ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรีย 46 ออกเดินทาง (จบบทที่ 1)
——— 3 วันต่อมา
กิจวัตรประจำวันเมื่ออยู่คฤหาสน์ของกรยังคงดำเนินต่อไป ด้วยตารางการฝึกของฟรังซ์เพื่อ『การเพิ่มขีดจำกัดด้วยออร่า』
ด้วยความสามารถในการเรียนรู้อย่างรวดเร็วของกร… บัดนี้เขาสามารถควบคุมจินตนาการได้จนเกือบสำเร็จแล้ว ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าอย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว ส่วนผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ….
ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว!
〝อ้าว ๆ!!! คราวนี้ลองรับดาบข้าดูเจ้าหนู! 〞
กรในตอนนี้กำลังต่อสู้กับวิชาดาบสุดร้ายกาจของเคลเบรอสในร่างลุงวัยกลางคนสวมชุดพ่อบ้านเช่นเคย
สเต็ปการก้าวเท้าหลบของกรนั้นช่างลื่นไหลราวกับกำลังเต้นลีลาศด้วยการกระหน่ำโจมตีของเคลเบรอส แต่ด้วยความร้ายกาจของเคลเบรอสทำให้มีวิถีดาบจำนวนหนึ่งเล็ดรอดออกมาได้ กรจึงใช้มือปัดป้องออกอย่างง่ายดาบราวกับเป็นเพียงของเล่น
กรที่อยู่ในชุดฝึกนั้นเรียกได้ว่าไร้อาวุธอย่างแท้จริง จะมีก็แต่ร่างกายที่ถูกคลุมด้วยออร่าสีขาวบริสุทธิ์เท่านั้น ที่ใช้แทนกันได้… แม้จะเป็นการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งก็ยังพอสูสีได้ เพียงแต่ว่า…
ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!
〖อย่าลืมว่ายังมีผมนะครับ คุณอุษณกร…〗
นอกจากเคลเบรอสที่เป็นคู่ซ้อมตรงหน้า ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร คนที่คอยใช้ปืนเวทย์มนต์ยิงก่อกวนกรก็คือฟรังซ์ ออลเดลในชุดฝึกนั่นเอง
กระสุนเวทย์ของฟรังซ์ ออลเดลนั้นใช้ระบบแตกต่างจากกรทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนรูปแบบของกระสุนได้… แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับการฝึก เพราะแม้ฟรังซ์จะใช้แค่การยิงพลังเวทย์เพียว ๆ โดยไม่มีเวทย์ธาตุ นั่นก็ยังสร้างความเสียหายให้กรเมื่อสัปดาห์ที่แล้วลงไปนอนกองกับพื้นได้เลยทีเดียว…
〝สนทางนั้น แล้วก็อย่าลืมสนทางนี้ด้วยสิเจ้าหนู! 〞
〝ก็เลิกรุมซักทีสิฟ่ะ! 〞
〝ช่วยไม่ได้… ก็นี่มันเป็นการฝึกนี่นา! 〞
เคลเบรอสขยับตัวเขาคลุกวงในอีกครั้ง โดยไม่ปล่อยให้กรตั้งตัว แต่กรที่อาศัยความยาวของดาบที่มากเกินไปของเคลเบรอสฉวยโอกาสโมตีกลับไปได้หลายหน แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เคลเบรอสลงไปหมอบได้
ในจังหวะเดียวกับที่ฟรังซ์ยิงสนับสนุน กรก็พยายามหามุมสะท้อน เพื่อปัดกระสุนไปทางเคลเบรอสแทน แต่ก็ไม่เป็นผลเสียทีเพราะตัวเคลเบรอสสามารถปัดป้องมันได้ทั้งหมดซะอย่างงั้น…
ตั้งแต่เริ่มฝึกรวมแล้วกว่า 5 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง… หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว ความเร็วในการพัฒนาของกรนั้นสูงมากจนน่ากลัว… นั่นทำให้กรที่จับเคล็ดลับส่วนใหญ่นั้นสามารถฝึกต่อเองได้แล้ว ดังนั้นการฝึกร่วมกันสามคนดังเช่นครั้งนี้ จึงเป็นการสิ้นสุดการฝึก『การเพิ่มขีดจำกัดด้วยออร่า』ของกรในดันเจี้ยนแห่งนี้ลงในที่สุด…
❖❖❖❖❖
〝เฮ้อ! จบซักที〞
〝ถอนหายใจเป็นคนแก่เลยนะเจ้าหนู〞
〝หนวกหูน่า…〞
หลังจากที่จบการฝึก และคลายออร่าสีขาวออกจนหมด กรจึงถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย เลยทำให้เคลเบรอสได้โอกาสจิกกัดกรเหมือนทุกที
〖เอาหล่ะ! ถ้างั้นก็ไม่ต้องกังวลในระดับนึงแล้วหล่ะครับ… แต่ในขณะเดินทางเองก็ต้องหมั่นฝึกฝนด้วยนะครับ 〗
〝ทราบแล้วคร้าบอาจารย์〜〞
〖แฮะ ๆ 〗
ฟรังซ์หัวเราะแห้ง ๆ ออกมา ต่อคำหยอกล้อของกรที่เหนื่อยจนหมดแรง เลยนั่งลงไปกับพื้นทั้งอย่างงั้นพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่างไปพร้อมกัน…
〝พรุ่งนี้แล้วสินะ…〞
กรเงยหน้ามองเพดานสีขาวของห้องฝึก พลางพูดแบบนั้นออกมาทั้งที่ร่างกายยังเหนื่อยล้า ฟรังซ์ที่เห็นแบบนั้น เลยเดินเข้ามาใกล้แล้วก็นั่งชันเข่าลงข้าง ๆ กร
〖ก็… นั่นสิครับ…. มาคิดดูก็เริ่มเหงาแล้วนะครับเนี่ย〗
〝สยองแฮะ! 〞
〖คุณอุษณกรนี่หล่ะก็… ทำเป็นคนอื่นคนไกลไปได้…〗
ฟรังซ์ยื่นหน้าเข้ามาเพื่อแหย่กรเล่น แต่นั่นกลับทำให้กรรู้สึกแหยงมากกว่า…
อย่างที่ได้ยิน… วันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ฉันกับมีอาจะออกเดินทางเพื่อไปเคลียร์มหาดันเจี้ยนอีก 5 แห่งที่เหลือ… ซึ่งจากคำบอกเล่าของฟรังซ์ มีเพียงแค่ 3 ที่เท่านั้น ที่หมอนี่รู้จัก…
ดังนั้นแล้วนอกจากจะต้องเคลียร์ดันเจี้ยนที่ว่า เราต้องหาเบาะแสเอาเอง… ยุ่งยากชะมัด ทำไมไอ้พระเจ้านั่นไม่บอกมาดี ๆ หล่ะเนี่ย…
หรือจะบอกว่านี่เองก็เป็นการทดสอบ… แบบนี้มันเสียเวลาไม่ใช่รึไงเนี่ย?
จากที่เคยประมาณการเวลาอย่างเร็วไว้คือ 6 เดือนนั่น… ตอนนี้ฟรังซ์บอกว่าสามารถยืดได้มากที่สุดคือราว ๆ 10 เดือน ซึ่งนี่เป็นเวลาที่แน่นอนพอสมควรเลย… นั่นคือที่มันบอกอ่ะนะ
ฟังดูเหมือนจะเยอะก็จริง แต่เวลาหน่ะมันผ่านไปเร็วจะตาย อย่างตอนนี้นี่ก็ผ่านมาตั้งเดือนกว่า ๆ แล้วที่มาต่างโลก…
ถึงความจริงแล้วเราจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้วก็ตามที… ก็เพราะไอ้ลูปนรกเวรนั่นแหล่ะ
เพราะแบบนั้นแหล่ะเราเลยรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วมาก… ดังนั้นหลังจากการฝึกครั้งสุดท้ายในวันนี้จบลง พรุ่งนี้เรากับมีอาถึงได้จะออกเดินทางในทันที
เพราะงั้นคืนนี้… เราเองก็ต้องเตรียมการหลาย ๆ อย่างเผื่อไว้ก่อนด้วย…
❖❖❖❖❖
หลังจากการชำระร่างกาย… กรที่อยู่ในชุดลำลองหลังอาบน้ำ กำลังนั่งอยู่กับพื้นในห้องพักสำหรับรับแขก ซึ่งเป็นห้องเดียวกับที่เขาฟื้นขึ้นมาครั้งแรก ทั้งยังเป็นห้องที่กรและมีอาใช้นอนอีกด้วย…
〝งั้นก็… เริ่มตรวจสอบครั้งสุดท้ายเลยดีกว่า…〞
กรใช้『ดูอัลไดเมนชั่นริง』ที่สวมอยู่กับนิ้วกลางทั้งสองมือของตัวเอง เรียกอุปกรณ์จำนวนมากออกมาวางไว้บนผ้าหนังขนาดใหญ่ที่กรสร้างขึ้นเอง เพื่อปูรองพื้นไว้ไม่ให้อุปกรณ์โดนพื้นในขณะที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับอุปกรณ์…
งั้นก็เริ่มที่ส่วนของมีอา… ชุดของเธอเราเสริมความแข็งแกร่งและเพิ่มความต้านทานเวทย์ทุกชนิดให้แล้ว แต่ถึงเจอกับบอสก็คงช่วยได้ในระดับนึงเท่านั้น
จุดเด่นของมีอาก็คือความเร็ว… เราถึงได้ตีวัสดุและแร่ที่ดรอปมาจากทศกัณฑ์เพิ่มเข้าไปในตัวชุด ทั้งเครื่องประดับและอุปกรณ์เสริมติดตัวที่ช่วยเพิ่มค่าสเตตัสด้านความว่องไวเองก็ทำให้ด้วย… แน่นอนว่าไม่ได้ทำมากเกินจนเคลื่อนไหวไม่ลำบาก
นอกจากที่ชุดแล้ว… ต้นแขน ปลายแขน หัวไหล่ บริเวณต้นขา… ทุก ๆ ที่เพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงให้มีอาได้ เราจัดการสร้างเกราะเหล็กเสริมแร่ที่แข็งที่สุดให้ และรวมมันให้เป็นเซ็ทเดียวกับชุดเดิมทั้งหมด… ก็ทำไงได้ฟ่ะ คนมันเป็นห่วงนี่หว่า….
เอ่อ… มาที่อาวุธต่อ… ในระหว่างที่เรากำลังฝึกกับฟรังซ์ มีอาเองก็ฝึกวิชาดาบกับเคลเบรอสด้วยเหมือนกัน…
แถมตอนนี้มีอาเองยังสนใจ『วิชาดาบสองมือ』อีกด้วย… นอกจากอาวุธประจำกายอย่าง『แบล็คเอสต็อคออฟเคออส』เราเลยให้ 『ขรรค์ชัย』ที่ดรอปจากทศกัณฑ์กับมีอา…
ถึงแม้ลักษณะภายนอกจะดูเหมือนมีดสั้นมากกว่า แต่ก็จัดอยู่ในประเภทที่ใช้งานสกิลดาบคู่ได้เหมือนกัน… โอ๊ะโอ๋! ลืมบอกไปเลยนะว่า『ขรรค์ชัย』ที่ว่า คืออาวุธระดับ SSS เหมือนกันด้วยนา
เท่านี้มีอาก็คงปกป้องตัวเองได้ในระดับนึง… แต่เราก็ไม่ได้คิดจะปล่อยเธอไปเสี่ยงคนเดียวอีกหรอกนะ… ไม่อีกแล้ว…
ส่วนชุดของเรา『ดาร์คเนสเซ็ทโค้ท』เราเองก็ใช้สกิลใหม่『หัตถ์ผสมผสาน (ต้นฉบับ) 』ในการปรับปรุงโครงสร้าง… แต่ดูเหมือนจะทำเกินไปหน่อยจนไม่เหลือเค้าเดิมเลยหล่ะ…
เพราะเป็นเสื้อโค้ท เลยทำให้น้ำหนักเบากว่าเกราะ… แต่เราสามารถแก้ปัญหาน้ำหนักได้ด้วยเวทย์โลหะอยู่แล้ว… ด้านหลังของเสื้อโค้ทเราเลยจัดการใส่เกราะเบาลงไป แล้วยังใช้เป็นที่เก็บฝักดาบได้ถึง 2 เล่มอีกด้วย
แล้วพอปรับแต่งไปมา… เสื้อโค้ทที่เดิมเคยยาวถึงเข่ามันเลยขัดกับการเคลื่อนไหวตอนใช้ดาบ เพราะถูกดึงนั่นแหล่ะ (อีกเหตุผลนึงคงเป็นเพราะมีเกราะที่หลังรั้งเอาไว้นั่นแหล่ะ)
วิธีแก้ปัญหามันก็ง่าย ๆ … ตัดแยกมันออกจากกัน (แม่ม) เลยก็จบ… เสื้อโค้ทช่วงกลางลำตัวที่ต่อกับบริเวณรักแร้หน่ะ… ตอนนี้มันเลยเหมือนกลายเป็นเสื้อที่มีผ้าคลุมติดมาด้วยมากกว่าเสื้อโค้ทซะอีก…
พอเป็นแบบนี้ เลยถือโอกาสดัดแปลงอีกครั้ง… จากตอนแรกที่ใส่เกราะแค่ที่หลัง เลยประกอบใส่ด้านหน้ากับไหล่เป็นชุดเดียวกันไปด้วยเลยเพื่อความสมดุลในด้านน้ำหนัก
แถมตอนถอดชุดก็ง่ายด้วย… เพราะทำกลไกไว้อะน่ะ… ให้ชุดเกราะเป็นสองส่วนคือเกราะด้านหน้ากับเสื้อโค้ท+เกราะด้านหลัง โดยให้เกราะทั้งสองอันเชื่อมและถอดออกจากกันได้… ง่ายดีใช่ป่ะล่ะ…
ถึงเราจะมีทั้งสกิล『Ogre Armor Form』กับ 『Sacred God Armor Form』อยู่แล้วก็เถอะ… แต่กันเหนียวเพิ่มไว้ย่อมดีกว่า…
ส่วนแขนเสื้อที่ถูกแบ่งออกมา… เพราะมีข้อศอกเลยทำให้เคลื่อนไหวไม่สะดวก เราเลยตัดแขนเสื้อออกจนถึงแค่ข้อศอกเท่านั้น
วัสดุส่วนที่เหลือ เราได้เอามารวมกับถุงมือแยกเป็นอีกชุด แล้วส่วนของปลายแขนก็จัดการใส่ปลอดแขนเหล็ก แล้วรวมเป็นชุดเดียวกับถุงมือไปเลย…
แล้วพอปรับแต่งไปอีก… เราเลยจะทำการเพิ่มความแข็งแกร่งของชุดที่สวมอยู่ด้วย… เพราะถึงสวมโค้ทอยู่แต่ข้างในมันชุดธรรมดานี่นา…
เสื้อที่สวมอยู่ข้างใน เราสร้างให้เป็นเสื้อยืด… แต่แบบมันไม่มีเราเลยใช้ของเจ้าฟรังซ์มัน ผลสุดท้ายเลยกลายเป็นเสื้อยืดคอสูงติดจีบระบายไป… แต่เรื่องความต้านทานเวทย์มนต์กับความเสียหายทางกายภาพนั้นมั่นใจได้… ถึงตัวเราเองจะแกร่งอยู่แล้ว แต่ก็นั่นไง! บอกแล้วไงว่าเพื่อกันเหนียว…
สุดท้ายคือรองเท้าของเราเป็นแบบบู๊ทหนังหุ้มส้น… เวทย์สนับสนุนที่ใส่ลงไปเป็นแบบเน้นความว่องไวทั้งหมดเพื่อชดเชยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของชุด (ถึงจะนิดเดียวก็เถอะ) … แล้วก็จัดการเพิ่มเกราะในส่วนของหน้าแข้งเพิ่มเข้าไปอีก…
เพราะงั้นในส่วนเครื่องแต่งกายก็มีเท่านี้แหล่ะนะ——
แอ๊ด!
〝โอ๊ะ! มีอา อาบน้ำเสร็จแล้วสินะ! 〞
ในระหว่างที่ปรับแต่ง เสียงประตูห้องนอนได้ถูกเปิดออกมาขัดความคิดของกร โดยคนที่เดินเข้ามานั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก มีอา ภรรยาสุดที่รักของกรในชุดเดรสสีขาวติดระบายสำหรับใส่นอน… กรที่แม้จะถูกขัดจังหวะถึงได้ตอบกลับไปอย่างร่าเริงราวกับกำลังรอเธออยู่ยังไงอย่างงั้น…
〝อื้ม! ว่าแต่กำลังเช็คไอเทมอยู่งั้นเหรอ? 〞
〝ใช่แล้ว! มาดูด้วยกันสิ…〞
〝อื้ม! 〞
มีอาตอบรับกรด้วยรอยยิ้มและเสียงที่สดใส ก่อนที่จะวิ่งเข้ามานั่งพับเพียบด้านซ้ายของกร แล้วก็เอาตัวพิงที่ไหล่ของกรเหมือนอย่างเคย…
〝!!!! 〞
กลิ่นของแชมพูและสบู่ของมีอาที่นั่งเบียดจนติดแขนลอยเตะจมูกของกร รวมถึงผิวของมีอาที่ขัดซะเงาวับแถมยังนุ่มนิ่มยังกับมาร์ชเมลโล่นั่นทำให้กรแทบคลุ้มคลั่ง…
นั่นทำให้ตรรกะของกรเกือบจะหลุดกระเจิง และพุ่งเข้าไปจับกดมีอา แต่เพราะกรพอจะควบคุมตัวเองได้ในระดับนึง สถานการณ์ดังกล่าวเลยไม่เกิด รวมถึงคนที่ตามมาข้างหลังมีอา ซึ่งตอนนี้กำลังยืนกอดอกเอาหลังพึงประตูที่ถูกเปิดทิ้งไว้โดยมีอา จ้องพวกเขาตาเป็นมันด้วย… ซึ่งคนที่ทำแบบนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจาก
〝มะ เมอร์ลิน… มาด้วยเหรอเนี่ย? 〞
กรถามเมอร์ลินออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจราวกับถูกจับได้ว่าแอบนำของไม่พึงประสงค์มาโรงเรียน เมอร์ลินที่เห็นท่าทีของกรแบบนั้น เลยหัวเราะออกมาเบา ๆ ทีนึงพลางหรี่ตาลงมองมาทางกรอย่างมีเลศนัย เลยทำให้กรเขินจนหน้าแดงไปเลย
〝ก็… นะ… ไม่ได้เหรอ? 〞
〝จะไม่ได้ได้ยังไงเล่า! มาดูด้วยกันสิ〞
〝โอ๊ะโอ๋! งั้นก็ไม่เกรงใจหล่ะ〞
เมอร์ลินเดินเข้ามาอย่างเร็วด้วยความอยากรู้อยากเห็น แล้วก็นั่งยอง ๆ ลงด้านขวาของกร แล้วก็ถามกรออกมาเล่น ๆ ว่า〝แอบซ่อนหนังสือโป๊ไว้ในแหวนรึเปล่าเอ่ย? 〞 กรเลยตอบกลับไปว่า〝จะไปมีได้ไงฟ่ะ! 〞
แล้วเมอร์ลินก็หัวเราะอย่างเริงร่าต่อคำตอบของกร เพราะได้เห็นปฏิกิริยาที่ต้องการ มีอาที่เห็นทั้งสองคนหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานก็อมยิ้มออกมาและหัวเราะออกมาด้วยเช่นกัน…
จะว่าไปแล้วเนี่ย… หลังจากตอนนั้น เมอร์ลินก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแฮะ…
แถมท่าทียังไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยด้วย… ซักนิดก็ไม่มี…
มันทำให้คิดเลยว่า… เมอร์ลินเนี่ยแข็งแกร่งจริง ๆ …
กรที่คิดแบบนั้นมองไปทางเมอร์ลินที่กำลังหัวเราะร่า นั่นเลยทำให้เขาอมยิ้มตามพลางคิดอยู่ในใจเป็นครั้งที่สองอีกว่า〝เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งจริงนะให้ตายสิ〞
〝อ๊ะ! จะว่าไปแล้วนะมีอา… ฉันขอปรับแต่งรองเท้าบู๊ทของเธอหน่อยได้รึเปล่า…〞
〝ได้สิ! ไม่เห็นต้องเกรงใจเลยนี่นา〞
〝อะ อื้ม! 〞
มีอาตอบรับคำขอของกรแทบจะทันที เลยทำให้กรตกใจนิดหน่อย…
รองเท้าบู๊ทที่มีอาสวมอยู่ตลอด มันคือของชิ้นแรกที่กรมอบให้เธอ… นั่นเลยถือเป็นของสำคัญสำหรับเธอมาก ขนาดว่าเมื่อก่อนหน้าที่กรมีรองเท้าประสิทธิภาพดีกว่าให้สวมเธอยังไม่อยากเปลี่ยนเลย… แต่พอมีอาพูดออกมาแบบนั้น… มันเหมือนกับมีอาจะบอกเขาอ้อม ๆ ว่า ตัวกรที่อยู่ตรงนี้สำคัญกว่ารองเท้า และไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว นั่นเลยทำให้กรดีใจไม่ใช่น้อย
รวมถึงเรื่องต่อจากนี้ มันอันตรายมากถึงขนาดประมาทไม่ได้แม้แต่นิดเดียวก็ด้วย… หากสามารถลดความเสี่ยงในการต่อสู้หรือเจอช่องว่างของความปลอดภัยของมีอาเข้าแม้ซักนิด กรก็พร้อมจะอุดช่องว่างนั้นทันทีเพราะไม่อยากให้เธอบาดเจ็บเท่าที่เป็นไปได้ กรจึงทำการสร้างและติดเกราะเหล็กสำหรับหน้าแข้งเข้ากับรองเท้าบู้ทของมีอาในทันที
〝เสร็จแล้วหล่ะมีอา! 〞
〝อื้ม! ขอบคุณนะกร〞
〝อะ อา〞
มีอารับรองเท้าของเธอคืน และส่งรอยยิ้มแห่งความปลื้มปิติกลับไปที่กรเป็นรางวัล ทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มนามอุษณกรกรละลายไปถึงขั้วอีกครั้ง จนถึงกับทำให้กรเคลิบเคลิ้มไม่ได้สติไปประมาณ 2 วินาทีเลยทีเดียว…
〝อืม〜? 〞
〝หืม? อะไรเหรอมีอา? 〞
ในระหว่างที่กรกำลังเคลิ้ม มีอากลับจ้องไปที่อุปกรณ์ชนิดหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยเห็น พลางเอียงคอสงสัยและและเอานิ้วชี้จิ้มที่แก้มตัวเองอย่างน่ารักน่าชัง นั่นเลยทำให้กรได้สติกลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง
〝ไอ้ที่เหมือนแมงมุมนี่คืออะไรเหรอกร? 〞
〝มะ แมงมุม? ทำไมเห็นเป็นงั้นหล่ะเนี่ย? 〞
〝มะ ไม่ใช่หรอกเหรอ? ขอโทษทีนะ〞
〝น่า ๆ ไม่เคยเห็นมาก่อนนี่นา ช่วยไม่ได้หรอก…〞
กรปลอบมีอาที่ทำหน้าเสียดายออกเล็กน้อยโดยการลูบศีรษะเหมือนทุกที เมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเกินความเข้าใจของเธอ กรจึงจะรีบอธิบายฟังเพื่อให้มีอาฟัง แต่ว่า…
〝หืม? อย่าบอกนะว่านี่คือ『โดรน』〞
เมอร์ลินที่เปลี่ยนมานั่งพับเพียบอยู่ข้าง ๆ กรกลับเป็นคนเฉลยออกมาก่อน กรเลยทำหน้าบูดงอนออกมาอย่างเห็นได้ชัด เมอร์ลินเลยยิ้มแบบจิกกัดกลับไปยังกรอีกทีราวกับนั่นเป็นชัยชนะของตน ก่อนที่มีอาจะเอ่ยถามต่อไปอีกว่าเจ้าเครื่องนี้มีไว้ทำอะไร
〝นั่นสินะ… ปกติก็เอาไว้สำรวจสภาพแวดล้อมจากบนฟ้าแหล่ะนะ… ใช่รึเปล่า? 〞
〝อือ…. จะเอาไว้ทำงั้นแหล่ะ〞
เมอร์ลินถามกรเพื่อความมั่นใจในจุดประสงค์การใช้งาน กรที่ยังงอนอยู่เลยตอบกลับออกไปทั้งที่แก้มพองตุบป่อง เมอร์ลินเลยเบียดตัวเข้ามาจนชิดพลางยื่นหน้ามาใกล้กับกรจนจมูกแทบจะชนกัน แล้วพูดแกล้งกรอีกว่า〝อยากให้ปลอบรึเปล่า? 〞กรเลยตอบกลับไปว่า〝เกรงใจครับ! 〞แล้วก็ใช้นิ้วชี้ดันหน้าผากของเมอร์ลินออกไป
〝ฮึ่ย! ว่าแต่จะเอาไปใช้ทำอะไรหล่ะหืม? 〞
เมอร์ลินที่ถอยใบหน้าออกมาเพราะโดนกรใช้นิ้วจิ้มหน้าผาก ยกมือขึ้นมาลูบหน้าผากของตัวเองพลางถามกรออกไปด้วยอาการหงุดหงิดนิดหน่อย แต่พอได้ยินคำตอบที่ออกมาจากปากของกร ทั้งเธอและมีอาต่างก็ต้องเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังอย่างช่วยไม่ได้
〝เอาไว้เฝ้าดู『เจ้าพวกตัวยุ่ง』…. ยังไงหล่ะ〞
〝หมายถึง… พวกเพื่อนสนิท 4 คนนั่นใช่รึเปล่า? 〞
〝อา….〞
กรทำสีหน้าเหงาหงอยลงเล็กน้อย เพราะถูกความรู้สึกหลาย ๆ อย่างกดทับในหัว พร้อมทั้งเกิดอาการหนาวเหน็บที่ผิวกายทั่วทั้งร่างอย่างหาสาเหตุไม่ได้
มีอาและเมอร์ลินที่เห็นแบบนั้นเลยเบียดเข้ามาราวกับอ่านใจกรได้…. กรที่ได้รับความอบอุ่นจากร่างของพวกเธอแทนที่ความหนาวเหน็บอันเกิดจากความเหงาเลยแสดงสีหน้าผ่อนคลายลง
นี่เองก็เป็นอีกเรื่องที่เราตัดสินใจ…
การเดินทางต่อจากนี้ไป ต้องเป็นเรื่องที่เสี่ยงชีวิตอย่างมากแน่นอน…
พอคิดถึงเจ้าพวกนั้น ภาพตอนที่เราต่อสู้แลกชีวิตจนตายทุกครั้งก็แทรกเข้ามาในหัวตลอดเลย…
อยากเจอ… แต่ไม่อยากให้เจ้าพวกนั้นตามเรามาเลย… หึหึ! เอาแต่ได้จริงนะฉันเนี่ย
เจ้าพวกนั้นหน่ะ ถ้าเกิดเจอเราเข้า ต้องตามเรามาแน่นอน… มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์
แต่จะให้ไปเจอเฉย ๆ แล้วหายแวบไปอีกแบบนั้น เจ้าพวกนั้นคงห่วงยิ่งกว่าเดิมอีกแน่… เพราะงั้นสู้ไม่เจอกันซะยังจะดีกว่า…
เพราะงั้นถ้าเป็นไปได้ เราไม่อยากจะไปเจอเจ้าพวกนั้นในตอนนี้เลยจริง ๆ ……
กรที่เผลอหลับตาลงเพราะได้รับความอบอุ่นจากมีอาและเมอร์ลิน เห็นภาพของเพื่อนสนิททั้ง 4 คนอันได้แก่ ริน โชต อลิสและชาญลอยเข้ามาในหัวอย่างชัดเจน… แล้วพอคิดว่าจะพยายามไม่ไปเจอก็ยิ่งปวดใจอีกจนต้องเม้มตาแน่น…
〝!!! 〞
กรที่สลัดความคิดนี้ออกจากหัวไม่ได้ซักที ถูกเมอร์ลินที่เอื้อมมือขึ้นมาจนถึงแก้มของเขาเรียกสติกลับคืนมา…
〝เมอร์ลิน…〞
〝เอาคืนยังไงหล่ะ….〞
กรที่นึกย้อนกลับไปเมื่อ 3 วันก่อน ในเหตุการณ์ที่เมอร์ลินเล่าอดีตของตัวเองให้ฟัง… จนนึกได้ว่าเมอร์ลินถูกเขาทำแบบเดียวกันนี้ กรเลยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนที่จะพูด〝ขอบคุณ〞เมอร์ลินออกมา
〝หึ! งั้นก็เอาไว้แค่นี้ดีกว่ามั้ง… ก็พรุ่งนี้หน่ะต้องเดินทางแล้วไม่ใช่เหรอ? นายหน่ะควรพักได้แล้ว〞
〝!!!! 〞
ดวงตาของกรเบิกโพลงอีกครั้งเมื่อได้ยินประโยคนั้นออกมาจากปากของเมอร์ลิน…
จะว่าไปก็ยังมีอีกเรื่องนึงที่เรายังไม่ได้เคลียร์…
พรุ่งนี้เรากับมีอาต้องออกเดินทาง… ใช่แล้ว เรากับมีอา…
เมอร์ลินนั้น คือผู้ดูแลดันเจี้ยน… มีหน้าที่เพื่อเฟ้นหาผู้มีคุณสมบัติในการโค่นจอมมารแบบเดียวกับฉัน…
การที่เธอจะอยู่ช่วยพี่ชายอย่างฟรังซ์ ออลเดลจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยซักนิด…
แล้วถ้าว่ากันตามตรง… เมอร์ลินหน่ะ… คือคนสำคัญเพียงไม่กี่คนที่ฉันอยากปกป้อง…
เพราะงั้นการที่ไม่พาไปผจญอันตรายด้วยมันก็ดีอยู่หรอก… ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากพอมีอาไปด้วยเลยด้วยซ้ำ
แต่มีอาหน่ะ ยังไงก็ต้องตามเรามาอยู่แล้ว… จะทำใจยักษ์ไล่เธอไป เราก็ไม่อยาก ไม่สิ… เราไม่มีวันทำร้ายจิตใจมีอาแบบนั้นแน่…
เพราะงั้นในส่วนของเมอร์ลิน… ถ้าถามความรู้สึกของตัวเอง… ฉันเองก็อยากจะอยู่ข้าง ๆ เธอเหมือนกัน… โถ่! ให้ตายสิ ฉันนี่มันเลวจริง ๆ เลยพับผ่า…
ถ้าเกิดว่าเรา… ไม่ได้สร้างความสัมพันธ์แบบนั้นในลูบนรกนั่นหล่ะก็——
ถึงรู้ว่าทั้งหมดไม่ใช่เรื่องจริง… แต่ความรู้สึกของเราที่ มีต่อพวกเธอนั้นเป็นของจริงแน่นอน…
ยังกับคำสาปไม่มีผิดเลยนะไอ้ลูบนรกนั่นหน่ะ… ใจร้ายชะมัดเลยให้ตายสิ…
〝งั้นฉันไปนอนก่อนหล่ะ〞
〝อืม….〞
เมอร์ลินเดินจากไปทางประตู พร้อมกับเสียงตอบกลับที่เบามากของกร กรเองก็ตรวจสอบไอเทมและอุปกรณ์ครบหมดแล้ว จึงจะรีบเข้านอนเหมือนกัน
〝งั้นมีอา จะนอนเลยรึเปล่า? 〞
〝ขะ ขอโทษนะกร… คือว่าวันนี้… เมอร์ลินเค้าอยากนอนด้วยหน่ะ〞
〝โห๋! 〞
กรร้องออกมาด้วยความประหลาด เพราะไม่นึกว่าทั้งสองคนจะสนิทกันขนาดนี้…
〝ก็เอาสิ… คงมีเรื่องอยากคุยด้วยเยอะเลยสินะ… ตามสบาย ๆ 〞
กรยกมือขึ้นเพื่อบอกเป็นนัย ๆ ว่า ตามสบายเลย! กับมีอาที่ขอโทษเขาเหมือนรู้สึกผิด เพื่อปล่อยให้สาว ๆ ทั้งสองเป็นตัวเอกในคืนสุดท้ายนี้
〝อื้ม! งั้นไปก่อนนะกร… เจอกันพรุ่งนี้〞
〝อา… เจอกันพรุ่งนี้〞
ทั้งสองคนโบกมือให้กัน ก่อนที่มีทีอาจะวิ่งไปที่ประตู แต่เธอก็หันหน้ามายิ้มให้กรและโบกมือให้อีกเป็นครั้งที่สอง ซึ่งกรเองก็โบกมือกลับอีกพลางยิ้มส่งให้อย่างอ่อนโยนเช่นกัน ก่อนที่ประตูห้องนอนนี้จะถูกปิดจนเหลือเพียงแค่กรคนเดียวอยู่ในห้อง…
〝หึหึ! ดูโล่งไปเลยนะเนี่ย…〞
ตั้งแต่ที่มายังคฤหาสน์นี้ กรกับมีอาก็นอนเตียงเดียวกันตลอด… อนึ่ง ตอนแรกนั้นกรให้มีอานอนบนเตียง แล้วตัวเองไปนอนบนโซฟาแทน แต่พอตื่นเช้ามามีอาก็นอนอยู่กับตัวเขาซะงั้น… เพราะงั้นในคืนที่สองเลยจบที่ทั้งคู่นอนที่เตียงเดียวกัน…
แต่เป็นเพราะกรชินกับเรื่องนี้อยู่แล้ว ทั้งจากที่อยู่ด้วยกันในดันเจี้ยนและในลูบนรก ที่มีอาชอบแอบ? เข้ามานอนชิดกับตัวเขาและใช้แขนเป็นหมอนข้างแบบนี้…
〝ฮึบ! 〞
กรที่สวมชุดนอนแล้ว ทำการหย่อนตัวเองลงกับเตียง แล้วก็เหม่อมองเพดานพลางนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาราวกับภาพยนตร์อัตชีวประวัติของตัวเองตั้งแต่ที่เขาลงมาที่ดันเจี้ยนครั้งแรก… สู้กับเคลเบรอส เจอกับมีอาและช่วยเธอให้พ้นจากสถานะทาส… คบกับมีอาหลังศึกกับบอสมังกรห้าหัว… เจอกับเมอร์ลินที่ 75 และเข้าปะทะกัน… แล้วก็ร่วมกันต่อสู้กับบอสชั้นที่ 100 ทศกัณฑ์
อดีตที่ผ่านมามีทั้งน่าตรึงตราและอยากจะลืมเลือน… แต่มันคือสิ่งที่ทำให้กลายเป็นตัวเขาในตอนนี้ กรจึงต้องปล่อยผ่านไปอย่างช่วยไม่ได้
แล้วกรที่กำลังคิดแบบนั้น ก็ผลอยหลับลงไปเพราะความเหนื่อยล้าทางจิตใจโดยที่ไม่รู้ตัว…
❖❖❖❖❖
〝มีอา ไม่ลืมอะไรใช่ไหม? 〞
〝อื้ม! 〞
หลังจากที่คนส่วนใหญ่ในคฤหาสน์อันประกอบไปด้วยกรและมีอาในชุดพร้อมรบ เคลเบรอสและฟรังซ์ ได้ตื่นขึ้นมาจากความฝันยามค่ำคืนเตรียมการสำหรับเดินทางไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุดเสร็จแล้ว ทุกคนจึงได้มารวมตัวอยู่ที่ด้านหน้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์เพื่อเตรียมเคลื่อนย้าย
〖ทุกคนพร้อมแล้วสินะครับ… ถ้างั้นก็…〗
ฟรังซ์ที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดยื่นมือทั้งสองข้างออกไปข้างหน้า แล้วก็จัดการร่ายเวทย์มิติอยู่ในใจเพื่อเปิดประตูไปสู่โลกเบื้องบนที่กรและมีอาจากมานานกว่า 1 เดือน
〝ว่าแต่เจ้าหมา… แกแน่ใจแล้วเหรอ? 〞
แกร็ก ๆ!
〖แน่นอน… ข้าคือข้ารับใช้ของนายเหนือหัวฟรังซ์ ออลเดลก็จริง… แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคู่หูของเจ้าด้วยเช่นกันนะเจ้าหนูเอ๋ย! 〗
ระหว่างที่ฟรังซ์ร่ายเวทย์ เพราะมียินเสียงโลหะเสียดสีออกมาจากฝักดาบที่มีอากำลังถืออยู่ และเจ้าของเสียงนั่นก็คือเคลเบรอสที่ตอนนี้กลายร่างเป็นดาบเช่นเดิมแล้วนั่นเอง
เคลเบรอสนั้นตัดสินใจตั้งแต่แรกแล้ว ว่าจะเป็นคนเฝ้าดูกรจนกว่าจะถึงจุดสิ้นสุดความปรารถนาของฟรังซ์ ออลเดลที่เป็นนายเหนือหัว ในการโค่นจอมมารให้ได้ แม้กรจะถามลองเชิงไปแบบนั้นก็จริง แต่ก็โล่งใจขึ้นเยอะที่เคลเบรอสตามมาด้วย เพราะงั้นเลยทำให้เคลเบรอสตอบกลับกรด้วยน้ำเสียงภูมิใจเล็กน้อยเพราะเดาใจกรออกในระดับนึง
ว่าแต่… เมอร์ลิน… ไม่มาบอกลากันหน่อยเหรอเนี่ย…
กรที่ไม่เห็นตัวเมอร์ลินซักทีคิดแบบนั้นอยู่ในใจและนึกเสียใจเล็ก ๆ อยู่คนเดียว
หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเธอตื่นสาย… กรเองก็มีคิดแบบนั้นบ้าง แต่ในเวลาสำคัญแบบนี้ เธอคงไม่ซุ่มซ่ามขนาดนั้นมั้ง… หรือถ้าคิดในแง่บวกหน่อย ก็คงเป็นเพราะตัวเธอไม่อยากให้ใครเสียน้ำตา รวมถึงไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาของตัวเอง (ถึงข้อหลังจะมีโอกาสเห็นน้อยสุด ๆ ก็เถอะ)
แต่ก็อย่างว่าแหล่ะนะ… ความรู้สึกที่เกิดจากภาพลวงอย่างของเรา… มันจะไปเหมือนกับในจิตใจเธอได้ยังไงกัน…
เพราะงั้นคงช่วยไม่ได้หรอก… เมื่อคืนมีอาคงได้คุยกันจนหนำใจแล้วสิ…
น่าเสียดายเหมือนกันแฮะที่ไม่ได้บอกลากันก่อนเดินทาง…
วิ้ง!
〖เกทใช้การได้แล้วนะครับ เชิญคุณมีอาก่อนเลยครับ! 〗
วงเวทย์ที่เป็นลักษณะวงรีขนาดใหญ่พอให้คน 3 คนเข้าไปได้ส่องสว่างขึ้นมาพร้อมกับคำประกาศของฟรังซ์ที่ปล่อยมือลงข้างลำตัวหลังร่ายเวทย์เสร็จแล้ว และได้เชิญให้มีอาเข้าไปเป็นคนแรกด้วยสาเหตุบางอย่าง
〝เดี๋ยวก่อน! ให้ฉันเข้าไปก่อนดีกว่า〞
〝หุหุ! ไม่เป็นไรหรอกกร〞
ด้วยท่าทีห่วงมีอาเกินเหตุของกร เลยทำให้มีอาหัวเราะคิก ๆ ออกมาอย่างน่ารักน่าชังด้วยความดีใจที่กรเป็นห่วงเป็นใยเธอขนาดนี้
กรเองก็คิดว่าตัวเองทำเกินไปหน่อย ก็เลยปล่อยให้มีอาที่ถือเคลเบรอสอยู่เดินเข้าไปในวงเวทย์ตามคำแนะนำของฟรังซ์ ออลเดล แล้วพอผ่านไปได้ราว ๆ 5 วินาทีวงเวทย์ก็ส่องสว่างขึ้นจากพื้นจนมองไม่เห็นร่างของมีอา แล้วพอแสงจางหายไป ร่างของมีอาก็หายไปพร้อมกัน…
〝งั้นต่อไปก็ฉันสินะ…〞
〖ครับผม! ก็อยากจะพูดแบบนั้นอยู่หรอกครับ… แต่น่าเสียดายที่มีคนจองอยู่ก่อนแล้ว 〗
〝ว่าไงนะ!? 〞
กรที่กำลังจะเดินเข้าวงเวทย์เป็นคนถัดไป ถูกขัดขวางด้วยคำพูดที่ไม่อาจเข้าใจได้ของฟรังซ์ ออลเดล
———ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!
〝แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก! ———〞
เสียงวิ่งที่ลงน้ำหนักอย่างแรงหยุดลงที่ด้านหลังของกร ตามมาด้วยเสียงหายใจหอบของหญิงสาวที่กรต้องการพบ…
〝เมอร์ลิน? 〞
ทันทีที่กรหันกลับไป ก็พบเข้ากับเมอร์ลินที่สวมชุดที่ดูยังไงก็เป็นชุดออกเดินทาง… แถมยังเป็นแบบที่จอมเวทย์ระดับสูงของเทพเจ้าใส่กันโดยดัดแปลงตามรสนิยมของเธอเอง ตามที่เห็นในหนังสือซึ่งกรเคยอ่านในห้องสมุดอีกด้วย…
นอกจากนั้นที่ด้านหลังของเธอยังมีกระเป๋าเป้หนังแบบสะพาย ซึ่งบนสุดก็คือคฑาเวทย์ลายมังกรคู่ใจของเธอถูกลดความสั้นลงเหลือครึ่งเดียวและผูกไว้บนสุดนั่น… แล้วรอบ ๆ ยังมีสายรัดที่เต็มไปด้วยขวดทดลองรูปชมพู่และหลอดทดลองที่มีน้ำยาสีต่าง ๆ อยู่ข้างใน พร้อมกับใส่จุกยางอย่างเรียบร้อย…
〝ขอโทษที่ให้รอนานนะ… พอดีกำลังคัดกรองหนังสืออยู่นะ〞
〖เอาไปหมดเลยก็ได้นี่ครับ… ยังไงกระเป๋านั่นก็มีที่เหลือเฟืออยู่แล้ว〗
〝ขนไปเยอะเกินมันน่ารำคาญ〞
〖ฮะฮ่ะ! กะแล้วเชียว…〗
เมอร์ลินเดินเข้ามาจนถึงข้าง ๆ กรที่พูดอะไรไม่ออกด้วยความตกตะลึง ก่อนที่จะเริ่มพูดคุยกับฟรังซ์ ออลเดลก่อนที่จะออกเดินทาง
〝หมายความว่าไงเนี่ย? 〞
〝หืม? เห็นแล้วยังไม่เข้าใจรึไง…〞
〝ไม่ใช่… ที่ถามหน่ะหมายถึง ทำไม? ต่างหาก…〞
เมอร์ลินเงียบไปเล็กน้อยก่อนที่จะตอบคำถามของกรกลับอย่างจริงจัง นั่นทำให้ฟรังซ์ที่อยู่ข้าง ๆ ถึงกับก้มหน้าหลับตาลง ราวกับยินดีกับคำตอบของเมอร์ลินไปพร้อมกับเจ้าตัว…
〝นายบอกเองไม่ใช่เหรอ… ว่าให้ทำเรื่องที่ตัวเองสบายใจ… ต้องขอบคุณนายเลยที่ทำให้ฉันตัดสินใจได้〞
〝!!!? 〞
〝ฉันจะไปสะสางมัน… เรื่องค้างคาที่อยู่ในใจทั้งหมดนั่น!!! และฉัน… ก็จะไปกับนายด้วย…〞
กรนั้นไม่รู้ว่าตัวเองคิดไปเองรึเปล่าที่เมอร์ลินหน้าแดงก่ำในจังหวะที่พูดถึงตัวเอง… แต่กลับกันแล้ว เมอร์ลินนั้นรู้ตัวว่าตัวเองกำลังหน้าแดงด้วยความเขินอาย เลยหันไปทางฟรังซ์เพื่อกลบเกลื่อนความประหม่าไปในตัว และด้วยเหตุผลสำคัญที่จะบอกลาพี่ชายของตัวเองดี ๆ ก่อนที่จะออกเดินทาง
〝พี่… ขอโทษนะ… ให้อภัยในความเอาแต่ใจของหนูด้วย〞
เมอร์ลินที่เดินเข้าไปใกล้กับฟรังซ์ พูดกับเขาด้วยสรรพนามที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคน… แต่กรก็ไม่ได้สอดและมองดูพวกเขาคุยกันด้วยสายตาที่อ่อนโยน
〖จะขอโทษผมทำไมกันหล่ะเมอร์ลิน… อย่างที่คุณอุษณกรบอก… เธอต่างหากที่ทำตามความเอาแต่ใจของผมมานานแล้ว เพราะงั้นตอนนี้… ถึงเวลาแล้วครับที่เธอจะต้องเดินบนเส้นทางของตัวเองอีกครั้ง…〗
〝พี่… 〞
แม้จะมองเพียงแผ่นหลังของเมอร์ลิน แต่กรก็รู้ว่าเธอกำลังหลั่งน้ำตาแห่งความเศร้าและปลื้มปิติ… กรจึงหลับตาลงทั้งสองข้าง เพราะเคารพการตัดสินใจของเธอ
หลังจากบอกลาตามประสาพี่น้อง เมอร์ลินเช็ดน้ำตาที่ปริ่มอยู่ขอบตาของตัวเองแล้ว ก็วิ่งแจ้นไปที่วงเวทย์อย่างร่าเริงแล้วก็หันกลับมาหาฟรังซ์อีกครั้ง แสงสว่างจากพื้นส่องสว่างขึ้นมาจนแทบจะกลบร่างของเมอร์ลินมิด แต่ทั้งกรและฟรังซ์ยังคงเห็นได้อย่างชัดเจน เมอร์ลินจึงใช้โอกาสนี้พูดบอกลาพี่ชายของตัวเองอีกเป็นครั้งสุดท้ายทั้งน้ำตาว่า
〝พี่คะ… ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมาค่ะ〞
วูม!
แสงสว่างจางลงอีกครั้งโดยที่ไม่เหลือร่างของเมอร์ลินอยู่ในวงเวทย์ เป็นตัวบ่งชี้ว่าเธอออกไปยังโลกเบื้องบนแล้ว…
〖คุณอุษณกรครับ… นี่〗
หลังจากเมอร์ลินเคลื่อนย้ายออกไปแล้ว ฟรังซ์ได้หันหน้ามาทางกรและยื่นมือขวาของตัวเองออกมา จากนั้นวัตถุที่มีลักษณะเรียวยาวก็ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าบนมือของฟรังซ์ ออลเดลที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วพอกรสังเกตดู กรถึงรู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่เขารู้จักดี…
〝คาตานะ… สีขาว…〞
〖ครับผม… ชื่อของมันคือ『ชิโระยูกิฮิเมะ』เป็นอาวุธระดับ SSS ที่เพื่อนของผมตีโดยใส่ออร่าของผมเข้าไปด้วย… มันจะตอบสนองและเพิ่มความสามารถขึ้นตามผู้ใช้ และยังเพิ่มความสามารถตามจินตนาการผู้ใช้เหมือนกับใช้ออร่าอีกด้วยครับ〗
สิ่งที่อยู่ในมือของฟรังซ์ ออลเดล คือ คาตานะที่ตัวดาบยาวประมาณ 1 เมตร ซึ่งตัวดาบรวมถึงใบดาบนั้นเป็นสีขาวทั้งหมด… มีเพียงลายของด้ามดาบเท่านั้น ที่มีสีแดงเจืออยู่เป็นลายข้าวหลามตัดเล็ก ๆ
〖ผมให้ครับ〗
〝เห๋!? จะดีเหรอ? 〞
〖ผมว่ามันคงน่าสงสารแย่นะครับ ถ้าตีมาแล้วไม่มีคนใช้หน่ะ…〗
〝…..ถ้างั้นก็ขอรับไว้ด้วยความยินดี ขอบคุณมาก〞
กรยกมือขึ้นมารับดาบพร้อมฝักทั้งสองมือ แล้วก็จัดการเอาไปไว้ด้านหลังที่มีช่องใส่ที่เหลือ 1 ช่อง รวมกับเคลเบรอสก็ครบพอดี
หลังจากที่รับดาบที่เสมือนเป็นของขวัญจากลามาแล้ว กรจึงเดินเข้าไปในวงเวทย์เป็นคนสุดท้ายเพื่อทำการเคลื่อนย้ายในทันที แต่ว่า…
〖คุณอุษณกรครับ…〗
〝!!!!! 〞
ฟรังซ์ที่อยู่ห่างออกไปเมตรครึ่ง โค้งคำนับให้กับกร โดยที่ไม่ทันตั้งตัวอีกครั้งที่กรทำหน้าตกตะลึงให้กับสองพี่น้องคู่นี้…
〖ขอฝากเมอร์ลินด้วยนะครับ…..〗
〝……….อ่อ ถ้าเรื่องนั้นหล่ะก็ ไม่ต้องเป็นห่วง〞
ฟรังซ์โค้งคำนับแบบนั้นจนกระทั่งได้ยินคำตอบของกร เขาจึงกลับมายืนตัวตรงอีกครั้ง ก่อนที่จะพูดต่อ…
〖บอกตามตรง… ตั้งแต่แรกผมยังไม่เชื่อคุณสนิทใจหรอกนะครับ〗
〝มันก็ทั้งสองฝ่ายนั่นแหล่ะ〞
〖ฮะฮ่ะ! นั่นสินะครับ… แต่ถ้าเป็นตอนนี้… ผมคงฝากฝังเรื่องของเธอไว้ได้… เพราะที่ผ่านมา จริง ๆ แล้วผมแอบทดสอบคุณอุษณกรอยู่หน่ะครับ… บ่อย ๆ เลยด้วย〗
〝ทดสอบงั้นเหรอ? นี่นายเป็นพี่ชายหรือพ่อตากันแน่เนี่ย? 〞
〖แหม ๆ ก็ไม่รู้สินะครับเนี่ย… ฮะฮ่ะ! ฮะฮ่ะ! 〗
ฟรังซ์ หัวเราะร่าออกมาอีกครั้ง ราวกับปลดปล่อยความคิดที่อยู่ในใจจนร่างกายเบาโหวง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่แสงสว่างของวงเวทย์สว่างจ้าขึ้นมาพอดี…
〝ถึงเวลาต้องลาแล้วสิ…〞
〖ครับผม… ชักเริ่มเหงาแล้วสิ〗
〝อย่าพูดงั้นสิ… ทางนี้รู้สึกผิดอยู่นา…〞
กรพูดตอบกลับไปในความหมายที่ว่าทำให้ฟรังซ์เหลือตัวคนเดียวในดันเจี้ยน เพราะพาน้องสาวของเขามาด้วย… แต่แน่นอนว่าฟรังซ์ไม่ได้ใส่ใจ
พร้อมกับแสงสว่างที่จ้ามากขึ้น… กรเลยถือโอกาสแบบนี้ทำเรื่องที่สมควรทำก่อนจากในฐานะลูกศิษย์
〝ฟรังซ์… ไม่สิ อาจารย์… ขอบคุณนะ… ถ้าไม่ได้นายช่วยไว้หล่ะก็ ฉันคงตายตั้งแต่ตอนแรกที่ลงมาดันเจี้ยนแล้ว… แล้วก็เป็นเพราะนาย… เลยทำให้ในมือของฉันมีสิ่งสำคัญเพิ่มขึ้นอีก… ขอบคุณอีกครั้งจากใจเลย〞
กรยกมือทั้งสองข้างมาประกบกันแล้วพนมมือ ยกขึ้นมาจนนิ้วโป้งจรดกับระหว่างคิ้ว เป็นตัวบ่งบอกในการเคารพผู้ที่อาวุโสกว่า…
〖ด้วยความยินดีครับ…〗
ฟรังซ์เองก็เข้าใจมารยาทนั้นของกรเช่นกัน จึงพนมมือขึ้นรับไว้ตามธรรมเนียมของประเทศกร ก่อนที่แสงสว่างจะจ้ามากขึ้น จนร่างของกรเลือนหายไปจากทัศนวิสัยของฟรังซ์ ออลเดลที่เป็นดันเจี้ยนมาสเตอร์ของดันเจี้ยน《 เด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว 》แห่งนี้…..
❖❖❖❖❖
หลังจากแสงสว่างจ้าจนแสบตาจางลง ทิวทัศน์แรกที่สะท้อนเข้ามาในดวงตาของกรก็คือ…
ถนนที่เป็นพื้นหญ้าเขียวขจี โดยมีข้างทางเป็นทุ่งดอกไม้สุดลูกหูลูกตา…
〝กร! 〞
〝มาจนได้นะ〞
〖รอจนเหงือกแห้งแล้วเจ้าหนูเอ้ย! 〗
มีอาและเมอร์ลิน รวมถึงเคลเบรอสที่เป็นดาบซึ่งมีอาสะพายไว้ข้างหลัง กำลังยืนอยู่บนถนนที่เป็นผืนหญ้าโดยที่มีข้างทางเป็นทุ่งดอกไม้หลากสีสัน พวกเธอเรียกหากรในทันทีที่กรโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า
หลังจากที่มองย้อนกลับไปด้านหลัง ว่าไม่มีอะไรนอกจากทางเดินที่เป็นหญ้าแบบเดียวกัน กรจึงหันมาสังเกตุมีอาและเมอร์ลินแทน… มีอาและเมอร์ลินนั้น พูดคุยกันด้วยท่าทีปกติโดยไม่มีอาการแปลกใจแม้แต่น้อย… แถมพอมานึกดูดี ๆ มีอาที่น่าจะเหงาเพราะเมอร์ลินไม่ได้ไปด้วย กลับทำตัวปกติมาตลอด ก็เข้าใจได้ว่ามีแต่ตัวกรคนเดียวที่ไม่รู้ว่าเมอร์ลินจะมาด้วยกันนั่นเอง…
〝นี่ฉันโดนหลอกงั้นเหรอเนี่ย? 〞
〝โดนหลอก? 〞
ในขณะที่ถามกรก็เดินเข้าไปใกล้ทั้งสองคนในเวลาไม่นาน จึงได้ยินคำถามของเมอร์ลินกลับมาแทนอย่างชัดเจนเต็มสองรูหู ผลก็คือมันทำให้กรอายจนหน้าแดง… เพราะเพิ่งมานึกได้ว่ามันน่าอายแค่ไหน ทั้งที่ ส่วนหนึ่งภายในจิตใจนั้น เขารู้สึกโล่งใจที่เมอร์ลินมาด้วยแท้ ๆ …
〝อ๋อ! งั้นที่นายทำหน้าเหมือนลูกหมาถูกทิ้งมาตั้งแต่เมื่อวานก็เป็นเพราะเข้าใจว่าฉันไม่ได้มาด้วยงั้นสิ… หุหุ! เข้าใจหล่ะ ๆ 〞
เมอร์ลินขยับตัวเข้ามาใกล้กรอีกครั้ง เพื่อหวังจะหยอกกรเล่นเหมือนอย่างเคย แต่คำตอบของกรที่ (หลุดปากพูดออกมาจากใจจริง) ตอบกลับมา ทำให้เธอต้องเบิกตาโพลง…
〝หนวกหูน่า… รู้ไหมว่าฉันหน่ะ… ใจหายแค่ไหนพอคิดว่าเธอจะไม่ได้อยู่ข้าง ๆ แล้วหน่ะ…〞
〝!!!! 〞
ใบหน้าของทั้งสองคนเหมือนจะร้อง เอ๋! ออกมาพร้อม ๆ กัน… ก่อนที่ทั้งสองคนจะหน้าแดงตามระเบียบ เพียงแต่ฝ่ายของเมอร์ลินที่หน้าแดงยิ่งกว่าได้กำมือทั้งสองไว้แน่นพร้อมกับส่งสายตาแน่วแน่มายังกรราวกับจะบอกว่า นี่แหล่ะโอกาสหล่ะ! ยังไงอย่างงั้นเลย…
〝โอ๊ะโอ๋! ช่างกล้าจริงนะพ่อหนุ่ม… ทั้งที่ภรรยาอยู่ข้าง ๆ แท้ ๆ แต่ดันใช้คำพูดเหมือนกับว่าฉันเป็นคนรักของนายอย่างงั้นแหล่ะ〞
〝อึก! 〞
ยะ แย่แล้ว! เผลอดีใจมากไปหน่อย!
แล้วอีแบบนี้จะแก้ตัวกับมีอายังไงหล่ะเนี่ย…
ในขณะที่กรกำลังคิดหาทางรอดของตัวเอง โดยไม่รู้ว่ามีอาที่ยืนอยู่ข้างหน้ากำลังอมยิ้มเพราะหวังอย่างอื่นอยู่และไม่ได้คิดว่ากรผิดแม้แต่น้อย เมอร์ลินที่เป็นตัวละครหลักในฉากที่จัดเตรียมไว้โดยมีอา ก็เดินเข้ามาใกล้กรมากยิ่งกว่าเดิมพลางเอามือทั้งสองข้างผสานกันไว้ข้างหลังราวกับเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย (ซึ่งแทบจะทะลุปรอทอยู่แล้ว) โดยถูกแสดงออกมาทางใบหน้าที่แดงยังกับลูกแอบเปิ้ลนั่น
〝หุหุ! แต่ที่พูดออกมานั่น ฉันก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะ〞
〝เอ๋! อะไร? 〞
กรที่ยังคงอยู่ในสภาวะหาข้ออ้าง ยิ่งสับสนหนักกว่าเดิม เมื่อถูกเมอร์ลินรุกใส่อย่างต่อเนื่องพร้อมกับใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มสดใสของเธอร่นเข้ามาจนห่างเพียงหนึ่งฝ่ามือ
〝ทึ่มชะมัดเลย… งั้นจะทำให้เข้าใจเดี๋ยวนี้แหล่ะ! 〞
〝!!!!!!!!! 〞
เมอร์ลินเขย่งตัวเองให้สูงขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะประทับริมฝีปากของตัวเองไปยังริมฝีปากของกรที่ยืนงงอยู่ข้างหน้า
เพราะกรมัวแต่ยืนงง เลยทำให้เมอร์ลินต้องเป็นคนขยับเข้าไปในอ้อมอกของกรแทน กรที่แม้จะยังไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ผละริมฝีปากออกทันที เพราะถูกรสจูบอันน่าหลงใหลของเมอร์ลินเย้ายวนไม่ให้เลิกรา.. แล้วจากนั้นราว ๆ 10 วินาทีที่ยาวนานของทั้งสองคนจบลง ทั้งสองคนจึงผละริมฝีปากออกจากกัน
〝เมอร์ลิน นี่เธอทำอะไรเนี่ย———〞
〝ฉันรักนาย! 〞
เมอร์ลินไม่ยอมปล่อยให้กรได้พูดจนจบประโยค… เพราะนั่นหมายถึงโอกาสที่กรปฏิเสธจะมีมากขึ้นในความคิดของเธอ
〝เดี๋ยวสิ เมอร์ลิน! แต่ว่านั่นหน่ะ———〞
〝ตั้งแต่แรกแล้วที่ฉันสนใจนาย! 〞
〝!!!? 〞
อีกครั้งที่เมอร์ลินไม่ปล่อยให้กรพูดจบประโยค และก็เป็นอีกครั้งที่กรไม่อาจโต้เถียงผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ได้ เพราะถูกหัวใจเพียงหนึ่งของตัวเองสะกดไว้ด้วยอารมณ์อย่างเดียวกันโดยไม่รู้ตัว
〝นายหน่ะ… ตั้งแต่ตอนนั้น… ก็ทำแต่เรื่องที่ฉันทำไม่ได้มาตลอด… ทั้งที่ยืนหยัดขึ้นมาจากความสิ้นหวังนั่น… ทั้งที่ไม่ยอมแพ้เคลเบรอส… ทั้งที่เอาตัวเข้าแลกเพื่อปกป้องคนสำคัญอย่างมีอาแบบไม่คิดชีวิตก็ด้วย…〞
〝…………..〞
〝ตอนที่เจอกันตรง ๆ ครั้งแรกที่ชั้น 75 นั่น… ดีใจมากเลยหล่ะ… นายเป็นคนแบบที่ฉันคิดเลย… เพราะงั้นฉันถึงรู้… ว่านายต้องเป็นคนที่เข้าใจฉันได้… นายทำให้ฉันตัดสินใจเลือกทางเดินของตัวเองต่อจากนี้… มอบเป้าหมายใหม่ให้กับฉันที่ถูกอดีตฉุดรั้ง… 〞
〝เรื่องนั้น———〞
〝แถมกับคนที่เป็นแค่พวกพ้องในนามอย่างฉัน… นายยังเอาตัวเข้าแลกยังกับคนบ้า… จนทำให้นายเป็นแบบนั้น…..〞
เมอร์ลินทำสีหน้ารู้สึกผิดออกมาอย่างแรงเมื่อนึกถึงตอนที่ทศกัณฑ์ใช้ธนูที่ทำให้กรตกนรกทั้งเป็นกว่าแสนปีที่หนีไปไหนไม่ได้นั่น… แต่กรในตอนนั้นไม่ได้สนซักนิดว่าใครเป็นคนผิดหรือใครควรรับผิดชอบ… เพราะสิ่งที่เขาต้องการ คือการปกป้องสิ่งสำคัญเพื่อไม่ให้เสียมันไปเหมือนในอดีตเพียงเท่านั้น
〝เมอร์ลิน… ขอบคุณจริง ๆ นะ… ที่มารักคนอย่างฉัน… แต่ก็รู้หนิว่าฉันหน่ะ… มีมีอาอยู่แล้ว….〞
กรยกมือขึ้นทั้งสองข้างมาวางที่ไหล่ของเมอร์ลินราวกับเพื่อประคองเธอที่คิดเรื่องของเขาในตอนที่กำลังทรมานเพราะอยู่ในนรก และเป็นเพราะกรนั้นตั้งใจจะปฏิเสธเธอ ถึงแม้ในส่วนลึกของหัวใจของกรคำตอบจะเป็นคนละแบบก็ตาม…
〝งั้นอย่างน้อยช่วยตอบทีได้ไหม… ว่านายรู้สึกยังไงกับฉัน…〞
〝เมอร์ลิน… ฉันหน่ะ———〞
สายตาแห่งความปรารถนาของเมอร์ลินทะลุผ่านเลนส์แว่นของเธอ ตรงเข้าทิ่มแทงหัวใจของกรอย่างแรงจนกรไม่อาจเปิดปากพูดในทันทีได้ แต่ในจังหวะที่กรกำลังจะตอบปฏิเสธออกไปให้ชัดเจน ก็กลับมีเสียงของคนที่กรไม่คิดว่าจะตอบ มาช่วยกรไว้ในช่วงที่กำลังโลเลแบบนี้
〝บอกไปตรง ๆ เลยสิกร… เหมือนกับเมอร์ลิน…〞
〝มีอา? 〞
บุคคล ผู้ซึ่งกรกลัวที่จะหลั่งน้ำตาเพราะเขา… มีอาได้พูดขึ้นมาพลางเดินเข้ามาพร้อมกับเอามือไขว้หลังเหมือนกับเมอร์ลิน ราวกับเพื่อเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยทั้งสองคน… ไม่สิ สำหรับพวกเขา นี่ไม่ใช่เรื่องของคนสองคนอีกต่อไปแล้ว
〝ฉันหน่ะรู้นะ… ว่ากรต้องทรมานกับความทรงจำจอมปลอมที่ลาสบอสนั่นทำไว้หน่ะ…〞
มีอาที่พูดประโยคนั้นออกมาราวกับอ่านใจกรได้… ทำให้กรดีใจอย่างบอกไม่ถูกเพราะมีคนที่เข้าใจและเชื่อใจเขาที่สุดเป็นคนเดียวกันแบบนี้
〝ฉันหน่ะดีใจมากเลยนะที่กรเป็นห่วงความรู้สึกของฉัน… ดีใจที่สุดในโลกเลย… เพราะงั้นฉันถึงอยากบอกว่ากรหน่ะกำลังเข้าใจฉันผิดไปอยู่…〞
〝เอ๋!? 〞
นอกจากเมอร์ลิน… มีอาเองก็เป็นฝ่ายเผยความในใจหลังจากใช้ชีวิตในฐานะคนรักออกมาด้วยเช่นกัน แต่กรที่คิดแค่อยากจะทำให้อีกฝ่ายมีความสุขกลับเพิ่งมาเข้าใจในตัวมีอาเอาป่านนี้ เลยตกตะลึงกับคำพูดของมีอาเอามากๆ
〝เหมือนกับที่กรทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันมีความสุข… ฉันเองก็ต้องการให้นายมีความสุขที่สุดเหมือนกัน! 〞
〝มีอา… แต่แบบนี้มันไม่ต่างอะไรกับนอกใจเธอเลยนะ! 〞
〝ต่างสิ… เมอร์ลินเองก็เป็นเพื่อนของฉันเหมือนกัน… แล้วกรเองก็รู้สึกแบบเดียวกับเมอร์ลินเหมือนกันไม่ใช่เหรอ… เพราะงั้นทางที่ทุกคนจะมีความสุข ก็คือ ทางนี้ไม่ใช่เหรอ? 〞
ชึบ!
มีอาที่เดินเข้ามาจนถึงตัวทั้งสองคนยื่นมือออกมาทั้งสองข้างแล้วจัดการจับมือของทั้งสองคน เพื่อที่จะดึงมือของกรและเมอร์ลินมากุมกันไว้ด้วยตัวเธอเอง…
〝เพราะงั้นนะกร… ช่วยทำให้พวกเรามีความสุขไปด้วยกันทีเถอะนะ…〞
〝มีอา….〞
ต่อหน้าคนสำคัญเช่นมีอาและเมอร์ลิน… กรไม่สามารถเมินตรรกะ ความเชื่อพื้นฐานเดิมของตนในเรื่องของคู่ครองได้ เพราะความเคยชินที่เกิดขึ้นกับพวกเธอในลูบนรกดังเช่นคำสาปเลยทำให้กรถูกผูกมัดกับความรู้สึกและตัวตนของทั้งสองคน
แต่เพราะสายตาอันแน่วแน่ของทั้งมีอาและเมอร์ลินที่มองมายังเขา มันทำให้ความรู้สึกที่ถูกเก็บซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจกร กำลังปริแตกออกมาพร้อมกับคำตอบภายในใจนั้น… กรจึงหลับตาลงครั้งนึงก่อนที่สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วก็เผยความในใจต่อเมอร์ลินที่อยู่ตรงหน้าทั้งที่ยังกุมมือของเมอร์ลินอยู่
〝เมอร์ลิน ฉันเอง… ก็รักเธอเหมือนกัน…〞
สายตารู้สึกผิดของกรบัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นความแน่วแน่ เพราะทั้งสามคนต่างก็ยอมรับในตัวกันและกันแล้ว… จะเรียกได้ว่าความสัมพันธ์อันเกิดจากการร่วมมือเพื่อเอาชีวิตรอดนั้น มันได้ผสานกันอย่างเหนียวแน่นและกลมเกลียวจนยากจะตัด ไม่สิ… ไม่มีอะไรมาตัดได้อีกแล้ว…
〝ขอบคุณนะ ดีใจสุด ๆ เลยหล่ะ! 〞
〝หึหึ! บอกตรง ๆ ฉันเองก็โล่งใจขึ้นเยอะเลยหล่ะ… มีอาไม่เป็นไรใช่ไหม…〞
〝อื้ม! ไม่มีอะไรต้องกังวลซักนิด… เพราะจริง ๆ แล้ว ฉันกับเมอร์ลินหน่ะ คุยเรื่องนี้จบไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วหล่ะ〞
เอ๋? เมื่อคืน! ที่ไปนอนด้วยกันอ่ะนะ?
โกหกน่า! อีแบบนี้ก็มีแค่ฉันที่ไม่รู้เรื่องอีกแล้วหน่ะสิ!
〝อะ อะไรกันเนี่ย… ถ้างั้นผลมันก็ต้องออกมาแบบนี้อยู่แล้วหน่ะสิ…〞
〝มะ ไม่เหมือนกันซักหน่อยนะกร! 〞
〝ใช่แล้ว… ถ้านายไม่ยอมรับด้วยตัวนายเอง… ความรู้สึกของพวกเราในตอนนี้มันก็ไม่มีความหมายหน่ะสิจริงไหม…〞
〝มันก็… จริงหล่ะนะ…〞
ทั้งสามคนเริ่มผ่อนคลายและพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงที่ปกติอีกครั้งหลังสถานการณ์คลี่คลาย
กรที่กุมมือของเมอร์ลินด้วยมือขวา เอื้อมมือซ้ายไปจับมือขวาของมีอา และมีอาก็ยื่นมือซ้ายของตัวเองไปจับมือขวาของเมอร์ลิน จนทั้งสามคนจับมือล้อมกันเป็นวงกลม
〝ดีจังเลย… เหมือนพวกเราเป็นครอบครัวใหญ่เลยนะกร! 〞
〝ก็นะ… ถึงสามคนจะเรียกว่าใหญ่ได้รึเปล่าไม่รู้ก็เถอะ〞
〝อะไรกัน! ควบผู้หญิงสองคนแบบนี้ยังมีอะไรไม่พอใจอีกรึไง? 〞
〝อึก! ขอทีเถอะ ทางนี้ยังรู้สึกผิดอยู่เลยนะครับผม…〞
เมอร์ลินกลับมาหยอกล้อกรอีกครั้ง ที่อารมณ์ของทุกคนกลับมาปกติ ไม่สิ… ต้องเรียกว่ามีแค่มีอากับเมอร์ลินที่กำลังอารมณ์ดีแบบสุดๆ มากกว่า
มีอานั้นดีใจที่สามารถทำให้กรมีความสุขได้… ทั้งยังทำให้ตัวเองและเพื่อนอย่างเมอร์ลินมีความสุขไปพร้อมกันได้
เมอร์ลินค้นพบคนที่ยอมรับในตัวตนของตัวเองถึงสองคน และหนึ่งในนั้นยังเป็นผู้ชายที่เธอรักดังเช่นกร… รวมถึงความปรารถนาที่จะให้กรตอบรับความรักเองก็ยังสมหวังอีก
ส่วนทางกรที่ได้เปิดเผยใจจริง ว่ามีความรู้สึกดีๆ ให้กับทั้งสองคนเหมือนกันก็โล่งใจ ที่ไม่ต้องเก็บกดความรู้สึกดังกล่าวอีกแล้ว… แต่ก็ยังคงรู้สึกผิดที่คบกับผู้หญิงถึงสองคนในเวลาเดียวกันอยู่ดี แม้พวกเธอจะตกลงกันแล้วและทั้งสามคนจะสนิทกันมากก็ตาม
〝เฮ้อ! ให้ตายสิ… ตอนนี้ชักรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นผู้ชายเลว ๆ ไปซะแล้วแฮะ〞
ทั้งสามคนผละมือออกจากกันพร้อม ๆ กัน ส่วนกรที่ยังรู้สึกผิด พูดแบบนั้นออกมาราวกับก่นด่าตัวเอง ก่อนที่จะนั่งเหยียดขาลงกับพื้นริมของขอบถนนโดยที่ด้านหลังเป็นทุ่งดอกไม้
และพอเห็นกรนั่งลงกับพื้น เมอร์ลินเลยเดินมาด้านขวาของกรและนั่งเหยียดขาอย่างผ่อนคลาย พร้อมๆ กับมีอาที่นั่งชันเข่าลงข้างซ้ายของกร
〝หืม? เป็นเพราะค่านิยมมีคู่ครองคนเดียวในประเทศของนายสินะ…〞
〝ไม่ใช่เฉพาะประเทศครับ แต่เป็นทั้งโลกเลยต่างหาก〞
〝ไม่เห็นต้องกังวลเลยนี่นา… กรหล่ะก็〞
มีอาพูดแบบนั้นพลางเอนตัวลงเอาศีรษะพิงกับไหล่ของกรอย่างเคย เมอร์ลินที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ยอมแพ้และขยับใบหน้าซุกกับไหล่ขวาของกรเช่นกัน
〝อย่างที่มีอาว่า… ไม่เห็นต้องสนเลยนี่นา〞
〝ไหงงั้นเล่า! 〞
〝ก็ที่นายกำลังใช้ชีวิตอยู่นี่หน่ะ… คืออีกโลกนึงไม่ใช่เหรอ? 〞
〝!!! 〞
〝ฉันพูดก็ยังไง ๆ อยู่… แต่ที่นี่หน่ะเขาไม่สนเรื่องจำนวนคู่ครองแบบนายหรอกนะ…〞
คำพูดของเมอร์ลิน ทำให้กรตระหนักถึงความเป็นจริงที่กำลังเผชิญอยู่อีกครั้ง….
ที่นี่คือต่างโลก… วัฒนธรรม ค่านิยม วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ย่อมแตกต่างจากโลกที่กรจากมา
แต่ถ้าแค่เข้าเมืองตาหลิ่ว แล้วหลิ่วตาตามได้ง่ายๆ หล่ะก็… กรคงไม่ต้องมาลำบากกับค่านิยมในด้านการมีคู่ครองที่ต่างกันโขแบบนี้หรอก รวมถึงเหตุผลหลักเป็นเพราะเห็นแก่ทั้งสองคนด้วย…
กรนั้นไม่มั่นใจว่าจะทำให้ทั้งสองคนมีความสุขไปพร้อมกันได้… นั่นต่างหากคือสิ่งที่ผูกมัดกร
〝ฉันบอกแล้วนี่กรว่าไม่ต้องกังวล… เรื่องที่ให้พวกเราสองคนมีความสุขหน่ะ… เพราะขอแค่ได้อยู่ด้วยกัน… สำหรับฉันแค่นั้นมันเพียงพอแล้ว〞
〝ก็ตามนั้นแหล่ะนะ…〞
ทั้งสองคนที่อิงแอบแนบกับไหล่ของกรพูดช้อนตามองกรขึ้นมาเหมือนกับอ่านใจกรออกอีกครั้ง จนเขารู้สึกหวั่นไหว…
แต่เพราะคำพูดไม่กี่ประโยคนั่น… เพราะความรู้สึกของทั้งสามคนสื่อถึงกันจนหมดแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมากความ… เพียงแค่นั้นก็ทำให้กรตัดสินใจได้แล้ว…
เพราะคำพูดนั้นของทั้งสองคน กรจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่กับตัวเองอีกครั้งว่าจะทำให้ทั้งสองคนมีความสุขให้ได้ จึงปล่อยวางเรื่องน่าปวดหัวไว้ด้านหลัง และเลือกที่จะมองพวกเธอที่อยู่ตรงหน้านี้มากกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด
〝ก็ได้ ๆ … งั้นช่างมันก็ได้ครับผม!!! กระผมไม่รู้ด้วยแล้ว!!! 〞
〝〝!!! 〞〞
หลังจากที่ตัดสินใจได้แบบนั้น กรก็เอื้อมมือทั้งสองข้างไปวางบนไหล่ของทั้งสองคน แล้วก็เอนตัวลงนอนหงายท้องมองฟ้าครามที่อยู่เหนือศีรษะ โดยที่ดึงมีอาและเมอร์ลินลงมานอนข้างๆ ด้วยอย่างกะทันหัน…
〝ฉันจะทำให้พวกเธอมีความสุขให้ได้… สัญญาเลย…〞
〝〝กร…〞〞
มีอาและเมอร์ลินที่นอนอยู่ด้านข้างหันหน้ามามองกรที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนที่จะเรียกชื่อของกรออกมา ในขณะที่แก้มแดงก่ำขึ้นมาด้วยความดีใจพร้อม ๆ กัน… ก่อนที่ทั้งมีอาและเมอร์ลินจะขยับเข้ามาชิดกับกรที่นอนหงายอยู่อีกครั้ง
〖ยังอุตส่าห์รอดตัวไปได้นะเจ้าหนู… ข้านับถือเจ้าจริงๆ ให้ตายสิ! 〗
〝กัดกันจริงนะเจ้าหมา… แต่แค่เรื่องเมื่อกี้นี้ ก็เล่นเอาพลังงานสำหรับหนึ่งวันของฉันหมดไปเลยนะ〞
〖นี่พลังงานเจ้ามีจำกัดจำเขี่ยแค่ไหนกันเนี่ย!? 〗
เคลเบรอสที่อยู่ด้านหลังของมีอา พูดแทรกออกมาหยอกกรอีกครั้งหลังไม่ได้พูดซะนาน และเพราะทั้งสองคนหยอกล้อกัน เลยทำให้มีอาอมยิ้มและหัวเราะออกมาเหมือนอย่างเคย เมอร์ลินเองก็จิกกรกลับด้วยคำถามอีกว่า〝อยู่ชมรมวรรณกรรมรึไงกัน นายหน่ะ? 〞 กรเลยย้อนกลับไปว่า〝เรียกฉันว่าคุณโอ*กิ ก็ได้นะ〞 ก่อนที่ทั้งสี่คน? จะหัวเราะออกมาจากใจจริงพร้อมกันราวกับนัดแนะกันไว้อีกครั้ง
สายลมอ่อนๆ พัดกระทบร่างของทั้งสามคนในระหว่างที่นอนหงาย… นั่นทำให้กลีบดอกไม้ที่อยู่โดยรอบลอยขึ้นกลางอากาศและปลิวไปมาในทัศนวิสัย โดยมีฉากหลังเป็นท้องฟ้าสีครามที่มีแสงอาทิตย์อ่อนๆ เป็นเครื่องยืนยันความสดใสและเจิดจ้าของบรรยากาศ
แม้แต่โลกยังเป็นใจให้ทั้งสามคน… พวกเขาอดคิดแบบนั้นไม่ได้เมื่อ ความงดงามจากธรรมชาติได้เกิดขึ้นตรงหน้า พวกเขาจึงเลือกจะดื่มด่ำกับบรรยากาศดังกล่าวอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะออกเดินทางสู่โลกอันกว้างใหญ่ ที่เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่เคยพบพาน
ไม่ว่าจะสกปรกหรืองดงาม… แต่ทั้งหมดคือรสชาติของชีวิตที่ทุกคนต้องเจอ… และเป็นสิ่งที่พวกกรต้องได้พบเมื่อเริ่มการเดินทางอันแสนยาวไกลนี้…
ใช่แล้ว…. การเดินทางของพวกเขา… มันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นเอง…
❖❖❖❖❖
ณ ห้องสี่เหลี่ยมแห่งหนึ่ง ซึ่งทาด้วยสีขาวสะท้อนกับแสงจากหลอดฟลูออเรสเซ็นต์ ยิ่งช่วยให้เห็นถึงความสะอาดสะอ้านของสถานที่แห่งนี้
ภายในห้องประกอบด้วยโต๊ะทำงานแบบต่างๆ ทั้งกลมและสี่เหลี่ยมยาวๆ โดยมีเก้าอี้แบบล้อหมุนเป็นชุดเซ็ทเดียวกันอยู่ด้วย
เอกสารจำนวนมากถูกวางไว้บนโต๊ะเหล่านี้อย่างกระจัดกระจาย ด้วยเพราะเป็นสถานที่ที่มีการจัดการกิจกรรมต่างๆ เป็นจำนวนมาก และที่น่าสังเกตที่สุดก็คือคนที่กำลังนั่งอยู่คนเดียวในห้องแห่งนี้…
ชายแก่ที่มีผมหงอกเต็มหัว และสวมแว่นดูภูมิฐาน ทั้งยังสวมชุดกาวน์สีขาวแบบยาว กำลังนั่งบนเก้าอี้ พลางอ่านเอกสารบางอย่าง ที่เพิ่งหยิบออกมาจากแฟ้มสีน้ำตาลอยู่เท่านั้น…
ครืด!
〝โอ้! สวัสดีครับ『คุณหมอสมชาย』! 〞
ชายหนุ่มที่สวมชุดกาวน์แบบเดียวกัน เปิดประตูห้องสีขาวแห่งนี้เข้ามาอย่างกะทันหันขัดจังหวะการกระทำของชายแก่ที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ ทำให้เขาต้องวางมันลงบนโต๊ะก่อนที่จะถามสารทุกสุขดิบของคนที่เพิ่งเข้ามานี้
เป็นอย่างที่บุคคลซึ่งปิดประตูเข้ามานี้บอก… ที่แห่งนี้ก็คือโรงพยาบาลในมหาลัยของจังหวัดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งมีขนาดใหญ่พอจะรองรับผู้ป่วยได้ถึง 600 เตียงเลยทีเดียว แถมยังมีแผนกรองรับผู้ป่วยหลากหลายอีก… เรียกได้ว่าเป็นโรงพยาบาลที่สะดวกสบายไม่ใช่น้อย
〝ไงครับคุณพัฒน์! ที่แผนกฉุกเฉินยังยุ่งเหมือนเคยสินะครับเนี่ย〞
คนที่อ่านเอกสารบางอย่างอยู่บนโต๊ะ… คุณหมอสมชายตอบกลับบุคคลที่เปิดประตูห้องเข้ามาโดยที่ไม่ได้เคาะก่อนอย่างไม่ถือสา…
ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะโรงพยาบาลแห่งนี้รองรับผู้ป่วยได้มาก… ก็แน่นอนว่าต้องมีผู้ป่วยจำนวนมากเช่นเดียวกัน นั่นเลยทำให้ทุกฝ่ายยุ่งกันไปหมด แม้จะในยามสายแบบนี้ก็ตาม
〝แฮะๆ ก็เหมือนทุกทีแหล่ะครับ! รู้งี้ผมน่าจะไปอยู่แผนกเด็กคงดีกว่า 〞
ในขณะที่พูดคุย หมอหนุ่มอายุน้อยเพราะเพิ่งเรียนจบเมื่อไม่นานมานี้ก็เดินเข้ามาหยิบเอกสารที่ตัวเองกำลังหาไปพร้อมๆ กัน
〝ไม่ง่ายหรอกนะ… เด็กดูแลยากออกจะตายไปครับ…〞
〝มันก็จริงหล่ะนะครับ… ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ลำบากเหมือนกันหมดนั่นแหล่ะ… ขนาด『คุณหมอสมชาย』ที่อยู่ศูนย์สมองและระบบประสาทที่เป็นแผนเฉพาะทางเองยังยุ่งสุดๆ เลยนี่ครับ 〞
ตามที่คุณหมอหนุ่มคนนี้พูด… แม้จะเป็นแผนกเฉพาะทาง เลยดูเหมือนจะมีคนป่วยเคสแบบที่ว่าน้อย… แต่เพราะที่นี้เป็นโรงพยาบาลดัง หากมีผู้ป่วยหรือผู้มีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบประสาทจึงต้องมาที่นี่เท่านั้น ดังนั้น ที่นี่จึงยุ่งสุดๆ เพราะมีแหล่งรองรับผู้ป่วยแบบดังกล่าวเพียงแห่งเดียว
〝จะว่าไปกำลังดูอะไรอยู่งั้นเหรอครับ? 〞
คุณหมอหนุ่มที่หาเอกสารของตัวเอวงเจอแล้ว และกำลังเดินออกจากห้องไป ก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าคุณหมอสมชายคนนี้กำลังอ่านบางอย่างอยู่ จึงถามออกไปในเชิงขอโทษที่กวนสมาธิขณะอ่านข้อมูลนั่นเอง
〝ข้อมูลจำเพาะของเด็กคนนึงหน่ะ… แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร…〞
〝น่าแปลกแฮะ… ลองเช็คในฐานข้อมูลหรือเอกสารคนป่วยรึยังครับ〞
〝เช็คแล้ว… แต่ไม่มีเลยซักนิดครับ…〞
〝หืม? แบบนี้มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ? 〞
คุณหมอหนุ่มเอียงคอสงสัย แต่ซักพักก็ยกนาฬิกาขึ้นมาดูด้วยนิสัยติดตัว ก่อนที่จะตะโกนออกมาว่า แย่หล่ะสิ ถึงเวลาเข้าตรวจแล้ว! ก่อนที่จะยกมือไหว้คุณหมอสมชาย แล้วรีบวิ่งแจ้นออกจากห้องไป โดยปล่อยให้คุณหมอสมชายคนนี้นั่งอ่านเอกสารน่าสงสัยนี้อยู่คนเดียว…
คุณหมอสมชายดึงกระดาษที่แสดงลักษณะจำเพาะและข้อมูลทางกายภาพของบุคคลๆ หนึ่งขึ้นมาอ่านอีกครั้ง… มันเป็นเพียงข้อมูลธรรมดาๆ ทั่วไปที่ไม่อะไรน่าสงสัย… แต่ที่แปลกก็คือ ข้อมูลทั้งหมดของเด็กคนนี้ในแหล่งอื่นไม่มีเหลือเลยซักอย่าง ราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่ตั้งแต่แรก… แต่ถ้างั้นแล้วทำไมถึงมีข้อมูลของเด็กคนนี้แค่ในแฟ้มได้กัน! นั่นคือสิ่งที่คุณหมอคิด
คุณหมอสมชายที่ยอมแพ้ จัดการเก็บกระดาษที่เอาออกมานั้นคืนลงใส่แฟ้มสีน้ำตาล แต่เพราะไม่ได้ใส่ใจและเลิกสนใจไปแล้ว เลยเก็บกลับไปแบบส่งๆ โดยใส่เขาไปแบบตรงกันข้ามกับที่เอาออกมาตอนแรก
วูม!!!
〝หา? 〞
คุณหมอสมชายตะโกนออกมาด้วยอาการตกใจ เพราะทันทีที่สอดกระดาษจนสุดทั้งแผ่นแบบตรงกันข้ามกับตอนเอาออกมา แฟ้มด้านหลังของแฟ้มสีน้ำตาลที่เป็นเพียงแค่กระดาษเนื้อเดียวธรรมดา อยู่ดีๆ ก็มีจอภาพปรากฏขึ้นมาบนผิวกระดาษนั้น ราวกับว่าแฟ้มกระดาษนี้ถูกเปลี่ยนสภาพให้กลายเป็นแท็บเล็ตไปเสียแล้ว
〝นี่หลุดมาจากหนังสายลับรึยังไงกันเนี่ย? 〞
พอสังเกตดูดีๆ ผิวที่ใช้ทำกระดาษนั้นไม่ใช่กระดาษธรรมดา หากแต่ใช้วัสดุแบบเดียวกับจอแสดงผลคอมพิวเตอร์ในการประกอบ ซึ่งในกรณีนี้เป็นแบบบางมากเท่ากระดาษทั้งยังมีซีพียูฝังไว้ในตัวอีก ราวกับเป็นเทคโนโลยสุดล้ำสมัยจากหนังสายลับอย่างที่บอก และคุณหมอยิ่งอึ้งมากเข้าไปอีก เมื่อลองตรวจสอบดูแล้วรู้ว่าข้อมูลนี้จะเปิดได้ต้องใช้ลายนิ้วมือของตัวเอง
〝N*TO… โครงการลับสุดยอดทางทหาร… มนุษย์ดัดแปลงงั้นเหรอ? 〞
การแสดงผลข้อมูลในจอภาพ เหมือนกับหน้าหนังสือที่อ่านได้ทีละหน้าไม่มีผิด แถมเนื้อหาทั้งหมดยังเป็นภาษาอังกฤษ ปนกับฝรั่งเศสนิดหน่อย แต่คุณหมอคนนี้ก็ยังอ่านได้อย่างคล่องแคล่วอยู่ดี…
ปัญหานั้นอยู่ที่ คุณหมอสมชายได้มองเห็นกระดาษหน้าแรก ถูกตรากำกับไว้ว่า TOP SECRET พร้อมกับประทับตราด้วยสัญลักษณ์นกอินทรีสีแดงแบบเดียวกันอีกต่างหาก ถึงแม้จะน่าตกใจแต่ก็ยังเปิดอ่านต่อไป….
〝….โครงการสร้างสุดยอดมนุษย์… ด้วยการใช้เทคโนโลยีนาโนแมชชีนในการผสมผสานเข้ากับเซลล์ เพื่อควบคุมและดึงศักยภาพที่ซ่อนเร้นทั้งหมดในตัวมนุษย์ออกมาจนเกินขีดจำกัดเพื่อใช้ในทางทหาร….〞
PFNM-Cells (Perfect Flexibility Nano Machine Cells) คือชื่อของนาโนแมชชีนเซลล์ในโครงการลับสุดยอดนี้… ยิ่งคุณหมออ่านรายละเอียดมากยิ่งขึ้นก็ยิ่งรู้ว่าข้อมูลนี้มันน่ากลัวขนาดไหน ทั้งยังเริ่มกลัวแล้วด้วยว่าตัวเองจะเป็นยังไงต่อถ้าไปอ่านข้อมูลนี้เข้า
นอกจากข้อมูลเซลล์ดังกล่าวแล้ว… ยังมีข้อมูลของตัวยาจำนวนมาก ที่ล้วนเป็นยาประเภทกดประสาทหรือยาคลายกล้ามเนื้ออย่างแรง โดยจุดประสงค์ของมัน ก็เพื่อที่จะทำให้ผลการทำงานของ PFNM-Cells ลดลงนั่นเอง แต่ข้อมูลที่น่าตกใจกว่าคือ แม้จะใช้ยาที่แรงขนาดไหน เซลล์นี้ก็จะพัฒนาตัวเอง จนยานั้นใช้การไม่ได้อีกในครั้งถัดไป จึงต้องมีการคิดค้นยาประเภทดังกล่าวเพื่อลดความสามารถของเซลล์ดังกล่าวในตัวของมนุษย์ทดลองคนนี้อยู่ตลอด
〝….หากสามารถสังเคราะห์เซลล์ทั้งหมดในร่างกายเป็น PFNM-Cells… จะทำให้เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายปรับตัวได้ในทุกสภาพแวดล้อม ส่งผลให้จิตสำนึกของมนุษย์คนนั้นควบคุมเซลล์ทุกชนิดในร่างกายได้เสมือนเป็นหน่วยประมวลผลกลางของคอมพิวเตอร์เสียเอง โดยจุดมุ่งหมายสูงสุดคือการปรับตัวที่ดีที่สุดซึ่งสามารถควบคุมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้ในทุกสถานการณ์….〞
เพิ่มความเร็วในการประมวลผลของสมอง… เพิ่มความสามารถในการคำนวณและคิดวิเคราะห์… ควมคุมสารสื่อประสาทเพื่อเพิ่มการตอบสนองของร่างกายต่อสิ่งเร้า… การสมานบาดแผลภายนอกในเวลาอันสั้น… การซ่อมแซมอวัยวะภายในที่เสียหาย… สามารถเพิ่มพละกำลังของกล้ามเนื้อ… เพิ่มความสามารถทางกายภาพได้อย่างไม่มีขีดจำกัดตราบเท่าที่เป็นไปได้ในหลักกายภาพของมนุษย์ นั่นคือความสามารถที่เด่นๆ เกือบทั้งหมดของมนุษย์ที่ถูกสร้างโดยโครงการลับสุดยอดที่ว่า…
〝ข้อมูลจำเพาะของมนุษย์ทดลองเพียงคนเดียวจาก 10,000 คน ที่สามารถมีชีวิตอยู่จนถึงระยะฟีตัส และเติบโตเป็นทารกได้อย่างสมบูรณ์? 〞
คุณหมอที่เปิดอ่านไปเรื่อย ๆ จนถึงหน้าสุดท้าย… ทั้งที่คิดว่าจะไม่ตกใจอะไรมากไปกว่านี้แล้วแท้ๆ แต่ก็ต้องตะลึงอีกครั้งเมื่อเห็นภาพของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่อยู่ในกระดาษแสดงข้อมูลจำเพาะตอนแรก… เพียงแต่ข้อมูลที่แสดงอยู่บนนั้น เป็นคนละอย่างกับลักษณะทางกายภาพของมนุษย์อย่างสิ้นเชิง เพราะในนี้มีแต่รายละเอียดของเด็กหนุ่มซึ่งเกี่ยวข้องกับการทดลองทั้งสิ้น…
〝ข้อมูลจำเพาะของมนุษย์ทดลองหมายเลข 7849…. โค๊ดเนม『Last Children』ชื่อก็คือ….〞
.
.
.
〝……………………อุษณกร วัชรวิรุฬห์〞
❖❖❖❖❖
เหลือเวลาอีก : 310 วัน ก่อนที่จอมมารจะฟื้นคืนชีพ
❖❖❖❖❖
จบบทที่ 1
『 Genesis of Weakest Brave』
ปฐมบทของผู้กล้าที่อ่อนแอที่สุด
❖❖❖❖❖
บทต่อไป
『 Basilius Kingdoms Crisis 』
วิกฤตบาซีเลียส
❖❖❖❖❖
Comments