ชายาเคียงหทัย 354-2 งำนวิวำห์จ ำใจ
“แม่นางตงฟางมาเยี่ยมถึงจวนสวี ฉินเจิงไม่ได้มา ต้อนรับด้วยตนเอง ยังให้แม่นางตงฟางหอบอาการ เจ็บปวดออกจากจวนไปอีก ท่านแม่ก็ต าหนิฉินเจิงไปแล้ว ครั้งหนึ่งว่าตระกูลสวีต้อนรับไม่ดีพอ อย่างไรก็ขอให้ตง ฟางฮูหยินโปรดอภัย ไม่ทราบว่าแม่นางตงฟางเป็น อย่างไรบ้างแล้ว อย่างไรเสียขอตงฟางฮูหยินโปรดให้ฉิน เจิงได้พบแม่นางตงฟางสักหน่อย จะได้ขออภัยนางด้วย ตนเอง” ฉินเจิงมองตงฟางฮุ่ย พลางเอ่ยขอโทษขอโพย อย่างอ่อนโยน
ค าพูดเกรงใจนี้ ฟังแล้วกลับไม่รู้สึกเกรงใจเท่าไรนัก ตงฟางโยวผู้หญิงตัวคนเดียวไปเยือนจวนสวีก็ควรจะ ได้รับการต้อนรับจากฮูหยินน้อยซึ่งเป็นสะใภ้ที่อายุน้อย ที่สุดในตระกูลสวี ทว่าตั้งแต่เข้าประตูตระกูลสวี ตั้งแต่ผู้ ต้อนรับแขกไปถึงบ่าวไปจนถึงฮูหยินน้อย ต่างยังไม่มีผู้ใด
书 呆子
ได้พบตงฟางโยวเลยสักคน แม่นางตงฟางคนนี้มาที่จวนส วีได้อย่างไรกันแน่ และมาท าอะไรที่จวนสวี ในเมื่อไม่เข้า ตามตรอกไม่ออกตามประตูดังเช่นวิถีของแขกทั่วไป เช่นนั้นหากเกิดอะไรขึ้นกับตงฟางโยว ก็มิใช่เรื่องของ ตระกูลสวีเช่นกัน มิหน าซ้ า ตงฟางโยวไม่ได้เกิดเรื่องที่ ตระกูลสวี แต่ตระกูลสวียังส่งฮูหยินน้อยมาเยี่ยมด้วย ตนเอง นับว่าท าดีที่สุดแล้ว
รอยยิ้มของตงฟางฮุ่ยดูแข็งกระด้าง สวีฮูหยินน้อย รองนี้ชื่อเสียงไม่โด่งดัง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนหนึ่งซึ่งมี คารมคมคาย “โยวเอ๋อร์ไม่สบายเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ เป็นอะไรมาก เพียงแค่เพิ่งพักผ่อนไปเมื่อครู่ เกรงว่าจะ ไม่สามารถมาพบกับฮูหยินน้อยได้ เช่นนั้นรอนางดีขึ้นสัก หน่อยก่อน ค่อยจัดงานเลี้ยงเล็กๆ กับฮูหยินน้อยสักครั้ง ดีหรือไม่”
书 呆子
ฉินเจิงยิ้ม และไม่ได้ฝืนใจ เยี่ยหลีที่อยู่ด้านข้างก็ยิ้ม บางๆ ก่อนจะเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็ไม่ควรจะ รบกวนการพักพ่อนของแม่นางตงฟาง เพียงแต่…เมื่อครู่ ตอนที่อยู่ด้านนอกบังเอิญพบองค์หญิงซีสยาเข้าพอดี นางบอกว่าหลีอ๋องมาที่จวนของท่าน และยังไม่ได้กลับไป เลย อย่างไรก็ฝากตงฟางฮูหยินช่วยบอกหลีอ๋องที ว่าองค์ หญิงชีสยาเหมือนจะมีเรื่องด่วนต้องการจะพบเขา หาก ไม่มีเรื่องอันใดก็ขอให้รีบกลับ มิฉะนั้นเกรงว่าอีกไม่นาน องค์หญิงชีสยาคงจะมาตามหาเขาที่จวนตงฟางด้วย ตนเอง”
“องค์หญิงชีสยาหรือ” ตงฟางฮุ่ยสีหน้าเคร่งขรึมลง เล็กน้อย เอ่ยเสียงเรียบ “เหตุใดข้าถึงจ าไม่ได้ว่าแคว้นใด มีองค์หญิงชีสยาผู้นี้อยู่เล่า” เยี่ยหลียิ้มอย่างละอาย ก่อน จะเอ่ย “เป็นข้าที่ลืมเอง แม่นางชีสยาต่างหาก แม่นางชีส ยาผู้นี้อยู่ข้างกายหลีอ๋องมานานหลายปีแล้ว ได้รับความ
书 呆子
ไว้วางใจจากหลีอ๋องอย่างมาก ในเมื่อข้าได้บอกธุระไป แล้ว ข้ากับเจิงเอ๋อร์ก็ขอตัวก่อน ตงฟางฮูหยินโปรด ทักทายแม่นางตงฟางแทนพวกข้าด้วย”
เยี่ยหลีลุกขึ้นยืนพร้อมกับเตรียมจะบอกลา ตงฟาง ฮุ่ยยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็เห็นม่อจิ่งหลียืนอยู่หน้าประตู แล้ว เมื่อม่อจิ่งหลีเห็นเยี่ยหลีกับฉินเจิง นัยน์ตาพลัน สว่างวาบ “พระชายาติ้งอ๋องกับสวีฮูหยินน้อยรองก็อยู่ ที่นี่ด้วยหรือ” เยี่ยหลีกวาดตามองร่างกายม่อจิ่งหลี เงียบๆ รอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนริมฝีปาก ก่อนจะเอ่ย เสียงเรียบ “ได้ยินว่าแม่นางตงฟางไม่ค่อยสบาย จึงตั้งใจ มาเยี่ยม ที่แท้หลีอ๋องก็มาอยู่ที่จวนตงฟางนี่เอง”
นานๆ ทีม่อจิ่งหลีจะมีอาการไม่เป็นธรรมชาติ เขา ใช้วิธีนี้เพื่อได้มาซึ่งอ านาจของภูเขาซางหมาง ย่อมมิใช่วิถี แห่งความบริสุทธิ์และเป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอน ที่ต าหนักติ้งอ๋องไม่สนใจใยดีสิ่งนี้ เขายังคงให้ความส าคัญ
书 呆子
กระทั่งยอมใช้วิธีสกปรกเพื่อให้ได้มา เมื่อคนอื่นมองมา ย่อมรู้สึกว่าเขาด้อยกว่า แต่ว่าแม้ม่อจิ่งหลีจะหยิ่งผยอง เพียงไร ก็เข้าใจว่าตนไม่ใช่ม่อซิวเหยา ม่อซิวเหยา สามารถดูหมิ่นอ านาจของภูเขาซางหมางได้ ไม่ต้องได้รับ การสนับสนุนจากภูเขาซางหมาง แต่เขาม่อจิ่งหลีไม่อาจ ท าเช่นนั้นได้ ถึงแม้ว่าจะไม่เต็มใจนัก แต่ก็ต้องเผชิญหน้า กับความจริง ทว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ในขณะที่ต้อง เผชิญหน้ากับเยี่ยหลี ม่อจิ่งหลีก็ยังคงไม่สามารถหลุดพ้น จากกความอึดอัดใจไปได้ ในแผ่นดินนี้ เรื่องที่เขาไม่ ต้องการที่สุดคือการเสียหน้าต่อหน้าม่อซิวเหยาและเยี่ย หลี หากแต่สวรรค์กลับมิได้เป็นดั่งปรารถนาของคน…
“แม่นางตงฟางไม่เป็นอะไรมาก สักพักก็คงออกมา พบพวกเจ้าได้แล้ว” ม่อจิ่งหลีเอ่ย ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ แล้ว ย่อมต้องรอให้เป็นรูปธรรมก่อนค่อยว่ากัน ขอแค่ เรื่องนี้ได้เรื่องได้ราวแล้ว ม่อจิ่งหลีก็ไม่กังวัลเรื่องที่ตงฟาง
书 呆子
ฮุ่ยจะไม่กลับมาช่วยตนอีก ถ้าหากตงฟางฮุ่ยเปลี่ยนใจ เช่นนั้นชื่อเสียงแห่งการเป็นผู้เลือกผู้น าแทนสวรรค์ของ ภูเขาซางหมางก็จะกลายเป็นเพียงเงา ทั้งภูเขาซางหมาง และตงฟางฮุ่ยจะสูญเสียบุคคลผู้นี้ไปไม่ได้
“หืม” สายตาของเยี่ยหลีกลอกไปมาเล็กน้อย ยิ้ม พลางเอ่ยเสียงเรียบ “ดูเหมือนว่าเราจะพลาดอะไรไป หรืองานมงคลของภูเขาซางหมางจะใกล้เข้ามาแล้ว”
“ถูกต้อง” ม่อจิ่งหลีพูดด้วยน้ าเสียงเคร่งเครียด “ถึงตอนนั้นพระชายาติ้งอ๋องและติ้งอ๋องก็มาร่วมดื่ม ด้วยกันสักแก้วสิ”
เยี่ยหลีลอบยิ้ม ที่แท้ม่อจิ่งหลีก็ให้ความส าคัญกับ ภูเขาซางหมางมาก ตั้งใจว่าจะจัดงานแต่งงานที่เมืองหลี เลยหรือ “หากหลีอ๋องตั้งใจว่าจะจัดงานแต่งงานที่เมือง หลี ข้ากับท่านอ๋องก็รู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก ยินดีกับหลีอ๋อง
书 呆子
ด้วย” ม่อจิ่งหลีเหลือบมองเยี่ยหลี และเอ่ยเสียงเข้ม “ขอบคุณมาก”
“ม่อจิ่งหลี เจ้าฝันไปเถิด ข้าจะไม่แต่งกับเจ้า เด็ดขาด!” ทางด้านเยี่ยหลีและม่อจิ่งหลีที่พูดคุยกันอย่าง ปรองดอง แต่กลับกันเสียงด้านนอกของตงฟางโยวกลับ ไร้ซึ่งความใจเย็นและทุ้มต่ าด้วยความอ่อนโยนเฉกเช่น ก่อนหน้านี้ เสียงของนางแหลมปรี๊ดเกรี้ยวกราดบาดหู ทุกคนต่างหันกลับไปมองตงฟางโยวที่ก าลังยืนโกรธหน้า แดง จ้องมองม่อจิ่งหลีที่ก าลังพูดกับเยี่ยหลี
ฉินเจิงมองตงฟางโยวอย่างประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ที่ได้พบกันสองสามครั้ง นางมักคิดว่าตงฟาง โยวคล้ายหุ่นจ าลองไร้วิญญาณจอมปลอมคนหนึ่ง ทว่า ตอนนี้สตรีชุดขาวได้แต่งแต้มโทสะเข้าไป ท าให้ดูสมจริง มากขึ้นสองสามส่วน เพียงแต่เสื้อคอกว้างของนางท าให้
书 呆子
เห็นว่าร่องรอยม่วงซีด ซึ่งท าให้ฉินเจิงหน้าแดง จึง ลุกลี้ลุกลนก้มหน้าลงและไม่สะดวกใจที่จะมองต่อไป
“โยวเอ๋อร์!” ตงฟางฮุ่ยต าหนิเสียงเข้มด้วยความไม่ พอใจ
ตงฟางโยวตะลึงไป นัยน์ตาเต็มไปด้วยความน้อยใจ มองตงฟางฮุ่ยพลางเอ่ย “อาจารย์ ข้า…ข้า…ข้าไม่มีทาง แต่งงานกับเศษสวะเช่นนี้!” สีหน้าของม่อจิ่งหลีเปลี่ยน โดยพลัน มองตงฟางโยวด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเอ่ย “ตงฟางโยว อย่าคิดว่าเจ้ารู้สึกแย่เพียงคนเดียวสิ เรื่องใน ครั้งนี้เจ้าจะโทษข้าหรือ เจ้าเองที่ท าตัวเองให้กลายเป็น สภาพเช่นนี้ ข้าถือว่าเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเจ้าไว้ ต่างหาก” ตงฟางโยวกัดฟันพลางเอ่ย “ข้าไม่ต้องการให้ คนสารเลวเยี่ยงเจ้ามาช่วยข้า!”
ม่อจิ่งหลีหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะเอ่ย “เจ้าหวังว่า จะมีคนอื่นช่วยเจ้า น่าเสียดายที่เขาไม่คิดจะสนใจเจ้าเลย
书 呆子
ด้วยซ้ า หรือว่าแม่นางตงฟางชอบไปจับคนตามข้างทาง เรื่อยเปื่อย…” สีหน้าตงฟางโยวพลันซีดเผือด เมื่อเปรียบ กับความสัมพันธ์เช่นนี้ที่เกิดขึ้นกับม่อจิ่งหลีแล้ว หากนาง ถูกทิ้งที่ข้างทางจริงๆ ละก็…ไม่มีใครรู้ถึงพลังอ านาจของ อาการบาดเจ็บภายในเนื่องจากมนตร์ย้อนกลับเข้าตัวดี ไปกว่าตงฟางโยวอีกแล้ว หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ และนาง ไปอยู่ข้างถนนจริงๆ… “ข้า…”
“พอแล้ว” ตงฟางฮุ่ยพูดขัดขึ้น ก่อนจะเอ่ยอย่าง เยือกเย็นว่า “ยังขายหน้าคนอื่นไม่พออีกหรือ”
ตงฟางโยวผงะ เมื่อเห็นสีหน้าเย็นชาของตงฟางฮุ่ย ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะฟุบลงบนโต๊ะด้านข้าง พร้อมสะอื้น ไห้ออกมา เยี่ยหลีนั่งมองดูอยู่อีกด้านหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะ ลอบถอนหายใจ เมื่อเทียบกับดวงหน้าหยิ่งผยองก่อน หน้านี้แล้ว ทายาทแห่งภูเขาซางหมางผู้โน้มน้าวผู้คนด้วย วิธีต่างๆ ซึ่งไม่สามารถพลิกแพลงใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
书 呆子
สตรีชุดขาวที่ก าลังร่ าไห้ด้วยความโศกเศร้าตรงหน้านี้ กลับดูน่ารักขึ้นเสียอย่างนั้น แต่น่าเสียดาย เรื่องที่เกิดขึ้น ในคราวนี้เป็นเพราะตัวนางเองทั้งหมด นางใช้มนตร์ เสน่ห์เช่นนั้นไปสะกดสวีชิงเฉิน ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ ตระกูลสวีจะเสียสละตนเองเพื่อช่วยนาง ดังนั้น โศกนาฏกรรมของตงฟางโยวจึงได้ถูกก าหนดไว้ตั้งแต่ที่ นางมีความคิดเช่นนั้นแล้ว
ตงฟางฮุ่ยหลุบตา เก็บง าความรู้สึกในดวงตาไว้ ก่อนจะมองเยี่ยหลีพลางเอ่ย “พระชายาติ้งอ๋อง ข้ายังมี เรื่องที่ต้องจัดการ คงไม่ได้ดูแลพระชายาและสวีฮูหยิน น้อยรองแล้ว”
เยี่ยหลีลุกยืนอย่างมีไหวพริบและยิ้มพริ้มพลางเอ่ย “พวกเราต่างหากที่รบกวนท่าน ตงฟางฮูหยินตามสบาย เถิด ข้าขอตัว”
书 呆子
เมื่อเยี่ยหลีและฉินเจิงบอกลาตงฟางฮุ่ยกับม่อจิ่ง หลีเสร็จ ทันทีที่พวกนางเดินออกมาก็ได้ยินเสียงของตง ฟางฮุ่ยต าหนิตงฟางโยวด้วยน้ าเสียงโมโหกระหืด กระหอบ ตงฟางฮุ่ยปกครองภูเขาซางหมางมากว่ายี่สิบปี ความคิดความอ่านไม่ธรรมดา นิสัยสุขุมนุ่มลึก ทว่านาง ถูกยั่วโมโหกระทั่งไม่อาจรอให้แขกเดินออกไปไกลแล้ว ค่อยปลดปล่อยโทสะได้นั้น เห็นได้ชัดว่าต้องโมโหตงฟาง โยวไม่น้อยเป็นแน่
Comments