ชายาเคียงหทัย 352-2 จุดจบของหลิ่วกุ้ยเฟย
“กรี๊ด!” ภายในห้องโถงใหญ่เกิดเสียงกรีดร้องด้วย ความเจ็บปวดขึ้น หลิ่วกุ้ยเฟยจับมือขวาของตนพร้อม ถลึงตามองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างโกรธแค้น ข้อมือขวาที่มี รอยเลือดลึกเป็นแนวยาว มีเลือดสดๆ หลั่งไหลออกมาไม่ หยุด ม่อตัวน้อยที่เดิมทีเกือบตกอยู่ในอันตราย ถูกเยี่ยหลี คว้าตัวเข้าไปในอ้อมกอด มืออีกข้างของเยี่ยหลียังถือมีด พกที่มีหยาดเลือดหยดย้อยลงมา ม่อตัวน้อยตกใจจนหน้า ซีดเผือด ร้องตะโกนเรียกท่านแม่และซุกอยู่ในอ้อมกอด ไม่ขยับไปไหน ต่อให้เฉลียวฉลาดเพียงใดเขาก็ยังคงเป็น แค่เด็กเจ็ดแปดขวบ มาเจอเหตุการณ์ระทึกขวัญเช่นนี้แต่ ไม่ร้องไห้ก็ถือว่ากล้าหาญมากแล้ว ดวงหน้าสดใสงดงาม เวลานี้เยือกเย็นราวน้ าค้างในเหมันต์ฤดู จ้องมองผู้หญิง ตรงหน้าอย่างเลือดเย็น นัยน์ตาแฝงไปด้วยความอาฆาต และแรงสังหารอันเปี่ยมล้น
书呆子
หลิ่วกุ้ยเฟยรู้แต่แรกแล้วว่า ในเมืองหลีที่ไม่คุ้นเคย นี้ หากตนต้องมาตกอยู่ในน้ ามือของม่อซิวเหยาและม่อ จิ่งหลี ก็เท่ากับว่าตนเหลือเพียงเส้นทางสู่ความตายสถาน เดียว เมื่อครู่ที่นางกระโจนใส่ม่อตัวน้อย เรียกได้ว่านาง ทุ่มสุดก าลังแล้ว กลับไม่คิดว่าจะล้มเหลวไม่เป็นท่าอยู่ดี เมื่อครู่เยี่ยหลีฟันลงมาอย่างไม่ออมมือเลยสักนิด แม้จะ ไม่ตาย แต่มือขวาของหลิ่วกุ้ยเฟยก็คงใช้การไม่ได้อีก ต่อไป แม้จะเคยได้ยินมาบ่อยๆ ว่าทักษะการต่อสู้ของ พระชายาติ้งอ๋องนั้นไม่ธรรมดา แต่หลิ่วกุ้ยเฟยก็ไม่เคยคิด เป็นจริงเป็นจังมาก่อน นางไม่เคยได้ประมือกับเยี่ยหลี จริงๆ เลยสักครั้ง และไม่ค่อยเห็นเยี่ยหลีวาดฝีไม้ลายมือ กับใคร เมื่อสิบปีก่อนแม้แต่ธนู เยี่ยหลียังยิงได้ไม่ คล่องแคล่วเลยด้วยซ้ า จึงไม่เคยคิดว่าอากับกิริยาของ นางจะว่องไวและโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้
书呆子
“ท่านแม่…” ม่อตัวน้อยซุกอยู่ในอ้อมกอดเยี่ยหลี ร้องเรียกนางอย่างเสียขวัญ
เมื่อก้มลงมองลูกที่อยู่ในอ้อมกอด หนึ่งปีมานี้ม่อตัว น้อยสูงขึ้นไม่น้อย ตอนเยี่ยหลีอุ้มขึ้นมาจึงรู้สึกกินก าลัง พอสมควร เยี่ยหลีเห็นดวงตาของบุตรชายในอ้อมแขน แดงระเรื่อ นางก็พลันใจอ่อนยวบ นางเก็บมีดสั้นลงก่อน อุ้มม่อตัวน้อยเดินกลับไปยังข้างกายม่อซิวเหยา แล้ววาง เขาลงในอ้อมแขนของอีกฝ่าย
ถึงแม้ม่อตัวน้อยจะไม่ถูกกับท่านพ่อมาโดยตลอด แต่ในเวลานี้กลับว่าง่ายเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้มานั่งอยู่ใน อ้อมกอดของท่านพ่อ จู่ๆ ม่อตัวน้อยก็พลันรู้สึกตระหนก กับเหตุการณ์เมื่อครู่ ใบหน้าน้อยขาวนุ่มก็ดูจะแดงระเรื่อ ขึ้น เหลิ่งจวินหานและสวีจือรุ่ยก็ตกใจไม่น้อย ถึงแม้พวก เขาจะไม่ทันเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเยี่ยหลีกับหลิ่วกุ้ย เฟยได้ชัด แต่ก็เห็นเลือดที่นองเต็มพื้นและสีหน้าของทุก
书呆子
คนอย่างชัดเจน เยี่ยหลีให้คนเข้ามาอุ้มตัวเด็กทั้งสอง กลับไป ทั้งสองอายุน้อยกว่าและขวัญอ่อนกว่าม่อตัวน้อย หากให้ตกใจเกินไปคงจะไม่ดี
ม่อซิวเหยาก้มศีรษะมองม่อตัวน้อยที่กระวน กระวายและขยับตัวยุกยิกอยู่ในอ้อมกอดของตน ก่อนจะ ยกมือที่หยาบกร้านตบเบาๆ เพื่อปลอบขวัญเขา สายตา ที่กวาดไปทางหลิ่วกุ้ยเฟยแข็งกร้าวจนแม้แต่ม่อจิ่งหลียัง ต้องถอยออกมาสองก้าว ม่อเซี่ยวอวิ๋นและองค์หญิงเจิน หนิงยิ่งตกใจจนก้าวขาไม่ออก แต่กระนั้นก็ไม่เห็นว่าม่อ ซิวเหยาลงมือแต่อย่างใด ทุกคนทันเพียงรู้สึกว่ามีเงา เคลื่อนผ่านห้องโถงใหญ่ไป แล้วม่อซิวเหยาที่อุ้มม่อตัว น้อยอยู่ก็กลับลงนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง ส่วนหลิ่วกุ้ยเฟยที่ เดิมทีนั่งพิงเก้าอี้อยู่ก็กลับล้มลงไปกับพื้นอีกครั้ง เห็น เพียงแขนขาของนางอ่อนยวบลงกับพื้นอย่างน่า ประหลาด ทั้งร่างไม่อาจขยับเขยื้อน เมื่อครู่ที่เยี่ยหลีกรีด
书呆子
แขนนาง หลิ่วกุ้ยเฟยกรีดร้องโหยหวนเสียงดังจนแม้แต่ คนข้างนอกยังได้ยิน แต่กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ นาง กลับไม่มีเสียงร้องออกมาสักแอะ
ทุกคนต่างจับตามอง ถึงได้พบว่าไม่ใช่ว่าหลิ่วกุ้ยเฟ ยไม่กรีดร้อง ทว่านางโดนกดจุดหย่าเหมิน[1]เอาไว้ นาง จึงไม่สามารถส่งเสียงร้องออกมาได้ ไม่ต้องดูบาดแผลของ นางเลย แค่มองจากสีหน้าบิดเบี้ยวของนางก็รู้แล้วว่านาง เจ็บปวดเพียงใด แต่การลงโทษอันโหดเหี้ยมกับหญิงงาม นางนี้ กลับไม่มีใครเห็นใจ แม้แต่ม่อเซี่ยวอวิ๋นและองค์ หญิงเจินหนิงที่ตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง ก็เพียงเมินหน้าหนีไม่ กล้ามองต่อ
หลิ่วกุ้ยเฟยเจ็บปวดจนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง แต่ ถึงแม้จะใช้แรงทั้งหมดก็ยังไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ ท าได้เพียงมองคนอื่นๆ ตรงหน้าที่มองตนด้วยสายตาเย็น ชาอย่างหวั่นเกรง หลิ่วกุ้ยเฟยเคยคิดว่าช่วงเวลาที่ตน
书呆子
ออกจากวังใหม่ๆ เป็นช่วงชีวิตที่ล าบากมาก ล าบาก กระทั่งนางไม่อยากคิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นด้วยซ้ า ทว่า เมื่อเทียบกับตอนนี้ที่ตกอยู่ในเงื้อมือของม่อซิวเหยา นาง ยอมกลับไปอยู่จุดเดิมทั้งชีวิตยังจะดีเสียกว่า
ม่อตัวน้อยนั่งในอ้อมกอดของม่อซิวเหยา มองหลิ่ว กุ้ยเฟยที่ขยับตัวด้วยความเจ็บปวดบนพื้นอย่างสงสัย เพราะแขนและขาของนางขยับไม่ได้ นางจึงเหมือน หนอนที่มีร่างกายบิดไปมาบนพื้น “ท่านพ่อ นางเป็น อะไร” ม่อซิวเหยาลูบหัวน้อยๆ ของเขาอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเอ่ย “พอดีนางว่างไม่มีอะไรท า จึงไปนอนเล่นบน พื้นน่ะ” ม่อตัวน้อยกะพริบตากลมโตปริบๆ ดวงตาด า ขลับฉายแววเจ้าเล่ห์ ท่านพ่อคิดว่าข้าโง่หรือ…ป้าคนนี้ ก าลังเจ็บปวดอยู่ชัดๆ ท่านพ่อช่างร้ายกาจเหลือเกิน ร้าย กว่าท่านแม่และท่านลุงเสียอีก…
书呆子
ม่อซิวเหยามองหลิ่วกุ้ยเฟยที่พยายามส่งเสียงร้อง จนเกือบหมดแรง เขาถึงได้ขยับมือไปคลายจุดหย่าเหมิ นออก หลิ่วกุ้ยเฟยร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เหงื่อ ไหลโทรมไปทั้งร่าง สภาพดูไม่ได้ นอนดิ้นทุรนทุรายด้วย อาการเจ็บปวดอยู่บนพื้น “ม่อ…ม่อซิวเหยา เจ้าช่าง… โหดเหี้ยมนัก…”
ม่อซิวเหยาช าเลืองตามองอย่างเย็นชา ไม่ใส่ใจใน สิ่งที่นางพูด กล้ามาท าร้ายลูกชายเขา แล้วเขายังไว้ชีวิต นางอยู่ เท่านี้ม่อซิวเหยาก็ซาบซึ้งในความเมตตาของตน จนน้ าตาจะไหลอยู่แล้ว
“อาหลี อย่าโกรธไปเลย ต่อไปข้าจะฝึกฝนม่อตัว น้อยให้ดี” เห็นสีหน้าของเยี่ยหลียังคงเย็นยะเยือก ม่อซิว เหยาจึงรีบพูดปลอบใจ พร้อมทั้งแอบส่งสายตาขู่ม่อตัว น้อย ม่อตัวน้อยหดคอลง พยักหน้าเป็นพัลวันก่อนจะเอ่ย
书呆子
“ท่านแม่ ต่อไปข้าจะตั้งใจฝึกวิทยายุทธกับท่านพ่อ เมื่อ ข้าโตขึ้น ข้าจะปกป้องท่านแม่เอง!”
ม่อซิวเหยามองค้อนด้วยสายตาไม่พอใจ ไปให้พ้น! เรื่องปกป้องอาหลีเป็นหน้าที่ข้า
ม่อตัวน้อยมองหน้ามารดาของตนด้วยสายตาออด อ้อน เยี่ยหลีลูบหัวเขา พลางยิ้มเอ่ย “แม่ไม่น่าให้เจ้าเข้า มาเลย”
“ท่านแม่ ข้าขอโทษ ข้าไม่ควรห่วงเล่นจนเกินไป และแอบฟังอยู่ข้างนอกเช่นนี้” ม่อตัวน้อยส านึกผิดแต่ โดยดี ฮือๆ ท าให้ท่านแม่เสียใจท่านพ่อคงจะจัดการข้า เป็นแน่ ภาพมารดาผู้เมตตาและลูกแสนกตัญญูกับท่าที รักใคร่ของสามีภรรยานี้ ท าให้คนด้านข้างที่มองมาไม่สบ อารมณ์นัก ม่อจิ่งหลีถลึงมองม่อซิวเหยาด้วยสายตาเย็น ชา เอ่ย “ข้าไม่ได้จะมาดูครอบครัวเจ้าแสดงความรักต่อ กันนะ”
书呆子
ม่อซิวเหยาไม่ใส่ใจ ยักคิ้วก่อนจะเอ่ยอย่างอารมณ์ ดี “ครอบครัวข้ารักกัน หลีอ๋องไม่พอใจรึ”
ม่อจิ่งหลีส่งเสียฮึเบาๆ พร้อมทั้งเบนสายตาอันเย็น ชาไปยังหลิ่วกุ้ยเฟยและถามว่า “ติ้งอ๋องจะจัดการสตรี นางนี้อย่างไร” ม่อซิวเหยาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ตอบอย่าง ไม่แยแส “ในเมื่อข้าได้เชิญทั้งหลีอ๋องและฉางซิ่งอ๋อง มาแล้ว ข้าย่อมคิดจะยกสตรีนางนี้ให้พวกท่านจัดการ ทว่า…เหตุการณ์เมื่อครู่ ท าให้ข้าเปลี่ยนความคิดเสีย แล้ว”
“ติ้งอ๋องคิดจะท าสิ่งใดหรือ” ม่อเซี่ยวอวิ๋นและองค์ หญิงเจินหนิงไม่ได้อยู่ในสายตาของม่อจิ่งหลี แน่นอนว่า ไม่คิดจะปรึกษาพวกเขา เพียงสนใจแค่ม่อซิวเหยาเท่านั้น ม่อซิวเหยากวาดสายตาอันเย็นชาไปยังร่างของหลิ่วกุ้ย เฟย เอ่ยเสียงเรียบ “ข้าต้องการชีวิตนาง ข้าไม่สนว่าพวก
书呆子
เจ้าจะท าอะไร หากใครปล่อยให้นางมีชีวิตรอดออกจาก เมืองหลีไปได้ ก็ตายไปพร้อมกับนางเถิด”
ม่อจิ่งหลีเข้าใจเจตนาของม่อซิวเหยา ม่อซิวเหยา ไม่ได้ต้องการให้นางตายในทันที แต่ก็ไม่หวังให้นางมีชีวิต ที่ดี ดังนั้นหากอยากจะทรมานนางก็เชิญ แต่หากคิดจะ ช่วยนาง ก็เลิกคิดไปได้เลย
ม่อจิ่งหลีไม่ได้ขัดข้องอะไร เขาไม่มีความคิดจะช่วย หลิ่วกุ้ยเฟยอยู่แล้ว จะทรมานนางเรื่อยๆ เพื่อระบาย โทสะก็ไม่เลว ประจวบเหมาะกับช่วงนี้เขาเองก็อารมณ์ไม่ ค่อยดีอยู่พอดี
[1] จุดหย่าเหมิน คือ จุดฝังเข็มบนแนวกึ่งกลางสันหลัง ตรงร่องเหนือปุ่มกระดูกคอที่ 2 ข้อบ่งใช้: เสียง หาย พูดไม่ได้เพราะลิ้นลีบหรือลิ้นแข็ง ปวดศีรษะ ปวดตึงต้นคอ และเลือดก าเดาไหล ยังเป็นจุดฝังเข็ม ช่วยเสริมการระงับความรู้สึกที่ใช้บ่อยในการผ่าตัดสมอง
Comments