ช่วยทีครับ ใจผมรับคุณมาเฟียไม่ไหว 1
ยุนอึนฮันเงยหน้ามองท้องฟ้า มีแต่เมฆครึ้มเต็มไปหมด เมื่อเช้ามีฝนโปรยนิดหน่อย แล้วทำไมหมอนั่นถึงได้มาว่ายน้ำทะเลเอาในวันแบบนี้กันล่ะ ควรจะว่ายในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งมากกว่าสิ อึนฮันไม่เข้าใจชายหนุ่มคนนั้นเอาเสียเลย อันที่จริงนี่ไม่ใช่เพียงเรื่องเดียวที่เขาไม่เข้าใจ แต่ยังรวมไปถึงตัวตนทั้งหมดของอีกฝ่ายด้วย ทำไมถึงต้องเลือกทำอาชีพสุ่มเสี่ยงอย่างการเป็นพ่อค้าอาวุธ ทำไมต้องขายอาวุธให้ทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาในพื้นที่ขัดแย้ง ทำไมต้องเป็นถึงประธานบริษัททหารรับจ้าง และทั้งที่เลือกทำอาชีพที่สร้างความอาฆาตให้คนอื่นแท้ๆ แต่ยังทำตัวนิ่งเฉยขนาดนั้นได้อย่างไรกัน เพราะถ้าหากเป็นตัวอึนฮันเองละก็ ตอนกลางคืนคงไม่เป็นอันหลับอันนอนกันแล้ว แต่นี่ชายหนุ่มกลับวางเฉยถึงขนาดกล้ามาว่ายน้ำกลางทะเลในวันที่ฟ้ามืดมัวเสียอย่างนั้น ถ้าหากเขาคิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำลงไปบ้างก็ไม่ควรมาอยู่ในสถานที่อันตรายอย่างทะเลสิ เพราะถ้าจู่ๆเกิดตะคริวกินระหว่างว่ายน้ำแล้วจมน้ำตายขึ้นมา คงไม่มีใครเสียใจสักคน แถมนอกจากจะไม่เศร้าแล้วคงรู้สึกขอบคุณที่ฟ้ามีตาอีกต่างหาก
“ไม่เจอกันนานนะ ยุน สบายดีไหม”
สำเนียงภาษาอังกฤษของอีกฝ่ายช่างสมบูรณ์แบบ แม้แต่เพื่อนชาวฝรั่งเศสเองยังเคยพูดว่าสำเนียงภาษาฝรั่งเศสของเขาก็ไร้ที่ติเช่นกัน แล้วภาษาต่างประเทศจะเป็นปัญหาได้ยังไงล่ะ จะว่าไปแล้วผู้ชายคนนี้คือคนที่อันตรายที่สุดในโลก อึนฮันยิ้มน้อย ๆ
“สบายดีครับ คุณคามินสกี ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”
ชายหนุ่มที่ชื่อ วาซีลี คามินสกี พยักหน้ารับ ทันทีที่คามินสกีเดินขึ้นบันไดมา ลูกน้องที่ยืนรออยู่ก็รีบส่งผ้าเช็ดตัวให้ คามินสกีรับผ้ามาเช็ดตัวพลางมองอึนฮันไปด้วย ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเขาวาดขึ้นเป็นเส้นโค้ง นัยน์ตาสีดำไล่มองอึนฮันอย่างละเอียดตั้งแต่หัวจดเท้า แม้อึนฮันจะขนลุกขนชันเพราะรู้สึกเหมือนมีนิ้วของภูตผีลูบไล้ไปทั่วร่าง แต่เขาก็ยังอดทนกับสายตานั้นโดยไม่ได้แสดงท่าทางใดๆออกมา ไม่นานหลังจากนั้นคามินสกีก็เริ่มวิจารณ์การแต่งตัวของอึนฮัน
“เหมือนเด็กประถมไม่มีผิด”
และราวกับว่าความเห็นนี้ยังไม่สาแก่ใจ คามินสกีจึงพูดเสริมอีก
“เด็กประถมที่ถูกล้อว่าเป็นเด็กเนิร์ดน่ะ”
คามินสกีมักจะแหย่เขาเล่นเสมอ แต่อึนฮันก็เพียงแค่แค่นหัวเราะ “อ๋อ ฮ่า ๆ…” ราวกับท่องบทละครกลับไปเหมือนทุกครั้ง คามินสกีถึงกับโบกมือ
“ถ้ามันไม่ตลกก็ไม่ต้องขำ นายฝืนทำตามน้ำไปทำไม”
ก็เพราะคุณคือคนที่น่ากลัวที่สุดในโลกยังไงล่ะครับ อึนฮันกลืนคำตอบอันแสนขมขื่นนั้นลงไปพลางยิ้มแห้งๆ คามินสกีเอาแต่จ้องหน้าเขาไม่พูดไม่จา และเมื่อใบหน้าของคามินสกีขยับเข้ามาใกล้ อึนฮันก็หน้าซีดเผือดทันที ชายหนุ่มยกมือขึ้นสัมผัสเส้นผมของเขาราวกับจะลูบหัว
“เหมือนหลานวัยประถมของฉันจริง ๆ”
จากนั้นคามินสกีก็ยิ้มแล้วผละออกห่าง
“แต่นายเคยบอกว่าไม่ต้องการปืนกล็อก[1] นี่นะ”
คำพูดเป็นนัยว่าหลานชายวัยประถมของคามินสกีต้องการปืนกล็อกทำเอาอึนฮันต้องฝืนยิ้มแห้งๆอีกรอบ เพราะคิดว่านั่นคงเป็นมุกตลกสไตล์คามินสกี ระหว่างที่อีกฝ่ายหันหลังกลับไป อึนฮันก็ฉวยโอกาสแอบมองร่างกายสูงโปร่งที่มีมัดกล้ามดูปราดเปรียว สวมเพียงแค่กางเกงว่ายน้ำทรงสามเหลี่ยมสีดำตัวเดียวเท่านั้น ทั่วทั้งกายไร้รอยสักหรือแผลเป็นใดๆ แนวเส้นเลือดเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ปรากฏให้เห็นบนร่าง เส้นเลือดสีน้ำเงินดูโดดเด่นอยู่บนต้นแขน สัดส่วนร่างกายของคามินสกีตรงตามที่อึนฮันชอบเป๊ะ ทว่าเขากลับได้แต่นึกเสียดาย เพราะรู้ดีว่าคนที่มีหุ่นเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องปกติบนโลก แต่ทำไมต้องเป็นร่างกายของคามินสกีด้วยล่ะ ถ้าหากว่านี่เป็นร่างกายของคนอื่น ป่านนี้ในหัวเขาคงได้วาดฝันถึงตอนจบอันแสนสุขไปแล้ว อึนฮันมองดูร่างที่ห่มผ้าเช็ดตัวผืนนุ่มก่อนจะหันหน้าหนีไปช้า ๆ
คามินสกีหันกลับมามองเขา ถึงแม้ตอนนี้อึนฮันจะหันหน้าหนีไปแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังรู้สึกถึงสายตาของเขาได้อย่างชัดเจน อึนฮันถอนใจเบาๆ
“อ้อ”
คามินสกีพูดราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้
“คราวที่แล้วทำได้ดีมาก เป็นเพราะนาย ฉันถึงได้หาไอ้แมลงนั่นเจอ”
อึนฮันไม่ได้ตอบอะไร ไอ้แมลงที่ว่าต้องถูกฆ่าไปแล้วแน่ ๆ หมอนั่นตายแบบไหนกันนะ คงจะตายอย่างสยดสยองน่าดู พออึนฮันคิดได้แบบนั้นขนหัวก็พลันลุกชัน คนคนนั้นไม่มีทางได้ตายไปเฉย ๆ แน่ ไม่เด็ดขาด เพราะเจ้าบ้านี่ไม่ใช่มนุษย์ที่เมตตาใครขนาดนั้น
คามินสกียิ้มออกมาเมื่ออึนฮันเอาแต่ก้มหน้าก้มตารอให้บทสนทนาผ่านไป นิ้วขาวผ่องของเขาแตะไหล่อึนฮันเบาๆ อึนฮันตัวสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัวเมื่อมือของอีกฝ่ายสัมผัส เขาได้แต่เงยหน้ามองคามินสกี แววตาหวาดหวั่น คามินสกีก้มมองเขาสักพักก่อนจะเดาะลิ้นแล้วดึงมือกลับไป อึนฮันคิดว่าอีกฝ่ายโกรธ จึงแค่ไล่สายตามองการกระทำของคามินสกีไปโดยไม่ปริปากพูดอะไรทั้งสิ้น
“ว่าแต่วันนี้เอาแบบไหนมาล่ะ”
คามินสกีเอ่ยถาม และเมื่อเขาเอนตัวนอนลงบนเตียงอาบแดด ลูกน้องอีกคนก็ยื่นแก้วโมฮิโตไปให้ทันที
“ผมเอาบัตรเงินฝากมาครับ”
อึนฮันกล่าวก่อนจะเปิดกระเป๋าเอกสาร เขาหยิบซองเอกสารจะส่งให้ลูกน้องที่อยู่ข้างๆ แต่ลูกน้องคนนั้นกลับพยักพเยิดไปทางคามินสกีเป็นเชิงบอกให้เขาเอาไปให้ด้วยตัวเอง อึนฮันจึงจำต้องเดินไปหาคามินสกีด้วยสีหน้าจนใจ เมื่อเขายื่นซองให้อย่างระมัดระวังตรงหน้าเตียงอาบแดด คามินสกีก็ยักไหล่แล้วฉวยเอกสารไปจากมือเขาทันที
“ทำได้ดีมาก น่าพอใจเสมอเลยนะ”
“ถ้าอย่างนั้น ผม…”
“ครั้งนี้ก็ฝากด้วยล่ะ จำนวนเงินรอบนี้มากอยู่เหมือนกัน”
ครั้งที่แล้วคุณก็พูดแบบนี้เลยนี่หว่า หรือจะครั้งก่อนหน้า ไหนจะครั้งกระโน้นก่อนหน้าครั้งนั้นอีก อึนฮันเบือนหน้าหนี สีหน้าพะวักพะวน ตอนนี้ลูกน้องอีกคนมายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว แต่ต่อให้เป็นคนละคนกับคนที่แล้วก็ยังสวมชุดสูทแบบเดียวกันอยู่ดี อะไรเนี่ย นี่มันเครื่องแบบประเภทไหนเรอะ
“คือว่า คุณคามินสกีครับ”
อึนฮันเงยหน้าขึ้นมาราวกับว่าคราวนี้ต้องพูดเรื่องที่ควรพูดให้ได้ เมื่อเห็นสีหน้ามุ่งมั่นนั้น ใบหน้าของคามินสกีก็ดูสนอกสนใจขึ้นมาทันที
“ว่าไง”
“ผมเป็นแค่นักฟอกเงินธรรมดานะครับ ถ้าจะให้ฟอกเงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้ ความสามารถผมมันยัง…”
สีหน้าของคามินสกีเปลี่ยนเป็นหมดสนุกทันที เขาส่ายหน้าช้าๆ
“นายทำได้ดีอยู่แล้วน่า ฉันรับประกัน”
“แต่คุณคามินสกีครับ เงินที่คุณให้มานั่นเกือบจะครึ่งหนึ่งของเงินที่ผมดูแลแล้วนะครับ ผมยังเป็นนักฟอกเงินตัวเล็กๆเกินกว่าจะจัดการเงินจำนวนมากขนาดนี้…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว”
คามินสกีพูดตัดบทอย่างไร้เยื่อใย อึนฮันทำหน้าเหยเกเมื่อเห็นว่าเขายักไหล่ทั้งที่ยังอมหลอดโมฮิโตไว้ ท่าทางนั้นราวกับจะถามว่าอึนฮันคาดหวังให้เขาตอบว่าอะไรล่ะ
ริมฝีปากบางเฉียบคู่นั้นเพียงแค่คาบหลอดไว้ก็น่ามองแล้ว อึนฮันก้มหน้าอย่างสับสน ใบหน้าของคามินสกีดูเฉยเมยไม่ยินดียินร้ายเกินกว่าจะเรียกได้ว่าเย้ายวน ร่างกายสูงโปร่งปราดเปรียวเปี่ยมด้วยกลิ่นอายของสัตว์ป่ามาพร้อมกับใบหน้าที่เหมาะจะเป็นหมอสอนศาสนาหรือนักบวช ถึงแม้อึนฮันจะคิดว่าตัวเองไม่ควรเป็นแบบนี้ แต่ก็ยังใจสั่นอยู่ดีเมื่อได้มองรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่าย ตั้งแต่เกิดมาอึนฮันยังไม่เคยได้พบใครที่ใกล้เคียงกับคนในสเปกมากขนาดนี้มาก่อนเลย และไม่เคยเจอใครที่น่ากลัวขนาดนี้ด้วยเช่นกัน เพราะอย่างนั้นหัวใจเขาถึงได้เต้นระรัวอย่างไร้ปรานีทุกครั้งที่ได้มายืนอยู่ต่อหน้าคามินสกีด้วยความรู้สึกสองอย่างที่ย้อนแย้งกันเอง
“ถ้าเงินที่ฉันให้ไปคราวก่อนคือครึ่งหนึ่ง คราวนี้มันก็คงเท่ากับที่นายจัดการอยู่พอดีละนะ หกล้านน่ะ”
“งะ…เงินมากขนาดนั้น!”
อึนฮันหน้าซีดเผือด ถึงแม้จะทำหน้าวิงวอนขอร้องให้ปล่อยเขาไปโดยไม่สนค่าตอบแทนใดๆก็ตาม คามินสกีก็เพียงแต่อมยิ้มเฉย ๆ เท่านั้น ในที่สุดอึนฮันก็ต้องรับกระเป๋าเอกสารสีดำจากลูกน้องของคามินสกีมาถือไว้จนได้ เขาเดินลากสายกระเป๋ายาว ๆ ไปตามทางจนคามินสกีต้องเอ่ยปากถาม
“กระเป๋านั่นไม่ดีเหรอ”
อึนฮันชะงักฝีเท้ากลางทางระหว่างไปที่เรือสปีดโบ๊ตแล้วหันกลับมา สีหน้างุนงงไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไรนั่นทำเอาคามินสกีพยักพเยิดไปทางกระเป๋าที่เขาลากอยู่
“กระเป๋าที่นายลากอยู่ตอนนี้น่ะ ฉันถามว่ามันไม่ดีกว่าใบที่นายสะพายอยู่หรือไง”
ตอนนั้นเอง อึนฮันถึงได้ก้มลงมองกระเป๋าใบที่ลากอยู่ พอมองดูดีๆแล้ว นี่เป็นของมียี่ห้อจนเรียกได้ว่าหรูหราเลยทีเดียว อึนฮันเบิกตากว้าง คามินสกีจึงพูดกลั้วหัวเราะ
“ฉันรู้ว่านายหวงกระเป๋าพังๆนั่น แต่ไม่คิดจะเปลี่ยนกระเป๋าดูบ้างเหรอ”
อึนฮันเม้มปากแน่นสีหน้าลำบากใจ ก่อนจะเอ่ยตอบ
“คือ…ขอบคุณครับ”
พอได้ยินแบบนั้น คามินสกีจึงตอบกลับไปว่า
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ถ้าไม่ถูกใจ นายจะทิ้งก็ได้”
อึนฮันพยักหน้ารับ สีหน้าของคามินสกีดูไม่สบอารมณ์นัก แต่อึนฮันไม่ทันเห็น เขากำลังจะลงเรือสปีดโบ๊ต ทว่าคามินสกีกลับเรียกไว้เสียก่อน
“อ้อ ยุน!”
เมื่ออึนฮันมองขึ้นมา คามินสกีก็ยิ้มกว้างให้อย่างสดใส
“ไว้เจอกันใหม่นะ”
ถึงแม้ว่าในสายตาอึนฮันรอยยิ้มนั้นจะดูเหมือนรอยยิ้มของภูตผีมากกว่าก็เถอะ
ยุนอึนฮันเป็นนักฟอกเงินในไมแอมี เดิมทีแล้วเขาเป็นเพียงนักศึกษาต่างชาติชาวเกาหลีใต้และเขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่ามาไกลถึงขนาดนี้ได้อย่างไร ปัญหาอาจจะอยู่ที่ว่าเขาเคยทำงานพิเศษเป็นผู้ช่วยของชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดนักฟอกเงินแห่งไมแอมีอย่าง เคย์ ลินเบิร์ก ก็เป็นได้ ไม่ว่าอย่างไรอึนฮันก็มาเป็นนักฟอกเงินด้วยความตั้งใจครึ่งหนึ่งและตกกระไดพลอยโจนอีกครึ่ง ผลของมันคือตอนนี้เขาไม่ต้องใช้ชีวิตโดยกังวลเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ อีกต่อไป
ในตอนแรกนั้นเขาไม่เคยต้องกังวลอะไรในชีวิตเลย อึนฮันได้แต่ถอนใจหนัก ๆ หากไม่ใช่เพราะ วาซีลี คามินสกี ละก็ ตอนนี้เขาคงหาเงินได้พอประมาณและใช้ชีวิตธรรมดาๆอย่างเกย์คนหนึ่ง แต่ตอนนี้เขาไม่อาจใช้ชีวิตอย่างสบายอุราแบบนั้นได้อีกต่อไปแล้ว
“เลดี้ ไม่ชอบวาซยาขนาดนั้นเชียวเหรอ”
พวกลูกน้องของคามินสกีมักเรียกอึนฮันว่า ‘เลดี้’ ซึ่งอันที่จริงเขาเองก็คิดว่าโชคดีแล้วที่เป็นชื่อนี้ ไม่ใช่ ‘ไอ้เบื๊อก’
“มะ…ไม่ชอบอะไรล่ะครับ เขาเป็นลูกค้าที่ดีนะครับ ค่าตอบแทนที่เขาให้ก็ตั้งแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของรายได้ในแต่ละปีของผมเลยด้วย แล้วไหนจะ…”
ความจริงอึนฮันก็ไม่ได้ต้องการเงินหรือสิ่งอื่นใดมากขนาดนั้น ดังนั้นเขาจึงต้องเค้นหาข้อดีของอีกฝ่ายซึ่งที่จริงแล้วเขาก็ได้แต่หวังให้หายไปจากชีวิตสักที ชายหนุ่มพยายามนึกหาคำพูดอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ด้านหลังลูกน้องของคามินสกีที่กำลังขับสปีดโบ๊ต แต่ก็นึกอะไรไม่ออกจนต้องพูดปิดท้ายอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“…ไหนจะให้กระเป๋าผมอีกน่ะครับ”
เสียงลมกระโชกแรงทำให้เขาเกือบต้องตะโกนกลับไป
“แต่ดูเหมือนคุณจะไม่ชอบเขาเอามากๆเลย”
“บะ…บอกว่าไม่ได้ไม่ชอบไงครับ”
ลูกน้องคามินสกียักไหล่เมื่อได้ฟังคำพูดของเขา
“ถ้างั้นแสดงออกว่าไม่ชอบไปเลยจะดีกว่านะ”
คำพูดนั้นทำเอาอึนฮันตาเบิกโพลง
“ทะ…ทำ…ทำไมล่ะครับ”
แล้วถ้าเขาเกิดไม่พอใจ ‘การแสดงออกว่าไม่ชอบ’ ของผมขึ้นมา เขาจะไม่หันปากกระบอกปืนมาจ่อหัวผมแทนเรอะ หรือไม่ก็เอาคีมมาถอนนิ้วมือนิ้วเท้าจนถึงถอนฟันผมออกหมด หรือวางระเบิดที่บ้านผมแทนน่ะ!
ถึงแม้จะพูดอะไรอย่างนี้ออกไปไม่ได้ แต่ตอนนี้ในหัวอึนฮันกลับนึกถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไปเสียแล้ว และเมื่อลูกน้องของคามินสกีพูดเกริ่นขึ้นว่า
“อืม ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าพูดเรื่องนี้ได้ไหม…”
ใบหน้าของอึนฮันก็ยิ่งซีดเซียวไปกันใหญ่ ทันใดนั้นลูกน้องของคามินสกีก็เอ่ยขึ้น
“วาซยาเขาชอบการไล่ล่าน่ะ”
อึนฮันเอ่ยถาม ตัวสั่นระริก
“ล่ามนุษย์น่ะเหรอครับ”
“เอ้า ก็ใช่น่ะสิ”
อึนฮันแทบทรุด
“เขาชอบไล่ตามสิ่งที่เขาถูกใจ เพราะฉะนั้นถ้ายิ่งหนีก็ยิ่งเหมือนสาดน้ำมันลงกองไฟเสียเปล่าๆ ไม่ใช่เรื่องดีนักหรอกนะ”
อึนฮันเงยหน้าขึ้นมาทันที ถูกใจอย่างนั้นเหรอ แล้วถูกใจใครกันล่ะ เมื่อเห็นนัยน์ตาของอึนฮันกวาดมองไปมารอบตัว ลูกน้องของคามินสกีก็ได้แต่ยักไหล่
“ไม่รู้ตัวหรือไง วาซยาออกจะหวงคุณ”
“มะ…ไม่เห็นรู้เลยครับ”
“เขาทำเหมือนไม่ชอบ แต่ดันให้ของขวัญคุณด้วยนี่ ถ้าคุณเป็นเกย์มีหวังได้ถูกวาซยาจับกินแน่”
ว่าแล้วลูกน้องคนนั้นก็หัวเราะคิกคักราวกับชอบใจอะไรสักอย่าง
“ว่ากันว่าวาซยาน่ะเป็นผู้ชายน่ากลัว ไม่เคยเลือกชายเลือกหญิง แต่เห็นแบบนั้นเขาก็เคารพรสนิยมทางเพศของคนอื่นนะ เขาถึงได้ยังทำตัวเป็นสุภาพบุรุษกับคุณแบบนี้ไง”
อึนฮันยิ่งตัดสินใจอย่างหนักแน่นว่าเขาจะไม่เปิดตัวว่าเป็นเกย์เด็ดขาด ลูกน้องที่ไม่ได้ล่วงรู้ถึงการตัดสินใจของเขาเลยกล่าวตัดบท
“เอาเป็นว่าคุณก็อย่าเล่นตัวนักเลย อย่าหยอกวาซยาจนเกินไป ให้แวะมาไมแอมีทุกๆสองเดือนน่ะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรหรอกนะ มันเหนื่อย”
[1] กล็อก (Glock) คือปืนพกที่บริษัทกล็อกผลิตขึ้น มีชื่อเสียงในฐานะปืนพกที่ตำรวจอเมริกาใช้
Comments