ชายาเคียงหทัย 353-1 เคล็ดลับควำมล้มเหลวประจ ำตระกูล
ม่อจิ่งหลีจะจัดการกับหลิ่วกุ้ยเฟยอย่างไร ไม่มีผู้ใด สนใจ บางทีม่อเซี่ยวอวิ๋นกับองค์หญิงเจินหนิงอาจจะ สนใจอยู่บ้าง แต่ว่าพวกเขาก็จะไม่ท าอะไรเพื่อสตรีที่พวก เขาเคยเรียกว่าท่านแม่อีกแล้ว สิ่งที่หลิ่วกุ้ยเฟยท ามา ทั้งหมด ไม่ว่าสิ่งใดต่างเกินขีดจ ากัดที่พวกเขาได้รับการ สั่งสอนมาตั้งแต่เด็กทั้งสิ้น และต่อให้เพียงเพื่อชีวิตอัน สงบที่หาได้ยากของตัวเอง พวกเขาก็จะไม่ท าเพี่อผู้หญิง คนนี้อีกแล้ว จนกระทั่งผ่านไปหลายวันหลังจากม่อจิ่งหลี เดินทางกลับจากเมืองหลีไปเจียงหนาน ถึงจะมีคนพบศพ ที่มีบาดแผลเต็มตัวและตายไปนานแล้วอยู่ที่ชานเมือง เมืองหลี สุดท้ายม่อเซี่ยวอวิ๋นและองค์หญิงเจินหนิงน าไป ประกอบพิธีฝังศพที่ชานเมือง แต่ไม่มีแม้ป้ายศิลาตั้งหน้า หลุมศพ เยี่ยหลีได้ยินค ารายงานจากบ่าวก็ได้แต่ยิ้มจางๆ และไม่สนใจอีก
书呆子
วันที่หลิ่วกุ้ยเฟยถูกม่อจิ่งหลีน าตัวไป เหลยเจิ้นถิงก็ มาบอกลาเยี่ยหลีกับม่อซิวเหยาด้วยตัวเองและกลับที่พัก ของตน พอเหลยเจิ้นถิงกลับไปแล้ว ราชทูตของฮ่องเต้ แห่งซีหลิงก็ไม่มีความหมายที่จะอยู่ต่ออีก วันต่อมาจึงมา บอกลาและกลับซีหลิงตามไปอีกคน ทั้งเมืองหลียามนี้ เหลือเพียงองค์หญิงอันซี ม่อจิ่งหลีและเหรินฉีหนิงที่ยังไม่ กลับ องค์หญิงอันซีก าลังตั้งครรภ์ เดิมทีการมาเมืองหลี ด้วยตัวเองครั้งนี้ก็ไม่ง่ายอยู่แล้ว อีกทั้งตอนนี้ต้าฉู่กับซีห ลิงสองแคว้นที่อยู่รอบข้างก าลังยุ่งอยู่กับการท าศึก หนานจ้าวที่อยู่ห่างไกลทั้งยังไม่มีธุระส าคัญอะไร องค์ หญิงอันซีย่อมไม่รีบร้อนที่จะกลับ ส่วนเหรินฉีหนิง และม่อจิ่งหลีนั้น ไปที่จวนตงฟางบ่อยเสียกว่าไป ต าหนักติ้งอ๋องเสียอีก เจตนาที่ไปเยี่ยมเยือนนั้นก็เผย ออกมาให้เห็นชัดเจนอยู่แล้ว
ณ จวนสวี
书呆子
คุณชายชิงเฉินที่ยุ่งติดกันมาหลายเดือน ผลักภาระ ทางการบริหารบ้านเมืองทั้งหมดไปให้ม่อซิวเหยา นานๆ ทีจึงจะมีเวลาว่างมานั่งพักอ่านหนังสือที่บ้านเช่นนี้ ถึงแม้ว่าคุณชายชิงเฉินจะฉลาดหลักแหลมอย่างยิ่งยวด ทว่าช่วงเวลาปีกว่ามานี้ ม่อซิวเหยาและเยี่ยหลียุ่งอยู่กับ การยกทัพจับศึกที่ด้านนอก ต่อมาเยี่ยหลีก็ตั้งครรภ์ เรื่อง การบริหารบ้านเมืองของต าหนักติ้งอ๋องจึงถาโถมมาอยู่ กับคุณชายชิงเฉิน จะว่าไม่เหนื่อยก็เป็นไปไม่ได้ และถึง อย่างไรคุณชายชิงเฉินก็ไม่ใช่คนที่หลงใหลในอ านาจอยู่ แล้ว หลายวันมานี้หลังจากส่งแขกพิเศษที่มาเยือน กลับไปเกินกว่าครึ่ง นานๆ ทีเขาจึงจะมีเวลาว่างเสียที สวี ชิงเฉินจึงไม่ลังเลที่จะโยนงานราชการให้กับม่อซิวเหยา เลยสักนิด และอยู่บ้านว่างๆ อ่านหนังสือและเล่นฉินหงส์ ที่เพิ่งได้มาของเขาไปอย่างสบายใจ
书呆子
ม่อซิวเหยาเองก็รู้ว่าปีสองปีมานี้สวีชิงเฉินเหนื่อย ล้ามามาก นึกไปถึงอนาคตที่อาจจะยังจ าเป็นต้องพึ่ง คุณชายชิงเฉินอีกมาก จึงย่อมไม่อาจท าให้เขาโกรธได้ แม้ จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็จ าต้องรับงานหลวงทั้งหมดจาก คุณชายชิงเฉินมา เพื่อให้เขาได้หยุดพัก
ฉินหงส์หยกขาวส่งเสียงมีชีวิตชีวารื่นหูอยู่ใต้นิ้วมือ ของบัณฑิต ท าให้ลานบ้านที่เดิมทีนั้นเงียบสงบอยู่แล้วยิ่ง เพิ่มความเงียบสงบมากขึ้น แม้แต่ผู้คนที่อยู่ด้านนอกลาน เมื่อได้ยินเสียงฉินแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสบายอกสบาย ใจตามไปด้วย ราวกับว่าความกังวลและความกลัดกลุ้ม ภายในจิตใจพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยชั่วขณะ
“เสียงฉินของคุณชายชิงเฉินช่างไพเราะเสียจริง” ภายในลานอีกด้านหนึ่ง ฉินเจิงผู้ที่ก าลังดูแลมู่หรงถิงที่ ก าลังดื่มชาอยู่กับฮว่าเทียนเซียงเอ่ยขึ้น เมื่อมู่หรงถิงได้
书呆子
ยินเสียงฉินที่ดังเข้ามาจากด้านนอกลานก็อดไม่ได้ที่จะ ทอดถอนใจ
ถึงแม้ว่ามู่หรงถิงจะไม่ค่อยถนัดเรื่องฉิน แต่ว่าฉิน เจิงกับฮว่าเทียนเซียงกลับเชี่ยวชาญมาก ฮว่าเทียนเซีย งยิ้มพลางเอ่ย “พอได้ยินเสียงฉินที่คุณชายชิงเฉินดีดแล้ว เกรงว่าต่อจากนี้ตนคงจะไม่กล้าไปแสดงฝีมืออัปลักษณ์ ของตนต่อหน้าใครอีก” แม้ว่าพวกเขาต่างค่อนข้างมั่นใจ กับความรู้ทางดนตรีของตัวเอง แต่เมื่อได้ฟังเสียงฉินของ คุณชายชิงเฉินถึงได้รู้ว่าตนนั้นยังห่างชั้นอยู่อีกมาก ฉิน เจิงพยักหน้าพลางยิ้ม “เสียงฉินของคุณชายเฟิ่งซานขึ้น ชื่อว่าเป็นยอดฝีมือ ข้าก็เคยได้ยินเสียงมาแล้ว แต่เกรงว่า เมื่อเทียบกับพี่ใหญ่ยังอาจจะด้อยอยู่กว่าเสียอีก”
ฮว่าเทียนเซียงเอ่ย “คุณชายเฟิ่งซานหลงรักฉิน มาก แต่บางครั้งก็อาจมีความเศร้าโศกมากเกินไป จึงยาก จะเกิดความสงบและความสุขอย่างคุณชายชิงเฉิน”
书呆子
มู่หรงถิงโบกมือพลางเอ่ย “ข้าไม่เข้าใจที่พวกเจ้า พูดกันหรอก รู้เพียงว่าเสียงฉินของคุณชายชิงเฉินช่าง ไพเราะยิ่งนัก เจิงเอ๋อร์ เจ้าน่าอิจฉามากนะ ที่ได้ฟังฉิน บ่อยๆ”
ฉินเจิงยิ้มพลางเอ่ยอย่างจนปัญญา “ข้าก็เพิ่งเคย ได้ยินเสียงฉินของพี่ใหญ่เป็นครั้งแรกเช่นกัน หลายปีมานี้ พี่ใหญ่ยุ่งมากแม้แต่ท่านแม่ก็ยังไม่ได้เจอหน้า เขาจะเอา เวลาที่ไหนมาเล่นฉินเล่า” มู่หรงถิงขยิบตาก่อนจะเอ่ย เสียงเบา “ข้าได้ยินว่าติ้งอ๋องกับอาหลีน าฉินหงส์ที่ม่อจิ่ง หลีเพิ่งมอบให้ ไปให้กับคุณชายชิงเฉิน เมื่อครู่นี้คุณชาย ชิงเฉินต้องเล่นฉินหงส์เป็นแน่”
ฉินเจิงประหลาดใจ เอ่ย “มู่หรงถิงเจ้าอยากเห็น ฉินหงส์หรือ ฉินอยู่ในมือพี่ใหญ่ พวกเราเกรงว่าจะไม่ค่อย สะดวก แต่ไว้ไปขอให้ชิงเจ๋อไปยืมพี่ใหญ่มาให้เห็นเป็น ขวัญตาก็ได้นะ”
书呆子
มู่หรงถิงส่ายหัว ก่อนจะถอนหายใจ “ข้าฟังฉินไม่ เข้าใจหรอก แท้จริงแล้วข้าอยากเห็นดาบเพลิงอัคคีน่ะ” เมื่อนึกถึงหนึ่งในสมบัติแห่งแคว้นทั้งสี่ของต้าฉู่อันลือชื่อ แล้ว ดาบเพลิงอัคคีก็อยู่ในต าหนักติ้งอ๋อง แต่นางกลับไม่ มีวาสนาที่จะได้เห็น จึงท าให้มู่หรงถิงรู้สึกพะว้าพะวงใจ หงอยเหงาเศร้าซึมเป็นที่สุด
ฉินเจิงกับฮว่าเทียนเซียงกรอกตาอย่างจนปัญญา รู้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นเช่นนี้
ณ สถานที่แห่งหนึ่งในลานบ้านของสวีชิงเฉิน มี หญิงงามชุดขาวคนหนึ่งยืนอยู่บนยอดไม้ มองชายหนุ่ม ชุดขาวที่ประคองฉินไว้ในมืออย่างเหม่อลอย เขานั่งอยู่ บนพื้นภายในลานบ้านด้วยท่าทีผ่อนคลาย ความ เพลิดเพลิน ความชื่นชม ความเลื่อมใสศรัทธาปนเปกับ ความเจ็บปวดล่องลอยอยู่ในดวงตาคู่สวย เดิมทีนาง อยากจะเข้าไปหาเขาที่เรือน แต่ไม่คิดว่าเพิ่งเข้ามาใน
书呆子
จวนก็ได้ยินเสียงฉินที่ไพเราะจับใจเช่นนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะ ตามเสียงฉินไป นางเห็นชายชุดขาวงดงามดั่งเทพเซียน อยู่ใต้ต้นไม้พอดี จิตใจของนางที่เดิมเต็มไปด้วยความ มั่นใจก็พลันรู้สึกประหนึ่งมีบางอย่างเข้ามากระแทกใส่ โดยแรง ความรู้สึกที่ตามมาก็คือความไม่แน่ใจและความ ตื่นตะหนก ชายหนุ่มเช่นนี้ นางสามารถได้เขามาจริงๆ อย่างนั้นหรือ แต่เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้เพียงน้อยนิดนี้ ในใจนางก็พลันมีความสุขและพอใจอย่างไรขีดสุด วินาที นี้ นางรู้สึกว่าสถานะ หน้าที่ จุดยืนของนางล้วนไม่ส าคัญ อีกต่อไป ขอแค่ได้อยู่กับเขาจนแก่เฒ่าเท่านั้นก็เพียงพอ แล้ว
เพลงจบลงไปหนึ่งเพลง สวีชิงเฉินหยุดดีดฉิน เขา เพียงเอนตัวอิงต้นไม้เพลิดเพลินกับช่วงเวลาสบายอก สบายใจและอิสระเสรีที่หาได้ยากนี้
书呆子
“คุณชายชิงเฉิน” หญิงสาวชุดขาวกระโดดตัวลอย ลงมาบนพื้นดิน สายตาที่มองไปยังเขาที่อบอุ่นดั่งธารา
สวีชิงเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย มองหญิงสาวชุดขาว ตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย เอ่ยอย่างไม่แยแส “แม่นาง ตงฟาง มาหาโดยที่ไม่ได้เชิญนั้นช่างไร้มารยาท”
นัยน์ตาของตงฟางโยวพลันเศร้าลง ก่อนจะเอ่ย เสียงเบาว่า “ข้ามีเรื่องที่ต้องพูดคุยกับคุณชายชิงเฉิน คุณชายโปรดอภัยให้กับความไร้มารยาทในครั้งนี้ด้วย”
คุณชายชิงเฉินน าฉินหงส์เก็บกลับลงกล่องอย่าง ระวัง ก่อนลุกขึ้นพลางมองตงฟาง “หลายวันมานี้ เรื่อง ต่างๆ ในเมืองต่างมีต าหนักติ้งอ๋องคอยจัดการ หากแม่ นางตงฟางมีเรื่องอะไร ควรไปที่ต าหนักติ้งอ๋อง” ตงฟาง โยวรีบส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ ที่ข้ามาหาคุณชาย ไม่ เกี่ยวอะไรกับภูเขาซางหมาง เพียงแค่มีบางอย่างต้องการ คุยกับคุณชายเป็นการส่วนตัวเท่านั้น”
书呆子
สวีชิงเฉินขมวดคิ้ว พลางเอ่ย “ข้าน้อยแทบจะไม่ ข้องเกี่ยวใดๆ กับแม่นาง น่าจะไม่มีเรื่องส่วนตัวอะไรที่ ต้องคุย แม่นางตงฟางโปรดกลับไปเถิด” พูดจบ เข้าก็อุ้ม กล่องฉินเตรียมที่จะกลับเข้าไปในเรือน
“ไม่ คุณชายชิงเฉิน…” เมื่อเห็นว่าคุณชายชิงเฉิน ก าลังจะไป ตงฟางโยวก็รีบเรียกไว้ “คุณชายชิงเฉิน!” ภายใต้ความรีบร้อน นางจึงใช้วิชาตัวเบา ลอยไปขวาง หน้าสวีชิงเฉินไว้ ศิลปะการต่อสู้ของตงฟางโยวได้รับค า ชื่นชมจากม่อซิวเหยา ซึ่งนั่นก็พิสูจน์ได้แล้วว่าฝีมือนางไม่ เลว ทว่าสวีชิงเฉินกลับเป็นปัญญาชนคนหนึ่งที่ไร้ เรี่ยวแรงและบอบบาง ความแข็งแรงแตกต่างกันจน สามารถจินตนาการได้ ตงฟางโยวแค่เพียงขวางหน้าสวี ชิงเฉิน แน่นอนว่าสวีชิงเฉินก็เดินต่อไปไม่ได้แล้ว
“แม่นางตงฟางหมายความเช่นไร” ใบหน้ารูปงาม ของสวีชิงเฉินเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย
Comments