พูดเช่นนี้ ตงฟางโยวก็ตาเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว “ท่านอาจารย์…ตอนนี้เราควรทำเช่นไรดี”
สตรีวัยกลางคนส่งเสียงเฮอะออกมาเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “พรุ่งนี้ข้าจะไปเยี่ยมติ้งอ๋องกับคุณชายใหญ่ตระกูลสวีที่ตำหนักติ้งอ๋องเอง เจ้าวางใจได้ อาจารย์ไม่ให้ใครมารังแกเจ้าได้แน่”
ใบหน้างดงามของตงฟางโยวแย้มบานเป็นรอยยิ้มยินดีอย่างใสซื่อ “โยวเอ๋อร์รู้อยู่แล้ว ว่าท่านอาจารย์ดีที่สุด”
ทางด้านนี้ ในขณะที่ตงฟางโยวกับสตรีวัยกลางคนกำลังปรึกษาหารือกันว่าจะจัดการเรื่องตำหนักติ้งอ๋องอย่างไรดีนั้น อีกด้านหนึ่ง ตำหนักติ้งอ๋องก็ได้รับข่าวว่าผู้นำของเขาซางหมางเข้าเมืองมาแล้วเช่นกัน ไม่ว่าเขาซางหมางจะไปสร้างเรื่องที่อื่นให้สลับซับซ้อนแก้ไขยากเพียงใด หรือมีอำนาจที่แท้จริงจนน่าตกใจเพียงไหน แต่เมืองหลีกลับอยู่ในการควบคุมของตำหนักติ้งอ๋อง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาซางหมางจะสามารถแอบวางคนเอาไว้ในเมืองหลีได้ ผู้นำของเขาซางหมางเข้าเมืองเป็นเรื่องใหญ่เพียงนี้คิดว่าจะไม่มีใครรู้เห็นนั้นเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น ในขณะที่ผู้นำของเขาซางหมางคิดจะเจรจาหารือกับตำหนักติ้งอ๋องเพื่อลูกศิษย์นั้น ตำหนักติ้งอ๋องก็ได้กางแหผืนใหญ่ไว้รอเขาซางหมางแล้วเช่นกัน
Comments