ชายาเคียงหทัย 359-1 เป่ยจิ้งวุ่นวำยขึ้นแล้ว
ภายในเวลาไม่ถึงเดือนครึ่ง เหอซู่ก็สามารถพากอง ก าลังทหารเกือบครึ่งที่อยู่ใกล้เมืองชางชิ่งให้มาร่วมมือ ด้วยได้ โดยเบื้องหลังอุบายนี้ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการ เข่นฆ่าอย่างลับๆ อีกมาก แต่ภายนอกกลับดูสงบนิ่งดัง เป็นปกติ
“วิธีการของพระชายาช่างน่าชื่นชมยิ่งนัก” ภายใน ลานเล็กๆ ราชินีเห่อหลันที่นั่งอยู่กล่าวกับเยี่ยหลีพร้อม ด้วยรอยยิ้ม เมื่อราชินีมองไปทางเยี่ยหลี แววตาของนาง ก็เผยความนับถือชื่นชมมากขึ้นอีกหลายส่วน เยี่ยหลี สามารถควบคุมกองก าลังครึ่งหนึ่งของทั้งเมืองชางชิ่งได้ ภายในระยะเวลาเพียงแค่เดือนกว่าๆ มิหน าซ้ ายัง สามารถแทรกตัวเข้าไปอยู่ท่ามกลางชาวจงหยวนหัวรั้น เหล่านั้นได้ ราชินีเห่อหลันยอมรับว่าตัวเองท าไม่ได้ แน่นอน แม้เหตุผลส่วนหนึ่งที่นางท าไม่ได้เป็นเพราะนาง
书 呆子
ถูกชาวจงหยวนระแวดระวังและตั้งตนเป็นศัตรูอยู่ตลอด แต่ราชินีเห่อหลันจ าต้องยอมรับว่า ตนคงคิดวางแผน ไม่ได้มากเท่าเยี่ยหลีด้วยซ้ า
เยี่ยหลีส่ายหน้า พูดด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า “ราชินี ตรัสชมเกินไปแล้ว ข้าเพียงแค่บังเอิญหาช่องโหว่ได้ก็ เท่านั้น หากเป็นที่อื่นก็คงไม่ง่ายดายเพียงนี้” ไม่ใช่ว่าเยี่ย หลีพูดจาถ่อมตัว แต่เพราะเอาเข้จริง เยี่ยหลีเองก็คิดไม่ ถึงว่าจะราบรื่นได้ถึงเพียงนี้เช่นกัน นี่ต้องเป็นเพราะ ภายในเป่ยจิ้งหละหลวมมากจริงๆ แม้ว่าเหล่าขุนนาง ราชวงศ์เก่าจะศึกษาเรื่องการต่อสู้แย่งชิงและเส่นงาน ผู้คนมาเป็นอย่างดี แต่แท้จริงแล้ว พวกเขาและตระกูลก็ ห่างไกลจากราชส านักและอิทธิพลอ านาจมาไกลเกินไป แล้ว แม้ภาพรวมของเป่ยจิ้งจะดูไม่เลวนัก แต่ภายในเต็ม ไปด้วยช่องโหว่มากมาย ต่อให้ต าหนักติ้งอ๋องจะไม่คิด
书 呆子
บัญชีกับเหรินฉีหนิง แต่หากเหรินฉีหนิงไม่จัดการ ปรับปรุง เกรงว่าเป่ยจิ้งคงจะอยู่ไม่รอดถึงสิบปี
ราชินีเห่อหลันพูดยิ้มๆ ว่า “ผู้ที่คว้าโอกาสมาได้ ผู้ นั้นคือคนฉลาด แต่พวกผู้เฒ่าจงหยวนนั่นระแวดระวังนัก พวกเจ้าท าเรื่องมากมายเช่นนี้ พวกเขาจะถึงขั้นไม่ สังเกตเห็นอันใดเทียวหรือ” หลายวันนี้ ชาวเป่ยจิ้งล้วน ลอบเตรียมตัวรอให้ตัวเองถูกส่งออกไปสู้กับกองทัพที่ ด่านจื่อจิง เพื่อกลับไปที่นอกด่าน อีกด้านหนึ่ง ก็พยายาม ก่อความวุ่นวายให้ชาวจงหยวนมากที่สุดเพื่อเบี่ยงเบน ความสนใจพวกเขา แต่ทว่าแม้แต่อ านาจทางการทหาร ถูกผู้อื่นแย่งยิงไปแล้วก็ยังไม่รู้ตัวนี่สิที่ออกจาะเกินไปสัก หน่อย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายนัก หรือ เพราะแต่เดิมกองทัพทหารจงหยวนทั้งหมดก็คิดจะกบฏ ต่อเหรินฉีหนิงอยู่แล้วอย่างนั้นหรือ เช่นนั้น ชื่อเสียงของ เหรินฉีหนิงจะตกต่ าถึงเพียงใดกันนะ
书 呆子
เยี่ยหลีจับถ้วยชาในมือเล่น พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม บางๆ ว่า “น่าจะใกล้รู้ตัวแล้วล่ะ อย่าลืมว่าตระกูลอวิ๋น ยังมีอ านาจทหารอยู่ในมือไม่น้อย พวกเขาต้องพบว่ามี อะไรไม่ชอบมาพากลเป็นแน่” บอกได้ว่าการให้ ฝ่ายบุ๋นมาคุมอ านาจทหารคืออีกหนึ่งความผิดพลาดของ เหรินฉีหนิง หรืออาจจะเรียกว่าความผิดพลาดไม่ได้ แต่ เป็นเพราะไม่ท าเช่นนี้ไม่ได้เสียมากกว่า
“เรียนพระชายา จวนมหาเสนาบดีอวิ๋นส่งสารเชิญ พระชายาไปเยี่ยมชมจวนพ่ะย่ะค่ะ” จั๋วจิ้งเดินเข้ามา พร้อมยื่นสารในมือให้เยี่ยหลีดู ทันทีที่เยี่ยหลีรับมาดูก็ เห็นว่าเป็นสารจากจวนเสนาบดีอวิ๋นจริงๆ บนสารสีทอง อร่ามวาดลวดลายเมฆมงคลงามวิจิตร ดูแล้วโอ่อ่ายิ่งนัก
“ถานจี้จือเล่า” เยี่ยหลีถาม
จั๋วจิ้งตอบว่า “คุณชายถานได้รับเชิญไปที่จวนมหา เสนาบดีตั้งแต่เช้า ตามความเห็นของข้าน้อย…เกรงว่า
书 呆子
จวนมหาเสนาบดีคงจะพบความผิดปกติแล้ว ดังนั้นถึงได้ ส่งสารมาเทียบเชิญพระชายา คงคิดอยากให้ลูกไก่ตกอยู่ ก ามือพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยหลีลุกขึ้นยืน พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้น พวกข้าขอไปพบท่านขุนนางผู้จงรักภักดีต่อราชวงศ์ก่อน ท่านนี้สักหน่อยแล้วกัน ส่งคนไปแจ้งเหอซู่ว่าให้ระวัง ทหารนอกเมืองด้วย ถ้าหากเกิดอันใดขึ้น ก็จงลงมือ จัดการโดยไม่ต้องเกรงใจ อีกอย่าง สั่งให้ฉินเฟิงปิด เส้นทางทั้งหมดของด่านจื่อจิง หากไม่ได้รับค าสั่งจากข้า ก็ไม่อนุญาตให้ส่งข่าวใดๆ ไปที่ด่านจื่อจิงทั้งสิ้น”
“น้อมรับบัญชา!” จั๋วจิ้งรับค าสั่งและจากไป
ราชินีเห่อหลันก็ลุกขึ้นและยิ้ม “ครั้งนี้ต้องขอบคุณ เจ้ามาก ส่วนข้าจะกลับไปสั่งให้พวกเขาเตรียมตัว และ ช่วยเหลือเจ้าอยู่อีกด้านหนึ่ง จริงสิ เจ้ายังต้องการพวก
书 呆子
ขุนนางของเหรินฉีหนิงนั่นอยู่หรือไม่ ข้าสังหารพวกเขาได้ เลยใช่หรือไม่”
เยี่ยหลียิ้มบางๆ “แล้วแต่เห็นสมควร”
เมื่อเยี่ยหลีเข้าไปในจวนมหาเสนาบดีพร้อม กับจั๋วจิ้งและหลินหาน พวกนางก็พบกับมหา เสนาบดีอวิ๋นที่ใบหน้ายิ้มแย้มหากแต่ซ่อนมีดไว้ด้านหลัง เยี่ยหลีไม่ได้สนใจ ทว่า ถานจี้จือถูกคนคุมตัวเอาไว้อยู่ เยี่ยหลีจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มน้อยๆ อย่างอดไม่ได้ว่า “คุณชายถาน นี่มันหมายความว่าอย่างไรหรือ” ด้วย ความสามารถของถานจี้จือ การที่เขาคอยระแวดระวัง ตัวอย่างดีแต่กลับยังถูกคนของมหาสนาบดีคุมตัวไว้ได้นั้น เยี่ยหลีออกจะไม่เชื่อสักเท่าไร
ถานจี้จือยักไหล่พลางหัวเราะ “นี่ไม่ใช่ว่าก าลังรอ แม่นางมาช่วยหรอกหรือ”
书 呆子
เมื่อเสนาบดีอวิ๋นเห็นทั้งสองคนเอ่ยยิ้มแย้มให้กัน เหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น และดูราวกับไม่เห็นตัวเองอยู่ใน สายตา ก็หน้าบึ้งตึงอย่างอดไม่ได้ พร้อมหัวเราะเยาะ “แม่นางท่านนี้ แท้จริงแล้วเจ้าเป็นใครมาจากไหนตอบ มาพร้อมกันเลยก็แล้วกัน หรือเจ้าจะเป็นคนของภูเขาซาง หมางจริงๆ”
เยี่ยหลีพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า “ในเมื่อท่านมหา เสนาบดีอวิ๋นไม่เชื่อตั้งแต่แรก แล้วไยจึงต้องถามอีกเล่า”
มหาเสนาบดีย่อมรู้ว่าตัวเองถูกคนสองคนที่อยู่ ตรงหน้าร่วมมือกันหลอกเข้าให้แล้วจริงๆ การที่เยี่ยหลี บอกว่ามหาเสนาบดีอวิ๋นไม่เชื่อตั้งแต่แรก จริงๆ ก็ไม่ถูก นัก เขาเพียงเชื่อแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น เพียงแต่อาศัยว่าถาน จี้จือยังต้องพึ่งพาตนอยู่ อีกทั้งทั้งสองอยู่ในเมืองชางชิ่ง ซึ่งนับว่าได้อยู่ในก ามือของตน จึงหาได้ใส่ใจแต่อย่างใด กลับคิดไม่ถึงว่า ความสามารถของทั้งสองจะเหนือกว่าที่
书 呆子
เขาคาดหมายไปมาก จนสามารถคุมทหารและม้าในเป่ ยจิ้งได้ถึงครึ่งหนึ่งในชั่วระยะเวลาเพียงเดือนกว่า
“พวกเจ้าเป็นคนของต าหนักติ้งอ๋อง!” มหา เสนาบดีจ้องเขม็งไปที่ทั้งสองพร้อมถามด้วยน้ าเสียงเยือก เย็น นอกจากคนของติ้งอ๋องแล้ว เขาก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่า ผู้ใดที่จะมีความสามารถและคิดวิธีการเช่นนี้ได้
ถามจี้จือยิ้มเจื่อนอย่างช่วยไม่ได้ ส่วนเยี่ยหลีพยัก หน้าอย่างสง่างาม แล้วตอบว่า “เยี่ยหลีคารวะท่านมหา เสนาบดี”
“เจ้าคือพระชายาติ้งอ๋องหรือ!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น มหาเสนาบดีอวิ๋นก็ร้องเสียงแหลมออกมาอย่างลืมตัวจน แทบจะทรุดลงกับพื้น เยี่ยหลีรู้สึกจนใจเล็กน้อย ชื่อของ นางน่ากลัวเพียงนั้นเชียวหรือ
เสนาบดีอวิ๋นทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไท่ซือราวกับไร้ วิญญาณ ผ่านไปครู่หนึ่ง ถึงถอนหายใจออกมา “สมกับ
书 呆子
เป็นพระชายาติ้งอ๋อง ช่างกล้าหาญและชาญฉลาดยิ่งนัก! พระชายาวางแผนร่วมกับพวกเป่ยจิ้งนั่นไว้ล่วงหน้านาน แล้วใช่หรือไม่” มหาเสนาบดีอวิ๋นไม่ใช่คนโง่ การที่ ต าหนักติ้งอ๋องเคลื่อนไหวอย่างใหญ่โตภายในเป่ยจิ้งได้ โดยที่พวกเขาเพิ่งจะมารู้ตัวตอนนี้ จะต้องเป็นเพราะ ได้รับความช่วยเหลือจากภายในแน่นอน
เยี่ยหลีถอนหายใจเบาๆ พูดว่า “ไม่ใช่ว่าต าหนักติ้ง อ๋องของเราโหดร้าย ทว่า เป่ยจิ้งอ๋องร่วมมือกับเป่ยหรง เพื่อต้องการท าลายต าหนักติ้งอ๋องของเราและโค่นล้มจง หยวก่อนน วิธีการนี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก หากปล่อยให้พวก เขาท าส าเร็จ ต าหนักติ้งอ๋องของเราคงถูกศัตรูล้อมทั้ง หน้าและหลังดังนั้นจึงจ าต้องเลือกเดินทางเสี่ยงเพื่อตัด ทางถอยของเขาไป ขอท่านมหาเสนาบดีอวิ๋นได้โปรด อภัยให้ด้วย”
书 呆子
“ผู้ชนะเท่านั้นที่เป็นใหญ่ ไฉนพระชายาจะต้องพูด ให้มากความอีก” มหาสนาบดีอวิ๋นจ้องใบหน้าที่งาม ละออของเยี่ยหลี และพูดเสียงเข้มว่า “อายุของพระ ชายาติ้งอ๋องยังเยาว์วัยนัก แต่คิดวิธีการที่กล้าหาญเช่นนี้ ได้ แม้แต่ข้าก็ยังต้องเอ่ยวาจาชื่นชม ทว่า…ต าหนักติ้ง อ๋องรู้ทั้งรู้ว่าตกอยู่ในที่นั่งล าบาก แต่ยังกล้ามาที่จวนมหา เสนาบดีของข้าอีก ดูท่าคงไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลย กระมัง”
เยี่ยหลียิ้มบางๆ พูดว่า “ท่านมหาสนาบดีอวิ๋นเป็น ผู้ใหญ่ เมื่อผู้ใหญ่เรียกพบ ไฉนเลยจะกล้าปฏิเสธได้”
“ดี ดี ดี…” มหาเสนาบดีอวิ๋นพูดค าว่าดีติดกันสาม ครั้ง ก่อนจะตบโต๊ะพร้อมผุดลุกขึ้นด้วยใบหน้าเขียวคล้ า จากความเดือดดาล พร้อมพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ใน เมื่อเจ้าบังอาจเข้ามาในจวนมหาเสนาบดีของข้า หากข้า
书 呆子
ยังเก็บเจ้าไว้ จะไม่เท่ากับท าลายเกียรติยศแห่งเป่ยจิ้ง ของข้าลงจนย่อยยับหรอกหรือ!”
“มหาเสนาบดีอวิ๋น ต่อให้เป่ยจิ้งสูญสิ้นเกียรติยศ คนที่ขายหน้าก็คือพวกข้า เกี่ยวอะไรกับพวกท่านหรือ” เสียงกลั้วหัวเราะเล็กๆ ของหญิงสาวนอกประตูดังขึ้น ราชินีเห่อหลันเดินเข้ามาพร้อมกับชาวเป่ยจิ้งสองสามคน ราวกับว่าทั้งจวนมหาสนาบดีไม่มีผู้ใดอยู่แล้ว ม่านตาของ มหาเสนาบดีอวิ๋นหดลง จับจ้องไปที่ราชินีเห่อหลันแล้ว พูดว่า “ข้าคิดอยู่แล้วเชียว ว่าเหตุใดชาวเป่ยจิ้งของพวก เจ้าถึงได้มาร่วมมือกับต าหนักติ้งอ๋อง ที่แท้ก็เพราะพวก เจ้ามันต่ าช้า!” ตอนแรกที่ราชินีเห่อหลันบอกว่าอยากไป เมืองหลี ทุกคนคิดเพียงว่านางต้องการเอาชนะพระ ชายาอวิ๋น จึงไม่มีใครสนใจ แต่กลับไม่คิดเลยว่าจะเป็น การน าพาหายนะมาสู่เป่ยจิ้ง
Comments