ช่วยทีครับ ใจผมรับคุณมาเฟียไม่ไหว 22
ทว่าชายคนนั้นกลับยื่นมือมาหาวาซีลีด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่อาจทนกับบทสนทนาที่ดำเนินไปโดยไม่มีเขาอีกต่อไปแล้ว
“ฉันยุนซ็องฮันนะ จะเรียกแจ็กกีก็ได้ ฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องของอึนฮัน”
นานแล้วที่ไม่ได้ยินคำพูดห้วน ๆ แบบนี้ วาซีลีหรี่ตามองอึนฮัน อีกฝ่ายตกใจจนรีบหันไปพูดอะไรบางอย่างกับลูกพี่ลูกน้องตัวเองทันที
“นี่ นายบ้าไปแล้วหรือไง”
อึนฮันตะโกนใส่หน้าซ็องฮันจนเหมือนจะทะเลาะกันเสียมากกว่า ซ็องฮันก้มลงมองอึนฮัน หน้าตาไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าตัวเองทำอะไรผิด เขาทำงานเป็นนักบิน ย่อมไม่มีทางใช้ภาษาอังกฤษผิดอยู่แล้ว แต่อึนฮันกลับหน้าซีดเผือดทั้งยังกระโดดโหยงเหยงอย่างกับจะเป็นบ้าเสียให้ได้
“อะไรเล่า”
“นายรู้ไหมว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร ไม่สิ นายไม่รู้หรอก แต่ถ้าไม่อยากตายละก็พูดจาให้มันสุภาพด้วย เข้าใจไหม!”
“ทำไมฉันต้องทำงั้นด้วย ทีหมอนั่นยังไม่สุภาพกับนายเลย”
อ๊ากกก อึนฮันจับข้อมือซ็องฮันไว้
“ทำตัวให้สุภาพเข้าไว้ สุภาพ ถ้านายยังอยากมีข้อมือนี่ติดตัวเหมือนเดิมก็ต้องสุภาพ เข้าใจไหม”
“อะไรเนี่ย เป็นนักเลงหรอกเหรอ”
ซ็องฮันปรายตามองวาซีลีราวกับเข้าใจสถานการณ์แล้ว วาซีลีแค่ยืนยิ้มอยู่เฉย ๆ ทว่าบางสิ่งที่ชวนขนลุกกลับแผ่ซ่านออกมาจากรอยยิ้มนั้น
“คนคนนี้น่ากลัวกว่าพวกนักเลงอีก แล้วถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนายหลังจากนี้ ฉันจะไม่ช่วยเด็ดขาด”
อึนฮันเอ่ยเตือน อึนฮันเป็นลูกพี่ลูกน้องที่แสนจริงใจและซื่อตรง เขาไม่เคยปั้นเรื่องโกหกเพื่อตัวเองเลยสักครั้ง เพราะแบบนั้นซ็องฮันถึงผลักอึนฮันลงนรกที่ควรจะต้องรับกรรมด้วยกันสองคนแล้วเอาตัวรอดไปคนเดียวได้ ซ็องฮันรู้เรื่องนี้ดีจึงยอมปิดปากเงียบ ก่อนที่จู่ ๆ จะยิ้มอย่างสดใสแล้วยื่นมือออกไปหาวาซีลีอีกครั้ง
“ขอโทษด้วยนะครับ อึนฮันดุผมว่าทำตัวไม่มีมารยาทน่ะครับ พอดีผมตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะเพิ่งได้เจอเพื่อนของอึนฮันเป็นครั้งแรก ถ้าคุณไม่พอใจ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ”
ดูก็รู้ว่าคนพูดไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด นอกจากจะไม่รู้สึกผิดแล้ว ยังมีท่าทีสนใจคามินสกีมากอีกต่างหาก วาซีลีก้มลงมองมืออีกฝ่ายก่อนจะยิ้มแล้วจับมือด้วยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาไม่ค่อยประทับใจคนคนนี้เท่าไรนัก แต่อีกฝ่ายคือลูกพี่ลูกน้องของอึนฮัน เป็นเหมือนสะพานที่จะทำให้เขาหาข้อมูลเกี่ยวกับอึนฮันได้มากขึ้นและสนิทกับอึนฮันได้มากกว่าเดิม ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขึ้นสะพานนี้ โธ่เว้ย วาซีลีสบถในใจทั้งที่ยังยิ้มอยู่เหมือนเดิม
“วาซีลี อีวาโนวิช คามินสกีครับ ตอนนี้เป็นเจ้าของบริษัท”
ฟังดูเหมือนบริษัทมากมั้ง อึนฮันติดอยู่ตรงกลางระหว่างวาซีลีกับซ็องฮัน เขาได้แต่มองทั้งสองคนแล้วกลั้นหายใจ หนทางสู่สตาร์บัคส์นั้นช่างแสนยาวไกลและยากลำบากเหลือเกิน
“บริษัทเหรอครับ โอ้ บริษัทอะไรเหรอ”
“บริษัทรักษาความปลอดภัยน่ะครับ แล้วแจ็กกีทำงานอะไรล่ะ”
“ผมเป็นนักบินครับ พอดีลาพักร้อนเลยมาที่นี่น่ะ”
“นักบินเหรอ บริษัทไหนล่ะครับ”
อึนฮันคิดจะเดินทิ้งช่วงห่างออกมาสักหน่อย ในเมื่อทั้งสองคนเอาแต่คุยกันเองไม่หยุดหย่อนแล้วทำไมเขาต้องมาทรมานอยู่ตรงกลางด้วย ใช่แล้วละ ถอยหลังไปสักหน่อยดีกว่า พอคิดได้แบบนั้น อึนฮันก็เริ่มเดินช้าลง แม้จะลดความเร็วลงเพียงน้อยนิด แต่วาซีลีก็ยังสังเกตเห็นอย่างกับมีตาทิพย์ เขาถามอึนฮัน
“ถ้าเดินแล้วเหนื่อย ไปรถฉันก็ได้นะ”
“มะ…ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้เหนื่อยหรอกครับ”
อึนฮันส่ายหน้ารัวด้วยความตกใจแล้วชี้รองเท้าผ้าใบของตัวเอง
“ระ…รองเท้ากัดนิดหน่อยครับ คือ ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก คุณไปก่อนเลยก็…”
“นายนี่ยังซุ่มซ่ามเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ถ้ารองเท้ามันกัดก็ใส่คู่อื่นมาสิ” ซ็องฮันพูดแทรกขึ้นอย่างน่ารังเกียจ
ดูจากที่ซ็องฮันพูดเป็นภาษาอังกฤษแล้ว อึนฮันคิดว่าเขาคงอยากให้ตัวเองดูดีในสายตาวาซีลี ไอ้ไข่ในหินนี่รู้รึเปล่าเถอะว่าบริษัทรักษาความปลอดภัยนั่นคืออะไร ถ้ารู้คงได้หน้าคะมำแน่ อึนฮันได้แต่พึมพำในใจ เขาไม่คิดจะบอกให้ซ็องฮันรู้ เพราะถึงหมอนี่รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่พอเห็นซ็องฮันมองวาซีลีตาวาวและพยายามทำให้ตัวเองดูดีต่อหน้าเขาแล้ว อึนฮันก็หงุดหงิดขึ้นมา ซ็องฮันเป็นคนตาถึง บางทีเขาอาจจะมองออกว่าวาซีลีเป็นคนรวย หมอนั่นกำลังลองหยั่งเชิงวาซีลีอย่างกับเป็นเกย์มือใหม่จนพานให้เขาคิดว่าซ็องฮันคงจะหิวมากจริง ๆ
“ขี่หลังฉันไหม”
วาซีลีเสนอเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“มะ…มะ…ไม่เป็นไรครับ! ผมเดินได้ครับ เดินได้อยู่ครับ”
“แต่นายบอกว่าเจ็บนี่”
“ผมนึกว่าเจ็บ แต่ไม่ได้เจ็บครับ!”
อึนฮันตะโกน แต่วาซีลีกลับยิ้ม สุดท้ายแล้วอึนฮันก็ต้องเดินอยู่ระหว่างซ็องฮันกับวาซีลีอย่างไร้หนทางหนี วาซีลีกระซิบกับอึนฮันเหมือนพูดลอย ๆ
“คราวหน้าเราไปซื้อรองเท้าผ้าใบกันเถอะ”
อึนฮันถึงกับต้องกลั้นน้ำตาเมื่อคามินสกีทำเกินกว่าจะรับไหว
Comments