ช่วยทีครับ ใจผมรับคุณมาเฟียไม่ไหว 2
วาซีลี คามินสกีเป็นไบเซ็กชวลอย่างนั้นเหรอ อึนฮันทอดสายตามองออกไปยังทะเลแสนไกลอย่างสับสน ตอนนี้เขามองไม่เห็นเรือยอชต์ของคามินสกีแล้ว เมื่อหวนนึกถึงร่างกายของคามินสกีขึ้นมาอีกครั้ง ริมฝีปากก็พลันแห้งผากขึ้นมาด้วยเหตุผลอื่น ร่างกายนั่นเคยโอบกอดผู้ชายด้วยเหมือนกันสินะ ถ้าได้อยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งเต็มไปด้วยเส้นเลือดอย่างนั้น…ว้าว คงจะดีไม่หยอก แต่ถึงยังไงก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี ในเมื่อนั่นคือคามินสกี อึนฮันหันหน้ากลับมาหลังจากเผลอจินตนาการไปพักใหญ่ คามินสกีไม่มีฝาแฝดบ้างหรือไงนะ คนที่หุ่นแบบนั้นแต่นิสัยดีต่างกันราวฟ้ากับเหวน่ะ…ไม่มีทางอยู่แล้ว ฝาแฝดย่อมไม่ต่างกัน ถ้าเขาคนนั้นนิสัยดีแล้วจะเป็นฝาแฝดของคามินสกีได้ยังไง
ลูกน้องลดความเร็วลงเมื่อสปีดโบ๊ตแล่นมาจนเกือบถึงฝั่งก่อนจะหันมามองอึนฮัน ฮึ เขายิ้มขันแล้วยื่นมือออกมา อึนฮันสะดุ้งโหยง ผงะถอยหลังด้วยความตกใจ
“เพราะแบบนี้ไงวาซยาถึงได้ยิ่งสนใจคุณ แต่ถ้าคุณลำบากใจ คุณแค่ยืนเฉยๆเป็นก้อนหินไปก็ได้”
สิ่งที่ลูกน้องพูดทำให้อึนฮันนึกโกรธขึ้นมา
พูดก็พูดได้สิ เจ้านายของพวกคุณน่ากลัวขนาดนี้แล้วยังจะให้ไปยืนทื่อเป็นก้อนหินน่ะนะ ถ้าทำแบบนั้นได้ คามินสกีจะยังฝากฝังกันมาแบบนี้เหรอ เฮอะ เวรเอ๊ย นี่เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ หรือไม่ก็โดนปืนตบหัวมา ถึงได้ต้องมาเกี่ยวข้องกับคามินสกีเนี่ย! ถ้าเขาไม่กลัวคามินสกีก็คงไม่ต้องอดทนมาให้อีกฝ่ายเห็นหน้าแบบนี้หรอก แต่เขาดันกลัวไง ถึงได้ต้องมายืนแบกกระเป๋าเงินหนักๆอยู่นี่!
ถึงอย่างนั้นอึนฮันก็ระบายความโกรธออกไปไม่ได้ เมื่อเขาพยักหน้ารับด้วยใบหน้าซีดเผือด ลูกน้องก็หัวเราะคิกคักออกมาทันที
“เอาเถอะ ยินดีต้อนรับสู่ ‘โลกของหมู่โจร’ นะ”
“มะ…หมายความว่ายังไงครับ”
เมื่ออึนฮันเอ่ยถามด้วยแววตากังวล ลูกน้องกลับส่ายหน้าเหมือนไม่มีอะไร
“ถึงแล้วครับ เลดี้ จะลงไหม”
อึนฮันจำต้องพับขากางเกงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้เมื่อต้องลงตรงชายฝั่ง ลูกน้องถึงกับระเบิดหัวเราะเมื่อเห็นภาพอึนฮันพับขากางเกงและสะพายกระเป๋าสองใบซ้อนกัน เจ้าตัวก็รู้ดีอยู่ว่ามันออกจะน่าขัน แต่ที่ขำเสียขนาดนั้นมันหมายความว่ายังไงกัน เมื่ออึนฮันถอดรองเท้าผ้าใบมาถือไว้ ลูกน้องก็นำผ้าเช็ดตัวมาพาดแขนให้เขาทันที
“เอ่อ…ที่ว่า ‘ถ้าไม่ถูกใจนายจะทิ้งก็ได้’ น่ะครับ”
ลูกน้องคนนั้นกลั้นหัวเราะคิกคักสุดชีวิตก่อนจะพูดเสริม
“ผมเป็นคนจริงใจ แต่วาซยาน่ะไม่ใช่หรอกนะ เพราะฉะนั้นคุณอย่าทำอย่างนั้นเชียว”
“ละ…แล้วถ้าผมทิ้งจะเป็นยังไงเหรอครับ”
อึนฮันรวบรวมความกล้าถามออกไป ทันใดนั้นลูกน้องก็หลุบตาลงมองเขาด้วยสีหน้าสนอกสนใจแทนที่จะเป็นขบขัน อึนฮันเองก็ไม่ใช่คนตัวเล็ก ถ้าหากอ้างอิงจากการตรวจสุขภาพตอนสมัยมัธยมปลายปีสามแล้วเขาก็สูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเจ็ดเซนติเมตรทีเดียว แต่พวกลูกน้องของคามินสกีส่วนใหญ่ดูเหมือนจะสูงราวๆหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร ทุกคนตัวใหญ่กว่าอึนฮันมาก ลูกน้องคนเดิมก้มลงมองอึนฮันพลางยิ้ม
“เขาก็จะโกรธมากเลยละ”
สีเลือดฝาดหายวับไปจากใบหน้าอึนฮันทันที เขาไม่กล้าเอ่ยถามอะไรอีกจึงได้แต่ก้าวขึ้นจากสปีดโบ๊ต แต่ยังไม่ทันเดินออกไปพ้นชายฝั่ง ลูกน้องก็ติดเครื่องเสียแล้ว เรือสปีดโบ๊ตแล่นออกไปดังบรื้นพร้อมกับสาดน้ำใส่อึนฮันจนเปียกโชกไปทั้งตัว เพราะแบบนี้ถึงได้ให้ผ้าขนหนูมาสินะ อึนฮันได้แต่ทำหน้าเบ้
“ไว้เจอกันใหม่นะ เลดี้!”
เสียงนั้นอยู่ไกลออกไปจนแทบไม่ได้ยินท้ายประโยค อึนฮันค่อย ๆ เดินออกมาจากชายฝั่งทั้งที่ยังหน้าบูดบึ้ง ผู้คนต่างมองเขาอย่างสนใจ ทำให้เขาซึ่งขี้อายอยู่แล้วยิ่งก้มหน้างุดลงไปอีก
“ชาติที่แล้วไปทำบาปทำกรรมอะไรไว้เนี่ย ถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”
อึนฮันบ่นพึมพำพลางถอนใจ
พอขึ้นพ้นน้ำได้ ทรายก็ติดเท้าทันที เขาเดินโซเซออกจากหาดทรายก่อนจะล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงมากดเบอร์ จากนั้นคริสซึ่งเป็นหนึ่งในเพื่อนเพียงไม่กี่คนก็กดรับสายทันที
“ที่รัก อยู่ไหนเนี่ย ทำไมยังไม่มาอีก”
เสียงของคริสที่เที่ยวเรียกคนนั้นคนนี้ว่าที่รักช่างน่ารักน่าเอ็นดู แม้ใครหลายคนจะไม่ชอบแถมบอกว่าน่าขนลุก แต่อึนฮันกลับชอบ พอได้ฟังน้ำเสียงอ่อนหวานเวลาเจอเรื่องแย่ ๆ แบบนี้แล้ว เขาค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
“เขาไม่ได้มาส่งฉันที่ท่าเรือ แต่เป็นที่หาด มารับหน่อยสิ”
คำพูดของอึนฮันทำให้คริสต้องถอนใจ
“ไอ้หมาพวกนี้นี่ ทำไมชอบป้อนน้ำให้นายกินนักนะ เข้าใจแล้วที่รัก รอฉันห้านาทีนะ!”
คริสวิ่งมาถึงชายฝั่งตรงที่อึนฮันอยู่ในเวลาเพียงไม่ถึงสามนาที และที่เขาหาอึนฮันเจอทั้งที่อยู่ส่วนไหนของชายฝั่งก็ไม่รู้นั่นเป็นเพราะเขาระบุตำแหน่งของอึนฮันได้นั่นเอง อึนฮันตั้งใจลงทะเบียนรับบริการระบุตำแหน่งของตัวเอง และทุกครั้งที่ต้องไปที่เรือของคามินสกี เขาจะไปกับคริสเสมอ คริสไม่อาจไปกับเขาจนถึงเรือยอชต์ของคามินสกีได้ก็จริง แต่หากเขาไม่กลับมา คริสก็ยังไปแจ้งตำรวจได้ ถ้าไม่ทำอย่างนั้นแล้วอึนฮันจะกล้าไปได้อย่างไร ในเมื่อเขากลัวเรือของคามินสกีอย่างกับอะไรดี
“ที่รัก ทำไมเปียกอย่างนี้ล่ะ”
อึนฮันส่ายหน้าตอบไป แต่เมื่อเห็นอึนฮันส่ายหน้าเหมือนไม่มีอะไรแบบนั้นคริสก็ดูจะได้คำตอบแล้ว
“อา ไอ้หมาพวกนี้นี่จริงๆเลย ทำไมใจร้ายแบบนี้นะ”
“ก็พวกเรดมาเฟียนี่นา มีที่ไหนล่ะที่จะไม่เด็ดหัวฉัน”
คำพูดของอึนฮันทำให้คริสยิ้มอย่างเห็นใจ
“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่จะเด็ดหัวใครเรื่อยเปื่อยนี่ นายอย่ากลัวไปเลยน่า”
“จะไม่ให้กลัวได้ไง ฉันกลัวจะตายอยู่แล้วเนี่ย ต้องทำยังไงฉันถึงจะยุติการขายกับคามินสกีได้นะ”
อึนฮันเริ่มใช้ผ้าขนหนูเช็ดตั้งแต่หัวจดเท้า ระหว่างนั้นคริสก็รับกระเป๋าของอึนฮันมาถือก่อนจะวางไว้ในกระโปรงหลังรถ
“นอกจากคามินสกีจะตัดสินใจไม่ฝากฝังเรื่องนี้กับนายแล้ว ยังมีทางอื่นอีกเหรอ”
คริสพูด สีหน้าจนปัญญา เขาเป็นคนอเมริกาเชื้อสายเกาหลีใต้ แม้หน้าตาจะไม่มีเค้าความเป็นเอเชียจนต้องถามว่านี่มันคนเกาหลีตรงไหน แต่เขาก็ยังพอพูดภาษาเกาหลีได้อยู่บ้าง เป็นผลพวงจากย่ายายที่เลี้ยงเขามา ถึงจะพูดได้แค่นิดเดียวจริง ๆ ก็เถอะ
“ไอกู ไอกู[1]”
อึนฮันหลุดขำออกมาทันทีที่คริสแกล้งร้องอุทานโอดโอย
“อย่าร้องแบบนี้แล้วกันนะยุน”
“จะบอกให้ว่าฉันไม่เคยร้องว่าไอกูเลยนะ นายร้องแบบนั้นมากกว่าฉันตั้งเยอะ”
พอโดนอึนฮันจี้จุดเข้าให้ คริสก็ได้แต่ยักไหล่เห็นด้วยกับเพื่อน
“ก็ฉันชอบคำว่าไอกูนี่ จะเอาไปใช้ที่ไหนก็ได้…ไอกู ไอ้บ้านั่น ทำไมขับรถอย่างนั้นล่ะน่ะ”
คริสมองรถคันที่วิ่งอยู่ข้างหน้าแล้วขมวดคิ้ว ล้อรถคันนั้นบดถนนดังเอี๊ยดราวกับเจออะไรสักอย่างก่อนจะเลี้ยวโค้งหักศอกหายไปยังเลนฝั่งตรงข้าม
“แล้วคุณคามินสกีวันนี้เป็นไงบ้างล่ะ ยังเป็นซูเปอร์เซ็กซี่กายอยู่รึเปล่า”
“วันนี้เขาถอดหมดเลย ใส่แค่กางเกงว่ายน้ำสามเหลี่ยมสีดำตัวเดียวเอง”
อึนฮันตอบพร้อมกับทำมือให้ดู คำพูดที่ว่าคามินสกีใส่เพียงกางเกงว่ายน้ำขนาดเท่าฝ่ามือแค่อย่างเดียวทำเอาคริส ซึ่งเคยเห็นคามินสกีแค่ครั้งเดียวผิวปากหวือก่อนจะเอ่ยขึ้น
“จะว่าไปแล้วอะไรต่อมิอะไรเขามีมันน่าใจเต้นมากเลยนะ หน้าตาอย่างกับบาทหลวง แต่หุ่นนี่นายแบบกางเกงในคาลวิน ไคลน์ชัด ๆ”
“ผู้ชายรัสเซียก็ผิวขาวเป็นหิมะอย่างนี้ละ แต่มนุษย์ที่มาไมแอมีบ่อยขนาดนี้ แถมยังใช้ชีวิตอยู่แต่ในเรือยอชต์อย่างเขายังมีผิวขาว ๆ ได้ยังไงกัน”
อึนฮันเดาะลิ้น ความจริงเกย์ชาวอเมริกาไม่ค่อยชอบคนผิวขาวเท่าไร แต่ด้วยความที่อึนฮันเป็นคนเกาหลีเขาจึงชอบผิวขาวที่ดูสะอาดสะอ้านมากกว่า คำพูดของอึนฮันทำให้คริสถามอย่างสงสัย
“เอ๊ะ นายบอกว่าขาวเหรอ”
“อืม ขาวสุดๆเลยเหอะ”
“ขาวเนี่ยนะ ไม่สิ มันก็อาจเป็นไปได้…นี่ที่รัก ว่าแต่เขามีรอยสักด้วยใช่ไหม”
คริสถาม อึนฮันนิ่งคิดไปสักพักก่อนจะส่ายหน้า
“รอยสักเหรอ ฉันไม่เห็นนะ”
เอี๊ยดดด คริสหยุดรถกะทันหันจนอึนฮันร้องใส่ว่า
“เฮ้ย อะไรเนี่ย!”
จู่ ๆ คริสก็เหยียบเบรกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย บรรดารถคันข้างหลังที่เกือบจะเกิดอุบัติเหตุจึงพากันบีบแตรใส่เสียงดังสนั่นหวั่นไหวก่อนจะขับผ่านไป อึนฮันผู้โน้มตัวไปคว้าที่จับประตูไว้แน่นกำลังจะหันไปต่อว่าคริส อีกฝ่ายก็ชิงยกมือห้ามว่า
“เดี๋ยวก่อน” แล้วเอ่ยถามอีก
“นายบอกว่าไม่เห็นรอยสักเขาเหรอ แต่นายเพิ่งเล่าให้ฉันฟังว่าเห็นคามินสกีใส่กางเกงว่ายน้ำอยู่เต็มสองตาไม่ใช่หรือไง”
“อืม ก็ใช่น่ะสิ”
“ผู้ชายคนนั้นคือ วาซีลี คามินสกี ใช่ไหม”
“ใช่ ใช่เลย”
คริสขมวดคิ้วมุ่น
“ไอ้หมอนี่ก็เหมือนปีศาจจริง ๆ นั่นละ”
คำพูดของคริสทำเอาอึนฮันทำหน้าไม่ค่อยสบายใจขึ้นมา แค่นี้หมอนั่นก็เป็นทั้งอสุรกาย มอนสเตอร์ คนบ้า ไอ้ชาติหมามามากพอแล้วนะ แล้วนี่ยังจะต้องมาเป็นปีศาจอีกเหรอ อึนฮันได้แต่ขมวดคิ้ว ในขณะที่คริสเดาะลิ้น สีหน้าเคร่งเครียด
“เรื่องที่คามินสกีไม่มีรอยสักบนตัวมันทำไมเหรอ”
อึนฮันถามอย่างงุนงง รอยสักเป็นเรื่องของรสนิยมไม่ใช่หรือไง สามัญสำนึกของเขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมคามินสกีถึงต้องมีรอยสักด้วย คริสหันมามองทันทีเมื่อได้ยินถามแบบนั้น ก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นสีหน้ายุ่งยากใจของอีกฝ่าย เขายื่นมือมาลูบแก้มอึนฮัน
“ไม่ทำไมหรอกที่รัก ฉันทำให้นายกังวลด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องเข้าแล้วสิ”
“ไม่ตลกนะ นี่ไม่ใช่เรื่องไม่เป็นเรื่องสักหน่อย บอกมาซะดีๆว่ามีอะไร”
“ไม่ใช่เรื่องที่นายควรจะรู้”
คริสออกรถอีกครั้ง ทว่าความกลัวที่สั่นไหวอยู่ในแววตาของอึนฮันยังไม่หายไป เขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับสายตานั้น แต่ในที่สุดก็จำต้องยอมเปิดปาก
“ไม่มีอะไรมากหรอก”
คริสพูดแค่นั้นแล้วเงียบไปอีกรอบ อึนฮันมองริมฝีปากที่เม้มแน่นไม่ยอมพูดจาแล้วก็ตัวสั่นด้วยความกังวล คริสเหลือบมองคนข้างๆก่อนจะถอนใจพลางเอ่ยตอบ
“ถ้าเคยติดคุกที่รัสเซียละก็ ไม่มีทางที่บนตัวคามินสกีจะไม่มีรอยสักหรอก”
“หมายความว่ายังไง”
“หมายความว่าคามินสกีชื่อเสียงโด่งดังเสียขนาดนั้น แต่ยังไม่เคยติดคุกเลยสักครั้งน่ะสิ ตอนเด็กๆเขาไม่เคยต้องติดคุกด้วยเรื่องติดยาหรือขโมยของอะไรเลยไง”
เมื่ออึนฮันมองคริสด้วยสีหน้าเหมือนจะถามว่าแล้วมันยังไงล่ะ เขาก็หัวเราะเบาๆ
“ที่รัก คามินสกีน่ะดังมากเลยนะ เป็นไอ้ชั่วที่ดังสุดๆ ปกติไอ้คนแบบนี้มันมักจะมีแววบ้ามาตั้งแต่เด็กแล้วใช่ไหมล่ะ แต่หมอนี่ไม่เคยเข้าคุกเลย แถมนับวันยิ่งจะก่ออาชญากรรมมากขึ้นด้วยซ้ำ บนโลกนี้มันมีใครหน้าไหนบ้างล่ะที่ขายอาวุธได้ตั้งแต่แรก มีด้วยเหรอคนที่วางระเบิดได้ตั้งแต่ต้น ส่วนใหญ่น่ะจะเริ่มด้วยการทำร้ายคน เสพยา อะไรพรรค์นั้นใช่ไหม แต่หมอนั่นไม่เคยถูกโยนเข้าตะรางเลย”
คริสเหลือบมองหน้าอึนฮันแล้วพูดต่อ
“แล้วไหนจะเรื่องที่ไอ้หมอนั่นไม่มีคนเบื้องบนสั่งให้ไปสักอีก เรื่องนี้น่ากลัวเป็นบ้า เหมือนมันเป็นบอสมาตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งเป็นไปไม่ได้หรอก แต่…ดูเหมือนหมอนั่นเป็นปีศาจที่เบื่อหน่ายจนจำแลงกายมาเป็นมนุษย์เลย”
“ระ…รอยสักมันไม่ใช่เรื่องของความชอบเหรอ”
“ในคุกรัสเซียน่ะไม่ใช่หรอก มีหลายคนที่ต้องตายตอนสักเพราะใช้หนังยาง ยางรถ ฉี่ ไม่ก็อะไรอย่างอื่นอีกหลายอย่าง สำหรับพวกนั้นแล้วรอยสักหมายถึงศักดิ์ศรี ใครเป็นโจรก็สักลายดาว ขี้ยาสักแมงมุมหรือใยแมงมุม ฆาตกรสักหัวกะโหลก ทุกคนจะโดนสั่งให้สักนั่นสักนี่ตลอด แล้วก็ต้องทำตามด้วย เพราะถ้าไม่ทำ ชีวิตในนั้นก็จะไม่ต่างอะไรจากหมาตัวหนึ่ง”
คริสถอนใจ
“คนคนนี้ยิ่งได้รู้จักก็ยิ่งน่าตกใจ เฮ้อ ที่รัก นายไปเจอคนอย่างหมอนั่นได้ยังไงกันนะ”
[1] ไอกู (아이구) เป็นคำอุทานแสดงความตกใจในภาษาเกาหลี
Comments