ชายาเคียงหทัย 359-3 เป่ยจิ้งวุ่นวำยขึ้นแล้ว

Now you are reading ชายาเคียงหทัย Chapter 359-3 เป่ยจิ้งวุ่นวำยขึ้นแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเกิดปัญหาใหญ่เช่นนี้ ที่แม้แต่เหล่า ผู้ใต้บังคับบัญชายังเข้าใจ เหรินฉีหนิงก็ย่อมเข้าใจดี เช่นกัน หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เหรินฉีหนิงก็สั่งให้แม่ ทัพคนหนึ่งน ากองทัพสองแสนนายกลับไปเสริม อีกมุม หนึ่งก็นับว่าเป็นการลองเชิง เหรินฉีหนิงเคยพูดคุยกับ ต าหนักติ้งอ๋องสองสามครั้งและเข้าใจถึงวิธีเล่นเล่ห์ที่ไม่ ตามเหตุตามผลของม่อเซียวเหยาอย่างลึกซึ้ง ในเมื่อเรื่อง นี้มีเงาของต าหนักติ้งอ๋องอยู่ เขาจึงจ าต้องเดินหมาก อย่างรอบคอบ

เมื่อตัดสินใจที่จะเพิ่มก าลังเสริมไปปราบกบฏแล้ว เหรินฉีหนิงก็ถอนหายใจแล้วหยิบพู่กันขึ้นมาเขียน จดหมายสองสามฉบับ จากนั้นเรียกบ่าวมาก าชับว่า “น า จดหมายนี้ไปส่งให้แก่ราชินีและมหาเสนาบดี”

ณ พระราชวังแห่งเป่ยจิ้ง เมืองชางชิ่ง

书呆子

บัดนี้ ภายในเมืองชางชิ่งถูกชาวเป่ยจิ้งควบคุมไว้ แล้ว ภายนอกเมืองเกิดสงครามวุ่นวาย ทั้งพระราชวังตก เป็นของราชินีเห่อหลันแต่เพียงผู้เดียวทันที ราชินีเห่อห ลันเชิญเยี่ยหลีเข้ามาพักที่วังตามใจชอบ เพราะหากเกิด อะไรขึ้น นางก็ยังต้องออกจากวังไปหาเยี่ยหลีอีก เยี่ยหลี เองก็ไม่ถือสา ตอนนี้ ไม่เพียงแต่เมืองชางชิ่งที่ถูกชาวเป่ ยจิ้งควบคุม แต่ยังถูกตระกูลม่อควบคุมอย่างลับๆ ด้วย เช่นนั้นแล้ว แม้แต่แมลงวันก็อย่าได้คิดจะเล็ดลอดออกไป ได้ ส่วนกองทัพตระกูลม่อก็เริ่มกวาดล้างขุมอ านาจของ เหรินฉีหนิงที่อยู่ในเป่ยจิ้งอย่างลับๆ ตามข้อมูลที่ราชินี เห่อหลันได้ให้ไว้ ข้อมูลเหล่านี้น่าจะราบรวมขึ้นจากความ กังวลของอดีตราชินีที่เกรงว่าขุมอ านาจของชาวจงหยวน จะเป็นภัยต่อต าแหน่งของบุตรชายตนในอนาคต คิดไม่ ถึงว่าจะได้น ามาให้ต าหนักติ้งอ๋องใช้

书呆子

“ฮ่าๆ พระชายาติ้งอ๋อง เจ้าลองดูนี่สิ…” ราชินี เห่อหลันนั่งอย่างเกียจคร้านบนเก้าอี้ลายหงส์ที่กว้างใหญ่ นางสะบัดจดหมายที่เพิ่งได้รับบนมือ พูดพร้อมกับ มองเยี่ยหลีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เยี่ยหลีเงยหน้าขึ้น วาง หนังสือในมือลง แล้วเลิ่กคิ้ว “เป่ยจิ้งอ๋องเขียนอันใดถึง ท่านหรือ”

ราชินีเห่อหลันยิ้มและตรัสว่า “เขาบอกว่ากองทัพ ได้ท าการก่อกบฏ จึงเป็นห่วงความปลอดภัยของข้า และ ยังบอกอีกด้วยว่า ให้ข้าระวังตัวและอยู่แต่ในพระราชวัง อย่าได้ออกไปไหน เผื่อเกิดเรื่องอันใดขึ้น…คงอยากจะ ถามพ่อของข้าว่าหัวหน้าชนเผ่าอื่นๆ ในเป่ยจิ้งคิดอย่างไร กระมัง”

เยี่ยหลีพยักหน้าและยิ้ม “อาจจะแค่ต้องการ ทดสอบท่าทีของเจ้าเท่านั้น เจ้าลองตอบจดหมายกลับไป ดูสิ”

书呆子

“ตอบจดหมายหรือ” ราชินีเห่อหลันมองเยี่ยหลี พลางกะพริบตาปริบๆ อย่างไร้เดียงสา และพูด “แต่ผู้ส่ง สารที่เขาส่งมาถูกข้าฆ่าทิ้งไปแล้ว”

เยี่ยหลียิ้มอย่างเฉยเมย “เช่นนั้นก็เป็นเรื่องของเจ้ว แล้ว หากเจ้าไม่ต้องการให้ทหารสองแสนนายกลับมา ก็ ไม่ต้องสนใจจดหมายนั่นก็ได้”

ราชินีเห่อหลันไหล่ตกลงอย่างช่วยไม่ได้ พลางมอง หาพู่กันและน้ าหมึกเพื่อเขียนตอบจดหมายเหรินฉีหนิง พลางพูดไปว่า “พระชายาติ้งอ๋อง เจ้านี่ร้ายจริงๆ!” เยี่ย หลียิ้มและพูด “ข้าเคยบอกราชินีหรือว่าข้าเป็นคนดี” ราชินีเห่อหลันขบฟัน “เจ้าไม่เรียกข้าว่าราชินีได้ หรือไม่”

“ได้สิ องค์หญิงเห่อหลัน” เยี่ยหลีกล่าวคล้อยตาม ทันใด

书呆子

ราชินีเห่อหลันโกรธจนก้มหน้าลงเขียนจดหมายให้ เหรินฉีหนิง ภายในจดหมายระบุอย่างชัดเจนว่าทหาร และม้าที่ก่อกบฏเป็นคนจงหยวนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเป่ ยจิ้งของนาง ถ้าหากต้องการให้ท่านพ่อออกโรงช่วยเหลือ ก็ต้องยื่นเงื่อนไขที่พวกเราพึงพอใจมา เมื่อราชินีเห่อหลัน เขียนเสร็จ เยี่ยหลีก็เข้ามาดูและเพิ่มข้อความให้อีกหลาย ประโยค “เขียนอีกรอบเถิด”

แม้ว่าราชินีเห่อหลันจะค่อนข้างช านาญในตัวอักษร จงหยวน แต่พระองค์ก็ยังมองออกว่าจดหมายของเยี่ยหลี มีนัยยะของความรักบางอย่างแฝงอยู่ จึงอดขนลุกขึ้นมา ไม่ได้ “พระชายาติ้งอ๋อง เจ้าไม่ใส่ถ้อยค าดูหมิ่นเลย ข้า เกลียดชังเจ้าคนสารเลวที่ลืมบุญคุณนั่น”

เยี่ยหลีเลิกคิ้วและกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าเจ้าท าอย่าง นั้นมาตลอดอยู่แล้วหรือ หากจู่ๆ ตอนนี้เจ้าเกิด เปลี่ยนเป็นไร้เยื่อใย จะท าให้เหรินฉีหนิงสงสัยเอาได้นะ”

书呆子

ก่อนหน้านี้ ราชินีเห่อหลันมักจะต่อปากต่อค ากับสน มอวิ๋นเสมอเพื่อไม่ให้เหรินฉีหนิงสงสัย และจะแสดงออก ราวกับมีท่าทางหึงหวง เหรินฉีหนิงเป็นคนฉลาดเพียง ไหน หากราชินีเห่อหลันแสดงท่าทีแข็งกระด้างขึ้นมา ในทันทีเช่นนี้ คงจะกระตุ้นให้เหรินฉีหนิงเกิดความแคลง ใจได้ง่าย และจะควบคุมกองทัพสองแสนนายไว้ไม่ยอม ปล่อยกลับมา

“เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าจะยอมอ่อนลงหน่อยก็ได้” ราชินีเห่อหลันจ าต้องยอมรับว่า เยี่ยหลีคิดรอบคอบ มากกว่านาง จึงหยิบพู่กันขึ้นมาแล้วเขียนจดหมายฉบับ ใหม่อีกครั้งด้วยความขุ่นเคือง

“เห่อหลัน…เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้!” ราชินีเห่อหลัน ก าลังท าหน้าเคร่งเครียดเขียนจดหมายถึงเหรินฉีหนิง ประตูด้านนอกก็มีเสียงแหลมด่าทอด้วยความโกรธดังขึ้น เสียงแหลมแสบแก้วหูนั่นท าให้มือของราชินีเห่อหลันต้อง

书呆子

หยุดชะงัก และจดหมายที่เขียนได้ครึ่งหนึ่งก็เลอะรอย หมึกเป็นวงใหญ่ ราชินีเห่อหลันหน้าบึ้งตึงโดยพลัน และ ตะโกนออกไปนอกประตูว่า “ให้พวกนางเข้ามา!”

ครู่หนึ่ง สนมอวิ๋นก็เร่งฝีเท้าเข้ามาด้วยความโกรธ พร้อมกับหญิงสาวหลายนาง พวกนางถูกขังอยู่ในวัง ไม่รู้ ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น เพียงถูกห้ามไม่ให้เข้าออกและ ตัดขาดการติดต่อกับภายนอกเท่านั้น หลังจากอดทนอยู่ หลายวัน ในที่สุดสนมอวิ๋นก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ด้วยเหตุ นี้จึงพาคนมาหาเรื่องราชินีเห่อหลันถึงที่นี่ ไม่ว่าอย่างไร นางก็เป็นสนมคนโปรดของเหรินฉีหนิง ราชินีเห่อหลันจึง ไม่ยอมให้ใครท าอะไรนางมากนัก อีกทั้งบ่าวใช้ในวังส่วน ใหญ่ก็เป็นคนจงหยวน ดังนั้นนางจึงบุกมาถึงหน้าประตู ต าหนักราชินีเห่อหลันได้อย่างง่ายดาย

“เห่อหลัน! นี่หมายความว่าอย่างไรกัน บังอาจมา ห้ามไม่ให้คนของข้าออกจากวัง เจ้าคิดจะกบฏหรือ”

书呆子

ราชินีเห่อหลันวางพู่กันลง มองนางด้วยสีหน้า คล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ใช่แล้ว เจ้าจะท าไมหรือ”

“เจ้าช่างบังอาจนัก!?” สนมอวิ๋นร้องเสียงแหลม “เจ้าไม่กลัวว่าท่านอ๋องเสด็จกลับมาแล้วจะสังหารเจ้า หรือ” ราชินีเห่อหลันเอามือเท้าคาง และบอกนางอย่าง เกียจคร้าน “เจ้าวางใจเถิด ก่อนที่เหรินฉีหนิงจะกลับมา ฆ่าข้า ข้าก็จะต้องฆ่าพวกเจ้าก่อนแน่นอน และแน่นอนว่า ยังมี…พ่อที่น่าร าคาญคนนั้นของเจ้า แล้วก็พ่อของพวก เจ้า…” ราชินีเห่อหลันเหลือบมองกลุ่มสตรีที่ตามสน มอวิ๋นเข้ามา และเบ้ริมฝีปากอย่างดูหมิ่น ตั้งแต่ที่นางขึ้น เป็นราชินี ผู้หญิงเหล่านี้ก็สร้างปัญหาให้กับนางไม่น้อย อีกทั้ง ตอนที่ญาติผู้พี่ของนางยังอยู่ พวกนางสนมเหล่านี้ ก็มักจะหาเรื่องกับนางเสมอ ราชินีเห่อหลันจึงไม่มี ความรู้สึกดีต่อพวกคนในวังหลังนี้แม้แต่น้อย

书呆子

“เจ้า…เจ้าจะท าอะไรพ่อข้า” สนมอวิ๋นตกใจ ราชินี เห่อหลันกล้าปิดพระราชวัง กล้าแสดงออกและยอมรับ ความคิดของนางอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ต้องไม่ใช่เพราะบ้า ไปแล้วแน่ๆ แต่เป็นเพราะนางก าลังถือไพ่ลับใบใหญ่อยู่ ในมือ

ราชินีเห่อหลันมองไปยังเยี่ยหลีที่ก าลังนั่งอ่าน หนังสืออยู่ด้านหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่มี ความสามารถพอที่จะท าอันใดต่อท่านมหาเสนาบดี พ่อ ของเจ้าคนนั้นได้หรอก”

ตอนนี้ทุกคนถึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าภายในต าหนักยัง มีหญิงสาวสวมชุดขาวนั่งอยู่ด้วย แต่นางเพียงก าลังนั่งพิง เสาอ่านหนังสืออยู่ และทุกคนเอาแต่จดจ่ออยู่ที่ราชินี เห่อหลัน จึงท าให้พวกนางเพิ่งจะมาสังเกตเห็นนาง ตอนนี้

书呆子

เยี่ยหลีเงยหน้าขึ้นมองสนมอวิ๋นอย่างเฉยเมยและ กล่าวว่า “ท่านมหาเสนาบดีอวิ๋นยังสบายดี และก าลังฝึก บ าเพ็ญเพียรอยู่ที่จวน ได้ยินว่าสนมอวิ๋นช านาญการ เขียนพู่กัน และเลียนแบบตัวอักษรของผู้อื่นได้อย่าง ช านาญใช่หรือไม่”

“ใช่ เช่นนั้นแล้วอย่างไร” สนมอวิ๋นตอบโดยไม่ รู้ตัว

เยี่ยหลียิ้มหวาน “ไม่อย่างไรหรอก ข้าไม่มีบ่าวที่ สามารถท าให้ได้ในตอนนี้ จึงอยากรบกวนพระสนมอวิ๋น ช่วยเขียนจดหมายให้ข้าสักฉบับ”

“ข้าจะช่วยเจ้าไปท าไมกัน ไม่ถูกสิ…เจ้าเป็นใคร ข้า คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นเจ้าที่ไหนสักแห่ง…” สน มอวิ๋นมองเยี่ยหลีอย่างสงสัย หลังจากเยี่ยหลีเปลี่ยนโฉม หน้า หน้าตาของนางจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่นางก็ยังคง ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยแปลกๆ บางอย่างกับสนมอวิ๋น

书呆子

เยี่ยหลียิ้ม แต่ไม่ได้กล่าวอันใด

จากนั้น ก็มีเสียงแหลมสูงดังมาจากข้างหลังราชินี เห่อหลัน “เจ้าคือพระชายาติ้งอ๋อง!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด