ชายาเคียงหทัย 338-1 จุดประสงค์ของพระชายาเห่อหลัน
เรื่องวัยเป็นข้อห้ามที่ไม่ควรแตะต้องมากที่สุดสำหรับสตรีทุกคน กับสตรีผู้เลอโฉมที่อายุอานามไม่น้อยแล้วนั้นยิ่งแล้วใหญ่ หญิงงามไม้ใกล้ฝั่ง แม่ทัพผมหงอกขาว อย่างไรก็เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนจนปัญญาที่สุดของใต้หล้าแห่งนี้แล้ว ดังนั้นต่อให้เป็นหลิ่วกุ้ยเฟยที่หยิ่งผยองไม่ยอมทำตัวเช่นสตรีต่างถิ่นอย่างพระชายาเห่อหลัน ก็ยังคงถูกยั่วให้โกรธอยู่ดี
“สารเลว เจ้าพูดอะไรน่ะ!” หลิ่วกุ้ยเฟยถูกยั่วโมโหจนตัวสั่นไปหมด ถลึงตาพลางตะคอกเสียงเข้มใส่พระชายาเห่อหลัน
พระชายาเห่อหลันปีนี้เพิ่งอายุได้สิบหกสิบเจ็ดปี กำลังอยู่ในวัยแรกแย้ม แม้นจะไม่ได้มีผิวพรรณขาวผ่องเนียนนุ่มเหมือนสตรีจงหยวน แต่กระนั้นผิวพรรณของวัยสาวเมื่อมาอยู่ใต้แสงอาทิตย์ก็ให้ดูแข็งแรงและเนียนละเอียดอย่างที่คนต้องหันมอง ซึ่งนี่เป็นส่วนที่ขาดหายไปของคนในวัยอย่างหลิ่วกุ้ยเฟย ไม่ว่านางจะผัดหน้าอย่างประณีตบรรจงเพียงใด นางที่อายุกว่าสามสิบปีต่อให้พยายามบำรุงอย่างไรก็ไม่มีทางมีผิวพรรณที่ชุ่มฉ่ำอย่างสตรีวัยสาวอีก หนำซ้ำในช่วงสองปีแรก ก็มีช่วงสั้นๆ ที่นางต้องอยู่อย่างลำบากยากเข็นจนแทบจะทำให้ความพยายามในการบำรุงบำเรอตลอดช่วงหลายปีก่อนหน้าหายไปจนสิ้น สองปีนี้ถึงแม้นางจะพยายามบำรุงตนเองอย่างเต็มที่ แต่ความงามของนางก็กลับไปสู้ช่วงสะพรั่งที่สุดไม่ได้อีกแล้ว คำพูดของพระชายาเห่อหลันจึงราวกับเป็นการสาดเกลือเข้าใส่แผลของนางอย่างไร้ปราณี
“บังอาจ!” สีหน้าพระชายาเห่อหลันพลันบึ้งตึงลง เชิดคางขึ้นมองหลิ่วกุ้ยเฟยอย่างถือดี “เห็นแก่ที่เจ้าเป็นสตรีขององค์ชายเยียหลี่ว์ ข้าเลยยอมลงให้หลายส่วน แต่เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถตบหน้าเจ้าให้เละคามือได้ เจ้ายังไม่ใช่พระชายาขององค์ชายเป่ยหรงด้วยซ้ำ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเป่ยหรงอ๋องจะหาเรื่องข้าเพื่อคนอย่างเจ้า!” สายตาหลิ่วกุ้ยเฟยที่ถลึงมองพระชายาเห่อหลันราวกับอาบฉ่ำไปด้วยยาพิษ เยียหลี่ว์เหยี่ยขมวดคิ้วเอ่ยเสียงขรึมว่า “เอาล่ะ พระชายาเห่อหลัน ชิงอีน่าใช้คำพูดไม่เหมาะสม ขอท่านได้โปรดอภัยด้วย ทว่าท่านเองก็เป็นฝ่ายเสียมารยาทก่อน เช่นนั้นปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปดีหรือไม่” พระชายาเห่อหลันเหลือบมองเหรินฉีหนิงที่ดูไม่มีทีท่าว่าจะออกหน้าช่วยตน จึงส่งเสียงหึเบาๆ ก่อนเมินหน้าหนีไปไม่พูดอะไรอีก
เดิมทีหลิ่วกุ้ยเฟยยังคงไม่พอใจอยู่ แต่เมื่อได้รับสายตาตักเตือนจากเยียหลี่ว์เหยี่ยจึงต้องยอมลดธงถอยกลับไป
“เอ๊ะ นั่นไม่ใช่ติ้งอ๋องกับพระชายาติ้งอ๋องหรอกหรือ” พระชายาเห่อหลันผินหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง จึงพอดีเห็นม่อซิวเหยากับเยี่ยหลีที่เดินทอดน่องจับมือกันอยู่ท่ามกลางฝูงชน ในหมู่ฝูงชนที่มีเส้นผมดำขลับ เส้นผมสีขาวของม่อซิวเหยาย่อมสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง ได้ยินอย่างนั้น คนอื่นๆ ก็พากันหันมองตามไป จึงเห็นคู่ชายหญิงที่เดินเคียงกันอย่างโดดเด่นอยู่ท่ามกลางผู้คนจริงๆ ทั้งสองจับมือกันเดินเรื่อยๆ พลางพูดคุยหยอกล้อกัน ม่อซิวเหยาอยู่ในชุดสีฟ้าอ่อนปักลวดลายด้วยเส้นด้ายสีเงิน มีเข็มขัดหยกคาดอยู่ที่เอว เส้นผมที่เป็นเงินวาวปล่อยทิ้งตัวสบายๆ อยู่ด้านหลัง เขาก้มหน้าลงไปมองสตรีเส้นผมดำขลับข้างกาย พูดคุยหยอกล้อเจือรอยยิ้มน้อยๆ แตกต่างจากท่าทีเย็นชาตามปกติอย่างเห็นได้ชัด
สตรีที่ยืนอยู่ข้างกายเขา เส้นผมดำขลับพลิ้วไหวราวกับก้อนเมฆ รวบผมเอียงข้างหลวมๆ เสียบแซมปิ่นปักผมทรงดอกฝูหรงที่แต่งแต้มด้วยเกสรสีขาว ต่างหูเงินอันแสนประณีตแกว่งไกงเบาๆ อยู่ที่ติ่งหู ยิ่งรวมกับใบหน้างดงามจึงยิ่งขับให้ดูสง่างามสบายตามากขึ้น ทำให้ผู้คนไม่อยากละสายตาไปจากนาง เยี่ยหลีอยู่ในอาภรณ์สีขาวปักดิ้นเงินเรียบง่าย ตรงสายคาดเอวสีเงินผูกเครื่องประดับหยกสีม่วงอ่อนเอาไว้ชิ้นหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าทั้งสองไม่ได้แต่งกายอย่างเป็นทางการ แต่ยามเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนกลับยังคงทำให้ทุกสายตาเคลื่อนตามพวกเขาโดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้ม่อซิวเหยาพูดอันใดกับนาง เยี่ยหลีจึงหันไปถลึงตาโกรธๆ ใส่เขาทีหนึ่ง ยกมือขึ้นหมายจะแย่งสิ่งของจากมือเขาไป แต่กลับถูกม่อซิวเหยาขยับหนีด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม มือข้างหนึ่งประคองเอวนางไว้ ส่วนมืออีกข้างยื่นสิ่งของในมือไปที่ปากของนาง เช่นนั้นทุกคนถึงได้มองเห็นว่าสิ่งของในมือที่ม่อซิวเหยาถืออยู่นั้นคือผลไม้เคลือบน้ำตาลไม้หนึ่ง เหรินฉีหนิงและเยียหลี่ว์เหยี่ยพากันกระตุกมุมปากโดยไม่รู้ตัว ด้วยฐานะอย่างพวกเขาไม่ว่าจะโปรดปรานสตรีสักนางเพียงใด ก็ไม่มีทางแสดงกิริยาเช่นนี้ออกมาเด็ดขาด แต่เมื่อเห็นท่าทางที่ม่อซิวเหยาแสดงออกมาแล้ว กลับดูเป็นธรรมชาติสบายๆ ไม่มีการเสแสร้งแต่อย่างใด เห็นได้ชัดว่ากำลังมีความสุขอยู่มากจริงๆ
“ได้ยินมานานแล้วว่าติ้งอ๋องกับพระชายารักใคร่กันอย่างลึกซึ้ง พอได้มาเห็นในวันนี้ถึงได้รู้ว่าเป็นดั่งที่เล่าลือกันจริงๆ” สนมอวิ๋นเอ่ยทอดถอนใจอย่างสบายๆ ในน้ำเสียงเจือแววอิจฉาพระชายาติ้งอ๋องอย่างปิดไม่มิด
พระชายาเห่อหลันเองก็นานๆ ทีจะกล่าวเห็นด้วยกับสนมอวิ๋นว่า “ติ้งอ๋องเป็นบุรุษที่เก่งกาจมากจริงๆ”
มุมปากเยียหลี่ว์เหยี่ยกระตุกขึ้น มาตรฐานของบุรุษที่ดีคือการซื้อผลไม้เคลือบน้ำตาลตามท้องถนนหรอกหรือนี่ เมื่อเห็นท่าทางไม่เห็นด้วยของเขา พระชายาเห่อหลันก็กล่าวด้วยความไม่พอใจว่า “องค์ชายเจ็ด ท่านยินดีถือผลไม้เคลือบน้ำตาลเดินไปตามถนนเพื่อสตรีนางใดหรือไม่เล่า”
เยี่ยหลี่ว์เหยี่ยเบ้ปากด้วยความดูแคลน เขาเป็นถึงองค์ชาย จะทำเรื่องที่เสื่อมเสียต่อฐานะเช่นนั้นเพื่อสตรีนางหนึ่งได้อย่างไร พระชายาเห่อหลันยิ่งดูแคลนเขาขึ้นไปอีก “เดิมยังคิดว่ามีเพียงบุรุษจงหยวนที่เป็นห่วงหน้าตาจอมปลอมพวกนี้ ไม่คิดว่าคนเป่ยหรงอย่างพวกท่านก็ไม่ต่างกันเท่าไร บุรุษเป่ยจิ้งของพวกเราไม่จอมปลอมเช่นพวกท่านหรอกนะ บุรุษทุกคนล้วนดีงามเช่นเดียวกับติ้งอ๋องทั้งสิ้น”
เมื่อเห็นว่าม่อซิวเหยากับเยี่ยหลีกำลังจะเดินผ่านร้านที่พวกเขาอยู่ไปแล้ว พระชายาเห่อหลันก็ลุกขึ้นเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้มลงไปทางด้านล่างว่า “ติ้งอ๋อง พระชายาติ้งอ๋อง…”
ที่ด้านล่าง พอเยี่ยหลีกับม่อซิวเหยาเงยหน้าขึ้นก็เห็นหน้าตายิ้มแย้มของพระชายาเห่อหลันที่โบกมือเรียกพวกเขาอยู่ แน่นอนว่ายังมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักของเหรินฉีหนิงและเยียหลี่ว์เหยี่ยด้วย ก่อนหน้านี้เหรินฉีหนิงร่วมเป็นพันธมิตรกับเยียหลี่ว์เหยี่ยในการเป็นปฏิปักษ์กับกองทัพตระกูลม่อ เมื่อยามนี้ทั้งสองมาปรากฏตัวอยู่ด้วยกันในโรงน้ำชาจึงไม่ทำให้รู้สึกแปลกใจนัก แต่การที่พวกเขามาพบเจอกันในเมืองหลีที่อยู่ภายใต้สายตาของกองทัพตระกูลม่อเช่นนี้ ก็ออกจากไม่เห็นตำหนักติ้งอ๋องอยู่ในสายตาอยู่บ้าง
มุมปากเยี่ยหลียกยิ้มเป็นรอยยิ้มบางๆ พยักหน้าพลางเอ่ยกับพระชายาเห่อหลันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “พระชายาก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ ช่างบังเอิญเสียจริง” ราชีนีเห่อหลันโน้มตัวพิงหน้าต่างพลางเอ่ยกลั้วหัวเราะว่า “ติ้งอ๋องกับพระชายาออกมาเดินเล่นหรือ ขึ้นมานั่งเล่นด้วยกันดีหรือไม่”
“น้อมรับด้วยความยินดี” เยี่ยหลีอมยิ้มพลางตอบรับ จูงม่อซิวเหยาให้เดินเข้าไปในโรงน้ำชา
ทั้งสองเพิ่งก้าวเข้ามาในร้าน หลงจู๊ของโรงน้ำชาก็ออกมาต้อนรับด้วยความตื่นเต้นยินดี ถึงแม้ติ้งอ๋องกับพระชายาจะอยู่ในเมืองหลี แต่ตามปกติแล้วทั้งสองท่านนี้ไม่ค่อยออกไปไหนมาไหนสักเท่าไร วันนี้เมื่อทั้งสองมาเป็นเกียรติในโรงน้ำชาเล็กๆ แห่งนี้ ก็ไม่แปลกที่หลงจู๊จะรู้สึกตื่นเต้นเป็นที่ยิ่ง เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นทำตัวไม่ถูกของหลงจู๊แล้ว เยี่ยหลีก็อมยิ้ม พยักหน้าให้พลางพูดว่า “หลงจู๊ไม่ต้องสนใจพวกเราหรอก พวกเราขึ้นไปกันเองได้” หลงจู๊ย่อมพยักหน้าหงึกหงัก พลางเหลือบมองติ้งอ๋องที่ยืนอยู่ด้านหลังพระชายาด้วยความระมัดระวัง การที่ท่านอ๋องถือผลไม้เคลือบน้ำตาลอยู่ในมืออะไรนั่น ช่างเกินขอบเขตที่ชาวบ้านร้านตลาดจะรับไหวจริงๆ เขาจึงไม่กล้าเข้าไปทักทาย ได้แต่ยืนมองเยี่ยหลีจูงม่อซิวเหยาเดินขึ้นชั้นบนไป
คณะของเหรินฉีหนิงไม่ได้นั่งอยู่ภายในห้องส่วนตัว แต่หลงจู๊ที่รู้ถึงฐานะที่ไม่ธรรมดาของพวกเขา จุดที่พวกเขานั่งอยู่จึงเป็นส่วนที่ทัศนวิสัยดีที่สุดและเงียบสงบที่สุดในโรงน้ำชา เมื่อมีฉากบานพับลายภูเขาและสายน้ำมากางกั้น จึงยิ่งทำให้ดูประหนึ่งแยกท้องฟ้าและผืนดินออกจากกัน ดูมีความเงียบสงบท่ามกลางความวุ่นวาย เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินจับจูงกันเข้ามา สายตาของเหรินฉีหนิงกับเยียหลี่ว์เหยี่ยก็มองไปที่มืออีกข้างหนึ่งของม่อซิวเหยาโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้ผลไม้เคลือบน้ำตาลเมื่อครู่จะไม่อยู่ในมือแล้ว แต่กระนั้นติ้งอ๋องที่ถือกล่องขนมอยู่ในมือ ก็ทำให้รู้สึกรับไม่ได้อยู่ดี ความรู้สึกนี้ประหนึ่งเทพเซียนทั้งเก้าที่ผู้คนกราบไว้บูชา ออกมาบอกประกาศว่าผู้เป็นเทพก็กินดื่มขับถ่ายเฉกเช่นปุถุชนกระนั้น
เมื่อต้องเผชิญกับสายตาแปลกประหลาดของเหรินฉีหนิงกับเยียหลี่ว์เหยี่ย ม่อซิวเหยากลับไม่เห็นสายตาพวกเขาเป็นสาระ เขาวางขนมนั้นลงบนโต๊ะ ทุกคนถึงได้เห็นว่าบนกล่องยังประทับตราร้านผิ่นเหลียนไจเอาไว้อีกด้วย นี่เป็นขนมที่ขึ้นชื่อที่สุดของเมืองหลี ดวงตาของพระชายาเห่อหลันเป็นประกายขึ้นทันที “นี่เป็นขนมของร้านผิ่นเหลียนไจหรือ ขนมร้านนี้รสชาติดีมากทีเดียว ข้าไปมาสองครั้งยังต้องต่อแถวยาวมาก”
Comments