ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรีย 211 สาวมากประสบการณ์เองก็มีเรื่องที่ต้องเรียนรู้อีกมากเหมือนกัน (Jenny and Helena have a Date)
ในห้องน้ำส่วนที่เป็นห้องแต่งตัวบ้านครอบครัวของกรก่อนหรือหลังเข้าไปใช้ห้องอาบน้ำรวมของบ้าน ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่มีใครใช้งานเป็นเวลานาน
มันจึงเป็นเรื่องแปลกทีเดียวที่จะมีคนเพิ่งอาบน้ำในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ โดยเฉพาะบ้านของกรที่ต้องตื่นมากินข้าวเช้า รวมถึงอาบและแช่น้ำรวมกันทั้งบ้านเป็นกิจวัตร
“แบบนี้ดีไหมนะ? หรือแบบนี้ดี?”
นั่นถึงเป็นเรื่องแปลกเมื่อมีหญิงสาวกำลังจัดทรงผมด้วยสีหน้าสายตาจริงจังในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้
คน ๆ นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสาวผู้มีสไตล์มากที่สุดและมีเสน่ห์ของสาวผู้ใหญ่เหลือล้นอย่างเจนนี่หนึ่งเดียวคนนี้เอง
โดยปกติแล้วเธอเองก็ค่อนข้างดูแลตัวเองตลอดเวลา เรียกว่าแม้จะอยู่บ้านก็ยังแต่งหน้าแต่งตาบาง ๆ ให้ดูเป๊ะอยู่เสมอ อย่างน้อย ๆ นั่นก็เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แฟนหนุ่มอย่างกรรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ
แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเพราะเธอค่อนข้างจัดเต็มมากทีเดียว ถึงแบบนั้นก็ไม่มากเกินไปกว่าระดับที่ทำให้ดูผิดธรรมชาติ
“เป็นยังไงบ้างคะเจนนี่”
ในจังหวะนั้นก็มีคนเดินเข้ามาในห้องพอดิบพอดี เธอเป็นสาวหูแมวผู้เงียบขรึมดูไร้อารมณ์ที่สุดในบ้าน แต่ช่วงหลังมันก็กลายเป็นแค่บุคลิกภายนอกเท่านั้นหลังจากที่เธอได้มาเจอกับกร
“อืม… กำลังคิดว่าจะเปลี่ยนลุคให้มันดูสาวน้อยกว่านี้หน่อยน่ะ” เจนนี่พูดพลางขยับมือมัดผมตัวเองแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทวินเทลหรือหางม้า แต่สุดท้ายก็ยังตัดสินใจไม่ได้
“ฉันว่ามาสเตอร์คงไม่ได้คิดมากเรื่องนั้นหรอกค่ะ”
เฮเลน่าพูดพร้อมกับมายืนอยู่ข้าง ๆ เจนนี่ ด้วยขนาดกระจกที่เป็นแนวยาวทำให้มีพื้นที่เพียงพอจะใช้ร่วมกันถึงสามคน
และถึงเฮเลน่าจะพูดแบบนั้น เจ้าตัวก็ยังหยิบเครื่องสำอางออกมาเริ่มแต่งหน้าเหมือนกัน
“เฮเลน่านี่นะ เรื่องทรงผมน่ะสำคัญจะตาย มันแสดงให้เห็นภาพลักษณ์ของตัวเองแตกต่างออกไปจากปกติเชียวนะ” เจนนี่พูดแล้วก็ยักไหล่ยิ้มเยาะ คิดว่าเฮเลน่าที่ไม่ให้ความสนใจเรื่องนี้ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย
จะว่าเป็นคนเถรตรงก็ได้ นั่นเพราะเธอขาดสามัญสำนึกส่วนใหญ่ แต่หากมองในแง่ที่ว่าเธอก็แค่ไม่รู้ประโยชน์ของการทำแบบนั้นก็อาจจะไม่แปลกอะไร
เพราะถ้าจะว่าไป คนที่ให้ความสำคัญกับการแต่งเนื้อแต่งตัวจัดเต็มแบบนี้ในบ้านของกรก็มีอยู่ไม่มากเสียด้วย เพราะภรรยาของกรทุกคนต่างก็น่ารักสวยสง่างดงามตามธรรมชาติโดยไม่ต้องแต่งหน้าอะไรเพิ่มอยู่แล้ว
“ฉันคิดว่าต่อให้ทำทรงผมแบบไหนมาสเตอร์ก็ชอบอยู่ดี แล้วการเปลี่ยนทรงผมมันจะมีประโยชน์ตรงไหนเหรอคะ?” เฮเลน่าถึงได้สงสัย และเพราะสงสัยจึงอยากจะได้คำตอบที่ตัวเองไม่เข้าใจตามจริตของเธออย่างเคย
เจนนี่เองก็รู้เรื่องนั้นจึงอยากจะช่วยเหลือเธอเท่าที่ทำได้ เพราะในบ้านหลังนี้คงไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของเธอมากไปกว่าเฮเลน่าที่เจอเรื่องโหดร้ายแบบเดียวกันมาแล้ว
จะว่าเป็นมิตรภาพพิเศษที่ทั้งสองคนนี้มีร่วมกันก็คงไม่ผิด
“กรเค้าพูดแบบนั้นเพราะเขาเห็นแก่เราหรอก แต่ไม่ว่าใครถ้าได้เจอแต่ของเดิม ๆ มันก็น่าเบื่อนะ” เจนนี่พูดแบบนั้นคิ้วของเฮเลน่าก็ตกลงไปนิดหน่อย ดูเหมือนร่างกายของเฮเลน่าจะซื่อตรงมากทีเดียวหากเป็นเรื่องของกร
“…มาสเตอร์ไม่เคยบอกแบบนั้นเลยนะคะ”
เสียงของเฮเลน่าที่ปกติเรียบเฉยเริ่มเบาลงนิดหน่อย มันแสดงให้เห็นว่าเธอกังวลใจหากเรื่องที่เจนนี่พูดมันเกิดขึ้นจริง เพราะมันแน่นอนอยู่แล้วว่าเธออยากให้กรสนใจเธอมาก ๆ และยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อไม่ให้กรเบื่อหน่ายที่จะอยู่กับเธอ
“ก็จริงที่หมอนั่นไม่เคยบอกว่าเบื่อ แต่เค้าก็ไม่จำเป็นต้องพูดทุกอย่างที่คิดนี่นา ถึงแบบนั้นฉันก็ค่อนข้างมั่นใจเหมือนเธอแหล่ะว่าเค้าคงไม่มีวันเบื่อพวกเราหรอก”
“ใช่ไหมล่ะคะ” เฮเลน่ากลับมาพูดด้วยเสียงเรียบ ๆ ความกังวลในใจเธอหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อยืนยันเรื่องนั้นได้จากความเห็นของเจนนี่
“แต่ถ้ามีอะไรเปลี่ยนบ้าง หมอนั่นจะต้องรู้สึกตื่นเต้นกว่าปกติแน่” แต่ถึงเจนนี่จะพูดแบบนั้น เธอก็ยังมีส่วนที่ต้องทำให้เฮเลน่าเข้าใจอยู่
“เฮเลน่าไม่อยากทำให้หมอนั่นหลงเรากว่าเดิมบ้างเหรอ?”
“…อยากค่ะ”
“ต้องแบบนั้นสิ”
แล้วพอเจนนี่อ่อยเหยื่อ เฮเลน่าก็ติดเบ็ดอย่างง่ายดายทำเอาเจนนี่อดยิ้มกรุ้มกริ่มไม่ได้
ความตื่นเต้นที่เพิ่มขึ้นทำให้เจนนี่ย่องไปข้างหลังเฮเลน่าด้วยความร่าเริงก่อนจะลองแตะผมของเฮเลน่าเพื่อดูว่าทรงแบบไหนที่น่าจะเข้ากับเธอ
“จะว่าไปก็ไม่เคยเห็นเธอไว้ทรงอื่นนอกจากเกล้าผมเลยนะ”
“เพราะมันเคลื่อนไหวสะดวกที่สุดนี่คะ”
“พวกเราจะไปเดทนะ ไม่ได้จะไปฆ่าใครซะหน่อย”
“มาสเตอร์ไม่ให้เราทำแบบนั้นอยู่แล้วนี่คะ?”
“ฉันเล่นมุกต่างหากเล่า ไม่ได้พูดจริงซะหน่อย”
จริง ๆ เลย… จะซื่อตรงไปถึงไหนกันนะ
เจนนี่เห็นแบบนั้นแล้วก็ยิ้มแห้ง ก่อนจะค่อย ๆ ปล่อยผมของเฮเลน่าลงมาจากที่กลัดไว้
“ “กลับมาแล้ว!” ”
แล้วในระหว่างที่กำลังจัดแต่งเผ้าผมกันอยู่นั้น เสียงของคนที่รอคอยก็ดังมาจากทางประตูเข้าบ้าน
…ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเสียงของกรและซิลเวียที่เพิ่งกลับมาจากเดท
ถึงเวลาแล้วสินะ
ได้ยินแบบนั้นสองสาวเจนนี่เฮเลน่าก็มองหน้ากัน และคิดแบบนั้นพร้อมกันด้วยความพร้อมเพรียง
❖❖❖❖❖
ส่วนคนที่อยู่หน้าประตูของบ้านตอนนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกรกับซิลเวียที่กำลังหิ้วปีกฟีโอน่ากลับบ้านมาคนละข้าง ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังลำบากมากทีเดียวเพราะฟีโอน่าอยู่ในสภาพพร้อมทิ้งตัวลงกับพื้นได้ตลอดเวลา
“ม่าววววว…” แถมเริ่มจะพูดภาษาคนไม่ออกแล้วด้วย
“เป็นแมวรึไงเธอเนี่ย ยืนเองจะไม่ไหวอยู่แล้วแท้ ๆ ถึงจะน่ารักดีก็เถอะ”
“นี่ก็ความผิดคุณด้วยนะคะให้ตายสิ”
ซิลเวียได้ยินแล้วก็ถอนหายใจเพราะเห็น ๆ อยู่ว่ามันไม่ควร
…ถึงลึก ๆ แล้วเธอจะแอบเห็นด้วยกับกรอยู่บ้างก็เถอะ
“กลับมาแล้วเหรอ?”
“เดี๋ยวนะคะ ไปทำอะไรมาถึงอยู่ในสภาพนั้นกันคะเนี่ย?”
ในจังหวะนั้นรินกับชาลอตก็เข้ามารับพวกกร พวกเธอตกใจมากทีเดียวที่ได้เห็นฟีโอน่าในสภาพหมดแรง
“เธอโดนกรมอมเหล้าน่ะค่ะ” ซิลเวียว่าแบบนั้นในจังหวะที่ถอดรองเท้า
“อย่างนี้นี่เอง”
“กะแล้วเชียวค่ะ”
“นี่ทำไมพวกเธอใจร้ายกับฉันจังเลยอ่ะ”
ได้ยินรินกับชาลอตพูดแบบไม่แปลกใจอะไรทำให้กรตกอยู่ในสถานะน้ำตาตกอีกครั้ง ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าสาว ๆ แค่แกล้งเขาเล่นก็เถอะ
“งั้นเดี๋ยวฉันช่วยหามนะ ให้ฟีโอน่าไปนอนตรงโซฟาห้องนั่งเล่นดีกว่า” รินว่าแล้วก็เข้ามาช่วยกรหามฟีโอน่าแทนซิลเวีย
“นั่นสิ ขอบคุณมากนะคะริน” ซิลเวียได้ยินรินเสนอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยิ้มรับทำตาม รินเห็นแบบนั้นก็โล่งใจทีเดียว
“ไม่เป็นไรหรอก ซิลเวียไปเปลี่ยนชุดเถอะนะ” รินจึงย้ำอีกครั้งไม่ให้เจ้าตัวกังวล
“จริงด้วยค่ะ เดินทางมาเหนื่อย ๆ ไปพักจะดีกว่านะคะ” เป็นจังหวะเดียวกับที่ชาลอตเดินอ้อมไปเก็บรองเท้าให้ ถึงจะทำให้ซิลเวียรู้สึกผิดอยู่หน่อย ๆ แต่ในเมื่อทุกคนช่วยเหลือด้วยไมตรีจิตมันก็ยากจะปฏิเสธ
แล้วทั้งสามคนก็ยิ้มให้กันด้วยความยินดีตามเคย ต่อให้เป็นคนที่ไม่ค่อยสนิทกันแต่ก็ยังสนิทกันมากถึงระดับนี้เป็นเครื่องยืนยันชั้นดีว่าเหล่าภรรยาแต่ละคนของกรรักกันดี
อย่างไรก็ดี… สำหรับข้อเสนอที่รินอยากจะช่วย กรคิดว่าตัวเองต้องรับผิดชอบเสียหน่อยเลยไม่คิดจะทำตาม
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันดูแลฟีโอน่าเอง”
เขาถึงพูดแบบนั้นแล้วก็เริ่มอุ้มฟีโอน่าขึ้นมาในท่าเจ้าหญิง นั่นทำเอาสาว ๆ ในที่นี้ส่งสายตาตะลึงไปตาม ๆ กัน
ไม่ใช่ด้วยความประหลาดใจ… แต่ใกล้เคียงกับความปรารถนามากกว่า
“อือออ… ปวดหัว…”
“คร้าบ ๆ เดี๋ยวพาไปนอนนะครับที่รัก”
ฟีโอน่าบ่นอิดออดในจังหวะที่กรอุ้มเธอเข้าไปในห้องนั่งเล่นทางซ้ายของบ้าน เจ้าตัวยังยื่นหน้าเข้าหากรเลยทำให้เขาได้มีโอกาสสัมผัสใบหน้าของตัวเองกับฟีโอน่าอีกครั้งอย่างหวานชื่น
…โดยมีสาว ๆ มองตามหลังตาปริบ ๆ ด้วยใบหน้ามุ่ยแก้มป่องเต็มที่
“น่าอิจฉาจัง”
“น่าอิจฉาจังค่ะ”
“น่าอิจฉาสุด ๆ เลยค่ะ”
ก็เลยเป็นเหตุให้ริน ซิลเวียแล้วก็ชาลอตบ่นอุบตามหลังมาติด ๆ
…แต่มันไม่ใช่แค่นั้นเนี่ยสิ
“อยากโดนอุ้มบ้างอ่ะ”
“…เห็นด้วยค่ะ”
เพราะหลังจากนั้นครู่นึง ทั้งสามก็สัมผัสสายตาจี่สองคู่มาจากประตูห้องอาบน้ำทางขวาของบ้านก็เลยสะดุ้งโหยงตกใจกันใหญ่
ซึ่งเจ้าของสายตาแฝงความคาดหวังนั้น ก็คือเจนนี่กับเฮเลน่านั่นแล
❖❖❖❖❖
หลังจากนั้นก็ใช้เวลาดูแลฟีโอน่าไปสักพัก
ไม่คิดเลยแฮะว่าจะดื่มจนเมาแอ๋ขนาดนี้ เพราะปกติฟีโอน่าไม่ใช่คนคออ่อนอะไรซะหน่อย
พอคิดว่าตอนตื่นจะโกรธขนาดไหนก็ชักกลัวขึ้นมาแล้วแฮะ
ไม่สิ… เราไม่ได้บังคับซะหน่อยนี่นา คงไม่มีเหตุผลให้โกรธหรอกมั้ง
แต่พอคิดกลับกัน ฟีโอน่าปล่อยตัวเต็มที่แบบนั้นก็เพราะไว้ใจเราแหล่ะ
พอคิดแบบนั้นก็เลยรู้สึกดีใจขึ้นมาตงิด
ส่วนซิลเวียเองก็ได้ปลดปล่อยเต็มที่เหมือนกัน
…แล้วก็เกือบจะได้ปลดปล่อยกันในอีกความหมายนึงไปแล้วด้วย แต่เพราะอยู่ในที่สาธารณะเลยไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น (น่าเสียดาย)
ส่วนช่วงบ่ายนี้เป็นนัดเดทกับเจนนี่แล้วก็เฮเลน่า
ถึงนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ไปเที่ยวกับทั้งสองคนพร้อมกัน แต่เพราะเป็นไม่กี่ครั้งที่ได้ไปก็เลยรู้สึกตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน
แล้วถ้าอีกฝ่ายเป็นเจนนี่กับเฮเลน่าก็มีเรื่องที่ต้องวางแผนดี ๆ ด้วยล่ะนะ
เรื่องจริงจังก็คือ ทั้งสองคนไม่ค่อยมีประสบการณ์ดี ๆ เกี่ยวกับปฏิสัมพันธ์กับผู้ชายเท่าไหร่
เพราะเจอเรื่องแบบนั้นมานั่นแหล่ะ (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ) ฉันก็เลยอยากจะทำให้พวกเธอมีความสุขในเรื่องนี้เพื่อทดแทนเวลาที่ทุกข์ทรมานตลอดเวลาที่ผ่านมา
ส่วนเรื่องที่ไม่จริงจังก็คือ สองคนนี้รุกกันโคตรจะหนักเลยล่ะ
ก็สำหรับเจนนี่กับเฮเลน่า ผู้ชายคงเป็นแค่สนามเด็กเล่นสำหรับพวกเธอแหล่ะมั้ง ถึงเป็นฉันก็รับมือพวกเธอไม่ค่อยจะได้ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกไก่ในกำมือตลอดเลย
เพราะงั้นแหล่ะ วันนี้จะทำให้สถานการณ์มันกลับกันให้ได้เลย!
กรคิดตั้งใจอย่างแน่วแน่แบบนั้น… ในขณะที่กอดอกรออยู่หน้าประตูบ้านด้วยความมุ่งมั่น
อันที่จริงเขาก็อยากจะรอในบ้าน แต่สาว ๆ ทุกคนบอกให้กรออกมารอข้างนอกจนกว่าเจนนี่กับเฮเลน่าจะออกไปหาเองก็เลยต้องทำตามเพราะเถียงไม่ได้ (ฮา)
ซึ่งหากสถานการณ์มันกลายเป็นแบบนี้ ก็แทบจะเดาได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าทั้งสองคนต้องการสร้างอิมแพ็คในตอนที่พบกัน และถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ กรเองก็อยากจะเห็นเช่นกันว่าสองสาวจะน่ารักขนาดไหน
…แล้วคำตอบของคำถามนั้นก็ตามมาไม่นาน
“ขออภัยที่ให้รอนานนะคะมาสเตอร์”
“คงไม่ว่ากันหรอกเนาะ”
เสียงของสองสาวนำมาก่อนการปรากฏตัวทำให้กรเหลียวไปมองโดยอัตโนมัติ
แล้วหลังจากที่มอง สายตาของกรก็เลื่อนไปที่อื่นไม่ได้เลย
เพราะเสน่ห์อันเหลือล้นของเจนนี่ที่สวมเสื้อครอปสายเดี่ยวเอวลอยสีขาวละมุล ขับเน้นบริเวณหน้าอกอันอวบอิ่มช่างดึงดูดสายตาเป็นอย่างยิ่ง ต้องขอบคุณที่เธอยังสวมเสื้อแขนยาวทับไว้หน่อยไม่อย่างนั้นพลังทำลายล้างจะสูงมากเกินไป แต่พอคิดแบบนั้นแล้วเลื่อนสายตาลงไปก็พบกับกางเกงยีนส์ขาสั้นที่เผยให้เห็นต้นขาอันเต่งตึงขาวนวลทำเอาใจเต้นไม่เป็นสั่นอีก
ส่วนทางเฮเลน่าเองก็ไม่เบา เธอสวมเสื้อเบลาส์แขนยาวแบบเปิดไหล่สีเนื้ออ่อน ด้วยรูปทรงที่ค่อนข้างรัดแน่นทำให้เผยสัดส่วนของเธอชัดเจน นอกจากไหปลาร้าเรียบเนียนน่าเคี้ยวแล้วยังมีช่องว่างเล็ก ๆ ตรงเอวที่คอดกิ่วเผยให้เห็นอย่างน่าลิ้มลอง การสวมกระโปรงมินิสเกิร์ตเอวต่ำสีดำก็เผยให้เห็นขาเรียวยาวอันน่าหลงไหลและขาวนวลยากจะไม่เหลียวแล
แต่จุดที่เด่นที่สุด คือเฮเลน่าปล่อยผมตัวเองให้ตรงยาวตามธรรมชาติไม่ได้เกล้าไว้ตามปกติ ทำให้บรรยากาศที่แผ่ออกมาดูแตกต่างไปจากปกติ
“ว้าว…” นั่นทำเอากรอยู่เฉยไม่ได้เลยเชียว เขาถึงกับเดินเข้าไปหาเฮเลน่าราวกับถูกแม่มดร้ายล่อล่วง
ไม่สิ… สำหรับกรคงเป็นนางฟ้าล่อลวงมากกว่า
กรไม่รู้ตัวเลยว่ามือตัวเองได้เลื่อนไปสัมผัสแก้มของเฮเลน่า นั่นคือก่อนที่มือของเขาจะไปสัมผัสเรือนผมยาวสลวยของเธอเข้าจนใบหน้าของเจ้าตัวถูกย้อมด้วยสีแดงฉ่ำ
“เธอสวยมากเลยนะเนี่ยเฮเลน่า”
“ขะ ค่ะ… ขอบคุณมากค่ะมาสเตอร์”
เฮเลน่าได้ยินแบบนั้นแล้วสีหน้าก็เคลิบเคลิ้มขึ้นมา หางแมวสีดำขลิบของเธอเองก็เริ่มแกว่งไกวบิดม้วนไปมาอย่างอารมณ์ดีจนไม่รู้ว่าจะดีกว่านี้ยังไงแล้ว
“นี่… ฉันเองก็อยู่ด้วยน้า” นั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่ได้ยินเสียงหยอกเย้าจากข้างหลัง มาพร้อมกับอ้อมกอดของเจนนี่ที่มีสัมผัสนุ่ม ๆ กดลงแผ่นหลังของกรด้วย นั่นทำเขาทั้งสะดุ้งและขนลุกชูชันด้วยความหวาดเสียวในเวลาเดียวกัน
“สนใจฉันด้วยซี่”
แต่ความพยายามดึงความสนใจยังไม่จบแค่นั้น เพราะมือของเจนนี่เริ่มสวมกอดกรจากด้านหลัง เลื่อนขึ้นมาจนถึงแผ่นอกของกรแล้วเริ่มเค้นคลึงราวกับไปอดอยากมาจากไหน ท่าทางโหยหาของเจนนี่คล้ายคลึงกับสาว ๆ คนอื่นที่ไม่ได้สกินชิพกับกรมานานจนของขาดก็มิปาน
และถ้าเจนนี่ต้องการให้กรรู้สึกใจเต้นไม่เป็นสั่นล่ะก็ บอกเลยว่าเธอทำสำเร็จไปแล้วครึ่งทาง
หากแต่ครึ่งทางที่เหลือกรมีความจำเป็นต้องยั้งตัวเองไว้ก่อน
แทนที่จะทำตามสัญชาตญาณกรเลยหันกลับไปหาเจนนี่ รีบกุมมือที่ค้างอยู่เอาไว้แน่นแล้วดึงเธอเข้ามาจนชิดทันที กรพยายามเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้จนเจนนี่นึกว่ากรหวังจะจุมพิตเธอ กับประสบการณ์ที่ผ่านมาเธอเลี่ยงไม่ได้ที่จะคิดแบบนั้น
แต่ที่กรทำกลับเป็นสิ่งที่น่ารักมากกว่านั้น… เขาเลื่อนหน้าผากตัวเองจนติดกับหน้าผากของเจนนี่แล้วก็เริ่มลูบศีรษะเธอไปมาด้วยความเอ็นดูมากกว่าจะมาจากความใคร่ที่เธอเคยชิน
“ไม่มีทางลืมอยู่แล้ว… เธอสวยกว่าทุกวันเลยนะ เปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมด้วยนี่ใช่ไหม?” กรว่าแล้วก็เริ่มยิ้มให้เจนนี่ ถึงตอนนี้เจนนี่เองก็อดอมยิ้มออกมาไม่ได้เหมือนกัน
“อื้ม… ยังอุตส่าห์รู้อีกนะ”
“ต้องรู้สิ ก็ฉันดูเธออยู่ตลอดเวลาเลยนี่นา”
เห็นเจนนี่ยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลายค่อยพอให้กรได้โล่งอกขึ้นมาบ้าง กรถึงเลื่อนไปกุมมือของเจนนี่ด้วยความอ่อนโยนนุ่มละมุนเช่นเดียวกับที่ทำกับเฮเลน่าที่อยู่ข้าง ๆ ทำให้ทั้งสองค่อยเผยยิ้มออกมาบาง ๆ เป็นเครื่องหมายว่าเจนนี่กับเฮเลน่ามีความสุขกับความอบอุ่นเล็ก ๆ นี้แค่ไหน
เพราะสำหรับหญิงสาวที่ผ่านเรื่องเลวร้ายมามาก ทั้งสองคนไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าความอ่อนโยนอีกแล้ว …โดยเฉพาะจากชายที่พวกเธอรัก
“งั้น… ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเถอะสาว ๆ ความสนุกกำลังรออยู่นะ” เมื่อเห็นว่าการโหมโรงทำได้ถึงที่สุดแล้วกรก็เริ่มจับมือเจนนี่กับเฮเลน่าเอาไว้แน่นก่อนจะออกเดินทาง
“จะว่าไป นายจะพาเราไปไหนเหรอ?”
“…สำหรับฉัน ไม่ว่ามาสเตอร์จะอยู่ที่ไหนฉันก็จะไปด้วยค่ะ”
ถึงแบบนั้นสองสาวก็ยังมีเรื่องที่ติดใจอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเจนนี่ที่แสดงออกมาตรง ๆ หรือเฮเลน่าที่แอบตื่นเต้นเลยไม่ได้ตอบออกมาทันที
และไม่ว่าแบบไหน นั่นก็แสดงให้เห็นว่าสาว ๆ ให้ความสนใจกับเรื่องนี้ กรถึงได้ยิ้มแฉ่งออกมาด้วยความพอใจและแอบเย้าหยอกไม่เบาก่อนที่จะพาสาว ๆ เคลื่อนย้ายในพริบตาไปยังจุดหมายที่อยู่ห่างจากสถานที่ปัจจุบันค่อนข้างไกล
และเมื่อเคลื่อนย้ายมาถึงสถานที่เป้าหมาย
เสียงกรีดร้องซ้องทับกับเสียงรางเหล็กถูกเสียดสีเป็นสัมผัสแรกที่ลอดผ่านเข้ามาในใบหู พร้อมทั้งบรรยากาศของสิ่งก่อสร้างที่เป็นปราสาทและตุ๊กตามาสคอตรูปสัตว์ราวกับกำลังอยู่ในหนังสือนิทานเป็นความประทับใจแรกทางสายตา
รวมกับเครื่องเล่นจำนวนมากที่มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าของผู้คนบนนั้นย่อมเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจาก
“นี่มัน… สวนสนุกสินะ” เจนนี่คาดเดาคำตอบตามที่ตัวเองคิด แต่มันก็คงไม่มีคำตอบอื่นหรอก
“โอ๋? รู้จักด้วยสินะ”
เรื่องนั้นยืนยันด้วยน้ำเสียงแปลกใจของกรที่ยังมองสองสาวสลับกันไปมา เพราะคิดว่าพวกเธอจะรู้สึกแปลกใจมากกว่านี้เสียอีก
“ไม่เคยมาหรอก ก็รู้มาจากในหัวของใครบางคนนั่นแหล่ะ” เจนนี่พูดพร้อมกับแบะมือแต่ก็หัวเราะในลำคอ ฮิฮิ! สายตาที่มองมาทางกรคงไม่ต้องบอกว่าเธอหมายถึงใคร
“ฉันเองก็เช่นเดียวกันค่ะ”
เฮเลน่าตอบกลับสั้น ๆ แต่ได้ใจความ ถึงแบบนั้นปฏิกิริยาก็ค่อนข้างแตกต่างจากเจนนี่พอสมควรเพราะดวงตาของเฮเลน่ากำลังเป็นประกายปิ๊ง ๆ ด้วยความสนใจใคร่รู้
“ว่าแต่… นี่คงไม่ได้เห็นว่าฉันเป็นเด็กเลยพามาที่แบบนี้หรอกใช่ไหมคะเนี่ย?”
“ไหงอยู่ดี ๆ ก็พูดเพราะขึ้นมาล่ะ”
ในขณะที่เจนนี่นั้นกำลังทำแก้มป่องใส่ แล้วก็เริ่มกระชากแขนกรขึ้นลงแล้วด้วย ดูท่าเจ้าตัวจะมีทิฐิส่วนตัวมากพอดู อย่างน้อยก็เรื่องที่ไม่อยากให้มองเหมือนเป็นเด็กหรือคนอ่อนแอ
หรือไม่งั้นเธอก็ไม่อยากสูญเสียจุดเด่นของความเป็นผู้ใหญ่อันเป็นเอกลักษณ์ของเธอไป
…แต่แน่นอนว่านั่นไม่ใช่ความตั้งใจของกร ซึ่งเจนนี่ก็พอจะรู้อยู่แก่ใจ
“จุ๊จุ๊!” กรถึงเริ่มเล่นลิ้นพร้อมกับสะบัดนิ้วไปมา
“เธอนี่ไม่รู้อะไรเลยนะเจนนี่ ดูเครื่องเล่นพวกนั้นสิ ไม่ได้มีแต่เด็ก ๆ ซะหน่อยนะที่ไปเล่นน่ะ”
กรพูดพลางชี้ไปยังเครื่องเล่นที่อยู่ใกล้ที่สุดอย่างม้าหมุนทำให้เจนนี่รวมถึงเฮเลน่าหันไปมองตาม
นั่นดูเป็นเครื่องเล่นสำหรับเด็กที่สุดในความคิดของเจนนี่แล้ว แต่คนที่นั่งอยู่บนเครื่องเล่นนั้นมีตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงวัยกลางคนเลยด้วยซ้ำ มันจึงเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้อย่างดีว่าเจนนี่คิดผิดเกี่ยวกับมัน
“เห็นป่ะล่ะ เพราะเป็นที่ที่ทุกคนสนุกได้มันถึงได้เรียกว่าสวนสนุกไง”
“งั้นเหรอ… ถ้านายว่างั้นฉันก็โอเค”
เห็นแบบนั้นเจนนี่ก็ไม่มีอะไรต้องค้าน ถึงที่จริงเธอเองก็ไม่ได้จริงจังขนาดนั้นแต่แรกแล้วก็เถอะ
“มาสเตอร์คะ มาสเตอร์” นั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่เฮเลน่าเป็นฝ่ายกระชากแขนกรไปมาบ้าง แต่รอบนี้เสริมด้วยความตื่นเต้น
“อะไรเหรอเฮเลน่า?”
“ทำไมการนั่งเจ้านั่นถึงสนุกล่ะคะ?”
คำถามจากเฮเลน่าทำให้กรหลุดอมยิ้มเพราะรู้สึกเหมือนถูกเด็กเซ้าซี้ นั่นนับเป็นเรื่องแปลกได้อยู่เพราะเฮเลน่านับได้ว่าเป็นหญิงสาวโตเต็มวัยและงดงามสง่าเกินกว่าจะบอกว่าเป็นเด็ก ตรงจุดนั้นเลยทำให้รู้สึกแปลก ๆ เพราะความขัดแย้งอยู่บ้าง
แต่สุดท้ายนั่นก็ทำให้กรก็รู้สึกเอ็นดูเธอเหมือนกับเจนนี่นั่นแหล่ะ
“ถ้าอยากรู้ก็มีแต่ต้องลองดูเองเท่านั้นแหล่ะ” เพราะคิดแบบนั้นกรเลยจับมือทั้งสองคนก่อนจะเริ่มออกวิ่งไปด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน
“มาสเตอร์ระวังล้มด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ ฮุฮุ”
ทั้งสองคนที่ถูกดึงเลยมีแต่ต้องตามไปด้วย
และสำหรับพวกเธอ แค่ได้เห็นกรรู้สึกตื่นเต้นมันก็ทำให้พวกเธอพลอยรู้สึกแบบเดียวกันอย่างง่ายดาย เรียกว่ามีแนวโน้มจะรู้สึกคล้อยอารมณ์เดียวกับคนที่ตัวเองสนใจและรักใคร่ตามหลักจิตวิทยาก็คงไม่เกินจริง
แต่นั่นก็คงจะเป็นตอนก่อนที่สองสาวจะได้ขึ้นมาเล่นบนเจ้าม้า
“เป็นไง? แปลกใหม่ดีใช่ม้า?”
กรยิ้มแป้นยืนอยู่ข้าง ๆ โดยปล่อยให้สาว ๆ นั่นซ้อนม้าตัวเดียวกัน ตอนนี้สองสาวเลยนั่งซ้อนม้าตัวเดียวกันอยู่โดยมีเจนนี่เป็นคนโอบเอวเฮเลน่า
“จะว่าแปลกใหม่… ก็คงใช่แหล่ะค่ะมาสเตอร์” เฮเลน่าว่าแบบนั้นในขณะที่เหลียวไปข้างหลังเล็กน้อย นั่นจึงสบตากับเจนนี่พอดีเหมือนอยากจะถามว่าเธอคิดแบบเดียวกันไหม
“…ถ้าแมรี่มาเล่นเจ้านี่ก็คงสนุกอยู่หรอกนะ” เจนนี่ตอบกลับเฮเลน่าก่อนจะหันมายิ้มให้กร นั่นทำให้เขารู้ทันทีว่าเฮเลน่าไม่ได้สนุกกับม้าหมุนอย่างที่คาด
“อืม… คงจะเด็กไปสำหรับพวกเธอจริง ๆ สินะ”
“เอ้า!”
เจนนี่ได้ยินแล้วก็เผลอตบมุกไปหนึ่งฉาด เพราะกรดันกลืนคำพูดตัวเองก่อนที่จะมาเล่นลงคอซะงั้น
เอาเถอะ… การเดทมันไม่ใช่การเรียนรู้สิ่งที่อีกฝ่ายชอบอย่างเดียว แต่เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายไม่ชอบด้วยนี่นะ
กรคิดในแง่บวกเช่นนั้นในขณะที่พาสาว ๆ ไปยังเครื่องเล่นถัดไปหลังเล่นจบรอบ
ส่วนเป้าหมายต่อไปของพวกกรก็คือเครื่องเล่นที่เรียกว่าถ้วยชาหมุนติ้ว
มันเป็นเครื่องเล่นที่มีลักษณะเป็นถ้วยชาขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนฐานหมุนที่มีขนาดใหญ่กว่า โดยข้างในถ้วยชาแต่ละอันจะมีที่นั่งให้ล้อมวงและมีจานหมุนอยู่ตรงกลาง เมื่อเราทำการหมุนจานตรงกลางตัวถ้วยชาเองก็จะหมุนตัวเองตามความแรงที่เราหมุนจานด้วย เป็นเครื่องเล่นทำนองนั้น
จะว่าเป็นเครื่องเล่นที่สามารถควบคุมความตื่นเต้นของตัวเองได้ตามสะดวกก็คงไม่ผิด เสียงกรีดร้องสนุกสนานเลยมีเป็นพัก ๆ จากถ้วยชาที่อยู่รอบ ๆ อันที่พวกกรกำลังนั่งอยู่
“อย่างนี้นี่เอง… การได้เห็นคนอื่นทรมานกับแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางคือความสนุกของเกมนี้สินะคะ”
“เป็นวิธีการมีความสุขที่โหดร้ายจังนะ” กรหัวเราะแห้ง ๆ หลังจากที่ได้ยินเฮเลน่าพูดแบบนั้น
ยิ่งเจ้าตัวพูดออกมาเหมือนเป็นเรื่องธรรมดายิ่งทำให้กรกุมขมับเข้าไปใหญ่ที่เฮเลน่าเข้าใจผิดไปถึงขนาดนั้น
แล้วเจนนี่ที่นั่งอยู่อีกข้างยังมาเอียงคอสงสัยไปด้วยอีก
“อ้าว? ไม่ใช่เหรอ?”
“ก็ไม่ใช่น่ะสิครับ!” กรก็เลยจัดการตบมุกไปหนึ่งฉาดคืนให้จากครั้งถ้วยชา
“น่าเสียดายจัง”
เจนนี่ได้ยินแล้วก็บ่นอุบ ดูท่าทางสองคนนี้จะมีรสนิยมแปลก ๆ อย่างที่กรคิดไว้ไม่มีผิด ซึ่งรสนิยมแปลก ๆ ที่ว่าก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากความซาดิสม์ที่แสดงออกมาทั้งในทางตรงและทางอ้อม
แต่จะพูดในแง่นั้นอย่างเดียวก็คงจะผิดไปหน่อย เพราะสิ่งที่ใกล้เคียงมากกว่าคือพวกเธอชอบที่จะเป็นฝ่ายรุกไล่ต่างหาก
…เหมือนอย่างที่เจนนี่กำลังคิดจะทำอยู่ตอนนี้
“แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรให้เล่นซะทีเดียวหรอกนะ!”
เพราะแบบนั้นเจนนี่ก็เลยยิ้มกรุ้มกริ่มแฝงเลศนัยอันชั่วร้ายออกมา
ก่อนที่เจ้าตัวจะเอื้อมมือไปจับจานหมุนแล้วเริ่มเหวี่ยงอย่างรุนแรงและกะทันหันจนทำเอากรถึงกับเสียศูนย์
และดูเหมือนนั่นจะเป็นการจงใจ เพราะแรงเหวี่ยงทำให้กรฟุบลงไปที่หน้าอกของเจนนี่พอดิบพอดีเลย
“…แอร์แบคนุ่มมากเลยครับผม”
“ตายแล้ว! ทำไมลามกอย่างนี้เนี่ยกรอ่ะ!”
เห็นกรเคลิ้มไปเจนนี่ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างในตัวถูกปลุกขึ้นมา มือเธอเลยกดหน้ากรลงหน้าอกตัวเองเสียแน่นจนกรแทบจะดิ้นทุรนทุราย
จากที่กรเชื่อว่าแอร์แบคเป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิตทำให้เขาเริ่มจะคิดแล้วว่ามันเป็นอุปกรณ์ไว้ใช้ฆาตกรรมมากกว่า
แต่ถึงแบบนั้น… มันก็เป็นอ้อมกอดแห่งความตายที่กรพร้อมรับแต่โดยดี ถึงกับคิดว่าต่อให้ขาดอากาศหายใจแล้วสิ้นชีวาวันเสียตอนนี้ก็คงไม่เสียชาติเกิดเลยทีเดียวเชียว
“จี่…” แล้วก็เพราะแนบชิดกับเจนนี่นานเกินไปเฮเลน่าก็เลยจ้องกรตาเป็นมัน
พอได้โอกาส เฮเลน่าเลยขยับมือเหวี่ยงจานตรงกลางแบบเดียวกับเจนนี่เป๊ะ
“อ้าว! ตายจริง?”
แต่ทิศทางเป็นตรงกันข้าม เพราะแบบนั้นใบหน้าของกรเลยหลุดจากอ้อมกอดของเจนนี่ไปซบลงที่อกของเฮเลน่าแทน
และแน่นอน… เฮเลน่ากดหัวกรลงกับอกของเธอแน่นจนเหลือแค่ตาช้อนขึ้นมามองเธอเท่านั้นเอง
“มาสเตอร์… ลามก” เฮเลน่าว่าแบบนั้นแล้วก็เผยยิ้มออกมาบาง ๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะได้เห็นได้จากก่อนหน้าที่จะคบกันแน่
“ของโคตรดี ฉันตายละ”
“มาสเตอร์!?”
พอเจออาการหึงหวงอันน่ารักน่าชังของเฮเลน่าเข้ากรก็ถึงกับสู่ขิตเลยทีเดียว แต่การตายในอ้อมอกของหญิงสาวที่ตัวเองรักก็เป็นความปรารถนาของชายหนุ่มส่วนใหญ่อยู่แล้ว
กรในตอนนี้ถึงเรียกได้ว่าตายอย่างสงบโดยไม่มีเรื่องค้างคาใจแล้ว
ว่าไปนั่น! แน่นอนว่ามันเป็นแค่การเปรียบเปรยเฉย ๆ
แต่ถ้าถามความรู้สึกจริง ๆ มันก็เหมือนอยู่บนสวรรค์จริงนั่นแหล่ะนา
ไม่สิ… ถ้าเอาตามความเป็นจริงแบบไม่เข้าข้างใคร
ฉันรู้สึกเหมือนขับรถบนถนนแล้วโดนชนกระเด็นกลิ้งสิบตลบเลยล่ะ
เอาเถอะ ถึงจะลำบากหน่อย แต่ถ้าเจนนี่กับเฮเลน่ารู้สึกสนุกก็ดีแล้วล่ะ
…ถึงความสนุกของพวกเธอจะมาจากการแกล้งฉันมากกว่าจากเครื่องเล่นก็เถอะนะ
เพราะงั้นแหล่ะ หลังจากนั้นฉันก็เลยโดนทั้งสองคนแกล้งตลอดเลย
ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ไปเล่นลานรถบั๊มที่ไม่มีเป้าหมายอะไรนอกจากขับรถชนคนอื่น
เจนนี่กับเฮเลน่าก็รุมชนฉันใหญ่เลย ท่าทางสนุกเชียว (แต่แน่นอนว่าฉันไม่ยอมง่าย ๆ หรอกนะ)
หรือตอนที่ไปเล่นเกมยิงเป้า ทั้งสองคนก็แย่งแต้มฉันตลอดเลย
สุดท้ายทั้งสองคนก็ได้ที่หนึ่งร่วม… แถมยังทำสถิติเป็นอันดับหนึ่งของร้านอีก
และที่สุด ๆ เลยก็คือบ้านผีสิงนี่แหล่ะ
ทั้งที่พวกเธอไม่ได้กลัวผีกันเลยแท้ ๆ แต่ก็ยังพยายามร้องวีดว้ายกอดแขนฉันแล้วทำทีกลัวใหญ่
ทั้งเจนนี่ที่กรี๊ดมันทุกจังหวะแล้วก็เข้ามากอดฉันใหญ่ (แต่อันนี้เนียนอยู่)
ในขณะที่เฮเลน่าเนี่ยพยายามเลียนแบบแต่เสียงนี่ไร้อารมณ์มาก เห็นได้ชัดเลยว่าจริงใจแค่ไหน (ประชด)
แต่ถึงแบบนั้นพวกเธอก็สนุกกับการทำแบบนั้นน่าดูเลย
…หมายถึงเรื่องที่หยอกฉันแล้วมีความสุขน่ะนะ
หลังจากนั้นพวกเราก็ตระเวนเล่นพวกเครื่องเล่นหลัก ๆ ต่อ
ก็จริงที่พวกเรามีพละกำลังเหลือเฟือเลยไม่มีทางเหนื่อยง่าย ๆ
แต่การได้พักบ้างมันก็เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ดีเหมือนกัน
แล้วอีกอย่าง เครื่องเล่นส่วนใหญ่ก็เล่นเกือบหมดแถมใกล้จะเย็นแล้วด้วย
นี่ถึงเป็นเวลาที่เหมาะจะไปนั่งพักกัน
กรคิดแบบนั้น ทั้งกลุ่มจึงลงความเห็นกันว่าจะไปหาจุดพักและหาอะไรกินเล่นกัน
พอดีกับที่เดินผ่านซุ้มนั่งพักที่มีร้านขายอาหารปิ้งย่างเสียบไม้และเครื่องดื่ม ด้านหน้าร้านเองก็มีโต๊ะพร้อมเก้าอี้ครบจำนวนพวกกรเลยได้ที่นั่งพักสมใจ
“เหนื่อยกันรึเปล่า?” พอนั่งลงแล้วกรก็เอ่ยถามขึ้นมาทันที ความห่วงใยนั่นดึงดูดให้เจนนี่กับเฮเลน่าอดดีใจไม่ได้
พวกเธอถึงขยับเก้าอี้ตัวเองเข้ามาจนชิดประกบกรไว้คนละข้างด้วยความปรารถนาจะใกล้ชิดอย่างนั้น
“ไม่เหนื่อยหรอก แถมได้มาเล่นอะไรแปลก ๆ แบบนี้มันก็สนุกดีอยู่ล่ะนะ” เจนนี่ว่าแบบนั้นแล้วก็เริ่มเอียงตัวมาซบไหล่กร นอกจากนี้ยังไม่ปล่อยโอกาสที่จะเลื่อนมือเข้ามากุมมือกรเองด้วย
เฮเลน่าเองก็ทำแบบเดียวกัน
“เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ดีมากค่ะ แต่ที่ทำให้ดีคงเป็นเพราะได้มากับเจนนี่และมาสเตอร์ด้วย” เธอว่าแบบนั้นแล้วก็กอดแขนกรแน่น
หางที่อยู่ด้านหลังของเธอกำลังแกว่งไกวและวาดสัมผัสบนตัวกรที่อยู่ข้าง ๆ เหมือนพู่กันโดยมีตัวกรเป็นผืนภาพวาด ซึ่งนั่นแหล่ะคือจุดที่บ่งบอกว่าเธอกำลังมีความสุขมาก
“งั้นเหรอ ได้ยินแบบนั้นฉันก็โล่งใจแล้วล่ะ”
เห็นท่าทางแบบนั้นจากแฟนสาวทั้งสองย่อมไม่มีอะไรน่าดีใจไปกว่านี้อีกแล้ว กรถึงยิ้มออกมาด้วยความโล่งอก เพราะตอนแรกมันเหมือนกับว่าพวกเธอจะรับมือกับสถานที่แบบนี้ไม่ได้
แต่พอได้รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้พวกเธอปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่ไม่รู้จักได้เป็นเพราะมีตัวเขาอยู่มันก็ทำให้กรดีใจมาก
“เอาล่ะ” แล้วพอกรคิดได้ดังนั้นเขาก็เลยรู้สึกอยากจะดูแลพวกเธอมากยิ่งกว่านี้อีก
“พวกเธออยากจะกินอะไรดีล่ะ เดี๋ยวฉันไปซื้อให้เอง”
เขาเลยค่อย ๆ ลุกขึ้นก่อนจะเอ่ยถามอย่างนั้นในขณะที่มองสลับเจนนี่กับเฮเลน่า
แล้วพอได้ยินแบบนั้น สองสาวก็มีท่าทีจะยืนขึ้นตามทันที
“ไม่เป็นไรหรอก พวกเราไปซื้อด้วยกันก็ได้”
“ไม่ค่ะ เดี๋ยวดิฉันไปซื้อให้ทั้งสองคนเอง มาสเตอร์กับเจนนี่นั่งลงเถอะค่ะ”
“ไม่ได้ ๆ”
ถ้าไม่ได้กรที่ยืนขึ้นแล้วกดไหล่ทั้งสองคนไว้ พวกเธอก็คงจะลุกขึ้นมาแล้ว
“วันนี้ให้ฉันเป็นคนบริการบ้างเถอะนะสาว ๆ พวกเธอแค่นั่งอยู่ตรงนี้แหล่ะ”
กรพูดจบไวไม่พอยังรีบจ้ำเท้าออกไปไม่ทิ้งฝุ่น ทำเอาเจนนี่กับเฮเลน่าที่พยายามจะเอื้อมมือห้ามได้แต่ทำตาปริบ ๆ ตามหลัง
จนสุดท้ายพวกเธอเลยต้องมายิ้มแห้งให้กันแทน
“หมอนั่น… พอกับเราแล้วดูอ่อนหวานขึ้นมาเลยนะ”
“ค่ะ แต่ฉันก็ชอบมาสเตอร์ที่เป็นแบบนี้นะคะ”
“นั่นสินะ ผู้หญิงทุกคนก็อยากเป็นเจ้าหญิงกันทั้งนั้นแหล่ะ”
เจนนี่พูดแล้วเฮเลน่าก็พยักหน้ารับ ตรงจุดนี้ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนคงเห็นพ้องต้องตรงกัน
อย่างไรก็ดี… ผู้หญิงบางคนกลับไม่ได้รู้สึกมีความสุขกับการถูกปฏิบัติแบบนั้นอย่างเต็มที่เท่าไรโดยเฉพาะตัวคนพูดเองที่แอบรู้สึกอย่างนั้น
อาจเพราะรู้สึกว่าการได้ปรนนิบัติแฟนหนุ่มของตัวเองคือคุณค่าของตัวเองและเป็นสาเหตุที่ทำให้อยู่ด้วยกัน
…เหมือนอย่างที่ทั้งสองคนแอบคิดกันอยู่ตอนนี้
“หมอนั่นจะเบื่อไหมนะ ที่พวกเราไม่สนุกเหมือนคนทั่วไปน่ะ”
“….”
พอเจนนี่ท้าวคางตั้งข้อสงสัยแบบนั้น หางที่เคยไหวไปมาของเฮเลน่าก็เริ่มขยับช้าลงจนนิ่งไป แม้สีหน้าของเฮเลน่าจะค่อนข้างนิ่งเฉย แต่สำหรับคนในบ้านแล้วจะพอสังเกตเห็นความแตกต่างในระดับนึง
เจนนี่จึงเห็นเลยว่าเฮเลน่าหม่นหมองลงจากคำพูดของตัวเอง
“โทษทีนะ ไม่ได้กะจะพูดทำลายบรรยากาศหรอก”
“ไม่ค่ะ ที่จริงฉันเองก็แอบคิดแบบเดียวกันอยู่เลย” เฮเลน่าส่ายหน้าปฏิเสธ นั่นคือการบอกเจนนี่ว่าไม่ใช่แค่เจนนี่คนเดียวที่รู้สึกแบบนั้น
“ก็นอกจากการตอบรับคำสั่ง พวกเราไม่ค่อยได้มีโอกาสคิดถึงสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำจริง ๆ เลยนี่คะ… จะมีความสุขด้วยตัวเองไม่ได้มันก็ไม่แปลกหรอก”
เฮเลน่าพูดแบบนั้นเหมือนเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ หลังจากนั้นเธอก็ถอนหายใจออกมาซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่จะได้เห็นบ่อย ๆ จากเฮเลน่าเลย
“ถึงตอนนี้เราจะมีโอกาสนั้นแล้วก็เถอะนะ”
“ก็จริงค่ะ… ถ้ามัวแต่เศร้า โอกาสที่มาสเตอร์มอบให้จะสูญเปล่า ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลยค่ะ”
“คิดเหมือนกันเลยล่ะ”
แต่นั่นก็ไม่ใช่อารมณ์เดียวที่กำลังเกาะกุมหัวใจพวกเธอ เพราะแบบนั้นมือทั้งสองจึงกำแน่นมากกว่าจะปล่อยไร้แรงอย่างหมดอาลัย
ทั้งสองคนต่างคิดเหมือนกันว่าอยากจะตอบแทนกรที่มอบความหวังในการมีชีวิตอยู่มาให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคืออิสระที่ทำให้พวกเธอมีโอกาสเลือกทางเดินของตัวเอง
ในตอนนี้ ความรู้สึกที่อยากจะทำทุกอย่างเพื่อกรจึงไม่ใช่อย่างเดียวที่พวกเธอต้องการ แต่ยังมีอยู่อีกอย่าง นั่นคือความปรารถนาที่จะมีความสุขด้วยตัวเองให้ได้จริง ๆ อย่างที่กรหวังให้เป็น
“นั่นแหล่ะ ๆ… ความคิดแบบนั้นเป็นก้าวแรกที่ดีสำหรับพวกเธอแล้วล่ะนะ”
กรถึงได้ยิ้มออกมาด้วยความโล่งอกทีเดียวหลังได้ยินเจนนี่กับเฮเลน่าตั้งเป้าแบบนั้น
…ถึงมันจะทำให้พวกเธอจ้องจี่กรกลับมาเพราะการปรากฏตัวแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยก็เถอะ
“ได้ยินตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”
“ก็ตั้งแต่แรกนั่นแหล่ะ… ถึงจะไม่ได้ใช้เจตจำนง แต่สุดยอดการประมวลผลของฉันก็ยังอยู่ตลอดนะเอ้อ”
กรตอบคำถามของเจนนี่ทำให้เธอยิ้มแห้ง ๆ ตอบกลับมา เป็นไปในทางเดียวกับเฮเลน่าที่เหงื่อตกด้วยความกังวลและจำต้องโทษความอ่อนด้อยของตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ เพราะไม่ว่ายังไงทั้งสองคนก็ไม่อยากให้กรพลอยเป็นทุกข์ไปกับพวกเธอด้วย ความกังวลใจพวกนั้นถึงเผยออกมาแค่เท่าที่จำเป็นที่กรอยากจะรู้
การที่ลืมระวังไม่ให้กรได้ยินเรื่องนั้นถึงนับเป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยในความคิดของทั้งสองคน
…ถึงสำหรับกรแล้วมันจะทำให้เขารู้สึกตรงกันข้ามก็เถอะ
เพราะแบบนั้นด้วย เขาถึงได้ยิ้มแห้งออกมาในขณะที่วางเนื้อเสียบไม้ไว้กลางโต๊ะพร้อมแจกจ่ายเครื่องดื่มให้พวกเธอไปด้วย
“ไม่ต้องห่วงเรื่องที่กำลังกังวลกันอยู่หรอกนะ… ก็บอกแล้วนี่ว่าถ้าพวกเธอไม่มีความสุขฉันเองก็ไม่มีความสุขเหมือนกัน” กรจึงกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้นเหมือนพยายามย้ำเตือนบางอย่าง
การเปลี่ยนไปนั่งฝั่งตรงข้ามทำให้มองเห็นทั้งเจนนี่และเฮเลน่าได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งนั่นทำให้ทั้งสองคนหลบตาไม่ได้
“เพราะงั้นขอบอกล่วงหน้าเลย… ต่อให้พวกเธอทำเหมือนตัวเองมีความสุขฉันก็ไม่ดีใจหรอกนะ แล้วก็หลอกฉันไม่สำเร็จด้วย” กรพูดแบบนั้นไหล่ของทั้งสองสาวก็กระตุกพร้อมกัน
“ฉันเป็นห่วงพวกเธอยิ่งกว่าใคร… ฉันเฝ้ามองดูพวกเธออยู่ตลอด คิดเหรอว่าฉันจะไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ตัวเองรักมีความสุขอยู่รึเปล่าน่ะ? เพราะงั้นไม่ต้องฝืนรีบทำเรื่องที่ยังทำไม่ได้หรอก ถ้าตอนนี้มีความสุขได้แค่จากการอยู่เคียงข้างฉันก็ทำไปเถอะ ไม่ต้องฝืนหรอก”
กรพูดแบบนั้นเจนนี่กับเฮเลน่าก็แสดงสีหน้ารู้สึกผิดกันขึ้นมา กรเองก็ไม่ค่อยอยากให้พวกเธอรู้สึกแบบนั้นแต่มันคงแย่กว่าถ้าพวกเธอต้องเสแสร้งเพื่อแสดงออกว่าตัวเองไม่มีเรื่องทุกข์ใจ
แต่… ถ้าพวกเธอเข้าใจเรื่องนั้นกันง่าย ๆ ปัญหาก็คงจะถูกแก้ไปนานแล้วเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กรพูดแบบนี้กับเจนนี่หรือเฮเลน่า
ซึ่งการที่ปัญหาถูกทับถมมานานจนกำจัดความรู้สึกแย่ ๆ ของพวกเธอไม่ได้ในทันทีมันก็ไม่ใช่ความผิดของพวกเธอ สิ่งที่กรให้ความสำคัญจึงเป็นการขจัดปัญหามากกว่า
เพราะคิดแบบนั้นกรถึงเผยยิ้มออกมาอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงและความปรารถนาว่าอะไรดี ๆ จะเกิดขึ้นกับทั้งสองคนบ้าง
“นี่… กินเสร็จแล้วเราไปเล่นกันอีกอย่างก่อนกลับเถอะนะ”
กรถึงลุกขึ้นแล้ววางมือบนหัวของทั้งสองคน ก่อนจะเสนอบางอย่างขึ้นมาอีกครั้ง
❖❖❖❖❖
และเพราะกรได้ร้องขอบางอย่างขึ้นมา เป้าหมายสุดท้ายของวันเลยเปลี่ยนไปเป็นเครื่องเล่นอีกเครื่องก่อนที่จะกลับบ้านแทน
ลักษณะของมันคือโครงเหล็กวงกลมเหมือนล้อหมุนที่มีกล่องสำหรับนั่งประดับตามเส้นรอบวงเป็นระยะ แต่ที่โดดเด่นที่สุดคงเป็นไฟประดับที่ติดทั้งด้านหน้าและด้านหลังของล้อหมุนที่กำลังส่องประกายเป็นแสงสีรูปทรงต่าง ๆ นานาสลับกันไป
เครื่องเล่น… ที่รู้จักกันในชื่อชิงช้าสวรรค์
“นี่มัน…”
“โอ…”
เจนนี่กับเฮเลน่าแหงนมองด้วยแววตาเป็นประกายแม้จะไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่ไฟที่ประดับมันตัดกับท้องฟ้าที่ตะวันกำลังจะตกดินพอดีจึงดูงดงามราวกับกำลังมองพลุเทศกาล
ได้สังเกตเห็นความประทับใจของเจนนี่กับเฮเลน่าทำให้กรรู้ว่าทั้งสองคนยังหาความสุขด้วยตัวเองโดยปราศจากเขาได้
แม้จะเป็นสัญญาณเล็ก ๆ แต่นั่นก็ยังดีกว่าไม่มีเลย
“สวยดีใช่ไหมล่ะ! แต่ของแบบนี้ต้องลองดูเองนะ!”
กรจึงไม่ปล่อยให้ความสนใจของทั้งสองคนสูญเปล่า พอได้จังหวะกรถึงคว้ามือสองสาววิ่งเข้าไปต่อคิวขึ้นชิงช้าสวรรค์ในทันที
และโชคดีของพวกกรคือมีคิวต่อแถวอยู่แค่คนเดียว พวกกรก็เลยได้ขึ้นแทบจะทันที
ทั้งเจนนี่และเฮเลน่าจึงได้พบกับประสบการณ์ขึ้นชิงช้าสวรรค์เป็นครั้งแรก การที่ทุกอย่างค่อย ๆ ต่ำลงจนมองเห็นภาพรวมของสวนสนุกในเวลาไม่นานสร้างความประทับใจให้พวกเธอจนมือต้องเกาะกระจกชมวิว
ยิ่งในตอนที่ตะวันลับฟ้าสนิท แสงไฟในสวนสนุกก็ถูกติดขึ้นมาแทนที่กลายเป็นทิวทัศน์ใหม่ที่งดงามกว่าเดิมประดับด้วยเสียงร้องเฮฮาของผู้ที่กำลังเล่นอยู่ในสวนสนุก บรรยากาศทั้งหมดนั่นราวกับอยู่ในดินแดนเวทมนตร์ก็มิปาน
“สวยจัง”
“แสง… แสงเต็มไปหมดเลยค่ะมาสเตอร์!”
เจนนี่และเฮเลน่าได้เห็นความงดงามของแสงสีเสียงพวกนั้นก็ถึงกับหลุดพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว
ดวงตาเป็นประกายของพวกเธอแสดงให้เห็นถึงความประทับใจที่มากล้นเกินต้านทาน ประสบการณ์ครั้งแรกมักจะเป็นแบบนั้น และกรรู้สึกดีใจมากที่ความรู้สึกของทั้งสองคนยังไม่ตายด้านไปเสียหมดจนลิ้มรสความสุขเล็ก ๆ พวกนี้ไม่ได้
“ใช่ไหมล่ะ”
กรถึงได้ยิ้มออกมาอีกครั้งด้วยความดีใจและโล่งอก นับเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่ทราบได้
เสียงอันอ่อนโยนและอบอุ่นของเขาทำให้เจนนี่กับเฮเลน่าหันกลับมาสนใจกร ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มบริสุทธิ์ใจจากเขาที่ไม่ต้องการอะไรตอบแทนนอกจากรอยยิ้มของพวกตนแล้ว ภายในอกก็รู้สึกจักกะจี้ขึ้นมา
พวกเธอเองก็เคยได้ยินว่าเวลามีความสุขหัวใจจะเต้นรัวขึ้น จึงคิดอยู่บ่อย ๆ ว่าหากมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นคงเป็นเครื่องบ่งชี้อย่างดีว่าพวกเธอกำลังได้รับความรู้สึกเหล่านั้นกลับคืนมา
และมันจะไม่เกิดขึ้นเลยหากไม่มีใครบางคนคอยดูแลประคบประหงมอยู่เคียงข้างใกล้ชิดอย่างนี้
“ขอบคุณนะที่พามา ดีใจมากเลยล่ะ”
“ที่นี่สวยมากจริง ๆ ค่ะมาสเตอร์ ขอบคุณมากจริง ๆ นะคะ”
เพราะรู้แบบนั้น ความอ่อนโยนของชายคนที่เป็นสาเหตุถึงยิ่งดึงดูดให้ทั้งสองคนอยากสัมผัสความอบอุ่นมากขึ้น พอรู้ตัวอีกทีเจนนี่กับเฮเลน่าถึงลุกขึ้นจากที่นั่งฝั่งตรงข้ามไปนั่งขนาบกรอีกครั้ง
ความอบอุ่นควรตอบแทนด้วยความอบอุ่น… เพราะพวกเธอไม่รู้ว่าความสุขคืออะไรจึงไม่รู้ว่าควรทำอะไรให้ สิ่งที่พวกเธอพอจะทำได้จึงมีแต่การมอบความอบอุ่นอย่างเดียวกับที่ได้รับมาคืนให้
เห็นกรยิ้มออกมาในตอนที่ทั้งสองคนเบียดตัวเข้าหาพวกเธอจึงแน่ใจเรื่องนั้น
“คิดว่าถ้ามาคนเดียวคงไม่สนุกเท่าไหร่ แต่พอเห็นนายแบบนี้แล้วฉันกลับรู้สึกสนุกขึ้นมา ก็แปลกดีเหมือนกัน”
“พวกเรารู้สึกเพื่อตัวเองไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่ก็จะพยายามเรียนรู้เรื่องนั้นให้ได้นะคะมาสเตอร์”
ทั้งสองคนว่าแบบนั้นแล้วก็เริ่มซบหน้าลงบนไหล่กรคนละข้าง ใบหน้าของพวกเธอร้อนผ่าวจนกรสัมผัสได้ผ่านเสื้อที่กำลังสวมเลยทีเดียว
“แต่เอาแบบค่อยเป็นค่อยไปเถอะนะ ไม่จำเป็นต้องฝืนหรอก”
กรว่าพร้อมกับเลื่อนมือไปกุมมือของทั้งสองคนและผสานไว้แน่นบนตักของพวกเธอเอง นั่นเป็นการแสดงความเป็นห่วงที่ได้ผลที่สุดแล้ว
“รับทราบแล้วค่ะมาสเตอร์”
“เพราะถ้าฝืนก็คงโดนนายโกรธอีกน่ะสิ”
ทั้งสองคนตอบรับทันทีด้วยรอยยิ้มที่ฉีกบาง ๆ อย่างอบอุ่น พวกเธอคงไม่กล้าดื้อทำเรื่องฝืนความรู้สึกตัวเองอีกเร็ว ๆ นี้แน่นอน
และแม้พวกเธอจะยังไม่อยู่ในจุดที่รู้จักวิธีตักตวงความสุขของตัวเอง แต่อย่างน้อยตอนนี้พวกเธอก็พอจะมีเรื่องที่ทำแล้วมีความสุขอยู่
อย่างที่เป็นในตอนนี้… ที่มีกรอยู่เคียงข้าง มอบความอบอุ่นและรอยยิ้มให้
“พวกเรายังไม่รู้จักสิ่งที่อยากทำ เพราะงั้น… จนกว่าจะถึงตอนนั้น… อย่างน้อยนายก็มีความสุขเพื่อพวกเราทีนะ”
“เพราะว่านั่นเป็นทางเดียวที่จะทำให้พวกเรามีความสุขในตอนนี้ค่ะ”
เจนนี่กับเฮเลน่าเอ่ยแล้วทิ้งตัวซบกรมากขึ้นราวกับไม่มีสิ่งใดต้านทานความปรารถนาที่อยากจะมอบทุกอย่างให้กับกร เพราะเป็นวิธีเดียวที่พวกเธอจะมีความสุขได้จากการถูกประสบการณ์อันเลวร้ายและเป็นทุกข์กดทับหลายต่อชั้นในจิตใจ
และวิธีการกำจัดเศษขยะที่ทับถมกัน มันก็มีแค่วิธีเดียวคือต้องค่อย ๆ เอาอันที่อยู่ข้างบนออกมาก่อนจนกว่าจะถึงขยะชั้นที่อยู่ลึกสุด ซึ่งกรเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะหายไปทั้งหมด
แต่ที่เขาทำได้ในฐานะของชายที่หลงรักพวกเธอสุดหัวใจ คือการค่อย ๆ กำจัดความรู้สึกแย่ ๆ พวกนั้นออกไปทีละชั้นจนกว่าจะหมดแล้วเติมเต็มมันด้วยความรักความเอาใจใส่ทั้งหมดที่เขามี
“แน่นอน” กับความต้องการนั้นของทั้งสองคน กรไม่มีทางปฏิเสธแน่อยู่แล้ว
“จนกว่าจะทำลายความมืดในหัวใจพวกเธอได้ทั้งหมด ฉันจะไม่ปล่อยมือพวกเธอไปไหนแน่”
กรถึงให้ความมั่นใจกับทั้งสองคนด้วยคำมั่นสัญญาอีกอย่างพร้อมกับส่งแรงผสานมือแน่นขึ้นและแน่นมากชึ้น เป็นตัวยืนยันว่าเขาจะอยู่เคียงข้างพวกเธอไปจนกว่าสุดทาง
ทั้งตอนนี้ ตอนที่ถึงจุดหมาย แล้วก็หลังจากนั้นไปจนตราบนานเท่านาน… เขาจะไม่มีวันทิ้งพวกเธอไปไหนแน่ ได้ยินแบบนั้นน้ำตาก็ไหลอาบแก้มทั้งสองคนโดยไม่รู้ตัว
“รู้อยู่แล้วล่ะ ขอบคุณมากจริง ๆ นะ”
“ถึงฉันจะไม่ค่อยรู้อะไร… แต่คำพูดของมาสเตอร์เป็นเรื่องที่ฉันรู้ดีที่สุดเลยค่ะ”
ทั้งสองคนเอ่ยด้วยความปิติราวกับไม่มีสิ่งน่ายินดีอื่นแล้วนอกจากนี้ คิดว่าตัวเองช่างโชคดีเหลือเกินที่ทนมีชีวิตข้ามผ่านความโหดร้ายและความทุกข์ทรมานจนมาเจอกับชายคนนี้ได้
เป็นอีกครั้งที่คิดว่าไม่ต้องการสิ่งใดอีกนอกจากได้อยู่ร่วมกับชายคนนี้
ทั้งทิวทิศน์ที่เขามอบให้ ความอบอุ่นจากคำพูด และความอ่อนโยนจากมือที่กำลังสัมผัสล้วนแล้วแต่เป็นความสุขที่จะทำให้เจนนี่และเฮเลน่าจดจำลงหัวใจไปอีกนานแสนนาน
ให้นานเท่าที่จะนานได้… คือความหวังของทั้งสองสาวผู้ถูกโอบกอดด้วยความอบอุ่นจากกร
❖❖❖❖❖
Comments